หยุดอยู่กับปัจจุบัน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 29 มีนาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : มีปัญหาคือว่าตั้งแต่ช่วงหลังมาลักษณะการกำหนดดวงใจ มันจะมีอาการเปลี่ยนแปลงมาก คือมันเหมือนกับว่า...(ไม่ชัด)...?

    ตอบ : มันอยู่ที่เรา ถ้าหากว่าเราส่งใจออกนอก จำไว้เลยนะ อะไรก็ตามที่เป็นปัจจัยให้เราส่งใจออกนอก มันก็จะพยายามฉุด พยายามดึง พยายามรั้ง ไม่ให้เราเอาใจกลับเข้ามาข้างใน ปล่อยให้เราฟุ้งซ่านหลงทางตามมันไป ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่เราจะก้าวหน้ามันก็ไม่มี มันมีวิธีเดียว คือ ทำอย่างไรจะรักษาใจของเราให้อยู่ภายใน ให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ เพราะว่าสิ่งที่เราฟุ้งซ่านส่วนใหญ่มันก็คิดไปในอนาคตว่าต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ หรือไม่ก็คิดย้อนอดีตไป ตอนนั้นถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ตอนนี้ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ดี มันไม่ได้อยู่กับปัจจุบันก็เลยพาให้กำลังใจของเราพล่านไปหมด หาจุดที่จะสงบนิ่งอย่างแท้จริงไม่ได้

    ในเมื่อหาจุดที่สงบนิ่งอย่างแท้จริงไม่ได้ ก็หาความก้าวหน้าไม่ได้ แล้วก็รู้สึกว่ามันจะโดนดึงออกไปสู่ในทางที่ต่ำได้ง่าย ฉะนั้นหยุดใจให้เป็น ในเมื่อหยุดเป็นอยู่กับปัจจุบันได้แล้ว ทำอย่างไรให้จิตใจเราเข้มแข็ง ให้สติของเรารู้ทันอำนาจของกิเลสที่เข้ามา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ระมัดระวังอย่างไรจะไม่ให้มันเข้ามาในใจของเราได้ทัน ถ้าทำได้ก็สบายหน่อย ถ้ายังทำไม่ได้ก็เสียท่าให้มันลากไปอยู่เรื่อย

    ถาม : จริงๆ ก็คือ พยายามควบคุมอารมณ์ใจ อย่างเช่นตอนเช้าก็ตั้งได้ พอไปทำงานปุ๊บก็ไหลแล้ว ?

    ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วของเราคือว่า พอเลิกภาวนาแล้วก็เลิกเลยทีเดียว ซึ่งมันใช้ไม่ได้ อันนั้นขาดทุนย่อยยับเลย เลิกภาวนาแล้วเราต้องรักษาอารมณ์ใจสูงที่สุดของเราเท่าที่จะทำได้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เวลาไปทำงานก็พยายามประคับประคองอารมณ์ใจให้อยู่กับตัวภาวนานั้นให้นานที่สุด เราจะรู้สึกเลยว่าอารมณ์กระทบรอบข้างมันเข้ามา ๆ ๆ แต่ถ้าหากว่าใจเรายังเกาะอารมณ์ได้เท่ากับที่เรานั่งอยู่ เราจะกระทบกระเทือนน้อยมาก มันเหมือนอย่างกับตายด้าน ความรู้สึกช้าไปเลย

    ถ้าหากว่าเรารักษาอารมณ์ตัวนี้ให้ทรงตัวกับเราได้นานเท่าไร รัก โลภ โกรธ หลง ก็กินใจเราได้น้อยเท่านั้น เมื่อรัก โลภ โกรธ หลง กินใจเราได้น้อยเท่าไร จิตใจเราก็ผ่องใสเท่านั้น จิตใจเรายิ่งผ่องใสเท่าไร ปัญญาก็ยิ่งเกิดมากเท่านั้น ปัญญายิ่งเกิดมากเท่าไรก็จะไประมัดระวังควบคุมกาย วาจา ใจ ของเราให้อยู่ในขอบเขตของ ทาน ศีล ภาวนา มากขึ้นเท่านั้น ทาน ศีล ภาวนา ยิ่งเจริญมากขึ้นเท่าไร โอกาสที่สิ่งไม่ดี คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน แลอกุศลกรรมจะมาสอดแทรกมันก็ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นทำแล้วต้องรักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่เราทำได้ พลาดเมื่อไหร่เริ่มต้นใหม่ พลาดเมื่อไหร่เริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องไปเสียเวลาอยู่กับมัน ไม่ต้องไปนั่งคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับมัน พลาดปุ๊บทำใหม่ได้เลย



    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔




    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=837



    .
     
  2. Hillary

    Hillary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +338
    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010
  3. Kump

    Kump เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +508
    พี่พระอาจารย์เล็ก กล่าวมา เห็นภาพชัดเลยครับ
    เข้าใจเลยว่ากิเลสมันลดลงได้ยังไง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...