ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

แมลงหน้าคนสีแดงโผล่เชียงใหม่​

​

พบแมลงหน้าคนสีแดง เดินพล่าน ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ลักษณะเหมือนหน้าพวกอินเดียแดง ที่ทาสีเตรียมออกรบ นักท่องเที่ยวตื่นเต้น พากันใช้กล้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก...

จากข่าวฮือฮาพบแมลงหน้าคน ที่ จ.ลำปาง สีเหลืองจุดดำ แต่สำหรับที่เชียงใหม่แมลงหน้าคนชุมนุมกันหนาตา ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นตัวสีแดง ลูกตาดำ และ ยังมีสีแดงใส่แว่นตาดำ ผู้คนเห็นแล้วชอบใจพากันไปดู แล้วอดขำไม่ได้ เพราะแมลงหน้าคนสีแดงของเชียงใหม่เข้าบรรยากาศ และ จะอยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ อยู่หน้าส่วนจัดแสดงวัวแดง ด้านหลังสวนสัตว์เชียงใหม่ มีจำนวนมากเดินกันเต็มไปหมด

ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชมสวนสัตว์ ได้มาสังเกตุพบเข้า ต่างชี้กันดูว่า ลักษณะเหมือนหน้าคน หรือ เหมือนพวกอินเดียแดง ที่ทาสีหน้าเตรียมออกรบ จึงพากันใช้กล้องถ่ายกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ บอกว่า แมลงพวกนี้อาศัยอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มานานแล้ว และ ในช่วงนี้จะเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อมีข่าวพบแมลงหน้าคนสีเหลือง คนที่มาชมแมลงหน้าคนสีแดงที่เชียงใหม่ยังคิดสนุกๆ ว่า น่าจะจับเอามาอยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้เข้าแผนปรองดองกันได้ เพราะที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ลูกน้อยของโคอาล่าตัว ล่าสุด มีการแข่งขันกันประกวดตั้งชื่อ จากผู้คนทั่วประเทศ ชื่อ 'ปรองดอง' เด็กหญิงอายุ 4 ขวบจาก จ.นนทบุรี คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง เพราะเข้ากับบรรยากาศของประเทศในเวลานี้

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

แมลงประหลาดหน้าเหมือนคนที่ลำปางตายแล้ว​

​

แมลงประหลาดหน้าเหมือนคนที่ลำปางตายแล้ว เผยมีคนยื่นข้อเสนอขอซื้อ 5 หมื่นบาท แต่เจ้าของไม่ขายขอเก็บไว้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

(9มิ.ย.) ความคืบหน้าหลังจากได้มีการนำเสนอ พบแมลงประหลาดหน้าตาคล้ายคน ในเขตผืนป่าอนุรักษ์พื้นที่ ทำ "ฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริฯ” ติดพื้นที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยลำปาง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง โดยยนายวิทยา ยะเปียง พนักงานบริษัทปูนซิเมนต์ไทยลำปาง เป็นคนพบ

ล่าสุดนายวิทยา เจ้าของแมลงหน้าตาคล้ายคนหรือแมลงเปาบุ้นจิ้น กล่าวว่า หลังจากตนเจอแมลงและนำมาไว้ที่บ้านและได้นำแมลงใส่กล่องกระดาษ เจาะรู และนำเกสรดอกไม้ ที่มีน้ำหวาน ให้แมลงตัวดังกล่าวได้กิน แต่ปรากฏว่าแมลงดังกล่าวไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน และได้เสียชีวิตแล้วช่วงเช้ามืดวันที่ 9 มิ.ย.2553 ที่ผ่านมา ซึ่งตนจะเก็บรักษาแมลงตัวนี้ไว้ โดยการทำสตาร์ฟไว้เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต

หลังมีการนำเสนอข่าวไป ก็มีเพื่อนและญาติพี่น้องต่างๆ ทั่วประเทศที่รู้จัก ต่างโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเพื่อติดต่อ และจะเดินทางเข้ามาขอชมแมลงตัวนี้ นอกจากนี้ยังมีคนที่ชอบสะสมของแมลงและที่รูปร่างแปลก ติดต่อเข้ามายังตน พร้อมเสนอราคาให้ถึง 5 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ตนได้ปฏิเสธไปและจะขอเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตและเป็นสิ่งนำโชคจะดีกว่า

คมชัดลึก วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2553

ที่มา http://www.komchadluek.net

 

ย้อนเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งผิด !!!
โพสต์โดยคุณ Juninlla






​

หนังดีที่น่าดู Prince of Persia : The Sands of Time

กลับมาว่าถึงหนังแอ็คชั่น ซึ่งดัดแปลงจากเกมคอมพิวเตอร์สุดฮิตของปี 2002 (พ.ศ.2545) กันดีกว่า Prince of Persia The Sands of Time เจ้าชายแห่งเปอร์เซีย : มหาสงครามทะเลทรายแห่งกาลเวลา ตามข้อสังเกตุของผม ส่วนใหญ่หนังที่สร้างมาจากเกมมักจะแป๊กสนิท เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มักเน้นฉากแอ็คชั่น ต่อสู้กันแบบทื่อๆ แข็งๆ ตามแบบฉบับเกม ขณะที่บางเรื่องก็ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกที่ค่อนข้างไร้เอกภาพและจินตนาการอย่างสิ้นเชิง

ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของไมค์ นีเวล จาก Mona Lisa Smile โมนา ลิซ่า: ขีดชีวิต เขียนฝัน ให้บานฉ่ำ (2547) Harry Potter and the Goblet of Fire แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี (2548) และ Love in the Time of Cholera สัญญา 20,000 วัน แม้สิ้นใจ ไม่ขอลืม (2550) ซึ่งปูพื้นเรื่องในช่วงต้นค่อนข้างรวบรัด บอกเล่าเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิง ผูกโยงเรื่องไปตามลำดับเวลา ถึงแม้จะมีบางช่วงที่ตัวละครย้อนเวลา แต่ก็เป็นช่วงระยะสั้นๆ อีกทั้งยังดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชม โดยเฉพาะ ในฉากไคล์แมกซ์ที่ออกแนวซึ้งนิดๆ ซึ่งไม่เยิ่นเย้อแบบเดียวกับหนังดราม่า แต่ก็ไม่เสียอรรถรสในส่วนนี้แต่อย่างใด

ฉากใน Prince of Persia The Sands of Time ดูสมจริง บอกเล่าวิถีชีวิต วัฒนธรรมบางส่วนชาวทะเลทรายอย่างกลมกลืน ฉากมหาพายุทะเลทรายถล่มกลืนเมืองในตอนท้ายเรื่องให้หวนนึกถึงหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Mummy คืนชีพคำสาปนรกล้างโลก (2542) ผสมผสานกับ 2012 วันสิ้นโลก (2552) ซึ่งต่างกันเพียงแค่ ผลงานชิ้นนี้ของนีเวลให้ความสำคัญกับฉากสุดอลังการน้อยกว่าทั้งสองเรื่อง

Prince of Persia The Sands of Time กล่าวถึงเจ้าชายแดสตัน (เจค จิลเลนฮาล) ผู้ครอบครองกริชโบราณ ซึ่งบรรจุทรายแห่งกาลเวลาที่สามารถย้อนเวลาได้ตามต้องการ และทำให้ผู้ครอบครองเป็นอมตะ รวมทั้งเปี่ยมด้วยพลังอำนาจสูงสุด ที่สามารถครอบครองโลกใบนี้ได้ดั่งใจ

ต่อมา.... เจ้าชายแดสตันต้องข้อหาปลงพระชนม์ราชา ซึ่งเป็นพระบิดาบุญธรรมของตนเอง เขาจึงหลบหนีออกมาพร้อมกับเจ้าหญิงทามินา (เจมม่า อาร์เทอตัน) เชลยจากเมืองที่พวกเขาตีได้มาหมาดๆ แบบตกกระไดพลอยโจน เมื่ออันตรายเข้าคืบคลานเข้ามาถึง เจ้าชายแดสตันจึงรับรู้พลังอำนาจของกริชโบราณ ซึ่งกริชเล่มนี้ก็เป็นสิ่งที่หมายปองของนีแซม (เบน คิงสลี่ย์) ชนชั้นสูงจอมโฉด ผู้วางแผนการชั่วร้ายตั้งแต่ต้น

เจ้าชายแดสตันกับเจ้าหญิงทามินาจึงต้องต่อสู้กับอำนาจมืดอันชั่วร้ายทั้งหลายจากวิเซียร ผู้เป็นพันธมิตรของนีแซม เพื่อปกป้องกริชโบราณและนำไปไว้ที่หอคอยศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่นำไปสู่การย้อนเวลาแก้ไขสิ่งผิดพลาดอย่างร้ายแรงในอดีตของเจ้าชายแดสตันด้วยประการฉะนี้

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ Prince of Persia The Sands of Timeโดดเด่นกว่าหนังที่สร้างจากเกมอีกหลายเรื่อง ก็อยู่ที่การแสดงที่เป็นธรรมชาติ บางฉากในช่วงต้น ท่าทางก็ถอดแบบจากเกมต้นฉบับ จะว่าไปแล้ว เจ้าชายแดสตันมีคาแร็กเตอร์คล้ายกับแจ็ค สแปร์โรว์ จาก Pirates of the Caribbean ทั้งสามภาค ซึ่งต่างกันเพียงแค่ความยียวน กวนบาทาดูด้อยกว่ากันเยอะ ส่วนที่ทำให้นึกถึงขึ้นมาจริงๆ ก็คือ ลีลา ท่าทาง ความคล่องตัวในฉากแอ็คชั่น ราวกับถอดแบบกันมาเลยล่ะ

สำหรับเจ้าหญิงทามินา ก็ดูโดดเด่นเป็นธรรมชาติไม่แพ้กัน จากคาแร็กเตอร์ค่อนข้างปากร้ายไปนิด หลากหลายมารยาพันพะเรอเกวียน ซึ่งทำเอาพระเอกหลงกลในบางครั้ง บางช่วงก็ดูเด็ดเดี่ยว เข้มแข็งคล้ายกับอลิซาเบ็ท สวอนน์ จาก Pirates of the Caribbean เช่นเดียวกัน และที่ขาดไม่ได้ คือ นีแซม ตัวร้ายของเรื่อง ซึ่งสร้างสีสันให้กับ Prince of Persia The Sands of Time มากพอดู ถึงแม้ว่าชั้นเชิงการต่อสู้จะไม่โดดเด่นเป็นสง่า และพ่ายให้กับพระเอกค่อนข้างเร็วเกินคาด แต่ก็มีจุดเด่นทดแทนตรงความเจ้าเล่ห์ ซึ่งสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาถือไพ่เหนือกว่าได้ทุกเมื่อ

นอกเหนือความบันเทิงตามแบบฉบับผู้อำนวยการสร้าง เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ จากPirates of the Caribbean ผจญภัยล่าโจรสลัดสุดขอบโลกทั้งสามภาค และ National Treasure ปฏิบัติการเดือดล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลกอีกสองภาคแล้ว Prince of Persia The Sands of Time ยังแฝงสาระ ข้อคิดดีๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะปรากฎในช่วงท้ายเรื่อง ก่อนจบแบบสุขสันต์ นิรันดร

ขึ้นชื่อว่า “ชีวิต” ย่อมมีช่วงหนึ่งที่ต้องมีการกระทำผิดพลาด พลั้งเผลอกันบ้าง ดังนั้น เราควรมองที่ “ปัจจุบัน” และ “อนาคต “ มากกว่าที่มัวแต่คิดย้อนกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต แต่ควรนำ “สิ่งผิดพลาด” มาเป็นบทเรียน เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง

Posted by Juninlla วันอังคาร ที่ 8 มิถุนายน 2553

ที่มา http://www.oknation.net/blog/autis/2010/06/08/entry-1

 

ขอบคุณทุกท่าน ที่กรุณานำความรู้ที่ดีมาแบ่งปันกัน
ขออนุโมทนา ณ ที่นี้<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

เอ่อ แมลงหน้าเหมือนคนนี่
เมื่อเช้าที่บ้านลำปางเห็นหลายตัวเลยครับ
ทำไมซื้อกันตัวละห้าหมื่นเลยอ่ะ

 

รอดูกันต่อไป...

 

น่ารักดีนะ^-^ ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์
ชะอุ่ย ....หน้าแดงกับหน้าเหลือง

 

ดินไหว5.4Rเขย่าญี่ปุ่น-ไม่เตือนสึนามิ

<!-- CSS = "article-detail partners" -->

• <LI class=left>(+ให้คะแนนบทความ) <SCRIPT src="http://app.sanook.com/weblog/rating/js/?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=941323" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://app.sanook.com/weblog/rating/jspack?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=941323" type=text/javascript></SCRIPT><LINK href="http://static.sanook.com/share/js/jquery/jquery.rating/rating.css" type=text/css rel=stylesheet>Cancel Rating
  1
  2
  3
  4
  5
  
• เปิดอ่าน <SCRIPT src="http://app.sanook.com/weblog/counter/js/?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=941323" type=text/javascript></SCRIPT>548 ความคิดเห็น 0

ดินไหว5.4Rเขย่าญี่ปุ่น-ไม่เตือนสึนามิ
แผ่นดินไหว 5.4 ริกเตอร์ เขย่าประเทศญี่ปุ่น เบื้องต้นยังไม่มีประกาศเฝ้าระวังสึนามิ หรือรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งเหตุแผ่นดินไหวใต้ทะเลนอกชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงขนาด 5.4 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 02.37 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 23.37 น. ตามเวลาในประเทศไทย ที่ความลึก 35 กม. โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ห่างจาก เมืองชิชิ-ชีมา บนเกาะเกาะโบนิน ของประเทศญี่ปุ่น ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ราว 70 กม. และห่างจากกรุงโตเกียว เมืองหลวง ของประเทศญี่ปุ่น ราว 1,035 กม.
เบื้องต้น ยังไม่มีรายงานการประกาศเตือนเฝ้าระวังสึนามิ หรือรายงานความเสียหายแต่อย่างใด
สนับสนุนเนื้อหา
<!--article-fuction-->

 

มาติดตามข่าวค่ะ วันนี้ก็เพิ่งไปดู ปริ๊นส์ออฟเปอร์เซีย มาสนุกมากๆค่ะ พี่เกษม แบบว่าพระเอกหล่อมากกกกกกกกก

 

======================================


11 มิ.ย. 53


นั่งรถไฟ
จะมีคนทางไกลมาหา

นาฬิกาชายสองเรือนของเพื่อนนักเรียน
จะมีแนวร่วมชายเข้ามาร่วมสองราย






องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

ลองดูสถานการณ์ต่อตอน 5 ทุ่มครับ ขอให้ชาวโลกปลอดภัยกันทุกชีวิตครับ

 

ฝนถล่มบ้านพัง นครพนมอ่วม หนักสุดรอบ 50 ปี​

​

พายุฝนพัดถล่มบ้านเรือนพังเสียหายหนักกว่า 70 หลังคาเรือน ถือว่าหนักสุดรอบ 50 ปี อบต.เร่งสำรวจให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ที่นครพนม...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานที่จังหวัดนครพนม ได้เกิดพายุฝนลมกรรโชกแรงพัดถล่มบ้านเรือนชาวบ้านกล้วย ต.ขามเฒ่า องเมือง จ.นครพนม ได้รับความเสียหาย รวมถึง 70 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังคาถูกพัดพังทั้งหลัง บางหลังถูกลมพายุพัดนำโครงหลังคาปลิวไกลกว่า 100 เมตร ทับบ้านเรือนชาวบ้านอีกหลังได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากหัดโค่น ทับสายไฟฟ้าแรงสูงจนโค่นไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต

เบื้องต้น นายกองนี พาที นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม นำ สมาชิก อบต. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ อปพร. และผู้นำชุมชน เข้าสำรวจความเสียหาย พร้อมให้ความช่วยเหลือ นำช่างไปซ่อมแซมให้มีที่พักอาศัยเป็นการชั่วคราว รอการช่วยเหลือจากทางจังหวัด ส่วนค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นวาตภัยที่ได้รับความเสียหายที่ชาวบ้านไม่เคยประสบมาก่อนในรอบ 50 ปี

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดวาตภัยในพื้นที่ ต.ขามเฒ่า ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจตรวจสอบความเสียหาย พบมีบ้านเรือนถูกพายุพัก จำนวนรวม 70 หลังคาเรือน เสียหายหนักทั้งหลังประมาณ 10 หลังคาเรือน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไม่มีที่พักอาศัย จึงได้นำเจ้าหน้าที่เข้าเร่งซ่อมแซมช่วยเหลือให้มีที่พักชั่วคราวเป็นการ เร่งด่วน เกรงว่าจะฝนตกลงมาซ้ำอีก และรายงานไปยังอำเภอ จังหวัด เพื่อมาช่วยเหลือต่อไป ซึ่งบางจุดยังไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ ถือว่าเป็นวาตภัยที่ได้รับความเสียหายหนักสุดในรอบ 50 ปี เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยประสบมาก่อน ส่วนทาง อบต.ก็ได้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ และงบประมาณได้ตามกำลังที่มีอยู่ จึงฝากมายังหน่วยงานภาครัฐหาทางมาช่วยเหลือเร่งด่วน

นายวิจิตร พรมชัย อายุ 46 ปี ชาวบ้านที่ประสบปัญหา กล่าวว่า ได้เกิดพายุฝนตกลงมาประมาณ 30 นาที ทำให้บ้านเรือนของตน และเพื่อนบ้าน ได้รับความเสียหายหนัก ซึ่งไม่เคยพบมาก่อน เป็นลักษณะลมหมุน น่ากลัวมาก บางคนสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้รับความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนในเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องหาเงินมาซ่อมแซมบ้านอีก วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องหาทางมาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2553

สลด! พบปลาโลมาสีชมพูตายกลางอ่าวไทยอีก​

​

ชาวประมงพื้นบ้านนครศรีฯ พบปลาโลมาสีชมพู ลอยตายอืดเป็นตัวที่ 9 ในรอบ 40 วัน พบร่องรอยคล้ายถูกยิงตาย ส่งซากผ่าพิสูจน์ เอ็นจีโอลั่นเตรียมบุกพบอธิบดีประมง เพื่อหามาตรการแก้ไข...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่ชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวชิรพงษ์ สกุลรัตน์ ประธานชมรมพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขนอม และสมาชิกชมรมพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขนอม เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวกรณีปลาโลมาสีชมพู ที่อาศัยอยู่ในอ่าวขนอมและตลอดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช นับตั้งแต่เดือน พ.ค.-10 มิ.ย. ถูกฆ่าตายไปแล้ว 9 ตัว โดย 8 ตัวแรกพบศพบริเวณชายฝั่งทะเล อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

ล่าสุด ตัวที่ 9 ถูกพบเป็นซากลอยขึ้นอืดอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่งปากน้ำคลองกลาย ท้องที่บ้านเราะ ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 1 กิโลเมตร ชาวประมงพื้นบ้านไปพบเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าโลมาที่ตายเป็นโลมาพันธุ์หลังโหนกเผือก หรือ "โลมาสีชมพู" เพศเมีย ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตรเศษ หนัก 150 กิโลกรัม นับเป็นตัวแรกที่พบตายนอกพื้นที่อ่าวขนอม สภาพแตกต่างจากโลมาที่เสียชีวิตตัวก่อน ๆ ตรงที่พบบาดแผลบริเวณลำตัวช่วงท้องคลายถูกยิงด้วยกระสุนปืนหลายแผล แต่ยังไม่ยืนยันว่าตายเพราะถูกยิง โดยจะต้องมีการตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจน ว่ตายเพราะติดอวน หรือถูกยิง โดยทางศูนย์วิจัยทรัพยากรชายฝั่งทะเลภาคใต้ จ.สงขลา ได้เดินทางมารับซากโลมาสีชมพูไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดแล้ว

ประธานชมรมพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขนอม กล่าวว่า ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา โลมาหลังโหกเผือกหรือโลมาสีชมพู ตายไปแล้วกว่า 30 ตัว ส่วนใหญ่ตายเพราะติดอวนของชาวประมง แต่หากตัวล่าสุดสาเหตุการตายไม่ได้เกิดจากการติดอวนชาวประมง แต่เกิดจากถูกคนใจบาปยิง จะถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ หากถูกยิงคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่ออกไปท่องเที่ยวตกปลาเห็นปลาโลมา แหกว่ายไปมาจึงเกิดความคึกคะนองใช้อาวุธปืนรัวยิงใส่

ทั้งนี้ ตามปกติ โลมาสีชมพูจะอาศัยอยู่ตลอดแนวชายฝั่งตั้งแต่ 1,000-5,000 เมตร ที่ผ่านมา กลุ่มจากต่างพื้นที่ลักลอบเข้ามาทำประมงชายฝั่งโดยการใช้อวนถ่วง คือ อวนขนาดใหญ่และมีทุ่นหนักถ่วงด้านล่าง หากโลมาติดอวนก็จะดินไม่หลุด จนตาย รวมทั้งการใช้อวนล้อมก็เป็นอันตรายและเพิ่มความเสี่ยงให้โลมาเช่นเดียวกัน แต่หากประมงพื้นบ้านใช้อวนเบาแม้โลมาจะติดอวนแต่สามารถดินฉีกอวนจนขาดได้ไม่อยาก

นายวชิรพงษ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระของนครศรีธรรมราช เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและถาวรต่อไป แต่ยอมรับว่าไม่มั่นใจว่าทางผู้ว่าราชการจังหวีดนครศรีธรรมราชจะให้ความ สำคัญในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ตนจึงคิดว่านายก อบจ.นครศรีธรรมราช น่าจะเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการป้องกันแก้ไขปัญหานี้มากที่สุด โดยตนจะทำหนังสือถึงนายพิชัย บุณยเกียรติ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนก่อนที่โลมาจะสูญพันธุ์หรือย้ายไปหาแหล่ง ที่อยู่อาศัยใหม่ และในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะเดินทางเข้าพบอธิบดีกรมประมงเพื่อขอให้สั่งการหรือหามาตรการปกป้อง คุ้มครองโลมาสีชมพูต่อไป

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2553

'พาณิชย์'ระบุ ราคาสินค้าปกติ หลังการเมืองสงบ​

​

อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ ราคาพืชผักทางการเกษตรกลับสู่สภาวะปกติแล้ว หลังปัญหาการเมืองคลี่คลาย ลั่น พื้นที่ใดสินค้าเกษตรยังราคาสูงจะนำสินค้าธงฟ้าไปจำหน่าย พร้อมสั่งกรมการค้าภายในทั่วประเทศสำรวจราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดหวั่นมีผู้ฉวยโอกาส

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังนำคณะออกตรวจสอบราคาสินค้าตลาดสดบางแค และร้านจำหน่ายปุ๋ยเคมี หลังจากเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ผักสดชนิดต่าง ๆ ราคาจำหน่ายปลีกแพงมาก ซึ่งกรมการค้าภายในยอมรับว่า ในช่วงดังกล่าว อากาศร้อนประกอบกับเกิดสถานการณ์ทางการเมือง รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ทำให้ไม่สามารถขนส่งนำพืชผลทางการเกษตร เข้ามาในตลาดสดได้เพียงพอ ส่งผลให้ราคาผักสด ค่อนข้างมีราคาสูง แต่ขณะนี้โดยภาพรวมแล้ว ราคาผักกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

เช่น ผักชี ก่อนหน้านี้ มีราคา 350-400 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้ลดเหลือ 200-250 บาทต่อกิโลกรัม ผักกาดขาว เดิมมีราคาอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้เหลือ 30 บาทต่อกิโลกรัม ถั่วผักยาวเดิมราคาอยู่ในระดับ 80-100 บาท ต่อกิโลกรัม ขณะนี้ลดลงมาเหลือ 30-40 บาทต่อกิโลกรัม คะน้า เดิมราคาอยู่ที่ 415-50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้เหลือ 30 บาทต่อกิโลกรัม กะหล่ำปลีเดิม 300-400 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้เหลือ 35-40 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนราคาเนื้อสุกร บางตลาดจำหน่ายปลีก 125-130 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้ลดลงมาเหลือ 115-120 บาทต่อกิโลกรัม เนื้อไก่เฉลียอยู่ที่ 45-80 บาทต่อกิโลกรัม โดยภาพรวมในขณะนี้ ราคาสินค้าทางการเกษตรส่วนใหญ่กลับเข้าสู่ระดับปกติ แต่ถ้าหากพื้นที่ใดมีการจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าปกติ กรมการค้าภายในจะจัดนำสินค้าธงฟ้าไปจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจราคาปุ๋ยเคมี และยาปราบศัตรูพืช พบว่า ราคาปุ๋ยเคมีในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 290-300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในไทย ขนาดถุงบรรจุ 50 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 800-850 บาทต่อถุง จากเดิมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 10 50 บาทต่อถุง ขณะนี้ยาปราบศัตรูพืช ขนาดขวดบรรจุ 1 ลิตร เดิมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 200-220 บาท ลดลงมาเหลือ 120-150 บาทเท่านั้น

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ออกติดตามสำรวจราคาสินค้า อุปโภคและบริโภค รวมถึงสินค้าภาคการเกษตรไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาขึ้นเกินความจำเป็นและ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ร้อยเอ็ด-แหล่งน้ำร้อยเอ็ดวิกฤตหนักสุด​

​

แหล่งน้ำร้อยเอ็ดวิกฤตหนักสุด ลำน้ำเสียวและอ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า

นายภูเบศ ฝอยทอง หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงชลประทาน โครงการชลประทานร้อยเอ็ด เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์แหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดว่า ปัจจุบันเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากภัยแล้งฝนทิ้งช่วง ประกอบกับเกษตรกรชาวนาสูบน้ำไปทำนาปรังเกือบ 3 เท่าของปีที่ผ่านมา ทำให้แหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ห้วย หนอง คลอง บึง ฝาย อ่างเก็บน้ำ ลำน้ำชี ลำน้ำยัง ลำน้ำเตา ลำน้ำพลับพลา และลำน้ำเสียว น้ำแห้งขอด หนักสุดที่อ่างเก็บน้ำห้วยแอ่ง ลำน้ำยัง และลำน้ำเสียว น้ำแห้งขอดสามารถเดินข้ามไปมาได้

โดยเฉพาะ “ลำน้ำเสียวใหญ่” ในเขตอำเภอเกษตรวิสัย และอำเภอสุวรรณภูมิ น้ำแห้งขอดเนื่องจากเป็นลำน้ำที่ไม่มีน้ำเก็บกัก ไม่มีน้ำต้นทุนที่จะคอยเติมให้เหมือนกับเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ที่ไหลลงสู่ลำน้ำชีในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ดังนั้นลำน้ำเสียวจึงแห้งแล้วแห้งเลย เกษตรกรสิ้นหวังไม่มีน้ำทำการเกษตรและปลูกข้าว

นอกจากนี้ “อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า” ซึ่งอยู่ติดกับโครงการชลประทานร้อยเอ็ด ปีนี้น้ำลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ระดับน้ำสูงกว่า 4 เมตร ปัจจุบันเหลือเพียง 60 ซ.ม.ตื้นเขิน ดอกบัวแห้งตาย ประตูระบายน้ำสูงกว่าระดับน้ำ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำและส่งน้ำไป สู่เกษตรกรได้ สาเหตุเกิดจากชาวนาสูบน้ำไปทำนาปรังกันเป็นจำนวนมากเนื่องจากต้นปีที่ผ่านมาราคาข้าวสูงขึ้น ทั้งนี้นอกจากจะทำให้เกษตรกรไม่มีน้ำในการทำการเกษตรและทำนาแล้ว ปัจจุบันยังเป็นปัญหาการขาดน้ำผลิตประปาหมู่บ้านอีกด้วย คาดว่าหลังเดือนกรกฏาคม หลังฝนตกพื้นที่ต่างๆจึงจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ได้

สำหรับแผนการปลูกข้าวนาปี ปี 2553 นี้ ในเขตอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่อยู่ในการควบคุมดูแลของโครงการชลประทานร้อยเอ็ด 11 แห่ง ประกาศเลื่อนแผนการเพาะปลูกออกไปจากเดิม 13 มิ.ย. เป็นวันที่ 11 ก.ค.53 เนื่องจากคาดว่าจะมีน้ำในอ่างเพียงพอต่อการปักดำประกอบกับปัจุบันมีฝนตกในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีพื้นที่รับประโยชน์จากอ่างขนาดกลาง จำนวน 11 อ่าง พื้นที่รวม 63,441 ไร่

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัส ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อ่างทอง-ภัยแล้งหนักเดือดร้อนทั้ง 7 อำเภอ​

​

อ่างทอง-ภัยแล้งหนักชาวนาต้องแย่งกันสูบน้ำทำนาด้านน้ำอุปโภค บริโภค กว่า 6,000 ชีวิต เดือดร้อนหนัก

ที่จังหวัดอ่างทองสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มส่อเค้ารุนแรงคลองแม่น้ำเกือบทุกเส้นเกิดภาวะแห้งขอดบางพื้นที่ไม่มน้ำเลย โดยเฉพาะคลองสาหร่ายที่เป็นคลองสายหลักเป็นต้นน้ำที่สำหรับให้เกษตรกรใน อ.โพธิ์ทอง อ.วิเศษชัยชาญ และที่สำคัญเป็นต้นน้ำที่ส่งไปยัง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนี้เริ่มแห้งขอด บางช่วงไม่มีน้ำโดยเฉพาะบริเวณประตูน้ำที่เกิดการเน่าเสีย สำหรับเกษตรกรที่ทำนาทำสวนต้องนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำเข้าไปยังนาของตน บางรายที่ปลูกฝักบุ้งต้องเจอกับสภาพไม่มีน้ำ ทำให้ผักบุ้งเกิดใบเหลืองเก็บขายไม่ได้

เกษตรกรรายหนึ่งใน อ.โพธิ์ทอง กล่าวว่า ตอนนี้ทำนา 40 ไร่ต้องประสบปัญหาไม่มีน้ำ ส่วนน้ำในคลองชลประทานก็แห้ง พอฝนตกน้ำขังต้องรีบนำเครื่องมาสูบน้ำแย่งกับคนอื่น เพราะไม่รีบสูบเก็บไว้น้ำก็หมดคลอง

นายวิศวะ ศศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของจังหวัดอ่างทอง ยังคงขยายความรุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดพื้นที่ 7 เขต ในอำเภอเมืองอ่างทอง ได้รับผลกระทบ 618 ครัวเรือน 26 หมู่บ้าน 12 ตำบล เขตอำเภอวิเศษชัยชาญ ได้รับผลกระทบ 381 ครัวเรือน 31 หมู่บ้าน 12 ตำบล เขตอำเภอสามโก้ ได้รับผลกระทบ 588 ครัวเรือน 14 หมู่บ้าน 5 ตำบล เขตอำเภอโพธิ์ทอง ได้รับผลกระทบ 531 ครัวเรือน 21 หมู่บ้าน 10 ตำบล และเขตอำเภอไชโย ได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน 3 หมู่บ้าน 2 ตำบล ส่วนการขุดขยายคูคลองเพิ่มในแต่ละเขตพื้นที่ เขตอำเภอเมืองอ่างทอง จำนวน 20 แห่ง เขตอำเภอวิเศษชัยชาญ จำนวน 34 แห่ง เขตอำเภอแสวงหา จำนวน 7 แห่ง ใน 3 ตำบล และอำเภอป่าโมก มีการขุดคูคลอง จำนวน 6 แห่ง รวมทั้งสิ้นมีการขุดลองคูคลองขยาย จำนวน 13 แห่ง รวมทั้งจังหวัดได้รับผลกระทบ 2,048 ครัวเรือน 101 หมู่บ้าน 47 ตำบล

ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวย้ำ เป็นห่วงปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคน้ำ โดยการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะป้องกันภัยแล้ง ปี 2553 จังหวัดอ่างทอง เพื่อให้ความช่วยเหลือในส่วนของการจัดสรรน้ำเพื่อการแจกน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค ปริมาณ 9,105,500 ลิตร และการขุดคูคลอง จำนวน 93 แห่ง ทั้งเป็นการบรรเทาและแก้ไขปัญหาเบื้องต้น

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศรีสะเกษ-หนอนกระทู้กล้าข้าวบุกกินต้นกล้าข้าวเสียหายหนัก​

​

หนอนกระทู้กล้าข้าวระบาดหนัก บุกกินต้นกล้าข้าวในนาเสียหายกว่า 5 หมื่นไร่ ขณะที่ จ.ศรีสะเกษ เร่งพ่นฉีดสารเคมี เพื่อกำจัดหนอกระทู้กล้าข้าว และตั้งรางวัลรับซื้อหนอนกระทู้กล้าข้าวในราคา กก.ละ 5 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายปรีชา เชาว์ตระกูล เกษตร จ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านสนาย ต.พิมาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจสภาพความเสียหายของต้นกล้าข้าวจากการถูกหนอนกระทู้กล้าระบาดอย่างหนัก ได้กัดกินต้นกล้าข้าวในส่วนของใบข้าวและลำต้นข้าวของเกษตรกรในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งได้รับรายงานว่า ได้เกิดการระบาดของหนอนกระทู้กล้าข้าวอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่ อ.ปรางค์กู่

ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีแล้วกว่า 115,000 ไร่ ถูกหนอนกระทู้กล้าข้าวระบาดกัดกินต้นกล้าข้าวเป็นพื้นที่กว่า 50,000 ไร่ ในพื้นที่ 10 ตำบล โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.พิมาย ต.กู่ ต.หนองเชียงทูน ต.ดู่ และ ต.สมอ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง โดยบริเวณที่พบการระบาดของหนอนกระทู้กล้าข้าว จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่เกษตรกรมีการหว่านข้าวหนาแน่น

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ จ.ศรีสะเกษ ได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดหาสารเคมี เพื่อกำจัดหนอนกระทู้กล้าข้าว ให้หมดโดยเร็ว นอกจากนั้น ยังได้ให้เกษตรกรร่วมกำจัดด้วยจับหนอนกระทู้กล้าข้าว ซึ่ง อบต.จะรับซื้อในราคา กก.ละ 5 บาท เพื่อนำไปทำเป็นเชื้อปุ๋ยจุลินทรีย์ต่อไป และตนขอฝากให้เกษตรกรได้ป้องกัน และกำจัดหนอนกระทู้กล้าข้าว ซึ่งในปีนี้ได้มีการระบาดอย่างหนัก โดยขอให้สำรวจแปลงนา หากพบผีเสื้อ ให้ใช้กับดักแสงไฟกำจัดตัวแก่ รวมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชรอบแปลงนาอยู่เสมอ ซึ่งหากพบว่า มีการระบาดของหนอนกระทู้กล้าข้าวในเบื้องต้น ควรรีบแจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือเกษตรตำบล เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาการระบาดที่รุนแรงต่อไป

ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

ทราบข่าว เบื้องต้น ว่า..

น้ำทะเล ในภูเก็ต เริ่ม มี ระดับ สูงขึ้น ซึ่ง อาจจะ อยู่ในช่วง น้ำเต็ม เพราะ เพื่อน กล่าวว่า วันพระ ทางจีน

ซึ่ง ทางกลุ่มนักวิทยุสมัครเล่น ภูเก็ต เตรียมความพร้อม ในทุกๆ ด้านครับ

เช่นเดียวกับ ทางคุณ ถาวโร ทาง ทับละมุ stand by ครับ

 

*** กลยุทธ ยุทธวิธี ****

การเบี่ยงเบนความสนใจ...ยังใช้ได้เสมอ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ยังไม่นอนครับ ระบบสื่อสารพร้อมใช้งาน ติดตามข่าวตลอด

มีอะไรเร่งด่วนรบกวนโทร.แจ้งด้วยนะครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#abcdef height=25 colSpan=2 align=middle>แผ่น ดินไหวที่ NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION </TD></TR><TR><TD>ขนาด</TD><TD>: 7.5 ริกเตอร์ </TD></TR><TR><TD>จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว</TD><TD>: NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION </TD></TR><TR><TD>วันที่</TD><TD>: 13 มิถุนายน 2553 02:26 น. </TD></TR><TR><TD>ละติจูด</TD><TD>: 7° 37' 48'' เหนือ </TD></TR><TR><TD>ลองจิจูด</TD><TD>: 91° 54' 00'' ตะวันออก </TD></TR><TR><TD>ความลึกจากระดับผิวดิน</TD><TD>: 10 กิโลเมตร



ที่มา -
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
เรื่อง แผ่นดินไหวที่บริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์
--------------------------------------------------
เมื่อเวลาประมาณ ๐๒.๒๖ น. ของวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้เกิด
แผ่นดินไหว มีศูนย์กลางอยู่บริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ห่างจากจังหวัดพังงาไปทางทิศ
ตะวันตกประมาณ ๗๐๐ กิโลเมตรลึก ๑๕ กม. หรือละติจูด ๗.๗๖ องศาเหนือ ลองจิจูด ๙๒.๐๑ องศา
ตะวันออก ขนาด ๗.๖ ตามมาตราริคเตอร์ คาดว่าจะเกิดสึนามิขนาดเล็กในบริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง จึงให้
เฝ้าระวังการเกิดคลื่นสึนามิ และรอประกาศจากสำนักเฝ้าระวังแผ่นดิไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๐๒.๔๕ น.


(นายอังสุมาล ศุนาลัย)
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
เรื่อง ยกเลิกการเฝ้าระวังคลื่นสึนามิของเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์
--------------------------------------------------
ตามที่ได้เกิดแผ่นดินไหวบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ เมื่อเวลาประมาณ ๐๒.๒๖ น. ของวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ตรวจสอบจากสถานีวัดระดับน้ำทะเลบริเวณทะเลอันดามัน แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลผิดปกติ จึงขอประกาศยกเลิกการเฝ้าระวังสึนามิ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย


ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๐๔.๐๕ น.

(นายอังสุมาล ศุนาลัย)
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา