สงสัยเรื่อง วิญญาณ กับ ประชากรมนุษย์ (คน)

คือว่าผมสงสัยมาก ว่าทำไมประชากรมนุษย์ถึงได้เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ถ้าไม่มีคุมกำเนิด หรือว่า ทำแท้ง(ไ่ม่ได้ส่งเสริมนะครับ)ประชากรยิ่งมากกว่านี้) แล้ว วิญญาณที่มาเกิดเป็นคนมาจากไหน
1, จะเป็นวิญญาณจากสัตว์เดรัจฉาน เพราะจำนวนสัตว์ลดลง บางชนิดสูญพันธ์ แต่จากคำพูดที่ว่า"เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่ง" แต่การเกิดดูจะแสนง่ายดาย
2, จะเป็นเพราะเทวดาจะสามารถมีลูกได้ (ไม่ใช่ลูกเทวดาบนโลกนะครับ) และภพภูมิอื่นๆก็สามารถมีลูกได้เช่นกัน
3, จะเป็นวิญญาณสามารถแบ่งภาคได้เหมือนอวตาร เมื่อแบ่งแล้วก็แบ่งเลยเป็นวิญญาณดวงใหม่
4, ...........ช่วยบอกที...............งง งง งง
ขอถามท่านผู้รู้ (กูรู = กูรู้)หน่อยครับกระผม

_____________________
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

 

อย่ามองสิ่งมีชิวิต ที่เรียกว่า มนุษย์ เพียงอย่างเดียว พวกสัตว์เล็กเช่น มดปลวก และแมลงต่างๆ ก็ตั้งมากมาย หรือพวกสัตว์ไหญ่ก็ยังมีอีกหลายชนิด นี้ยังไม่รวมพวกที่เราไม่รู้จัก หรือค้นพบใหม่ๆ อีกตั้งหลายอย่างนะ แล้วคุณจะพบว่าปริมาณของ มนุษย์ ที่เกิดมาช่างน้อยนักเมื่อเทียบกับสัตว์เล่านั้นที่เราเรียกว่า เดรัจฉาน (จัดเป็นสัตว์ที่อยู่อีกภพหนึ่ง แต่อยู่บนโลกเดียวกันกับ มนุษย์)

 

ใย ต้องสงสัย ในสิ่งเหล่านี้ด้วยเล่า...
ถ้าท่านอยากรู้เรื่องพวกนี้ อย่ามัวไปเที่ยวถามใครๆ ถ้าท่านรวมจิตของท่านสู่เอกัคตาจิตได้วันใด วันนั้นท่านจะเข้าใจสิ่งต่างๆเหล่านี้ ...

 

นั่นสิๆ

คนมันมาจากไหนกันน้อ หากมาจากสัตว์เดรัจฉาน โอ้โห ยังมีอีกเยอะเลยที่
ยังไม่ได้เกิดมาเป็นคน

แล้วหากเพิ่มที่มาจากภพภูมิอื่นๆ ได้อีก โอ้โห ยังมีล้นโลกได้อีกนะนี่ เอาแค่
นี้ก็เริ่มดินรนหาโลกหาดาวใหม่อยู่กันแล้ว

ถ้าจะสรุปว่า ยังมีที่รอเกิดเป็นคนอีกตั้งเยอะแยะมากมาย จะไปวิตกกังวน
ในเรื่องเขาเหล่านั้นจะมาเกิดเป็นมนุษย์นี่สงสัย วิตกทั้งวันก็ไม่มีทางวิจาร
ได้จบ ไหนลองมาระงับวิตก วิจารดูสักหน่อย อ้าวเหะ ไหงเกิดความสงบ
ใจขึ้นมาได้ แต่ใจมันยังพอใจกับการเกิดหรืออาจเพราะไม่พอใจที่มันจะมาเกิด
อยู่อีก แหมเจ้าใจที่ยังแฝงความพอใจ ไม่พอใจนี้ อาจจะพาเราไปตรึกตรอง
ทำวิตกวิจารให้เกิดไม่ระงับขึ้นมาอีก

มา...ดูความพอใจ ไม่พอใจ ตัวนี้ดีกว่า คุณมีความไม่พอใจหรือเปล่าที่เขา
เหล่านั้นจะมาเกิดเป็นมนุษย์แย่งรถเมล์ แย่งอาหารใน7-11 ฯลฯ หรือคุณมี
ความพอใจที่ตน และญาติของตน แลบุคคลที่อยากเกี่ยวดองเป็นญาติตนมัน
มีอยู่แล้วอยากให้เขามีสุข ก็ถ้ามีตรงนี้แล้วทำให้เราต้องกลับไปนั่ง วิตกวิจาร
ในเรื่องการมาเกิดซึ่งพ้นวิสัยจะไปดู เราก็ระงับตรงความยินดีพอใจ ไม่พอใจ
ในเรื่องนี้ลงเสียให้มันเป็นกลางๆ (จะไปตัดขาดให้หายไปก็ไม่ใช่ ก็เราเป็นคน
ผู้มีจิตใจสูงนิ) พอระงับพอใจไม่พอในในเรื่องก่อนๆได้ เอ..วิตกวิจาร มันก็
ระงับลง ว่าไหม

วิตกวิจารระงับไปใจไม่ถามเรื่องนี้ๆอีก เพราะพอใจไม่พอใจก่อนๆที่ปรากฏ
ให้เห็นความสิ้นไปของมันจนเป็นกลางต่อการเห็น ...คิดดูสิว่า เราจะสงบ
สงัดจากการวิตกวิจารในเรื่องโลกๆ จนเรามีปิติ มีสุข แค่ไหนน๊อ

หากเราระงับ ปิติ ลงได้ เพราะมันสั่นสะท้านใจเราเสียเหลือเกิด เอาแต่แลสุข
อยู่ก็พอ นี่แบบนี้ เราก็ยิ้มได้ทั้งวันเนาะ ดูสิเราทุกข์เพราะไปยึดทิฏฏิความ
คิดความเห็นบางประการเอาไว้แท้ๆ ถึงได้ทุกขร้อนใจขนาดนี้ วางทิฏฐิที่
ประชุมนั้นลงเสียได้เราก็เห็นทางสว่างและ เห็นมดแมลงมันเกิด มันตาย ก็ไม่
ต้องไปวิตกว่ามันจะเกิดมาเป็นคน มาเบียดเบียนเราหรือไม่ เพราะเราก็พร้อมๆ
ที่จะแชร์สิ่งต่างๆร่วมกัน โดยไม่หวงจำกัดอะไรไว้ให้ตนหรือให้ใคร อยู่ร่วมกัน
ได้อย่างมีสันติสุข

 

คือที่ผมถามเพราะว่าคำพูดที่ว่า "ทุกคนมีกรรมเป็นกำเนิดมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์" ถ้าสมมุติว่าเมือซัก 100000ปี ที่แล้วมีคนอยู่ซัก 1ล้านคน ปัจจุบันมี 8000ล้านคน แล้วคน 1ล้านคนต้องเวียนว่ายตายเกิด (ไม่นับพระอรหันต์นะครับ) แล้ววิญญาณที่มาเกิดอีก 7999ล้านคนมาจากไหน มีกรรมที่ต้องมาชดใช้หรือเปล่า ?????

____________________
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

 

เอาแบบนี้

ข้อแรก : โอกาสที่จะได้เกิดมาเป็นคน พูดภาษาสมัยใหม่ก็
ความน่าจะเป็นในการเกิดมาเป็นคน

อันนี้มีกล่าวไว้ด้วยพุทธพจน์ พระพุทธองค์อุปมาท้องสมุทรที่กว้างใหญ่
แล้วมีแผ่นไม้แผ่นหนึ่งลอยอยู่ มีรูอยู่ตรงกลาง นี้คือช่องลอดที่จะได้
เกิดมาเป็นคน ซึ่งเล็กมากๆ หากเทียบกับพื้นที่ของท้องมหาสมุทร

เสร็จแล้วสิ่งที่เราถามว่า จะมาเกิด คือ จะมารอดช่องนั้น ท่านก็อุปมาว่า
เปรียบเหมือน เต่าที่ตามบอดโผล่ขึ้นมาหายใจ สังเกตดีๆนะ เต่ามันตา
บอดด้วย เพราะมันไม่มีทางเลือกเกิดได้ แล้วโอกาสที่เต่าตัวนี้ จะโผล่
ขึ้นมาหายใจแล้วเอาหัวโผล่เข้าไปในรูไม้นั้นพอดี ตรงนี้มีความน่าจะเป็น
หรือมีโอกาสเกิดขึ้นแค่ไหน จำนวนโอกาสนั้นเท่ากับความยากที่จะได้
เกิดมาเป็นคน

สรุป ส่วนใหญ่ เต่ามันคงโผล่มาหายใจที่จุดอื่นในมหาสมุทรมากกว่า คือ
ไปเกิดเป็นสัตว์อื่นๆ เวียนว่ายอยู่อย่างนั้น

อันนี้ไม่เท่าไหร่ เล่าเสริมไปงั้นๆ

มาดูข้อสอง : เรื่องการมาเกิด

ก็มีในพระสูตรอีก ความเล่าถึง ค้างคาวจำนวน 500 ตัว นอนป่ำอยู่ถ้วย นอน
ป่วยอยู่ในถ้ำ แล้วบังเอิญคณะของสงฆ์เข้าไปพักแรมในถ้ำ แล้วก็สวดมนต์
ของท่านไป ค้างคาวเหล่านั้นได้ยินเสียงสวดมนต์ก็มีวิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
ตามประสาของมันจนจมอยู่ในภวังค์ไม่ตื่น ไม่ได้ออกไปหากิน ก็เลยตายสิ้นทั้ง
500 ตัวนั้น

ทีนี้ค้างคาวเหล่านั้น บังเอิญมีจิตใจยินดีในเสียงอันมีเหตมาจากมนุษย์ ก็เลยเป็น
คตินำมาเกิดเป็นคนถ้วนทั้งหมด 500 กระทาชาย

ความเล่าต่อว่า ชายหนุ่มทั้ง 500 คนนั้นต่างก็เป็นสหายกัน เพราะกรรมที่เคยเป็น
ค้าวคาวเผ่าเดียวกันนั้นนำมาซึ่งความเป็นสหายในชาตินี้ และเพราะกรรมที่เคย
ฟังเสียงสวดมนต์แล้วยินดี จึงชักนำให้มาเจอคณะสงฆ์ที่สวดมนต์อย่างเดียวกัน

และแล้ว คนทั้ง500 คนนั้น ก็ได้ฟังธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ก็ไม่รู้
เหมือนกันว่า แบบนี้เรียกว่า เกิดมาใช้กรรม หรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าไม่เสีย
ชาติที่ได้เกิดมาเป็นคนแล้วได้พบพระพุทธศาสนา ได้สดับธรรม แล้วยังมีโอกาส
ได้เข้าใจธรรมนั้นอีก

โอกาสที่จะได้เกิดมาเป็นคนก็ยากนะ

โอกาสที่คนจะได้มาสดับธรรมก็ยากนะ

โอกาสที่สดับธรรมะแล้วจะเลื่อมใสก็ยากนะ

โอกาสที่เลื่อมใสแล้วจะสดับธรรมด้วยจิตตั้งมั่นโดยชอบก็ยากนะ

โอกาสที่จิตตั้งมั่นโดยชอบแล้วจะเห็นธรรมได้นี้ก็ยากอีก

โอกาสที่เห็นธรรมแล้วยังต้องเกิดอีก บางเคสก็ยังมี จะได้เกิดเป็น
มนุษย์อีกไหมก็ยังไม่แน่นะ เพราะยังเป็นเต่าตาบอดได้อยู่ แต่
อาจจะจัดเจนในอยาตนะอื่นในการหาช่องในไม้กระดานก็ได้

สุดท้าย :

ก็ดูเหมือนยังไม่ได้ตอบคำถามเท่าไหร่ใช่ไหม

มาดูกันว่า สัตว์เดรัจฉาน ทำกรรมอะไรไม่ดีไว้บ้าง ท่านว่าไว้ สัตว์เดรัจฉาน
นั้นมีความไม่รู้เป็นอาสวะ และ กิเลสที่มันทำมากที่สุดคือ ความหลง(โมหะ) เคยดูมด
ไหม เวลามดมันเจอกันมันแตะๆกัน เดินไปอีกสักพักวนๆแถวนั้น มาเจออีกก็แตะ
กันอีก คือ มันหลง มันลืม ทักกันแล้วก็ลืมก็ทักกันใหม่ ฟรั่งนี้ปรักปรำมดเลยว่า
เป็น สัตว์โรคจิตย้ำคิดย้ำทำ(ใส่ไว้ในหนังการตูน เรื่อง The Ant มั้ง)

สมมตินะว่า มดตัวหนึ่งบังเอิญได้เกิดมาเป็นคน กิเลสตัวเป้งที่มันต้องชดใช้กรรม
รู้เท่าทันให้ได้ ละอาสวะให้ได้ คือ ความหลง จำนวนเท่าไหร่หละที่ต้องชดใช้
เขาว่าก็ต้องไปดู วันหนึ่งๆ มดตัวหนึ่งๆ มันแตะๆกันกี่ครั้งด้วยความหลง ก็ต้องชด
ใช้เท่านั้นครั้งแล้วเขาว่า ต้องคูณด้วย 100 เป็นอย่างต่ำเข้าไปอีก

ถ้ามดตัวนั้นหากอยู่ดีๆมันมาเกิดเป็นคนเลยนี่ มดตัวนี้ไม่ต้องทำอะไรแน่ๆ เพราะ
จะกลายเป็นคนโรคจิตย้ำคิดย้ำทำ

....แต่ถ้าก่อนที่มันจะเกิดเป็นมด มันเคยเกิดเป็นสัตว์ชนิดอื่นมาบ้าง โอกาสที่จะได้
ทำดี ทำกิจกรรมดีๆ ที่ทำให้ได้ภพภูมิ หรือ มีกรรมที่ส่งให้สูงขึ้น เช่นไปเกิดเป็นค้าง
คาวใต้โบสถ์ อันนี้ก็ไม่แน่ว่า มันจะพ้นจากภพคนโรคจิต มาเป็นคนช่างคิดช่างฟัง
แต่ยังติดย้ำคิดย้ำทำได้อยู่ ยากมากที่จะหยุดคิดหยุดฟังแล้วใช้ศรัทธานำสู่การค้นหา
วิธีทำให้จิตตั้งมั่น

พอพบจิตตั้งมั่นแล้วก็ยังต้องเพียรเจริญให้เกิดสติปัญญาอีก เพราะหากขาดไปนี่
เขาว่ากันว่า อาจจะทำให้กลับลงไปเกิดเป็นมด หรือ สัตว์อื่นๆได้อีก ชดใช้กรรม
เก่านั้นแหละแก้ไม่ได้ มีแต่หากรรมใหม่ๆ ที่ดีๆมาเพิ่มให้มีโอกาสที่ดีขึ้น

ตรงนี้มีเรื่องเล่าจากหลวงปู่มั่น ท่านเล่าว่า ท่านก็ต้องเกิดเป็นไก่อยู่ 100 ชาติ
เหตุเพราะหลงรักสาวแม่ไก่ตัวหนึ่ง ก็ต้องไปเกิดเป็นไก่ชดใช้กรรมความหลงนั้นๆ
พอมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ เจริญสติตั้งมั่นแล้วน้อมไปเห็นอดีตกรรม ก็เร่งความ
เพียรทำความดีจนพ้นทุกข์ไปในที่สุด

สรุปคือ การชดใช้กรรมนั้น คงต้องมี เขาเรียกว่า กฏแห่งกรรม แต่กฏแห่งกรรมนี้
มีทั้งส่งให้ได้ดีพ้นเกิดแก่เจ็บตาย และส่งให้เป็นไปตามครรลองของกรรมตกอยู่ใน
สังสารวัฏฏเกิดแก่เจ็บตาย เลือกเกิดไม่ได้ไปเรื่อยๆ

ว่าแต่ว่า พี่เจ้าของกระทู้สนใจธรรมะ ฟังธรรมะจนจิตตั้งมั่น ไม่หลงคิดหลงทำแบบ
มดได้หรือยัง ถ้ายังรีบๆหน่อยก็ดีนะ อย่าประมาท อย่าขาดการสดับธรรมจากเพื่อนๆ
พี่ๆ น้องๆ อย่าขาดการพิจารณาใคร่ครวญว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำในลมหายใจเข้าออก
ครั้งหนึ่งๆ หายใจหนึ่งครั้งปิดอกุศลหลงคิดหลงทำได้หนึ่งครั้งเขาว่ากันว่ามีโอกาส
เป็นไปได้ที่ชดใช้กรรมไปแล้วชาติหนึ่งภพหนึ่งเชียวนา....

 

สหายเล่าปังก็ตอบได้ดีนะครับ อนุโมทนา

ผมขอเพิ่มเติมจุดที่ท่าน จขกท.สงสัยอีกเพียงเล็กน้อยนะครับ

ที่ท่านสงสัยว่าคนมีการเวียนว่ายตายเกิด และเวียนกันยังไง ถึงได้เพิ่มจำนวนคนที่เวียนมาเกิดจนทำให้จำนวนมากกว่าในอดีตมากมายนัก

ผมอยากอธิบายว่าการเวียนว่ายตายเกิดน่ะมีอยู่ แต่ใช่ว่าคนเมื่อตายลงจะได้เกิดเป็นคนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อคนสิ้นชีวิตลงแล้วต้องเวียนไปเกิดยังภพภูมิที่แล้วแต่บุญแต่ กรรมครับ

บ้างก็ไปอยู่ในอบายภูมิสี่ คือเปรต อสุรกาย สัตว์นรก และสัตว์เดรัชฉาน ทีนี้เอาแค่อบายภูมิก็มีดวงจิตที่ไปเกิดอยู่เป็นจำนวนมาก ๆ ๆ ๆ พอพ้นจากเวรกรรมแล้ว ยกระดับจิตจนถึงขั้นที่สามารถเิกิดเป็นคนได้จึงได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกครั้ง และพอตายลง ก็ไปเกิดตามยถาของกรรมอีกต่อ ๆ ไป จนกว่าจะถึงวันที่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

จำนวนประชากรโลกก็มีตามเหตุตามปัจจัย เมื่อใดที่ข้าวปลาอาหารอากาศอุดมสมบูรณ์ดี ประชากรก็มากหน่อย เมื่อใดที่มีสงครามมากอาหารน้อย ฝนฟ้าไม่ดีประชากรก็น้อยลงไปตามเหตุตามปัจจัย ปัจจุบันมีคนเกิดมากกว่าตาย จำนวนประชากรโลกก็เพิ่มมากขึ้นตามเหตุปัจจัยที่มันเป็นอย่างนั้นเอง

เมื่อมีการเกิดของเด็กมนุษย์แต่ละคน ก็จะมีปฏิสนธิวิญญาณ ที่มีภพภูมิที่พร้อมจะได้มาเกิดเป็นคน ได้มาเกิด

จำนวนคนที่สงสัยว่ามีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นนั้น มันมีตามเหตุปัจจัยของช่วงเวลานั้น ๆ นะครับ บางช่วงมาก บางช่วงอาจจะน้อย ถ้ามองยาว ๆ ดู เอาแบบยาวมาก ๆ นะครับ ให้เห็นตอนที่มีสงคราม ตอนที่มีโรคระบาด ตอนที่มีภัยภิบัติด้วย

ส่วนจะเอาวิญญาณจากไหนมาเกิดนั้น ไม่จำเป็นต้องตายจากชาติที่เป็นมนุษย์หรอกครับ ก่อนมาเกิดอาจอยู่ในอบายภูมิ หรือมาจากสวรรค์ก็ได้ครับ หวังว่าจะมองภาพออกนะครับ

ถ้าเมื่อใดที่เรามองเห็นได้ว่าการเกิดนั้นนำมาซึ่งการเกิดทุกข์และต้องการ ที่จะออกจากทุกข์ที่ถาวร อันนี้ต้องดำเนินตาม มรรค มีองค์แปดครับ