น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของคุณโยมวีระชัยสักนิด<o:p></o:p>
    นิพพานที่หมายถึงความไม่มีทุกข์ หรือความสงบเย็นนั้น คนธรรมดาก็มีได้ขณะจิตไม่มีกิเลส(เช่นตอนจิตปลอดโปร่ง แจ่มใส) แต่ไม่สมบูรณ์หรือเย็นสนิทและถาวรเท่านั้น ยิ่งคนที่ได้ ฌาน ๔ จิตจะบริสุทธิ์ที่สุด และนิพพานสูงสุด(เย็นสนิท)ก็จะปรากฏ เพียงแต่ถ้าฌานนี้เสื่อม นิพพานนี้ก็จะหายไปเท่านั้น<o:p></o:p>
    นิพพานนี้เราทุกคนก็มีกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ลองใครมีกิเลสในจิตตลอดเวลาก็คงต้องเป็นบ้าตายไปแล้วเพราะถูกกิเลสเผาอยู่ทั้งวัน จริงหรือไม่? ฉะนั้นก็ขอร้องว่าอย่าเกลียดกลัวนิพพานนี้ เพราะว่านิพพานนี้ได้ช่วยหล่อเลี้ยงจิตของเราให้ได้รับการพักผ่อนไม่เร่าร้อนเป็นทุกข์ตายไปเสียก่อน<o:p></o:p>
    ดังนั้นเราจึงไม่ควรเนรคุณต่อนิพพานนี้ แล้วก็ไปหวังนิพพานที่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ของจริงมีอยู่เท่านี้ เรากลับไม่พอใจ เรากลับโลภไปอยากได้นิพพานที่เป็นบ้านเมืองที่เป็นอมตะ เมื่อมีความโลกที่เป็นกิเลส ถ้าสมมตินิพพานนั้นมีจริงก็ไม่มีทางที่คนโลภจะได้เป็นแน่<o:p></o:p>
    ส่วนเรื่องนรกคือความร้อนใจ และสวรรค์คือความสุขใจตามที่อาตมากล่าวถึงนั้น มันก็คือจิตสำนึกของเราทุกคนนั่นเอง คือถ้าใครทำความผิด ความชั่ว จิตสำนึกมันก็รู้อยู่ว่านั่นเป็นความผิด ความชั่ว แล้วมันก็จะเกิดความเสียใจ ไม่สบายใจ หรือทุกข์ใจไปตามระดับความผิดหรือชั่วที่ทำไว้ ไม่มีทางที่ใครจะทำชั่วแล้วไม่รู้สึกว่านั่นเป็นความชั่ว แม้คนที่ฆ่าลูกเมียเพื่อบูชายันต์ ถึงแม้จะเชื่อว่าได้บุญ แต่ความรู้สึกส่วนลึกก็ต้องรู้สึกเสียใจที่ฆ่าลูกเมียตนเองเพื่อบูชายันต์ ซึ่งนั่นก็คือผลของบาปนั่นเอง<o:p></o:p>
    ส่วนบุญก็เหมือนกัน คือถ้าเราทำความดีจริง จิตสำนึกมันก็จะบอกว่านั่นคือความดี แล้วมันก็จะเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจของมันขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องมีใครบอก แต่ถ้าทำบุญอย่างเช่นด้วยการให้ทานอย่างมากมายแก่พระภิกษุเพื่อหวังสวรรค์หรือนิพพานนั่นเสียอีกที่จิตสำนึกมันจะบอกว่าไม่ใช่ความดีจริง มันเป็นความโลก แล้วจิตมันก็จะไม่เกิดความอิ่มเอมใจอย่างแท้จริง อาจจะเกิดบ้างก็เพียงความสบายใจว่าได้ทำบุญแล้ว และก็จะไปรับเอาเมื่อตายไปแล้วเท่านั้น<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    www.whatami.8m.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     
  2. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของคุณโยมบรรพต อ. สักนิด<o:p></o:p>
    เรื่องความเชื่อนั้น อาตมาขอย้ำอีกครั้งว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2006
  3. phuketshark

    phuketshark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +162
    กระทู้ นิพพานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ลูกศิษย์ หลวงพ่อฤาษีฯ ครับ
    ช่วยกันดูกระทู้นี้หน่อยครับ

    นิพพานในความหมายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    http://larndham.net/index.php?showtopic=23173&st=0

    ช่วยกันชี้แจง ตามที่ หลวงพ่อท่านสอนเอาไว้ ครับ

    ใครมีแง่มุมใด เคยฟัง เคยอ่าน ของหลวงพ่อฤาษีฯ

    ก็ช่วยกันให้ความรู้น่ะครับ

    เราไม่ได้บังคับให้เขาเชื่อหลวงพ่อ แต่ เราต้องชี้แจง สิ่งที่หลวงพ่อ

    ท่านสอนไว้ตามความเป็นจริง เพื่อทดแทนคุณของหลวงพ่อ

    และเพื่อความจริงครับ
     
  4. vibe

    vibe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +3,146
    ขออนุญาตขอให้ใ้ช้เหตุผลคุยกันดีดีนะครับ ซึ้งส่วนมากก็เป็นอย่างนั้นอยู่เเล้ว เเต่ยังมีบ้างที่ใช้อารมณ์ ผมรู้กับตัวว่าควรทำควรเชื่ออะไรเเละไม่ขอออกความเห็นตรงนี้ เเต่อยากเข้ามาเตือนว่า ท่านเตชปญฺโญ ภิกขุเป็นพระ จะยังไง อะไร ท่านก็ครอ
    งศีลมากกว่าเราๆ ถ้าสมาชิกอยากพูดคุย เเก้ไข หรืออะไรยังไงก็เเล้วเเต่ควรทำด้วยจิตที่บริุสุทธิ์ อย่านำอารมณ์มาทำให้มีการไล่ การพูดเเดกดัน หยาบคาย ตามน้ำหรือป่วน ให้มีการเเตกเเยกกันมากไปกว่านี้ การพูดเเบบนี้พูดกับคนอย่างเราๆก็ผิดศีลเเล้ว นี่เรากำลังคุยกับพระ ผมจะไม่ขอพูดถึงสิ่งที่ท่านหรือเราเชื่อ เพราะไม่ใช่ประเด็นที่ผมกำลังพูด

    ผมไม่ได้มีเจตนาจะว่าหรือเจาะจงใครเลย เพราะีรู้ว่าทุกคนต้องการปกป้อง บ้างก็หวังดี เเต่ผมเเค่อยากเตือนว่าอย่าเอาอารมณ์มาใช้เดี๋ยวจะกลายเป็นไปเอี่ยวทำกรรมเำพิ่มโดยที่ตัวเองกำลังหวังดีไปซะงั้น
    กรรมดีกับกรรมไม่ดีในกระทู้นี้ถูกเเบ่งด้วยเส้นด้ายบางๆเส้่นนิดเดียว ดูดีๆนะครับ

    ด้วยความหวังดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2006
  5. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2006
  6. vibe

    vibe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +3,146
    ผมขออภัยถ้าผมทำให้คุณ Dis-esp รู้สึกเเบบนั้น ความเห็นผมมาจากผมคนเดียวไม่เกี่ยวกับผู้ดูเเลท่านอื่นเเละพี่เว็บสโนว์นะครับ ยังไงผมขอรับผิดไว้เพียงคนเดียว เเต่ยังไงก็ตามผมก็ไม่ขอเเสดงความเห็นใดๆทั้งนั้น เป็นสิทธิของผมครับ ผมไม่ได้พิมพ์ลงในเว็บบอร์ดให้คนอื่นได้อ่านทางอินเตอร์เน็ตไม่ได้หมายความว่า ผมเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย หรืิอผมวางเฉย หรือต่ิอต้าน เพียงเเต่ผมเชื่อในกรรม ใครทำอะไรก็ต้องรับผลนั้น จะมีผู้บิดเบื่อนพระพุทธศาสนาเท่าไหร่ยังไง ก็เพราะมันต้องเป็นเเบบนั้น เเม้เเต่พระพุทธองค์ยังทรงตรัสไว้ว่าช่วงนี้จะเป็นอย่างไร เพียงเเต่ว่าผมจะพยายามเเก้เท่าที่ผมจะสามารถ

    ถ้ามีเพื่อนๆที่เข้าใจอะไรผิด ผมก็จะอธิบาย เเละนำหลักธรรมมาเทียบให้เขาได้เข้าใจ หากใช้เวลาทำความเข้าใจกัยเขาไปพอสมควรเเล้ว เขายังเเดกดันโต้งๆ ผมก็จะอยุด เพราะตัวผมเองยังเลวอยู่มาก เอาเวลาที่จะไปเถียงเขามาปรับปรุงตัวเองดีกว่า นี่ผมไม่ได้พูดถึงกระทู้นี้นะ ผมยกตัวอย่าง

    ใครจะว่าผมเลว เห็นเเก่ตัว ไม่รักพระพุทธศาสนา หรืิอยังไงผมก็ขอก้มหน้าขออภัยเพื่อไม่ให้เกิดกรรมเเละการโต้เถียงเพิ่มขึ้น

    ผมเองก็เคยหวังพุทธภูมิ เมื่อเห็นหลายๆกระทู้ที่บิดเบือนพระศาสนา หรือว่าพระ๋ศาสนา ว่าพระพุทธเจ้า ก็ร้อนเหมือนกัน เเต่คงไม่เข้มข้นเท่าท่านอื่นๆ เพราะผมลามานานเเล้ว เเละอธิฐานมาตัดชาติำำภพ เลยเลือกที่จะหาทางออกให้ตัวเิองซะมากกว่า

    ที่ไม่รวมเเสดงความเห็นด้วยเพราะผมไม่เห็นประโยชน์ เพราะมีหลายท่านที่ดูืท่าทีมีภูมิธรรมสูงกว่าผมหลายเท่า นำเอาหลายๆสิ่งมาเเสดงเพื่อให้มีการเข้าใจ เกิดการเเก้ไขจากฝ่ายใดฝ่ายหนึี่ง (หรือทั้งสองฝ่าย) ก็ไม่เห็นจะมีเเววใกล้ความสิ้นสุด นอกจากจะต่อหน้ากระทู้ไปเรื่อยๆ ยิ่งมากหน้ายิ่งมากอารมณ์

    ผมเพียงเเต่ดำเนินการดูตัวเอง ขณะที่อ่านเเล้วพิมพ์กระทู้นี้ให้มีพรหมวิหารสี่ไว้เท่านี้ก็ยากมากพอเเล้ว ผมยังเลวยังปรุงอารมณ์อยู่ ก็เลยมาเตือนท่านอื่นๆที่อาจจะรู้สึกเหมือนผมก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมาก

    ผมขอใช้โอกาสนี้ขอโทษคุณ Dis-esp เเละทุกๆท่านที่ผมไปปรามาสหรือล่วงเกินทางวาจาทุกท่าน เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะทำเเบบนั้น อย่างเป็นทางการเลยละกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2006
  7. ทิดหนึ่ง

    ทิดหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +768
    พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้มีปัญญามาก เปี่ยมล้นด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์
    ทรงรู้ด้วยพระองค์เองว่า ธรรมเหล่าใด สมควรจะแสดงให้แก่บุคคลใด
    ถึงจะรู้แจ้งธรรมเหล่านั้น แล้วบรรลุธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดงให้ฟังเช่นนั้น
    หลายครั้งครับที่พระพุทธองค์ทรงยกตัวอย่างของพระองค์เองมาแสดงให้เหล่าสาวกทั้งหลายได้รับฟังเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดในห้วงแห่งวัฏตสงสาร เช่นการบำเพ็ญบารมีต่าง ๆ พระองค์ก็บำเพ็ญอยู่หลายชาติ ดังที่เราท่านทั้งหลายได้รับรู้รับทราบกันแล้ว
    โดยส่วนตัวผมเอง ใครจะคิดอย่างไร เราจะกำหนดความคิดของเขาเหล่านั้นให้เป็นไปตามความคิดของเราเป็นไปไม่ได้ คนบ้า ยังมีตั้ง 500 จำพวกเลยครับท่าน ก็ยอมรับนะครับ ผมเองก็เป็นคนบ้าคนหนึ่ง
    ใน 500 จำพวกเหล่านั้น
    แต่การที่ผมจะเชื่อ ผมจะศรัทธาแน่วแน่ต่อพระพุทธศาสนา โดยไม่มีข้อสงสัยประการใดเลย จะหาว่าผมไร้ปัญญาในการพิจารณาใตร่ตรองก็ตามเถิด หากว่าการเชื่อ การศรัทธาเหล่านี้นั้นทำให้ผมสบายใจ
    ได้ทำหน้าที่ พุทธบริษัทที่ดี ไม่ทำให้ใคร ๆ เดือดร้อน ผมก็คงจะมีความเชื่อ ความศรัทธาในจุดนี้อยู่ต่อไปครับท่าน
    ทุกครั้งที่มีโอกาสทำบุญ ก็จะทำ ไม่แบ่งแยกนะครับว่า พระคุณเจ้ารูปไหน จะเป็นสายพระป่า พระเมือง สายธรรมยุติ มหานิกาย ทำไปแล้วก็ไม่มานั่งนึกหรอกครับว่า ทำบุญการพระสายใด จะได้บุญมากกว่ากัน
    ไม่อยากเห็นพุทธบริษัท อย่างเราท่าน เกิดความขัดแย้งในทางความคิดอย่างรุนแรงครับ เชื่อว่า ทุกคนมีเหตุ มีผล มีความรักเคารพ
    และเชื่อมั่น ตั้งมั่นอยู่ใน พระพุทธศาสนาอยู่แล้วทุกคน เพียงแต่การเข้าใจหัวข้อธรรมต่าง ๆ อาจแตกต่างกันไป แต่ก็ยังคงอยู่ในกรอบขององค์แห่งธรรมนั่นเอง
    คนบ้านนอกนะครับ รจนาคำพูดอะไรไม่สะสวย ได้แต่บอกตรง ๆคิดอย่างไรก็อยากแสดงความคิดให้รับรู้กัน
    พอใจครับที่เป็นพุทธบริษัทบ้านนอก ๆ ไม่ต้องใช้ปัญญามากมายดี
    ไม่ต้องคิดอะไรมาก
    รักกันไว้ดีกว่า น๊อ..
     
  8. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    ชีวิตที่แท้ไม่มีตัวตน แต่มาจากความต้องการเบื้องต้น คือความหิว ความต้องการความอบอุ่น และกลัวความอ้างว้าง ของจิตใจ

    เป็นตัวผลักดันให้เกิดตัวบุคคล บุคคลิกภาพ การตอบสนองต่อสังคม
    ประสบการณ์ในอดีตเป็นส่วนประกอบ ให้เกิดการกระทำในปัจจุบัน และผลักดันให้เกิดผลในอนาคต

    เมื่อท่านเกิดสติตลอดระยะเวลาการกระทำ จะทราบว่าเหตุมาจากอดีต เช่นขณะที่ผมพิมพ์คอมพ์อยู่นี้ เกิดจากความต้องการในสังคม เกิดจากความต้องการแสดงออกในความคิดเห็น ซึ่งความต้องการการแสดงออกมาจากในวัยเด็ก ประสบการณ์ความเข้าใจในชีวิตที่แต่ละคนแตกต่างกัน เกิดจากครอบครัวที่เชื่อมั่นในพุทธศาสนา ทำให้ผลการกระทำในปัจจุบันเมื่อพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ จึงเลือก respond จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นอิทธิพลในการดำรงชีวิต
    การกระทำ และคำพูดจึงมีอิทธิพล ไม่ว่ากับตัวเราเองทางใดทางหนึ่ง หรือกับในสังคม

    อย่างนี้แล้ว ชีวิต ไม่มีตัวตน เป็นเพียงภาพลวง การหาตัวตนที่แท้จริงของชีวิต จึงไม่มี ความสุขและความทุกข์จึงเป็นเพียงการล่อหลอกให้ติดอยู่กับร่างกาย
    แล้วอะไรหล่ะ คือ ชีวิต เมื่อคิดได้อย่างนี้ ร่างกายก็เป็นเพียงสสาร ไม่มีสิ่งใดจริง ไม่มีสิ่งใดแท้

    จิตใจ ที่ประกอบไปด้วยความรู้ตื่นว่าร่างกายไม่แท้ ความสุขไม่แท้ ความทุกข์ไม่แท้ สามารถแปรเปลี่ยนตามกัน จึงยอมรับได้ทุกสภาพ เกิดจิตสงบนิ่ง

    นั่นคือความคิดเบื้องต้นของพระพุทธเจ้าหลังจากผ่านทุกรกริยา เมื่อท่านทราบว่าร่างกายไม่แท้ ความสุขไม่แท้ ทุกสิ่งไม่จีรังดังนี้ การดำเนินทุกรกริยา ไม่ใช่ทางออกของการตรัสรู้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นว่าเหตุใดจึงแก่ เจ็บ ตาย ยังไม่ทรงทราบว่าเหตุใดจึงเกิด

    เป็นความเข้าใจของผมที่กำลังศึกษาสิ่งมีชีวิตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อจิตใจควบคุมทุกอย่างการกระทำในชีวิต จึงเป็นคำถามที่ว่า จิตใจเกิดก่อนร่างกาย แล้วจิตใจกำเนิดมาอย่างไร ได้อย่างไร และเป็นอนัตตาด้วยหรือไม่ ถ้าเป็นอนัตตา จิตใจเหตุใดจึงไม่แปรเปลี่ยน หิวอยู่อย่างนั้น โหยหาความอบอุ่นอยู่อย่างนั้น เป็นความต้องการเบื้องต้นให้ร่างกายมาเป็นส่วนประกอบเติมเต็ม จิตใจจึงมีพลังงานผลักดันได้มากมาย ร่างกายที่ประกอบมาเพื่อให้จิตใจอาศัย หรือ จิตใจเป็นผู้สร้างร่างกาย เคยได้ยินว่าจิตใจสามารถหยุดร่างกายที่กำลังป่วยไม่ให้ลุกลามได้ จิตใจจึงเป็นแกน ถ้าจิตใจเป็นพลังงานผลักดันให้เกิดสิ่งต่างๆ จริง

    จิตใจจึงต้องประกอบไปด้วยความศรัทธา มิใช่สิ่งนั้นมี จิตใจจึงศรัทธา แต่เพราะจิตใจที่ศรัทธาจึงทำให้สิ่งนั้น มี
     
  9. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เชื่อมั่นในพระไตรปิฎก<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    อาตมาใคร่อยากทราบคำอธิบายดังต่อไปนี้<o:p></o:p>
    ๑. ขันธ์ ๕ คืออะไร? แต่ละขันธ์มีอะไรบ้าง? และแต่ละขันธ์เกิดขึ้น,ตั้งอยู่,และดับไปอย่างไร?<o:p></o:p>
    ๒. ที่ว่าขันธ์ ๕ แต่ละขันธ์ตกอยู่ในสภาพของอนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตานั้นเป็นเช่นไร?<o:p></o:p>
    ๓. ถ้าเชื่อว่ามีการเกิดใหม่ได้อีก แล้วอะไรที่ไปเกิด?<o:p></o:p>
    ผู้ที่สามารถตอบคำถามทั้ง ๓ ข้อนี้ได้แจ่มแจ้งก็แสดงว่าเข้าใจถึงความจริงสูงสุดของชีวิตแล้ว แต่ถ้าใครเชื่อมั่นในคัมภีร์พระไตรปิฎกแล้วไม่ยอมศึกษาให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ระวังจะกลายเป็น
     
  10. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของคุณโยมหมอธรรมสักนิด<o:p></o:p>
    นิทานหลอกเด็ก น่าสนุก ถ้ามีจริงป่านนี้คงเกิดศาสดาใหม่ขึ้นมาในโลกแล้ว คนมีความคิดเขาไม่เชื่ออะไรง่ายๆหรอก เขาใช้เหตุผล เอาของจริงมาแสดง ทำไมเราถึงต้องซื้คอมฯ ซื้อโทรศัพท์มือถือหรือเทคโนโลยี่จากต่างประเทศมาใช้ ถ้ามีจริงทำไมเราไม่ใช้อิทธิปาฏิหาริย์ หรือผี สางเทวดาแทน ช่วยสอนให้คนเขามีปัญญาหน่อย อย่าเอาแต่มาหลอกคนอื่น ตัวเองถูกจิตตัวเองหลอกมาก่อนรู้ตัวหรือเปล่า. ทำไม่น่ะหรือ เพราะตัวเองยังไม่มีตัวเอง แล้วจะมาเอาตัวตนอะไรออกไปจากร่างกายได้<o:p></o:p>
    ป.ล. ช่วยให้ผี หรือเทวดาไปหลอกหลอนอาตมาที ถ้ามีจริงแล้วอาตมาจะเชื่อ หรือไม่ก็ตอบปัญหาของอาตามให้ได้เสียก่อน<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    www.whatami.8m.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เชื้อโรค มีอยู่จริงหรือไม่ บุคคลธรรมดาทั่วๆไปมองด้วยตาเปล่าเห็นหรือไม่ สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มี

    บางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องปัจจัตตัง เป็นเรื่องเฉพาะตัวตนที่ได้พบได้เห็น อย่างที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ ให้พิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ครูบาอาจารย์สายพระป่า เช่นหลวงตามหาบัว หรืออีกหลายๆท่าน ท่านสอนไว้ดีแล้ว [b-wai] [b-wai] [b-wai]





    รู้ตัวก็ต่อเมื่อสายเกินไปแล้ว ???


    !!!!!!!

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2006
  12. หมอธรรม

    หมอธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +19
    หมอธรรม:-คุณบรรพต อ. สิ่งที่คุณได้เล่าประสบการณ์การปฎิบัติของคุณเป็นความจริงหรือไม่ครับ เพราะพิสูจน์ไม่ได้นะครับ

    บรรพต อ.:-จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็คงจะห้ามไม่ได้ เอาเป็นว่าทำ Webblog สายแก้ว ขึ้นก็เพื่อให้คนได้ศึกษากัน จะได้ไม่หลงไปลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าสิ่งที่ผมได้เล่าประสบการณ์การปฎิบัติธรรมใน Webblog สายแก้วนั้น ถ้าไม่เป็นความจริง หรือมีการเสริมแต่งให้เกินไปจากความเป็นจริงแม้เพียงคำเดียว ก็ขอให้ผมจงถูกฟ้าผ่าตายเดี๋ยวนี้ทันที อ่ะนะ!

    http://www.palungjit.org/club/brrpt/6666/
     
  13. Hello

    Hello สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +5
    ถ้าท่านกล้าสาบานก็น่าจะจริงครับ ผมเชื่อนะ
     
  14. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผู้ที่แจ้งพระนิพพานต้องระดับโสดาบันเป็นอย่างน้อย เพราะว่า สภาวะนี้จะเปิดได้ก็ต่อเมือผู้ปฏิบัติ ปฏิบัติถึงจุดที่ ดับรูปนาม ลงอย่างสิ้นเชิง จิตจะเป็นอิสระ นี่คือสภาวะเดิมของจิต ซึ่งไม่อาศัยรูปนาม จิตที่หลุดพ้นจากรูปนาม นี้ ตถตา การแจ้งสภาวะนี้จะมีญาณมารองรับ จะพบกับ "แสงสว่างอื่นใดเหนือปัญญาไม่มี" ถ้าแจ้งนิพพานโดยที่จิตยังถูกปรุงแต่งด้วยรูปนาม จะเป็นนิพพานแบบไหนกัน
     
  15. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,788
    ค่าพลัง:
    +83,815
    ในมรรคแปด ตัวที่สำคัญที่สุดคือ สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ หากมีความเห็นผิด(มิจฉาทิฐิ)แล้วโอกาส บรรลุความจริงนั้นไม่มีเลย
     
  16. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    ผมว่าท่านเริ่มมีโมหะจริตแล้วนะ ละวางบ้างท่าน
     
  17. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    คุณขา ถ้าท่านคิดว่าท่านรักและเคารพหลวงพ่อท่าน จงอย่านำท่านลงมาเลยค่ะ ขนาดพระพุทธเจ้า ...องค์บรมครู ท่านผู้อ้างตนว่าเป็น.....ภิกษุ ยังขนาดนี้เลย แล้วหลวงพ่อท่านจะไหวหรือ อุเบกขา...กรรมใดใครก่อ ???

    ระวังตนเองเถอะค่ะ....เข้ามาบ่อย ๆ อาจจะพลาดท่าเข้าให้สักหนนา(b-oneeye)
     
  18. บรรพต อ.

    บรรพต อ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +306
    เทียบเคียบ เรื่องพุทธทาส กับ พระพุทธดำรัส ก็พอครับ แค่นี้ก็จนแต้มแล้วครับ
     
  19. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    พุทธเกิดนิพพานเกิด
    พุทธสืบนิพพานสืบ
    พุทธตายนิพพานตาย

    พุทธสืบศีล
    พทุธสืบสมาธิ
    พุทธสืบปัญญา

    พึงมี ฤาไฉน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2006
  20. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เชื่อมั่นในพระไตรปิฎก<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    อาตมาใคร่อยากทราบคำอธิบายดังต่อไปนี้(อีกครั้ง)
    ๑. ขันธ์ ๕ คืออะไร? แต่ละขันธ์มีอะไรบ้าง? และแต่ละขันธ์เกิดขึ้น,ตั้งอยู่,และดับไปอย่างไร?<o:p></o:p>
    ๒. ที่ว่าขันธ์ ๕ แต่ละขันธ์ตกอยู่ในสภาพของอนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตานั้นเป็นเช่นไร?<o:p></o:p>
    ๓. ถ้าเชื่อว่ามีการเกิดใหม่ได้อีก แล้วอะไรที่ไปเกิด?<o:p></o:p>
    ถ้ายังหาคำตอบนี้ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่น หลักนี้มีอยู่ทั่วในพระไตรปิฎก เป็นพื้นฐานของพุทธศาสนา (รู้สึกเวบนี้จะไม่ค่อยใช้ปัญญากันเลย)
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    www.whatami.8m.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...