อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nanthiya1, 11 สิงหาคม 2010.

  1. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    อ่านค่ะอ่าน อ่านทุกประโยคทุกคำ ท่านใดที่เห็นขัดแย้งหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเชิงท้วงติง กรุณาลงข้อความเดิมทั้งหมดค่ะ เนื้อความเดิมถูกตัดตอนไม่สมบูรณ์ย่อมไม่เกิดประโยชน์ใดๆ และอาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
    ส่วนท่อนที่สอง "พวกที่แกล้งทำเป็นลงผีลงองค์หลอกชาวบ้านในชาติก่อน ชาตินี้ต้องมาเป็นอีกแต่คราวนี้เจอของจริง" หมายถึงพวกที่หลอกลงทรงต้มตุ๋นชาวบ้านค่ะ
     
  2. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    โลกมายาคือโลกมายา ไม่ใช่ของจริง จิตมนุษย์ต่างๆนานาๆ ไม่มีใครทำให้ทุกคนเข้าใจได้ตรงกันหมด เจตนาดีย่อมเป็นกุศลดี ไม่เบียดเบียนใคร มุ่งบำเพ็ญธรรมสู่ความพ้นทุกข์ อนุโมนาค่ะ
     
  3. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ผมขอทำความเข้าใจเรื่องการบำเพ็ญธรรมสู่ความพ้นทุกข์ ผมไม่แน่ใจว่า หากผมยังเป็นมนุษย์อยู่ ผมจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร แล้วจะทำอย่างไร จึงจะพ้นทุกข์ในชาติปัจจุบัน อันนี้ที่ถาม ไม่ได้ต้องการอวดภูมินะครับ แต่อยากแลกเปลี่ยนทัศนะหรือร่วมแบ่งปันความรู้ อันจะเป็นประโยชน์โดยทั่วกัน
     
  4. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    ครับ.....แล้วอย่าลืมนึกถึงหัวข้อกระทู้ ที่เจ้าของกระทู้เขาตั้งไว้เสียล่ะ

    เดี๋ยวไม่รู้จะไปทางไหน
     
  5. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    พิมพ์ผิดไปเล็กน้อยคำว่าอนุโมทนา อนุโมทนากับกุศลจิตของคุณภราดรภาพค่ะ
    ก่อนอื่นขออธิบายเพิ่มเติม สำหรับอาจารย์สนอง วรอุไร ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นหมอที่ไม่เคยเชื่อพุทธศาสนาจนกระทั่งท่านได้บวชเรียนได้ปฏิบัติธรรมเองรู้ได้ด้วยจนเอง หนังสือที่ท่านเขียนอธิบายเข้าใจง่าย ดิฉันให้ความนับถือท่านมากทั้งที่ไม่รู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัว ท่านเองพอรู้เห็นเองท่านจึงกล้าบอกว่าทสัญญาเก่าของท่านเคยบำเพ็ญเป็นฤาษีตนหนึ่ง หนังสือท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันหันมาปฏิบัติธรรม ทราบว่าปัจจุบันท่านพักผ่อนอยู่ที่เชียงใหม่ ใครเดือดร้อนมาท่านให้ความเมตตาค่ะ จากประสบการณ์ของดิฉันบอกได้ว่าใครสนใจเรื่องพุทธศาสนาและจิตวิญญาณลองหาอ่านหนังสือของท่าน และอีกท่านหนึ่งที่เป็นกูรูเรื่องจิตวิญญาณและทฤษฎีสองวิญญาณของท่านเป็นเรื่องจริง อันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากประสบการณืดิฉันค่ะที่ตามไปไล่พวกสัมภเวสี ไม่ได้ไล่เองหรอก ดิฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้ แต่ได้มีโอกาสติดตามไปกับพี่ชายท่านหนึ่งถึงได้ทึ่งในทฤษฎีสองวิญญาณของท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี ว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งที่มีหลายคนค้านกัน
    ส่วนเรื่องขันธ์ ไม่มีบอกไว้ในหนังสือของอาจารย์สนอง วรอุไร แต่เป็นที่รู้กันดีในอาจารย์สายขาว อาจารย์ที่เคยบอกเคยเตือนและบอกดิฉันว่าให้เตือนคนอื่นด้วยคือท่านอาจารย์วันชัย หลายเรื่องหลายราวที่พบเห็นมาบางทีได้เมตตาจากกายทิพย์ปู่ฤาษีท่านหนึ่ง ซึ่งทางครอบครัวของดิฉันให้ความเคารพท่านมาก พอทางบ้านมีเรื่องเดือดร้อนท่านจะเมตตามาช่วยเหลือ จึงได้มีโอกาสถามไถ่ในเรื่องต่างๆ อะไรรู้เห็นมาก็บอกต่อกันด้วยความหวังดีค่ะ
    ตอบคำถามคุณภราดรภาพ
    ดิฉันไม่ใช่ผู้รู้ ยังบำเพ็ญเพียรไม่สำเร็จ จึงไม่ควรกล่าวอ้างหรือสอนใคร อันนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่านเคยเทศน์สั่งสอนไว้ เรื่องสัญญาของอ.สนอง ซึ่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่านเคยกล่าวไว้คล้ายๆกัน ไม่ว่าใครก็ตามบำเพ็ญธรรม ภูมิธรรมเดิมที่บำเพ็ญมาแต่เดิมจรดปัจจุบันนี้ชาตินี้เต็มเปี่ยมดีแล้วถึงสำเร็จพ้นทุกข์ค่ะ นั่นหมายความว่าท่านใดที่สำเร็จในชาตินี้ รวมถึงพระอริยะสงฆ์ ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ มาบุญบารมีเต็มเปี่ยมในชาตินี้ ภูมิธรรมเจริญถึงขั้นสูงสุดท่านก็สำเร็จธรรม ผู้ที่สำเร็จธรรมหมดสิ้นกิเลสเข้าถึงความว่างแห่งจิตอย่างแท้จริง ทุกข์ใดๆเป็นไม่มีค่ะ นั่นคือพ้นทุกข์
     
  6. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ท่านนักรบ อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ปล่อยวางเสียบ้าง ก็ดีนะครับ
    มีกระทู้ไหนบ้างที่ไม่เคยเฉ เฉได้ ก็ตีกลับได้ มิใช่หรือ
    เหมือนจิตคนนั่นแหละ เพียงแต่จะใช้สัญชาติญาณมากน้อยแค่ไหน
    จริงไหมท่าน
     
  7. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ถึงสหายธรรมทุกท่าน
    ท่านที่มุ่งมั่นในการบำเพ็ญธรรมอยากให้ลองอ่าน 30 ข้อความเทศนาของหลวงปู่สิม ซึ่งดิฉันไปพบโดยบังเอิญจากเว็บกรรมฐาน ขออนุโมทนากับคนทำเว็บ,ผู้สนับสนุนและผู้ทัศนาในเว็บทั้งหลาย ที่อ้างอิงสามสิบข้อความเทศนานี้ ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่จิตของท่าน พิจารณาดู สิ่งใดเห็นเป็นประโยชน์แก่ท่านก็รับไป เมื่อดิฉันหยิบมานั่งอ่าน อ่านด้วยจิตและอ่านจนจบพลันบังเกิดปิติล้นพ้น
    รู้สึกสบายกายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก คือมันโล่งว่างไปหมด และได้ยินเสียงทิพย์มาอนุโมทนา จริงๆไม่ใช่สาระอะไรสำหรับเสียงทิพย์นั่น แต่ที่ต้องกล่าวอ้างถึงเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านค่ะ
    ธรรมโอวาทจากหลวงปู่สิม
    เว็บไซต์อ้างอิง http://www.kammatan.comffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ๑. คำว่าจิตได้แก่ ดวงจิต ดวงใจผู้รู้อยู่ ผู้เห็นอยู่ผู้ได้ยินได้ฟังอยู่ เราฟังเสียง ได้ยินเสียง ใครเป็นผู้รู้อยู่ในตัว ในใจนั้นแหละมันอยู่ตรงนี้ ให้รวมให้สงบเข้ามาอยู่ตรงนี้ ตรงจิตใจผู้รู้อยู่ (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๒. ตาเห็นรูปก็จิตดวงนี้เป็นผู้เห็นดีใจก็จิตดวงนี้หลงไป เสียใจก็จิตดวงนี้หลงไป เสียงผ่านเข้ามาทางโสตทางหูก็จิตดวงเก่านี่แหละ กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็จิตดวงนี้เป็นผู้หลงเมื่อจิตใจดวงนี้เป็นผู้หลงผู้เมา ไม่เข้าเรื่อง เราก็มาแก้ไขภาวนาทำใจให้สงบไม่ให้หันเหไปกับอารมณ์ใด ๆ เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดดับอยู่ในตัว ในใจ ในสัตว์ในบุคคลนี้ว่า มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็แตกดับไปเป็นธรรมดาอย่างนี้ (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๓. การปฏิบัติบูชา ภาวนานี้เป็นการปฏิบัติภายใน เป็นการเจริญภายใน พุทโธภายใน ให้ใจอยู่ภายในไม่ให้จิตใจไปอยู่ภายนอก (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๔.การภาวนาไม่ใช่เป็นของหนักเหมือนแบกไม้หามเสา เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใดก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ จนจิตใจผ่องใสสะอาดตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้นในตัวคนเรานี้เมื่อจิตใจสบายกายก็พลอยสบายไปด้วย อะไร ๆทุกอย่างมันก็สบายไปมันแล้วแต่จิตใจ (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๕.ทำอย่างไรใจข้าพเจ้าจะสงบระงับ มีอุบายอะไร ก็อุบายไม่ขี้เกียจนั่นแหละอุบายมันอยู่ที่ไหน อุบายมันอยู่ที่ความเพียร ทำอย่างไรข้าพเจ้าจะสู้กับกิเลสราคะโทสะ โมหะ ในใจได้ ไปสู้ที่ไหน ก็สู้ด้วยความเพียร สู้ด้วยความตั้งใจมั่นเราตั้งใจลงไปแล้วให้มันมั่นคงอย่าไปถอย (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๖.เพียรพยายามฝึกตนเองอยู่ มันจะเหลือ (วิสัย) ผู้มีความเพียรไปไม่ได้เพราะว่าบนแผ่นดินนี้ผู้มีความเพียรผู้ไม่ท้อแท้อ่อนแอในดวงใจไม่ว่าจะทำอะไรย่อมสำเร็จได้ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้า เมื่อเห็นแล้วเราต้องตั้งความเพียรลงไป ภาวนาลงไปเมื่อมันยังไม่ตายจะไปถอยความเพียรก่อนไม่ได้ (พระธรรมเทศนาพุทธาจารานุสรณ์)

    ๗. สู้ด้วยการละทิ้ง อย่าไปยึดเอาถือเอา เขาว่าให้เราเขาดูถูกเรา เสียงไม่ดีเข้าหูก็เพียรละออกไป ให้มันหมดสิ้น มนุษย์มีปากห้ามมันไม่ให้พูดไม่ได้ มนุษย์มีตา ห้ามไม่ให้มันดูไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลกท่านจึงตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันเป็นความร้อน ความร้อนคือกิเลสกิเลสเหมือนกับไฟ ไฟมันเป็นของร้อน (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๘.เราได้คลานภาวนาจนเข่าแตกเลือดออกมีไหม ไม่มี มีแต่นอนห่มผ้าให้มันตลอดคืนมันจะได้สำเร็จมรรคผลอะไร ก็ได้แต่กรรมฐานขี้ไก่ กรรมฐานขี้หมูไม่ลุกขึ้นภาวนาเหมือนพระแต่ก่อน พระแต่ก่อนท่านเดินไม่ได้ท่านก็คลานเอา (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๙. พุทโธในใจ หลงไหลทำไม ไม่ต้องหลงไม่ต้องลืม นั่งก็พุทโธในใจ นอนก็พุทโธในใจ ยืนก็พุทโธในใจ เดินไปไหนมาไหนก็พุทโธในใจ กิเลสโลเลละให้หมด โลเลทางตา โลเลทางหู โลเลทางจมูก ทางกลิ่นโลเลในอาหารการกิน เลิกละให้หมด (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๑๐.ไม่ต้องไปรอท่าว่าเมื่อถึงวันตายข้าพเจ้าจะภาวนาพุทโธเอาให้ได้ อย่างนี้ไม่ได้เราต้องทำไว้ก่อน เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนตั้งแต่บัดนี้ เดี๋ยวนี้เวลานี้เป็นต้นไป (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๑๑. ความตายนี้ไม่มีใครหลบหลีกได้ท่านให้นึกให้น้อมให้ได้ว่าทุกลมหายใจเข้าไป ก็เตือนใจของตนให้นึกว่านี่ถ้าลมหายใจนี้เข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ เกิดติดขัด คนเราก็ตายได้แม้ลมหายใจออกไปแล้ว เกิดอะไรติดขัดขึ้นมาสูดลมหายใจเข้าไม่ได้คนเราก็ตายได้ (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)

    ๑๒. เราทุกคนทุกดวงใจที่มีชีวิตอยู่ ณภายในนี้ ก็อย่าพากันนิ่งนอนใจ อยู่ที่ไหน กายกับใจอยู่ที่ไหนก็ที่นั่นแหละเป็นที่ปฏิบัติบูชา อยู่บ้านก็ภาวนาได้ อยู่วัดก็ภาวนาได้บวชไม่บวชก็ภาวนาได้ทั้งนั้น (พระธรรมเทศนา พุทธาจารานุสรณ์)
    ๑๓.ตั้งจิตดวงนี้ให้เต็มในขั้นสมถกรรมฐาน พร้อมกับวิปัสสนากรรมฐานให้แจ่มแจ้งในดวงใจทุกคน เท่านั้นก็พอเพราะว่าเมื่อเราเกิดมาทุกคนก็ไม่ได้มีอะไรติดมา ครั้นเมื่อเราทุกคนตายไปแล้วแม้สตางค์แดงเดียวก็เอาไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จงพากันนั่งสมาธิภาวนาให้เต็มที่จนกิเลสโลภะ อันมันนอนเนื่องอยู่ให้หมดเสียวันนี้ ๆถ้ากิเลสความโลภนี้ยังไม่หมดจากจิต ก็ยังไม่หยุดยั้งภาวนาจนวันตายโน้น (ธรรมลิขิตจากหลวงปู่)
    ๑๔. การภาวนาละกิเลสให้หมดไปจริง ๆนั้นต้องปฏิบัติดังนี้ เมื่อกำหนดรูปร่างกายของเราบริกรรมกำหนดลมหายใจจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว ต้องกำหนดรูปร่างของเราเอง นับตั้งแต่ ผมขน เล็บ ไปตลอดหมดในร่างกายนี้ให้เห็นตามความเป็นจริงที่มันตั้งอยู่และมันเสื่อมไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วย มีทวารทั้ง ๙เป็นสถานที่ไหลออก ไหลเข้าซึ่งของไม่งาม (ธรรมลิขิตจากหลวงปู่)
    ๑๕.อันความตายนั้น จงระลึกดูให้รู้แจ้งด้วยสติปัญญาของตนเองยกจิตใจตั้งให้มั่นอย่าได้หวั่นไหว เจ็บจะเจ็บไปถึงไหนก็แค่ตายอยู่ดีสบายอยู่ไปถึงไหนก็แค่ตาย แก่ชราแล้วไม่ตายไม่ได้เมื่อมาถึงบุคคลผู้ใดจะให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้ ต้องภาวนาให้พ้นจากความตายความตายนั้นมีทางพ้นไปได้ อยู่ที่การละกิเลสล้างกิเลสในใจให้หมดสิ้น
    ๑๖.วันคืนเดือนปี หมดไป สิ้นไป แต่อย่าเข้าใจว่าวันคืนนั้นหมดไป วันคืนไม่หมดชีวิตของแต่ละบุคคลหมดไปสิ้นไป มันหมดไปทุกลมหายใจเข้าออก ฉะนั้น ภาวนาดูว่าวันคืนล่วงไป เราทำอะไรอยู่ทำบุญหรือทำบาป เราละกิเลสได้หรือยังเราภาวนาใจสงบหรือยัง
    ๑๗. ทุกข์อยู่ที่ไหน ทุกข์อยู่ในใจยึดมั่นถือมั่นยึดมั่นถือมั่นในชาติตระกูล ในตัว ในตน ในสัตว์ในบุคคลความยึดอันนี้แหละที่ยึดให้มีทุกข์ไม่ให้มีความสุข มันเป็นไปไม่ได้เหมือนกับว่าเราจะไม่ให้แก่ ก็แก่เรื่อยไป ต้องรู้ว่าแก่เพราะอะไรก็เพราะว่าจิตมายึดถือ เมื่อจิตมายึดมาถือ จิตจึงมาเกาะอยู่ มาเกิด มาแก่ชราเจ็บไข้ได้พยาธิ ผลที่สุดก็ถึงซึ่งความตาย
    ๑๘. บทภาวนาบทใดก็ดีทั้งนั้นถ้าภาวนาได้ทุกลมหายใจ ก็เป็นอุบายธรรมอันดีทั้งนั้นความตั้งมั่นในสมาธิภาวนาของจิตใจคนเรานั้น ย่อมมีเวลาเจริญขึ้นมีเสื่อมลงเป็นธรรมดา ถ้าเรามารู้เท่าทันว่า การรวมจิตใจเข้าเป็นดวงหนึ่งดวงเดียวเป็นความสงบสุขเยือกเย็นอย่างแท้จริง ก็ให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติบูชาภาวนาอย่าได้มีความท้อถอยเมื่อใจไม่ท้อถอยแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เราท้อแท้อ่อนแอได้เพราะคนเรามีใจเป็นใหญ่เป็นประธาน สำเร็จได้ด้วยใจทั้งสิ้น
    ๑๙.ความเที่ยงแท้แน่นอนในโลกนี้ จะเอาที่ไหนไม่มี ผู้ปฏิบัติจงรู้เท่าทันรู้เท่านั้นแล้วก็ปล่อยวาง อย่าเข้าไปยึดถือ อย่าไปยึดว่าตัวกูของกู ตัวของข้าตัวของเรา เราเป็นนั้นเป็นนี้ ตัวเราของเราไม่มี มีแต่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมมีแต่หลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งโลก
    ๒๐. ให้ทานข้าวของวัตถุภายนอกก็เป็นบุญ แต่ยังไม่ลึกซึ้งให้ทำบุญภายในใจให้เป็นบุญอยู่เสมอภาวนาพุทโธ นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอยู่ภายในนี่แหละบุญภายใน

    ๒๑. อวิชชา แปลว่าไม่รู้ ไม่รู้ต้น ไม่รู้ปลาย ไม่รู้อยู่ จิตจึงได้วนเวียน หลงใหลเข้าใจผิดว่าโลกนี้ยังมีความสุขซ่อนอยู่ ความจริงแล้วในมนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดีพรหมโลกก็ช่าง ล้วนแล้วตกอยู่ในกองทุกข์กองภัย ต้องมีภัยอันตรายรอบด้าน
    ๒๒. ชีวิตของคนเราไม่นาน ชีวิตนี้มีน้อยที่สุด เวลาเรายังไม่ตายก็ได้ข่าวคนนั้นว่าตายที่เขาเอาไปฝังทิ้งหรือเอาไปเผาไฟเพื่อไม่ให้กลิ่นมันเหม็นจมูกเขาต่างหาก เราต้องพิจารณา ต้องทำด้วยกำลังศรัทธาของเรา ทำไมพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านจึงเกิดอสุภเห็นแจ้งในจิตในใจได้เห็นคนก็เห็นก้อนอสุภกรรมฐาน เห็นคนก็เห็นความตายของคนนั้น
    ๒๓. สงบแต่ปากใจไม่สงบก็ไม่ได้ ต้องให้สงบ ใจสงบคือว่าเมื่อฟุ้งซ่านรั่วไหลไปที่อื่นก็ให้คอยระวัง นึกน้อมสอนใจของตัวเองด้วยว่าความเกิดเป็นทุกข์ เกิดมาแล้ว เป็นทุกข์ อย่างนี้แหละจะไปเอาสุขที่ไหนในโลกที่ไหนมันก็ทุกข์เท่าๆ กัน เอาสิ่งเหล่านี้มาเตือนใจตนเอง
    ๒๔.เวลาความตายมาถึงเข้า กายกับจิตจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เรียกว่าแยกกันไปจิตทำบาปไว้ก็ไปสู่บาป จิตทำบุญไว้ก็ไปสู่บุญ จิตละกิเลสราคะ โทสะ โมหะได้ก็ไปสู่นิพพาน จิตละไม่ได้ก็มาเวียนตายเวียนเกิด วุ่นวายอยู่อย่างนี้พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในโลก มนุษย์ทั้งหลายก็ยังไม่หมดไปจากโลก ยิ่งในปัจจุบันนี้ยิ่งมากกว่า ในสมัยก่อน มันเกิดมาจากไหนก็เกิดมาจากจิตที่เต็มไปด้วยอวิชชา-ความไม่รู้ ตัณหา-ความดิ้นรน ไม่สงบตั้งมั่น ก็สร้างตัวขึ้นมาในแต่ละบุคคล แล้วก็มาทุกข์ มาเดือดร้อนวุ่นวายอยู่ในวัฏสงสารอย่างนี้แหละ

    ๒๕. ให้ละกิเลสออกจากจิตให้หมดทุกคนกิเลสนี้แหละทำให้คนเราเดือดร้อนวุ่นวายอยู่ไม่มีที่สิ้นสุดกิเลสนั้นเมื่อย่นย่อเข้ามาก็คือ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ๓ อย่างเท่านี้ทำไมจึงเกิดมาสร้างกิเลสให้มากขึ้น ไปทุกภพทุกชาติ ทำไมหนอ ใจคนเราจึงไม่ยอมละการละก็ไม่หมดสักที ในชาติเดียวนี้ตั้งใจละ ทั้งพระเณร และญาติโยม ทั้งหลายความโกรธเมื่อเกิดขึ้นอย่าโกรธไปตาม ถ้าไม่โกรธไปตามมัน จะตายเชียวหรือทำไมจึงไม่ระลึกอยู่เสมอ ว่าคนเราจะละความโกรธ ให้หมดสิ้นไป ในเวลาเดี๋ยวนี้อย่าให้มีการท้อถอยในการสร้างความดี มีการรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗พร้อมทั้งการเจริญสมาธิภาวนาฆ่ากิเลสตัณหาให้หมดไป ใจจึงจะเย็นเป็นสุขทุกคน
    ๒๖. ภาวนาให้ได้ทุกลมหายใจเข้าออกเมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจิตของผู้ภาวนาก็สูง คำว่าสูงก็เหมือนเรือที่ลอยลำอยู่ในแม่น้ำลำคลองหรือที่มหาสมุทรก็คือ.......จิตมันอยู่เหนือน้ำ
    ๒๗. จิตอยู่เหนืออารมณ์ เหมือนเรืออยู่เหนือแม่น้ำ มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจึงจำต้องฝึกอบรมตัวเองให้มีความอดทน

    ๒๘. เวลาความสุขมาถึงเข้าเราจะไปเอาความสุขในความสรรเสริญเยินยอ มั่งมีศรีสุขอย่างเดียว แต่เราหารู้ไม่ว่า "ความสุขมีที่ไหน ความทุกข์ก็มีที่นั้น"
    ๒๙. มรณกรรมฐานนี้เป็นยอดกรรมฐานคนเราเมื่ออาศัยความประมาทมัวเมาไม่ได้มองเห็นภัย อันตรายจะมาถึงตน คิดเอาเองหมายเอาเอง ว่าเราคงไม่เป็นไรง่ายๆ เราสบายดีอยู่ เรายังเด็กยังหนุ่มอยู่ความตายคงไม่กล้ำกรายได้ง่ายๆ อันนี้เป็นความประมาท มัวเมา
    ๓๐.ถ้ามองเห็นความตายทุกลมหายใจเข้าออก สบายไปเลย กูก็จะตาย สูก็จะตายจะมากังวลวุ่นวายกัน
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
     
  8. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    อนุโมทนา กับคุณโมกค่ะที่ส่งธรรมะดีๆ มาให้อ่านตุ๋ยก็ชอบ อ สนอง วรอุไร เหมือนกันชอบธรรมะของท่าน อ่านเรื่องของคุณ ศิลามณี ปลื้มจนขนลุกเลยค่ะดีจัง เดี๋ยวตุ๋ยจะเอาเรื่องพระธาตุมาให้ เพื่อนๆอ่าน เพราะประสพด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ขอไปธุระก่อน


    บายค่ะ เดี๋ยวพบกันนะค่ะ
     
  9. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    คะทั้งหมดผ่านมา สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารกับญาติมิตร ญาติธรรม เพื่อนฝูง คือให้หันมาปฏิบัติได้แล้ว ไม่ต้องสงสัยแล้ว

    บายๆๆนะคะ ^-^
     
  10. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ค่ะ สงสัยก็ต้องปฏิบัติ ตุ๋ยปฏิบัติมาตั่ง 10 กว่าปีก็เพราะไอ้ความสงสัยนี่แหละถูกบ้างผิดบ้างก็ปฏิบัติ แต่ก็ยังไม่ไปถึงไหน ก็พอหายสงสัยได้บ้าง จะเล่าเรื่องพระธาตุเสด็จให้เพื่อนฟังค่ะ ตุ๋ยไม่เคยรู้ว่าพระธาตุมีลักษะแบบไหนเห็นเขาว่ากันว่าคนที่มีบุญพอเท่านั้นที่เขาจะมีพระธาตุได้ อันนี้เห็นหนังสือเขาว่าแบบนั้น ตุ๋ยก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเราคงจะไม่มีบุญท่านก็เลยไม่อยากมาอยู่ดว้ยไปเห็นของแม่ แม่เขามีแต่เป็นพระธาตุ สาวกพระพุทธเจ้าดิฉันก็เฉยไม่อยากได้ แต่มาต้นปีที่แล้วตุ๋ยกลับไปเมืองไทยไปทำบุญที่บ้านเกิดพบญาติที่เขาปัฎิบัติดีเขาพาไปดูพระธาตุของเขา เขาบอกว่าพระให้เขามา 2 องค์ แต่ตอนนี้เสด็จมาเยอะเลย
    ตุ๋ยสงสัยว่าท่านเสด็จมาอย่างไร ญาติบอกว่าท่านจะเสด็จมาเข้าผอบเลย ตุ๋ย เหรออยากเห็นจังเลย ญาติก็เลยให้มา 4 องค์มาบูชา และญาติก็บอกให้สวดมนต์ทุกวันคือปัฎิบัติดีไม่งั้นท่านเสด็จหนีหายมาได้ท่านก็ไปได้ ตุ๋ยก็เอามาเก็บใว้ในผอบสวดมนต์ทุกวันนั่งสมาธิด้วยก็เปิดดูแทบทุกวันเหมือนกัน แต่ท่านก็ยังไม่เสด็จมา นึกอยู่ในใจว่าพระธาตุจ๋าเมื่อไรจะเสด็จมาเสียทีอยากเห็น เลยโทรไปถามญาติไม่เห็นพระธาตูเสด็จมาเสียทีญาติ ญาติถามเปิดดูทุกวันเหรอตุ๋ยตอบใช่ ญาติขำ ไปเปิดดูทุกวันท่านก็ไม่เสด็จละซิ เพราะมีความอยาก ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เปิดดูอีกรอ 3-4 วันค่อยเปิดดู พอมาได้ 2 ทิตย์ดิฉันจะไปปฏิบัติธรรมที่ ภูเรือ
    จังหวัดเลย 7 วัน เตรียมกระเป๋า เก็บห้องอยู่มีเสียงอะไรล่วงลงมามองดู เห็นเป็นเม็ดเล็กๆก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรพอดูดีๆ อ้าวพระธาตุกลมใสสวยมากเหมือนแก้วสาระพัดนึก ดิฉันคิดว่าจะไปอยู่ในผอบ พอองค์ที่ 1 ล่วง 2-3-4-5- ก็ตามมาวันนั้นท่านเสด็จ 5 องค์สวยมากบางองค์ก็ออกเป็นสีชมพูออ่นๆ บางองค์ก็ขาวใสคล้ายเพชรไม่รู้มาอย่างไงมาล่วงต่อหน้าตุ๋ยสงสัยจะมาท่างหน้าต่าง อาทิตย์นั้นไปปฎิบัติธรรมเป็นปลื้มทั้งอาทิตย์เลย เกิดมาไม่เคยเห็นสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ แล้วยังมีอีกเมื่อปลายปีทีแล้วได้ไปบวชชีพรามที่วัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ อุทัยธานี 10 วันแต่อยู่ไม่ถึง10 วันกลับก่อนพอกลับมาถึงบ้านช่วง 6 โมงเย็นก็เก็บห้องเอาเสื้อผ้าออกเข้าที่ ก็คิดอยู่ในใจว่าจะมีพระธาตุเสด็จมาหรือเปล่านะ แต่ก็ไม่มีแต่พอ 4 ทุ่มผ่านไป มีพระธาตุเสด็จมาจริงๆ มาล่วงตรงหน้าหลายองค์นับได้อยู่ในมือมี 8 องค์ด้วยความดีใจเอาไปให้แม่ดู พอนับว่ามี 8 องค์เห็นเป็นแสงแวบเพิ่มมาอีกหนึ่งองค์เป็นเก้าองค์ท่านเสด็จเข้ามาในมือเลย แบ่งให้แม่ใว้บูชาบ้างก็ขึ้นมาในห้องท่านเสด็จมาอีกอยู่บนที่นอนอยู่ใต้หมอนเก็บเพลินไปเลยวันนั้นได้ 13 องค์แล้วท่านก็เสด็จมาเลื่อยๆ องค์
    สององค์บ้าง รวมๆ ได้ 30 กว่าองค์ก็แจกเพื่อนเอาไปบูชาเวลาที่เขาร่วมทำบุญด้วยนี่แหละประสพการณ์และความหหัศจรรย์ที่ได้พบ บางท่านอาจจะได้พบจนชิน แต่ดิฉันไม่เคยได้พบก็เลยคิดว่าเป็นสิ่งมหศัจรรย์ เอาใว้ครั้งหน้าจะเล่าผลการปฎิบัติธรรมเพื่อแชประสพการณ์ให้ฟังแต่วันนี้พักก่อน
     
  11. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    พดดีลูกสาวกลับมาจากเที่ยวก็เลยให้ลูกสาวช่วยส่งรูปพยานาคมาไห้ดูกัน ตอนที่ตุ๋ยไปบวชชีพรามเมื่อปลายปีที่แล้ววัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จัดหวัดอุทัยธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_1009.JPG
      100_1009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      117
    • 100_1016.JPG
      100_1016.JPG
      ขนาดไฟล์:
      843.6 KB
      เปิดดู:
      116
    • 100_1010.JPG
      100_1010.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      101
    • 100_1017.JPG
      100_1017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      100
    • 100_1018.JPG
      100_1018.JPG
      ขนาดไฟล์:
      874.4 KB
      เปิดดู:
      99
  12. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    เป็นอัศจรรย์ค่ะ มาอนุโมทนาบุญกัน งานบุญงานธรรม กายทิพย์ใฝ่ธรรมทั้งหลายร่วมยินดี แล้ววัดที่พี่นันทิยาเคยกล่าวถึงที่เพชรบูรณ์คือวัดซับไพเราะ หลวงตาตะปะสีใช่มั้ยคะ เคยอ่านประวัติของท่านว่าท่านมาจากสายนาค
    ผู้มีพระบรมสารีริกธาตุทุกท่านล้วนเคยเป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยเหลือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในทุกรูปแบบ แค่นำน้ำมาให้ท่านหรือวางผ้าเช็ดพระบาทให้ท่านก็ถือว่าเคยมีบุญกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาชาตินี้เหล่าเทวดาผู้รักษาพระบรมสารีริกธาตุจะเป็นผู้เลือกว่าจะนำองค์พระบรมสารีริกธาตุมอบให้ผู้ใดรักษาต่อไปในท่านเหล่านั้น
     
  13. จิตอารี

    จิตอารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +223
    เข้าไป งัด กระทู้ ขึ้นมาให้แล้วค่ะ เข้าไปดูใหม่ นะค่ะ เรื่องมัน ยาว ขี้เกรียจเล่า

    เป็น เรื่องจริง ที่เกิด กับ เราเอง เด๊วพรุ่งนี้ จะแวะมาคุยใหม่ ค่ะ
     
  14. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ใช่ถูกต้องค่ะคุณ โมก วัดซับไพเราะหลวงตา ตะปะสีท่านมาจากสายนาคจริงๆตุ๋ยรับสร้างพระกับเพื่อน ยังไม่โทรไปหายท่านเลยว่าตอนนี้ได้เงินแล้วเพราะดิฉันก็เป็นลูกหลานพยานาคเหมือนกันปู่นาคไปตามถึงต่างประเทศทีแรกก็ไม่รู้เมื่อต้นปีทีแล้วฝันออกลูกเป็นงูในฝันตกใจเกือบแย่ เพราะปกติตุ๋ยเป็นคนกลัวงูมากและไม่เคยรู้มาก่อนงูมันออกลูกตรงไหนแต่ในฝันท้องสามเดือนออกลูกทางไส้ดือ ตอนออกหัวออกมาก่อนจนไปถึงหาง แล้วไปกองอยู่ที่พื้น ตุ๋ยตกใจว่าตัวเองออกลูกมาเป็นงูไม่กล้าอุ้ม สักพักหนึ่งงูกลายเป็นเด็กผู้ชายงามมากก็เลยเอามาอุ้ม มีเสียงกระชิบมาว่าพยานาคตระกูลสีเขียว พอตื่นจากฝัน งง ไปหมดอะไรเนียแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าคงเป็นแค่ความฝัน พอกลับไปเมื่องไทยขึ้นไปปฏิบัติธรรมเมื่อกลางปีที่แล้ว 7 วันที่ภูเรือจังหวัดเลย ชว่งนั่งสมาธิ จิตสงบมาอีกแล้วงูตัวใหญ่มาแผ่แม่เบี้ยจองมองตุ๋ยอยู่อย่างนั้น ตุ๋ยก็คิดว่าเราก็ไม่เคยไปฆ่างูเลยนี่นาแล้วมาอย่างไงละเนี่ยแผ่เมตตาให้ใหญ่เลยกว่าจะไปได้นานเหมือนกัน พอมาบวชชีพรามที่วัดหลวงพ่อฤาษีมาคูยกับหลวงตาตะปะสีรู้จักท่านมานานแล้วตั้งแต่มาบวชชีพรามปีแรกแต่ก็ยังไม่เคยไปวัดท่านเสียทีพอเล่าให้หลวงตาฟังหลวงตาก็หัวเราะและพูดว่าปู่นาคไปตามลูกหลานแล้วดิฉันก็ต้องไปวัดหลวงตากลัวว่าปู่นาคจะมาตามอีก นี่แหละค่ะประสพการณ์ที่ไปพบมาเกี่ยวกับพยานาค
     
  15. ying_pim

    ying_pim สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7
    รับขันไม่ใช้ก็ไม่น่าจะเสียหายนะคะ ถ้าไม่ดีเค้าจะรับมาทำไม
    พิม์ขอถามอีกนิดค่ะ คำว่ามีครู/หรือมีของดีกับตัวเราจะทราบได้อย่างไรคะ
    ทำไมต้องเป็นเรา เพื่ออะไรคะ
     
  16. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ying_pim<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3685484", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2010
    ข้อความ: 3
    Groans: 1
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 99999999999
    Thanked 99999999999 Time in 99999999999 Post
    พลังการให้คะแนน: 99999999999 [​IMG]

    พี่ใช้สูตร Action Replay ทำค่าพลังให้เต็มไปเลยนะครับ





    สวัสดีครับ... พี่เป็นตัวแทนสมาชิกหนุ่มๆในเวบพลังจิต

    มาทักทายต้อนรับขับสู้ สมาชิกใหม่
    ตามมารยาท นะครับ

    ไม่ได้มาทักเพราะเหตุผลหรืออารมณ์ส่วนตัวเลยนะครับเนี่ย... ทำเพื่อรักษามารยาทส่วนรวมนะครับ





    รับขันไม่ใช้ก็ไม่น่าจะเสียหายนะคะ ถ้าไม่ดีเค้าจะรับมาทำไม

    เอ่อออ... พี่ดูโหงวเฮ๊งคุณน้องแล้วเนี่ย ก็ไม่น่าจะใช้ขันแล้วนี่นา เดาว่าน่าจะใช้ฝักบัวอ่ะ
    หลายๆคนเขาใช้ฝักบัวกันแล้วนะ มันประหยัดน้ำดี
    ยิ่งถ้าเป็นฝักบัวหรือดอกบัวที่กำลังโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแล้วล่ะก็ ยิ่งห่างไกลเรื่องขัลลลเรยยยฮะคุณน้อง

    คงจะเหลือไว้แต่ขันติโสรัจจะ ขันนี้ควรมีอย่างยิ่ง... ขันติ





    พิมพ์ขอถามอีกนิดค่ะ คำว่ามีครู/หรือมีของดีกับตัวเราจะทราบได้อย่างไรคะ

    ผู้มีสติแท้ ย่อมรู้ตนว่ามีหรือไม่มีคุณธรรมใดอยู่ในตน... สติกับปัญญา และการศึกษาขัดเกลาตนเอง จะทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรทั้งภายนอกและภายในตนเองชัดขึ้น

    ที่สำคัญ... ถ้าจะมีอะไรดี ก็ควรรู้ว่ามีด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าไปเจอใครทักว่ามีดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็เห่อฟูไปตามคำพูดเขา
    มิจฉาชีพก็ใช้มุขทักว่ามีดีนี่ล่ะ หลอกคนที่ชอบมีอะไรพิเศษเหนือคนทั่วไปมานักแล้ว






    ทำต้องเป็นเรา เพื่ออะไรคะ<!-- google_ad_section_end -->

    มันก็มีดีทุกๆคนแหละครับคุณน้อง อย่าไปคิดว่าเราวิเศษกว่าใครได้เลย
    ยิ่งเข้าถึงรสแท้ของธรรมชาติมากเท่าไหร่... ก็จะยิ่งใฝ่หาความเป็นธรรมดาเรียบง่ายของชีวิต

    สรุปว่า ถ้าเรื่องมากๆขั้นตอนเยอะๆ มันก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติน่ะนะ
     
  17. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    สวัสดีคะ เพื่อนๆ<O:p</O:p
    อืมร์ เพิ่งทราบว่า คุณตุ๋ย เป็นลูกหลานปู่พญานาคด้วยเหมือนกัน ถึงว่า ก็ยังแปลกใจตนเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมศิลามณี วิ่งเข้าวิ่งออกในกระทู้นี้จังเลย ดีใจนะคะที่ได้พบกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับศิลามณีตอนที่รู้ว่าตนเอง น่าจะมีอะไรเกี่ยวพันกับปู่พญานาคนี่ ศิลามณีไม่ได้ฝันคะ มีแต่ท่านจะมาแสดงให้เห็นตามคำอธิฐานจิต ดังที่เคยเล่าไว้ กับอีกครั้งหนึ่งตอนนั่งสมาธิ ก็สัมผัส แตะพลังงานของท่านได้ ที่บริเวณฝ่ามือทั้งสองของข้างนะคะ จะเริ่มจากรู้สึกปวด และ ร้อนแบบปัจจุบันทันด่วน ตามด้วยอาการคันที่ฝ่ามือเล็กๆ แต่ปวดและร้อนจะมีมากกว่า คล้ายกับโดนน้ำกรด ( แต่ถ้าโดนน้ำกรดจะมีแผลเวอะหวะบริเวณที่โดน ) แต่นี่มีแค่รอยเป็นแผ่นแดงที่ฝ่ามือ เจ็บนะสิคะ ประมาณ 2-3 นาที ถึงค่อยๆคลายออกไป ครูอาจารย์บอกว่าท่านมาร่วมปฏิบัติด้วย . มาระยะหลังมีเห็นเป็นนิมิตบางแต่ไม่บ่อย ครั้งหนึ่งเห็นแค่ลำตัวใหญ่เท่าแผ่นฟ้าพร้อมกับเกร็ดเป็นที่ทอง.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อืมร์..เมื่อครั้งที่ไปปฏิบัติที่วัดป่า ศิลามณี เห็นต้นไม้คุยกันด้วยคะ ... เคยเห็นไหม เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่านะคะขอไปทำธุระต่อก่อน
    <O:p</O:p
    บายๆคะ <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  18. จิตอารี

    จิตอารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +223
    เข้า ไปดู หรือยัง ค่ะ คุณ ไปดัน กระทู้ รออยู่ นะค่ะ...
     
  19. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    แหม คุณจิตอารี ช่างเป็นสาวน้อยวัยรุ่นใจร้อนจริงๆนะ เข้าไปดูแล้ว แต่ยังสมัครสมาชิกไม่ได้ระบบเป็นอะไรไม่ทราบ เลยไม่ได้แปะข้อความทักทายไว้ และ กำลังอ่านที่คุณเล่าอยู่คะ


    .... เพื่อนๆคะ ที่อยู่ที่คุณจิตอารี เธอเล่าประสพการณ์ อยู่ในนี้นะคะ

    อยากเล่าประสพการณ์เกี่ยวกับเรื่องทรงองค์เจ้า มีใครสนใจมั่ง - เว็บบอร์ด--
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  20. จิตอารี

    จิตอารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +223
    สมัคร สมาชิกแล้วเข้าไปคุย กัน บ้าง นะค่ะ!! มีอะไร ดีๆ แนะนำ กันได้ ค่ะ ยินดีที่ รู้จัก ค่ะ ...(ทำ เรียบร้อย ม่าย ช่าย ตัวตน ที่แท้ จิง ของ ดวงง):z16
     

แชร์หน้านี้

Loading...