ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    [​IMG]

    จิตใจเข้มแข็ง
    คนพร้อมรบ​

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "​
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** คำพูดเมื่อหลายปีมาแล้ว ****

    [​IMG]
    ------------------------------------------
    จดหมาย...เตือนสติชาวไทย<O:p</O:p
    ------------------------------------------<O:p</O:p
    ถึง คนไทยทุกคน<O:p</O:p
    หากเปรียบ ประเทศไทย เป็น “ธงชาติไทย” ประกอบด้วยผ้าสีพื้น ๓ สี จำนวน ๕ ชิ้น ที่เย็บต่อเข้าด้วยกัน
    ธงชาติไทย จึงมีความหมายลึกซึ้ง มีเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทยที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก
    สีทั้งสามมีความหมายที่ชัดเจน<O:p</O:p
    *** สีแดง ***
    หมายถึง ชาติ คือ คนไทย แผ่นดินไทย และทรัพยากรบนผืนแผ่นดินไทยทั้งปวง<O:p</O:p
    *** สีขาว ***
    หมายถึง ศาสนา คำสั่งสอน หลักสัจจะธรรม
    หลักเดียวในโลกที่คอยนำทางให้มวลมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข จนถึงที่สุด คือ การหลุดพ้น<O:p</O:p
    *** สีน้ำเงิน ***
    หมายถึง พระมหากษัตริย์ สถาบันกษัตริย์ที่ทำหน้าที่ปกครอง ช่วยเหลือ เกื้อกูลให้คนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
    นำพาให้คนไทยรอดพ้นและปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง <O:p</O:p
    ธงชาติไทย แม้ถูกแบ่งเป็น ๓ สี อย่างชัดเจน หากพิจารณาให้ดี
    ผ้าทุกชิ้นจะถูกเย็บติดกันด้วย “เส้นด้าย” ขนาดเล็ก ที่เปรียบเหมือน “ความเมตตา”
    ที่มีต่อกันระหว่างคนทุกคน ทุกสถานะ ทุกอาชีพ บนผืนแผ่นดินไทย
    ไม่เว้นแม้แต่พระมหากษัตริย์ พระ นักบวชทุกศาสนา <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ------- เมื่อคนไทย เริ่มขาดความเมตตาต่อกัน มุ่งแต่เห็นผิดของผู้อื่น -------<O:p</O:p
    ไม่ยอมเสียสละ ไม่มีความอดทนอดกลั้น ไม่ให้อภัยต่อกัน
    เปรียบเหมือนผืนธงชาติไทยที่มี “เส้นด้ายเปื่อยยุ่ย” พร้อมที่จะขาดโดยง่าย
    เมื่อมีกระแสลม หรือสถานการณ์ภายนอกที่รุนแรงมากระทบ ธงชาติไทยจะสะบัดไหวอย่างรุนแรง
    เส้นด้ายที่เปื่อยก็ขาด ผืนผ้าทั้ง ๓ สี ๓ สถาบัน ก็ไม่สามารถรวมตัวติดกันเป็นรูปธงชาติไทยได้
    สุดท้าย ธงชาติไทยจะไม่อยู่ในรูปสัญลักษณ์ที่ทุกคนและชาวโลกรู้จัก ผ้าทั้ง ๕ ส่วน จะแยกสะบัดกันคนละทาง
    เมื่อถึงจุดวิกฤติสุดท้าย ความเข้มแข็งของผืนผ้าแต่ละส่วน แต่ละสีจะหมดไป ไม่สามารถอดทนคงอยู่ได้
    ผ้าทุกส่วนจะถูกกระแสลมกระชากให้ขาดตกจากยอดเสาลงธงสู่เบื้องล่าง
    เปรียบเหมือนการสูญสิ้นประเทศไทย และความเป็นไทย<O:p</O:p
    กว่าจะเริ่มกอบกู้บ้านเมือง หาช่างฝีมือดีตัดเย็บธงชาติไทยที่เข้มแข็งมั่นคงขึ้นมาใหม่ได้ ก็จะต้องใช้เวลายาวนาน
    ดั่งเช่นบุพกษัตริย์ไทย ที่ได้กอบกู้เอกราชสร้างประเทศชาติไทยจนมาถึงรุ่นลูกหลานเหลนโหลน ยุคพวกเราในปัจจุบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ------- เป้าหมายหลักของประเทศไทย -------<O:p</O:p
    คือ การทำให้ประชาชนคนไทยทั้งมวลมีความสุข และความปลอดภัยในชีวิต
    การเดินทางของประเทศไทย จึงเปรียบเหมือน “การเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา”
    โดยนักเรียนสองคนที่เป็นเด็กชายหนึ่งคน และเด็กหญิงอีกหนึ่งคน
    ทั้งสองคนต่างรู้และทำหน้าที่ของตนเอง
    เด็กชายเป็นคนที่แข็งแรงกว่าจึงทำหน้าที่ออกแรงดึงเชือกเพื่อให้ธงชาติที่อยู่ด้านเด็กหญิงลอยสูงขึ้น
    ส่วนเด็กหญิงเป็นคนที่แข็งแรงน้อยกว่า แต่มีความละเอียดอ่อน จึงทำหน้าที่ประคองเชือกและคอยชะลอเชือกไม่ให้ธงชาติขึ้นเร็วเกินไป
    เด็กนักเรียนทั้งคู่ต่างจ้องมองธงชาติไทยค่อย ๆ ขึ้นสู่ยอดเสาด้วยความระมัดระวัง
    ทั้งสองตั้งใจและใช้ความพยายามให้ธงชาติไทยขึ้นถึงยอดเสาธง พอดีกับเนื้อร้องเพลงชาติไทยในประโยคสุดท้าย
    คือ “...เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัยไชโย “
    ดังนั้นเด็กนักเรียนชายหญิงที่ทำหน้าที่เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาทั้งคู่
    จึงต้องใช้สมาธิพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้ธงชาติขึ้นเร็วหรือช้าเกินไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ------- การบริหารงานบ้านเมืองที่ไม่ถูกต้อง -------<O:p</O:p
    เปรียบเหมือนเด็กนักเรียนคู่หนึ่ง ที่ต่างไม่ใส่ใจในหน้าที่ของคนเชิญธง
    ปล่อยปะละเลยจนเพลงชาติไทยจบแล้ว แต่ชักธงชาติยังขึ้นไปไม่ถึงยอดเสา
    หรืออีกคู่หนึ่ง ที่เด็กนักเรียนชายเป็นคนอยากเด่น ใช้ความแข็งแรงที่ได้เปรียบของตนเอง
    ออกแรงดึงเชือกอย่างรวดเร็ว จนเด็กนักเรียนหญิงไม่สามารถหยุดชะลอให้ธงชาติขึ้นช้าลงได้
    ในที่สุดธงชาติจึงขึ้นถึงยอดเสาตั้งแต่กลางเพลงชาติ ขาดความพอดี ความเหมาะสมสวยงาม
    ขาดการพิจารณา ไม่ดูจังหวะ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้พบเห็น
    แต่ยังโชคดีที่ยังเป็นเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ครูอาจารย์ยังเอ็นดู และช่วยแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมในสังคมไทย
    เด็กนักเรียนชายสำนึกในความผิดของตนเอง กล่าวคำขอโทษทุกคน และขอบคุณคุณครูที่ช่วยสั่งสอน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ------- การแตกแยกความคิดของคนไทย -------<O:p</O:p
    เปรียบเหมือนเด็กนักเรียนสองคนที่ไม่รู้ ไม่ได้ศึกษาหน้าที่ของตนเอง
    คิดแต่ที่จะดึงเชือกให้ธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา ต่างคนต่างดึง แก่งแย่งกันดึงจนเสาธงโยกคลอนไปมา
    เมื่อไม่มีใครยอมใคร ไม่หันหน้ามาตกลงกัน เชือกที่ผูกธงชาติก็ขาดหลุดออกจากบ่วงร้อยสายเชือกที่ยอดเสาธง
    ทั้งธงชาติทั้งเชือกต่างหลุดลงมากองบนพื้นดิน
    สุดท้ายนักเรียนทั้งสองต่างถูกคุณครูตำหนิด้วยกันทั้งคู่
    และบอกทั้งคู่ว่าครั้งนี้ยังโชคดีที่เสาธงต้นเก่าแก่นี้ไม่หักโค่นลงมาทับ
    วันนั้นทั้งวันที่โรงเรียนจึงไม่มีธงชาติไทยให้เห็น ต้องหาช่างหาเครื่องมือมาแก้ไข
    กว่าจะร้อยเชือกเส้นใหม่ได้ต้องใช้คนกับอุปกรณ์จำนวนมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ------- เมื่อคนไทยขาดความสามัคคี -------<O:p</O:p
    เมื่อคนไทยไม่รักกันเอง แล้วจะปกป้องประชาชนอย่างไร
    อนาคตสีของธงชาติไทยคงไม่มีความหมายเหมือนเช่นปัจจุบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัติย์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    “ วางตัวเป็นกลาง ไม่แบ่งแยกพวก ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด “<O:p</O:p
    “ หนุมาน “
    ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1225286652.jpg
      1225286652.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.5 KB
      เปิดดู:
      1,738
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกคือ สัจจธรรม

    เรื่องของกรรม ใครทำสิ่งใดไปก็จะต้องได้รับผลจากสิ่งนั้นที่กระทำไป
    กฏแห่งกรรมไม่เคยละเว้นผู้ใด ไม่ว่าผู้นั้นจะใหญ่มาจากไหน

    การที่มหาอำนาจมีอาวุธเด็ดที่ยิ่งใหญ่ประการใด
    ก็ไม่อาจล่วงพ้นผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเองได้

    ผู้มีเทคโนโลยีเลิศล้ำ แต่ไม่มีหิริ โอตับปะ ก็ย่อมได้รับผลแห่งวิบากกรมของตนเองเช่นกัน
    วันนี้กรรมทั้งหลายยังไม่ส่งผล พวกเขาทั้งหลายจึงยังไม่ตระหนักถึงวิบากกรรมที่ทำไป
    ต่อเมื่อวันใดที่กรรมผลิดอกออกผลแล้ว เมื่อนั้นมนุษย์จะรู้สึกนึก แต่คงสายเกินไป...เพราะ

    "ไม่มีใคร ใหญ่เกินกรรม"
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ปลดนิสัยตนเอง ****

    ถ้าคนไทยมีสัจจะ เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    แล้วทำไมเราถึงคิดว่าในไทยไม่มีใครกำลังวิจัยเรื่องนิวเคลียร์ ทำไมคิดอย่างนั้น
     
  6. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    พม่าเข้ามาอยู่ในไทยมากที่สุด ซื่อที่ดินซื้อบ้านได้ เพราะเขามีบัตรประชาชนเป็นคนไทย พูดไทยไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่ชัด เพราะอะไรนะเหรอ เพราะคนไทยเห็นแก่เศษเงิน ทำบัตรฯให้สวมสิทธิ์คนตายบ้าง ฯลฯ บางคนพัฒนาการดีมากสามารถเรียนหนังสือในระบบการศึกษาไทยได้ เรียนสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่เชียงรายเต็มไปหมด เพราะมีข้าราชการชั่วช่วยเหลือเกือ้กูล ในอนาคตมีแต่พม่า เวรกรรมจริงๆ รู้กันอยู่แต่ไม่มีใครแก้ไข
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ติงติง [​IMG]

    [​IMG]

    สวัสดีวันพระ
    วันข้าวและชาวนาไทยแห่งชาติ
    วันสิ่งแวดล้อมโลก
    [​IMG]
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ที่ต่อไปสถานการณ์การขาดแคลน น้ำดื่ม น้ำสะอาด และน้ำเพื่อการเพาะปลูก ปศุสัตว์

    นั่นคือ การขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยประสบมา

    เมื่อความอดอยากขาดแคลน การแย่งชิงอาหาร และทรัพย์สินกันมากขึ้น

    คนเราก็เข้าสู่ความเสื่อมของจิตใจ จากความโหดร้ายชิงชัง ริษยาอาฆาตแค้นทำลายล้างผลาญชีวิตกันมากขึ้น


    เหลือเพียง ผู้ที่มีพื้นฐานจิตใจ ที่ดีงาม มีเมตตา มีธรรมมะหล่อเลี้ยงหัวใจ ไม่หวั่นไหว ไม่เปลี่ยนแปลง และรอดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้

    ได้มีเด็กชายอายุ 10 ปี เกิดและโตในในต่างประเทศ มีโอกาสได้ฝึกสมาธิ จนก้าวหน้า ได้บอกกับคุณแม่ของเขาว่า

    "คุณแม่ครับ ผมรู้แล้วว่า ทำไมคุณแม่ให้ผมฝึกสมาธิ เวลาที่เกิดภัยพิบัติ เบื้องบน เขาจะได้มองเห็นแสงสว่างจากใจของผม แล้วช่วยผมใช่ไหมครับ"

    ปัจจุบันเด็กชายคนนี้ สามารถเห็นผู้มีกายทิพย์ด้วยตาเนื้อ และก็ถามคุณแม่ทุกวันว่า จะบวชที่ไหนดี

    ภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นการคัดสรรสายพันธุ์ที่จะอยู่รอดจากภัยพิบัติ

    หากแต่เพียง กฏเกณฑ์ ในการคัดเลือกผู้สมควรอยู่รอด ไม่ใช่

    -ผู้ที่ร่ำรวยมีเงินมหาศาลระดับ 10,000 ล้าน ยูโร แบบในหนัง 2012

    -ผู้ที่แข็งแรงแข็งแกร่งทางร่างกายที่สุด

    -ผู้ที่มีพลังแห่งการอยู่รอดที่สุด

    -ผู้ที่ชาญฉลาดที่สุด


    แต่เป็นการคัดสรรผู้ที่ มีจิตใจดีงาม มีพื้นฐานแห่งความเมตตา ศานติภายในจิตใจ จนเพียงพอที่จะช่วยเยียวยาโลกใบนี้ ให้กลับคือสู่ความสงบสันติ อยู่ร่วมกันด้วยความสุข ในทุก เชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์

    กลับคืนสู่ความเป็นสรวงสวรรค์บนพื้นพิภพ ตามคำทำนายในทุกศาสนา ที่กล่าวไว้ตรงกันทั้งสิ้น

    และธรรมอันเป็นความดีงามสากล ก็คือ "จิตเมตตา" อันปรากฏในทุกๆศาสนา

    ปรากฏทั่วจักรวาล

    ขอให้ทุกดวงใจจงมีจิตวิวัฒน์ ก้าวผ่านบททดสอบแห่งจิตใจครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ชาติในครั้งนี้ได้ด้วยเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    :cool:อนุโมทนาครับ ท่าน Kananun

    เป็นเวลา 5-6 ปีแล้ว ที่ข้าพเจ้ารับรู้เรื่องภัยพิบัติใหญ่

    และบัดนี้ รู้สึกว่าเวลานั้น เหลือน้อยเข้าไปทุกที

    โอกาสที่จะรอด นั้นน้อยมาก รวมทั้งตัวข้าพเจ้าเอง

    การอยู่รอดในภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นโจทย์ที่ยากที่สุด

    การเตรียมพร้อมทางกาย ทางใจ และสิ่งแวดล้อมทำได้แค่ใหน

    บางครั้ง การไม่รอด อาจจะเป็นทางออก ที่ง่ายกว่าด้วยซ้ำ

    สำหรับผู้ที่รอด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
    ({)

    การปฎิรูปทางจิตวิญญาณครั้งใหญ่
    ({)

    ท่าน (รวมทั้งข้าพเจ้า) พร้อมสำหรับงานนี้หรือไม่?
     
  10. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    วันนี้มองเห็นเมฆเหนือลาดพร้าวเป็นสีรุ้งอีกแล้วค่ะ เหมือนวันก่อนที่เมฆรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่แล้วมีแสงส่องมาจากด้านหลังเห็นเป็นแผ่นสีรุ้งฉาบอยู่ใกล้ ๆ ก้อนเมฆ น่าจะมีคนถ่ายรูปได้ทันนะคะ วันนี้
     
  11. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    5 มิ.ย. 53


    ภัยธนบัต

    ไม่มีเงิน----------ไม่มีงาน--------ทำไงเล่า
    ต้องอดข้าว-------อดน้ำ----------เป็นแน่แท้
    จะไปกู้-----------เขามากิน-------ไม่ดีแน่
    ต้องรีบแก้--------ให้ทันกาล-------กลัวอดตาย

    เดินเข้าหา--------ธนาคาร----------พร้อมไอ้กัน
    หน้าดุดัน---------เพราะอดน้ำ-------และอดข้าว
    แล้วกระซิบ-------กับพนักงาน-------เสียงเบาๆ
    ช่วยส่งข้าว-------และส่งน้ำ---------แทนผมที



    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  12. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    5 มิ.ย. 53


    ด่านเหล็ก

    แนวร่วมหนึ่ง--------พึงได้มา---------ฟ้าถามว่า
    ตัวของข้าฯ---------อิสสตรี----------จะเอาไหม?

    แนวร่วมสอง--------ตัวของข้าฯ--------ต้องจ้ำไช
    ถึงจะได้------------เข้ามาร่วม---------พ่วงตามกัน

    แนวร่วมสาม--------ขอเข้าร่วม---------ถึงดอนเมือง
    ที่ไม่เปลือง---------ยังมีเหลือ----------เผื่อไว้ให้

    แนวร่วมสี่----------นั้นมาแปลก---------กว่าใครๆ
    คือเทพไท้----------ลงมาตาม----------นายตัวเอง

    ฐานผาแบ่น--------มีด่านเหล็ก----------เล็ดเข้ายาก
    ไม่พูดมาก---------ทั้งหน่วยเหนือ-------และผู้นำ
    หากผู้ใด-----------อยากเข้าร่วม--------ต้องร่วมทำ
    อีกทั้งยัง-----------เสียสละ-------------เพื่อส่วนรวม



    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น <STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** พึงทำใจอยู่ในความสงบ ****

    [​IMG]


    ความโกรธ แค้น ความเกลียดชัง
    การตอบโต้ การซ้ำเติม คนมีกรรม
    ช่วยอะไร ทั้งตนเองและประเทศชาติ ไม่ได้เลย
    กลับจะสร้าง คู่กรรมให้กับตนเอง เป็นสัญญาต่อไป

    อุเบกขา...
    คือ เมตตาทั้งตัวเรา และตัวเขา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2010
  14. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    ขอเชิญร่วมฟังเสวนา เตรียมกาย - เตรียมใจ รับภัยพิบัติ
    ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๓๐-๑๖.๐๐ น.
    ณ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ซ.เพชรเกษม ๕๔

    ลงทะเบียน
    http://www.ybat.org/dhammatalk/addmember.asp
     
  15. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ใครจะใหญ่เกินกรรม..มีสติ..ค่อยๆคิด..ค่อยๆทำ..อย่าตระหนกตื่นตูม..
     
  16. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    เห็นด้วยครับ

    เห็นด้วยครับ เห็นด้วยครับ เห็นด้วยครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภาระกิจเร่งด่วน...
    ทำวัดให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ!!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3293475", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    บวร ทำ"วัด"ให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ

    หลายคนหลายกลุ่ม ต่างแสวงหาสถานที่ปลอดภัย ยามเกิดภัยพิบัติกัน โดยมองต่างมุม ต่างความคิด ตามพื้นฐานความศรัทธาความเชื่อความรู้ของตนเอง สำหรับ"พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ" เราเชื่อมั่นในพุทธคุณ แห่งพระพุทธศาสนา รวมทั้ง พระราชกะแสรับสั่งขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง โครงการ "บวร"

    การทำ วัด เป็นจุดศูนย์กลาง ประสานกับ บ้าน เอกชน และ โครงการของพระราชา ศาสตร์ของพระราชา ผู้สนองพระราชกิจเพื่อบ้านเมือง คือข้าราชการที่ดี ซึ่งโครงการ ของพระองค์ท่านทรงมีความลุ่มลึกและปรีชาชาญอย่างที่สุด การนำโครงการบวรมาใช้นั้น ยังประโยชน์แห่งการพัฒนานำประโยชน์สุขได้ทั้ง ทางตรงและทางอ้อม เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคงเป็นรากฐานของประเทศ

    เกิดการพัฒนาทั้งทางวัตถุสาธารณะประโยชน์ และการพัฒนาจิตใจ คุณธรรม ทั้ง ความสันโดษ ความพอเพียง สามัคคีธรรม ความเสียสละเพื่อส่วนรวม เกิดผลที่เป็นที่พึ่งพิงได้ทั้งในยามบ้านเมืองสงบ และัในยามบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ

    กิจการงานในโครงการ บวร ก็เกิดคุณประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นยิ่งเราลงมือทำได้เร็ว เท่าไร คุณประโยชน์ต่อ ชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ยิ่งเกิดผล อานิสงค์ เร็วเมื่อนั้น เพียงนั้น ประเด็นสำคัญคือ ผู้ดำเนินการ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ประสานงาน มีวิสัยทัศน์ และญาณทัศนะ ที่ลึกซึ้งเพียงใด ยิ่งลึก ยิ่งกว้าง ยิ่งหลากมิติ ยิ่งเกิดผลอัศจรรย์มาก

    ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง อธิบาย เหตุ ผล การสืบต่อผล ให้ฟังอย่างละเอียด บางครั้ง บางท่านคิดว่าเราจะเตรียมที่ เตรียมทางของเราเองเพื่อตัวเรา ครอบครัวเรายามเกิดภัยพิบัติ บางท่านก้ตั้งใจว่าจะเตรียมสถานที่ของเราอยู่อาศัยด้วย และไว้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ยามทุกข์เข็ญด้วยเมตตา แต่มีอีก หนทางหนึ่ง ที่เราทุกๆคนร่วมใจกันเตรียม ร่วมกันสร้างสถานที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติกันได้ ช่วยคนได้มากมายขึ้น เตรียมไม่ยาก ทำตามกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาของแต่ละบุคคล

    มาร่วมกันทำให้ "วัด" เป็นร่มเงาพักพิงพึ่งพา ยามเกิดภัยพิบัติกันครับ เรื่องนี้นับแต่ที่ผมทราบเรื่อง ภัยพิบัติมาเมื่อ สิบกว่าปีก่อน ก็ได้ทราบว่า วัดหลายแห่งได้มีการจัดเตรียมพร้อมเพื่อช่วยญาติโยมสาธุชนคนดีจากภัยพิบัติกันมากมายหลายแห่้ง บางวัดเตรียมเก็บเทียน เก็บเครื่องสังฆทานของแห้งเอาไว้ บางวัดเตรียมที่พัก ที่อยู่อาศัยเอาไว้ให้ ทั้งที่เป็นศาลา และครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้คนเข้าไปอยู่เข้าไปหลบภัยยามนั้น

    วัดและสถานที่ สถานธรรมดังกล่าว มีอยู่มากมายหลายแห่ง ทั่วประเทศไทย วัดมี 50,000 วัด ไม่นับสถานปฏิบัติธรรมอีกมากมาย หากวัดต่างเพิ่มการเป็นที่พึ่งพิงยามเกิดภัยพิบัติด้วยเมตตา จะช่วยสาธุชนคนดีให้รอด สร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้ได้มากขึ้นอีก มากเพียงใด

    หากเราช่วยกัน เสริม ช่วยกันสร้าง ช่วยกันรวมใจกัน โดยนำโครงการ บ ว ร มาสานความสามัคคี และสนับสนุนทรัพยากร ทั้งแรงกาย แรงใจ แรงปัญญาแล้ว ประโยชน์ที่ได้จะมากมายนักและสิ่งที่ทำเอาไว้ ก็เกิดเป็นบุญเป็นกุศลในพระพุทธศาสนาอีกด้วย เกิดคุณประโยชน์ทั้งทาง โลก และผลบุญทางธรรม

    เรามาลองดูว่า เราจะช่วยกันอย่างไร ให้ วัด เป็นที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติและเป็นศุนย์กลางแห่งการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สุขต่อแผ่นดิน หากวัดแต่ละวัด มีศักยภาพสูงขึ้น ในหลากมิติขึ้น วัดจะเป็นจุดศูนย์กลางในการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมืองและเหนือสิ่งอื่นใดคือ การพัฒนาคนให้เป็นคนดีก่อนที่จะทำให้คนดีมีธรรมมะเป็นคนเก่งด้วย จิตที่พัฒนาแล้วจากสมาธิ

    วัด ในฐานะ สถานที่ขัดเกลาเพาะบ่มคุณธรรมความดี ความงดงามในสังคมชุมชนนั้นๆ

    วัดในฐานะ สถานที่ปฏิบัติธรรม ขัดเกลากิเลส ฝึกฝนจิตใจเพื่อมรรคผลพระนิพพาน

    วัด ในฐานะ สถานที่รวบรวมศิลปะวิทยาการ องค์ความรู้ สรรพวิชา ทั้งทางศาสนา และทางโลก ของชุมชนนั้นๆ

    วัด ในฐานะ ที่พึ่งพิงยามยาก โรงทาน ยามอดอยาก ศาลายามไร้ที่ซุกหัวนอน ที่ขอพักอาศัยยามเกิดภัยพิบัติ

    วัด ในฐานะ สถานที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แพปลาหน้าวัด ที่เพาะพักสัตว์น้ำให้ลำน้ำอุดมสมบูรณ์ สวนป่าในวัด เพื่อความร่มเย็น เพื่อรักษ์ป่า สวนสมุนไพรเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้ยาหายาก เพื่อ เยียวยา เขตอภัยทาน เพื่อรักษาคุ้มครองชีวิตสรรพสัตว์

    วัด ในฐานะสิ่งสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจ ความศรัทธาในพระศาสนาอย่างมั่นคงจนเกิด ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ พระพุทธปฏิมาค่าควรเมืองหรือหาค่ามิได้ เกิดเป็นความมั่งคั่งบริบูรณ์ในชุมชนนั้น

    วัด ในฐานะ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรม ที่อนุรักษ์วิถีชีวิต อนุรักษ์งานศิลป์ อย่างหมดจดลงตัว สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน

    หากเราเข้าใจในมิติ บทบาทของวัด และเสริมบทบาทของวัดให้กลับมาเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชุมชน บ้าน ราชการ ให้ดำเนินไปจนเกิดผลเกิดอัตถะประโยชน์สูงสุด<!-- google_ad_section_end --> งานแรกที่ไปเริ่มลงพื้นที่ ดำเนินการ ที่วัดบึงศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ครับ

    04-06-2010, 03:29 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/บวร-ทำ-วัด-ให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ.239211/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    *** วัด และ หมู่บ้านในชนบท ***

    [​IMG]

    วัดและหมู่บ้านในชนบท คือทางรอดของชาวไทย และผู้พลัดถิ่นจากต่างแดน...ตั้งแต่นี้ต่อไป...พอมีเวลาค่อยๆ ลองไปสำรวจวัด และชนบทที่น่าจะปลอดภัย สามารถรับผู้อพยพได้...

    แล้วกลับมานำเสนอ เพื่อหาทางช่วยกันคิด ช่วยเหลือพัฒนาให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น...ต้องค่อย ๆ ทำอย่าให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ....เข้าไปในฐานะคนใจบุญทั่วๆไป....งานนี้ จำเป็นต้องกระจายกันทำในพื้นที่ของตนเอง แล้วกลับมารายงานให้ "ผู้รวบรวมข้อมูล" รับทราบ....

    ขอให้ช่วยกันทำ ช่วยกันเสียสละออกทุนกันเอง...เจตนา "ช่วยชีวิตคน" ได้บุญมาก...ทุกคนจะมี "ตัวกระทำ" สะสมติดตัวไว้...หากไม่มั่นใจตนเอง ให้จุดธูป ๗ ดอก "ถวายสัจจะต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะช่วยสานต่อพระพุทธศาสนา ตลอดชีวิต" และขออำนาจของ "สัจจะ" ช่วยคุ้มครองให้ข้าพเจ้าทำงานสำเร็จทุกประการ...

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    10-01-2007, 07:13 AM

    *** อาหารยังชีพ ****

    [​IMG]

    เรื่องอาหารช่วงนั้นสำคัญมาก พยายามพึ่ง "เทคโนโลยีดั้งเดิม" ไว้ก่อน....ค้นหา "แม่บ้านทำอาหาร" เป็นชาวบ้านที่มีประสบการณ์ประกอบอาหารเลี้ยงคนจำนวนมาก จะเป็นแกนนำสำคัญในการช่วยผู้อพยพจำนวนมากได้...

    ส่วนใหญ่แล้ว ประเพณีตามชนบท มักร่วมกันทำอาหารจำนวนมากเวลามีงานเลี้ยงใหญ่....สิ่งสำคัญอุปกรณ์ด้านอาหาร เช่นเตา หม้อ ถ่าน จาน ชาม ช้อน ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ตาม "วัด" เป็นของๆ วัด...ซึ่งพวกเรามักถูกสอนไว้ว่า "ไม่ให้นำของๆ วัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว"....

    เมื่อถึงเวลาสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาลปรากฏ... "ของๆ วัดเหล่านี้จะช่วยชีวิตคนดีจำนวนมากได้".....ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในอนาคต....พวกเราต้องช่วยกัน ช่วยประกาศให้ทำบุญเป็น "ถวายอุปกรณ์ทำและเลี้ยงอาหารให้กับวัด"

    ยิ่งมีสะสมมาก ยิ่งมีผลดีในอนาคต....จะได้ไม่ต้องแย่งกัน เมื่อมีคนจำนวนมากอพยพขึ้นทางภาคเหนือ และภาคอีสาน...วัดทั้งสองภาคนี้จึงต้องช่วยกันเป็นพิเศษ ภาคกลาง และชายฝั่งทะเลจะมีภัยอันตรายอย่างยิ่ง...ฝากไว้ด้วย ท่านกาขาว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    10-01-2007, 05:11 AM

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    *** น้ำ ***

    เรื่องน้ำกิน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง...เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "น้ำบนผิวดิน" จะไม่ปลอดภัย หลังมีการใช้ระเบิดปรมาณู ระเบิดนิวเคลียร์....การเตรียมการเกี่ยวกับน้ำ เท่าที่อ่านดู(ในเว็บพลังจิต) จะไม่สามารถรองรับผู้อพยพจำนวนมากในระดับมหภาคได้....

    ดังนั้น ให้หันหลังกลับไปมอง "เทคโนโลยี่ดั้งเดิม" ที่มีความมั่นคงสูง....ซึ่งก็คือ "บ่อน้ำบาดาล" ที่มีอยู่แล้วตามชนบท....แต่เมื่อคิดในเรื่องปริมาณ "จำนวนบ่อน้ำบาดาล" ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งภาคเหนือและอีสานแล้ว คงไม่สามารถรองรับได้แน่....เรื่อง "การขุดบ่อน้ำบาดาล" จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดไม่น้อยไปกว่าเรื่องทางด้านอาหาร...

    ต้องออกสำรวจเช่นกัน....แล้วกลับมารายงานข้อมูล เพื่อคิดวางแผนว่าจะต้องขุดเพิ่มตาม "วัด และ ชุมชน" แห่งใดบ้าง....ขอให้ผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ด้านบ่อน้ำบาดาล....ลองคิดคำนวณว่า "น้ำ ๑ บ่อ จะสามารถรองรองการใช้งานดื่มกิน ได้กี่คน ต่อวัน"...

    เมื่อเราทราบก็จะคำนวณหา จำนวนที่เหมาะสมได้ เช่น มีวัดหนึ่ง ที่รองรับคนเข้ามาพักได้ ๑,๐๐๐ คน จำเป็นต้องมีบ่อน้ำ จำนวน ๑๐ บ่อ แต่วัดนั้น มีบ่อน้ำบาดาลเพียง ๑ บ่อ ดังนั้นจึงต้องขุดเพิ่ม อีก ๙ บ่อ....

    จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราอีก ที่จะต้องช่วยกันหาผู้ใจบุญขุดบ่อน้ำบาดาล ถวายวัด...เรื่องนี้ ต้องระวังประชาชนแตกตื่นเช่นกัน อาจจะบอกพวกชาวบ้านและพระว่า ปีนี้(2007)เขาว่าจะแห้งแล้งมาก จึงอยากทำบุญเรื่องน้ำกันมากๆ คาดว่าชาวบ้านในพื้นที่จะยินดี แล้วก็แบ่งไปขุดใจกลางชุมชนเพิ่ม...เป็นการทำบุญ บริจาค ช่วยเหลือกันไป.....

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    10-01-2007, 07:43 AM

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=51726&page=15<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2010
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แบบจำลองสถานการณ์ช่วงวิกฤติ

    [​IMG]
    ภาพของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ฤษีแปลงสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_437660", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คนจนในเมืองกลายเป็นอาชญากรรม คนรวยมีเงินมากมายแต่ไร้ค่า ไม่มีใครยอมขายอาหารให้ ต้องหลบซ่อนตัวในที่พัก ปกป้องทรัพย์สินของตน ชุมชนชนบท ไม่มีข้าวกินเพราะขายข้าวไปหมดแล้ว ได้เงินมาก็ใช้หมดแล้ว ลงทุนเพาะปลูกไปแล้ว ยังไม่ได้ดอกผล อาหารจะรวมกันที่โรงสี และศูนย์อาหารในเมือง การกระจายอาหารที่ไม่ดี ทำให้คนจนก่ออาชญากรรม คนรวยถูกฆ่าง่ายๆ คนดีไม่มีข้าวกิน แม้นแต่น้ำก็ขาดแคลน

    กลยุทธ์การกัน, แก้ และก้าว ในคราวเดียว
    (ก่อนเกิดกันได้, หากเกิดเหตุแก้ได้, ไม่เกิดก็ก้าวหน้าได้)

    ประกาศโครงการ "ชุมชนพอเพียงเพื่ออนาคต" โดยรณรงค์ว่า จะให้ชนบทเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าชุมชนโดยตรง ตามโครงการพัฒนาชุมชน เป็นการปิดข่าวสงคราม คนไม่แตกตื่น และการทำแบบนี้คือการเตรียมตัวรับสถานการณ์อย่างแนบเนียน ชุมชนชนบทจะมีเต้นท์สำรอง, น้ำสำรอง, อาหารสำรอง, ที่พักเครื่องกันหนาวสำรอง โดยบอกว่าเตรียมไว้เพื่อรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งจะทำเงินให้ประเทศ แต่แท้จริงแล้ว เตรียมไว้ช่วยคนเมือง ที่จะหนีภัยสงคราม และซึนามิที่ท่วมเกือบครึ่งประเทศมา เมื่อคนจากเมืองไร้บ้านมาสามารถเปิดบ้านต้อนรับได้ทันที

    เตรียมสังคมเมตตาธรรม โดยการรณรงค์การต้อนรับประทับใจ โดยการให้ไปฝึกความเมตตา, พรหมวิหารสี่ โดยมีศูนย์กลางการฝึกที่วัด มีบุคลากรอาสาสมัครไปสอนงาน เช่น การเตรียมตัวป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับภัย สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น ฝึกซ้อมแบบนี้สามารถช่วยคนที่ตกยากมาได้ทันที แต่บอกว่าเป็นการฝึกการบริการที่ดี เพื่อเตรียมเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เราจะปิดไม่ให้เขารู้ตัวว่าเป็นการเตรียมตัวช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเมื่อยามสงครามและน้ำภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ฟื้นฟูวัฒนธรรมควาเมตตาอารีที่ถูกขายไปนาน ให้กลับมาสู่แดนดินไทย

    เตรียมศูนย์กลางชุมชน ได้แก่ ศูนย์กลางเสบียง ซึ่งมียุ้งฉางกลาง เก็บเมล็ดพันธุ์พืช ต่างๆ ทั้งที่กินได้ทันที เช่น พวกถั่ว พวกที่ต้องนำไปเพาะแต่โตเร็ว เช่น ผัก และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้สามารถช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางปฐมพยาบาล และศูนย์เก็บสมุนไพรประจำตำบล ที่สามารถรองรับการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ทั้งยังเตรียมบุคคลากรไว้ให้พร้อมด้วย ส่วนศูนย์กลางการสื่อสารนั้นก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อประกาศข่าวต่างๆ ให้ความรู้ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ประชาชนจะรู้ได้ว่าควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางข่าวสารนี้ ควรคำนึงถึงเวลาขาดไฟฟ้าด้วย

    เตรียมแหล่งน้ำจำนวนมาก ควรพิจารณาแหล่งน้ำสำรองจากใต้ดิน บ่อน้ำบาดาลควรมีจำนวนมาก เพราะจะปลอดภัยจากฝุ่นกำมันตรังสีและอาวุธเชื้อโรคที่อาจแพร่มาทางแม่น้ำโขง ดังนี้ จึงควรรณรงค์ให้แต่ละหย่อมมีบ่อน้ำบาดาลใช้ร่วมกัน กระจายอย่างทั่วถึง น้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตอีสาน หากน้ำทะเลท่วมหนุน น้ำใต้ดินมีเกลือมาก จะขุดกินน้ำบาดาลไม่ได้ แม่น้ำโขงก็มีอาวุธเชื้อโรคแพร่ระบาด แต่เราต้องไม่บอกประชาชนตรงๆ บอกว่าฟื้นฟูวัฒนธรรม บอกว่ารสนิยมฝรั่งเขาชอบมาดูแบบนี้ เป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศอื่นไม่มี เราจะทำให้เป็นจุดขาย และใช้กินได้ทันทีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งหรือหน้าในก็ตาม โดยเราจะสอนการกรองน้ำ, ต้มน้ำ และช่วยกันทำเครื่องกรองแจกให้ทั่ว

    การลงทุนสร้างที่พักอาศัยใหม่จะใช้เวลานาน และไม่ทันการณ์ ต้องใช้ชุมชนเดิมเป็นรากฐาน โดยต้องอาศัยอาสาสมัครทำงานนี้ ให้ครอบคลุมทั่วไทย กระจายทั้งด้านยุทโธปกรณ์, บุคลากร ฯลฯ ซึ่งต้องลาออกจากงานมาทำงานรับใช้ชาติเต็มตัว งานนี้จึงจะสำเร็จได้ หาไม่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดลงมือช่วยเหลือ สังคมไทยถูกทอดทิ้ง คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไม่รู้ตัว คนที่รู้มากเห็นแก่ตัวก็ถูกอาชญากรปล้นฆ่าตาย บ้านเมืองไหน ไม่เตรียมสังคมพุทธไว้ บ้านเมืองนั้นเป็นอันต้องล่มสลายสิ้นชาติ

    กลยุทธนี้เดินหมากเกมเดียว ใช้ได้ทั้ง กัน, แก้ และก้าว รับศึกได้ทุกแบบ ทุกทิศ ทุกสถานการณ์ มีสมดุลในตัว เติบโตได้ ยืดหยุ่นได้ พลิกแพลงต่อได้ และเหมาะสมสอดคล้องกับรากฐานความเป็นไทย ทุกประการ ซึ่งหากไม่เกิดอะไรขึ้น ชุมชนไทยจะเข้มแข็งเป็นชุมชนพึ่งพาตนเองได้ทันที พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ในอนาคตอย่างพอเพียงอีกด้วย วัฒนธรรมก็ถูกฟื้นฟู ความสามัคคีของคนในชาติก็กลับคืนมา แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา จะเป็นแหล่งพึ่งพาอาศัยและอยู่ร่วมกันได้ยามวิกฤติ

    ฤษีแปลงสาร
    02-01-2007, 02:10 PM

    ภัยใดไม่เท่าภัยจากมนุษย์ด้วยกัน
    ขาดน้ำและอาหารอยู่ได้หลายวัน
    ขาดอากาศหายใจอยู่ได้ไม่เกินสี่นาที
    แต่มนุษย์ด้วยกันนี้ฆ่ากันได้ในพริบตาเดียว

    ขอให้คนดีช่วยเหลือกัน เราเสียสละส่วนตน สองสามปี
    สร้างชาติใหม่ ไทยพุทธจะครองโลก
    สามัคคี, เมตตาธรรม, ขันติ, อุเบกขา และปัญญา
    จะทำให้รอดพ้นภัยพิบัติสู่ยุค "ศรีวิไล" แฮ...


    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุถล่มบ้านจ.ประจวบฯ พังนับ10หลัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 6 มิ.ย. นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์

    ได้รับรายงานจากนายบุญยืน ชุ่มช่วง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ช้างแรกว่า เกิดพายุหมุน พัดโหมกระหน่ำเข้าใส่บ้านไร่บน หมู่ 6 ต.ช้างแรก ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง 4 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน เช่นต้นไม้ล้มทับ 7 หลังคาเรือน โดยพายุหมุนได้พัดเอาบ้านเรือน หลังคาของชาวบ้านปลิวหายไป ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนัก

    นางสุกัญญา เชื้อชะเอม อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ 6 ต.ช้างแรก เจ้าของบ้านที่เสียหายทั้งหลัง กล่าวว่า

    ท้องฟ้าได้เริ่มมืดครึ้มเมื่อช่วงเวลา 16.00 น.จากนั้นได้เกิดเป็นพายุหมุพัดถล่มเข้าใส่หมู่บ้านของตนนานประมาณ 5 นาทีส่งผลให้บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง ร่วมไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า เช้น โทรทัศน์ ตู้เย็น


    นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม กล่าวว่า หลังสำรวจพบบ้านที่เสียหายทั้งหลัง

    ประกอบด้วยบ้านของนางสุกัญญา เชื้อชะเอม นางสิรินญา เชื้อชะเอม และนายเขม ชุ่มช่วง ส่วนที่เสียหายบางส่วนมี 7 หลัง ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และนอกจากนั้นยังมีสวนยางพารา เสียหายไม่น้อยกว่า 100 ไร่ ส่วนเหตุการณ์พายุหมุนยังทำให้ต้นไม้หักโค่นทับสายไฟฟ้า ขวางถนน โดยตนและชาวบ้านได้ช่วยกันตัดต้นตะคล้อที่ขวางถนนและทับบ้านเรือนออกไปเพื่อที่จะได้ไม่กีดขวางการจราจรและเบื้องต้นได้กางเต็นพร้อมเครื่องนอน อาหารให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน ประมาณ 40 คน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โคราชวิกฤติน้ำเหือดแห้งประกาศภัยพิบัติ28อำเภอ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ภัยแล้งโคราชรุนแรงหนักประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 28 อำเภอ สถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคองวิกฤติหนักเหลือน้ำแค่ 27% ชลประทานต้องประกาศให้เกษตรกรเลื่อนการเพาะปลูกข้าวนาปี เร่งขอขยายวงเงินช่วยเหลือ...

    เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 6 มิ.ย. ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ต.บ้านเก่า อ.เมืองฯ

    นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ว่า ทางจังหวัดได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากภัยแล้งแล้ว 28 อำเภอ จากทั้งหมด 32 อำเภอ มีพื้นที่ประสบภัย รวม 222 ตำบล 2,571 หมู่บ้าน สำหรับการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งนั้น ได้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 50 ล้านบาท ดำเนินโครงการขุดลอกเปิดทางน้ำจำนวน 80 โครงการ และแจกจ่ายน้ำในการอุปโภคบริโภคให้กับราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ขอขยายวงเงินทดรองราชการไปยังกระทรวง การคลัง โดยผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เพื่อดำเนินโครงการขุดลอกเปิดทางน้ำในพื้นที่ 12 อำเภอ จำนวน 91 โครงการ รวมเป็นเงินอีกกว่า 64 ล้านบาท

    ด้านนายไพศาล พันพึ่ง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาว่า

    เขื่อนขนาดใหญ่ในจังหวัดทั้งหมดจำนวน 4 แห่ง มีปริมาณน้ำในเขื่อนรวมกันเหลือแค่ 346 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 34 %โดยปริมาณน้ำที่น่าเป็นห่วงที่สุดและเข้าขั้นวิกฤติแล้วในขณะนี้ คือ เขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว ซึ่งเป็นแหล่งน้ำทำการเกษตรในพื้นที่หลายอำเภอ และเป็นแหล่งน้ำดิบเพียงแห่งเดียวในการผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงประชาชนใน เมืองนครราชสีมา ล่าสุดปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองเหลือเพียงแค่ 85 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 27 % ของความจุทั้งหมด ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนพระเพลิง อำเภอปักธงชัย เหลือปริมาณน้ำ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 40 % ของความจุทั้งหมดโดยทางสำนักงานชลประทานจังหวัดนครราชสีมาได้นำเครื่องสูบ น้ำและรถบรรทุกน้ำออกให้ความช่วยเหลือแล้ว

    ทั้งนี้ ยังได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำกันอย่างประหยัดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประกาศให้เกษตรกรทุกพื้นที่เลื่อนระยะเวลาการเริ่มต้นเพาะปลูกข้าว นาปีไปเป็นช่วงกลางเดือนกรกฎาคมเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดสถานการณ์ฝนทิ้ง ช่วงจนเป็นเหตุให้พืชผลการเกษตรของเกษตรกรได้รับความเสียหาย.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทางหลวงแจง ไม่มีเอ่ียวขั้นตอนตัดไม้เขาใหญ่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>อธิบดีกรมทางหลวงแจง ไม่มีเอี่ยวขั้นตอนตัดไม้ โต้กรมป่าไม้ ระบุ เอาผิดทางหลวง หวั่นสังคมเข้าใจผิด...

    6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายสมชัย เพียรสภาพร อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุว่า ความผิดจากการตัดต้นไม้ในพื้นที่ขยายถนนธนะรัชต์

    เส้นทางมุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่า ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยระบุว่ากรมทางหลวงมีการตัดต้นไม้ และกรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดี ในเรื่องนี้ นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง ยืนยันว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และอาจทำให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้ เนื่องจากกระบวนการตัดไม้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรมทางหลวง และขณะนี้ยังไม่มีเอกสารหลักฐานที่ระบุข้อความที่มีการกล่าวหากรมทางหลวงแต่อย่างใด

    นายวีระ กล่าวว่า กระบวนการตัดไม้เป็นหน้าที่ของทรัพยากรป่าไม้ จังหวัดนครราชสีมา และองค์การอุตสาหกรรมการป่าไม้ (ออป.) จังหวัด

    สืบเนื่องจากกรมทางหลวงได้แจ้งความประสงค์ในเบื้องต้นแล้วว่า ไม่มีความประสงค์จะใช้ประโยชน์จากไม้ดังกล่าว แต่ออป.แจ้งว่ามีความต้องการจะนำไม้เหล่านั้นไปใช้ในอุตสาหกรรมป่าไม้ จึงเป็นผู้รับผิดชอบในการชักลากและตัดต้นไม้ ซึ่งกรมทางหลวงได้ร่วมในการสำรวจบัญชีไม้ว่า มีจำนวนไม้ที่จะต้องเอาออกจากพื้นที่เขตทางจำนวน 128 ต้น และรับรู้ว่าเป็นไม้ชนิดใดบ้างและมีขนาดเท่าใด แต่ขั้นตอนการตัดไม้ไม่เกี่ยวกับกรมทางหลวง ไม่มีเครื่องเลื่อยยนต์สำหรับตัดไม้ได้ เพราะไม่มีสิทธิครอบครอง ยกเว้นกรมป่าไม้และออป.เท่านั้น

    "ความจริง กรมทางหลวงก็แค่ทำหน้าที่เป็นสักขีพยานว่า ทางออป.จะตัดหรือชักลากไม้ชนิดใดบ้าง ขนาดเท่าใด และจำนวนเท่าใด ส่วนขั้นตอนกระบวนการตัดไม้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรมทางหลวงแต่อย่างใด" อธิบดีกรมทางหลวง กล่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...