"จักรวาล ใน หนึ่งอะตอม"

220.-(ดาไล ลามะ)

" จักรวาล ใน หนึ่งอะตอม" ในแต่ละอณูของจักรวาล ล้วนกอปรด้วยโลกธาตุ สุดที่จะประมาณได้

เพราะ ทุกสรรพสิ่ง เกิดจาก สารประกอบ โมเลกุลต่างๆ (เหล็ก ทอง เพชร หิน ดิน ทราย โปรตีน ไขมัน คาร์โบ ผลึกต่างๆ ฯลฯ)
โมเลกุล เกิดจาก อะตอม ต่างๆ
อะตอม เกิดจาก โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน ต่างๆ
โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน เกิดจาก ควากซ์ ฯลฯ
ควากซ์ เกิดจาก ???
สงสัยเป็นเพียง คลื่น ความถี่หนึ่ง ของพลังงาน ที่มาประชุมกัน นั่นเอง
แล้ว เหตุใด มันจึงมาประชุมกันได้ ???
สงสัย เพราะ "อวิชชา"
แล้ว อวิชชา คือ อะไร???
:'''( โอ้ย ปวดหัว เวียนวน ระคน สงสัย<!-- google_ad_section_end --> :boo:

 

...จักรวาลมันเป็นเช่นนั้นเอง...แต่ไม่ว่าอย่างไร การสรรค์สร้างทั้งหมดมาจากความว่าง และจะว่างได้ก็ต้องมีความเต็มและขณะเดียวกันความเต็มจะมีได้ก็ต้องมีความว่าง นั่นคือ หัวใจของพระพุทธศาสนา ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้คือธรรมชาติของจักรวาล ขืนไม่ได้ ขัดไม่ได้ แต่รับรู้ได้...

 

จักรวาล ใน หนึ่งอะตอม" ในแต่ละอณูของจักรวาล ล้วนกอปรด้วยโลกธาตุ สุดที่จะประมาณได้

เพราะ ทุกสรรพสิ่ง เกิดจาก สารประกอบ โมเลกุลต่างๆ (เหล็ก ทอง เพชร หิน ดิน ทราย โปรตีน ไขมัน คาร์โบ ผลึกต่างๆ ฯลฯ)
โมเลกุล เกิดจาก อะตอม ต่างๆ
อะตอม เกิดจาก โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน ต่างๆ
โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน เกิดจาก ควากซ์ ฯลฯ
ควากซ์ เกิดจาก ???
สงสัยเป็นเพียง คลื่น ความถี่หนึ่ง ของพลังงาน ที่มาประชุมกัน นั่นเอง
แล้ว เหตุใด มันจึงมาประชุมกันได้ ???
สงสัย เพราะ "อวิชชา"
แล้ว อวิชชา คือ อะไร???
โอ้ย ปวดหัว เวียนวน ระคน สงสัย



ที่กล่าวมาข้างบน... มันก็เกิดที่ความคิด ที่สมองไม่ใช่เหรอ

ไอ้ความไม่รู้มันก็คือไอ้ตัวที่มาใช้งานสมองให้คิด เพื่อให้รู้ เพื่อให้เข้าใจไง



เพราะถ้ารู้มันก็ไม่ใช้สมองคิดเรื่องนั้นๆแล้วอ่ะ... ยังไม่รู้ก็คิดต่อไป เดี๋ยวก็รู้
ไม่คิดก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่มีปัญญา





แต่การรู้ว่า ควรจะรู้เรื่องอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์สำหรับชีวิตในปัจจุบัน นับว่าเป็นหนึ่งในยอดแห่งความรู้เลยทีเดียว

 

ท่านพรานพิเศษ เขียนได้โดนใจจังครับ

 

เพราะมนุษย์ ขาดความเพียรที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จึงไม่เข้าใจ ไม่ศึกษา และไม่ยอมรับรู้ เพราะ เข้าใจยาก คิดไม่ได้ ไปไม่ถึง จึงติดอยู่ที่ อวิชชา อันเป็นที่มาของ วงจรปฏิจจสมุปบาท ทำให้ต้องเวียนวนอยู่ใน สังสารวัฏฏ อันไม่รู้จบ จนกว่าจะเจาะเปลือกไข่ แห่ง อวิชชา ออกมาได้
......
พระพุทธเจ้า ทรงดำรงชีวิตแบบปุถุชนและศึกษาทุกศาสตร์ทางโลก 29 ปี น่าจะมีความเจนจัดต่อโลกอย่างกว้างขวางมาก ก่อนออกบวชเรียนเพื่อพิสูจน์สัจจธรรม ตามสำนักต่างๆทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ 6 ปี จึงตรัสรู้ได้ใต้ต้นโพธิ์ในหนึ่งคืน

แต่การไตร่ตรองเพื่อความหลุดพ้นนั้น คงไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่า การนึกถึงข้อเท็จจริงต่างๆที่ประสบมา จัดเป็นหมวดหมู่ แล้วสร้างหลักขึ้นมา จากนั้นก็ทดลองทดสอบหลักจนเห็นว่า ถูกต้องและใช้ได้ คงไม่มีสักครั้งเดียวที่ทรงสร้างความคิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า หลักกาลามสูตรของพระองค์ คงแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงคิดจากข้อเท็จจริงต่างๆที่ประสบมาไปสู่สัจจธรรมนั่นเอง

วิธีการหลุดพ้นกิเลสตัณหาของพระองค์ ได้ถูกค้นพบ มิได้ถูกคิดขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่ได้จากการนั่งคิดเฉยๆ หากไม่ทรงเคยศึกษาอะไรมาเลยและไม่ทรงเคยเจอข้อเท็จจริงอะไรเลยในชีวิต พระองค์ก็จะไม่ค้นพบอะไรเลยจากการนั่งคิดใต้ต้นโพธิ์ และไม่เกี่ยวกันเลยระหว่าง ต้นโพธิ์กับการตรัสรู้ของพระองค์
......
ดังนั้น หากพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เข้าใจว่า อาจได้ความสำเร็จทางธรรม จากการนั่งสมาธิภาวนา ปฏิบัติกัมมัฏฐาน แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีความรู้ทางทฤษฎีและไม่มีความเข้าใจในข้อเท็จจริงของชีวิตและโลกเลยนั้น ย่อมเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก
:boo::boo::boo::boo:

 

ปัญญา

<!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
<!-- /tagline --><!-- subtitle -->
<!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- /jumpto --><!-- bodytext --><TABLE style="BORDER-BOTTOM: #060 1px solid; TEXT-ALIGN: center; BORDER-LEFT: #060 1px solid; MARGIN: 0px 0px 1em 1em; FLOAT: right; BORDER-TOP: #060 1px solid; BORDER-RIGHT: #060 1px solid" id=WSerie_Buddhism class=toccolours cellSpacing=0 cellPadding=1 width=170><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 100%" colSpan=2><SMALL>ส่วนหนึ่งของ</SMALL>
พุทธศาสนา

สถานีย่อย
<HR>
ประวัติพุทธศาสนา
</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ศาสดา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระโคตมพุทธเจ้า
(พระพุทธเจ้า)
</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>จุดมุ่งหมาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>นิพพาน</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ไตรรัตน์</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระพุทธ · พระธรรม · พระสงฆ์
</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ความเชื่อและการปฏิบัติ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ศีล (ศีลห้า) · ธรรม (เบญจธรรม)
สมถะ · วิปัสสนา
บทสวดมนต์และพระคาถา</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>คัมภีร์และหนังสือ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระไตรปิฎก
พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>หลักธรรมที่น่าสนใจ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ไตรลักษณ์
อริยสัจ ๔ · มรรค ๘ · อิทัปปัจจยตา</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>นิกาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>เถรวาท · อาจริยวาท (มหายาน) · วัชรยาน · เซน</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>สังคมพุทธศาสนา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน · วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>การจาริกแสวงบุญ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">พุทธสังเวชนียสถาน ·
การแสวงบุญในพุทธภูมิ</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ดูเพิ่มเติม</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ศัพท์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
หมวดหมู่พุทธศาสนา</TD></TR></TBODY></TABLE>ปัญญา แปลว่า ความรู้ทั่ว คือรู้ทั่วถึงเหตุถึงผล รู้อย่างชัดเจน, รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ, รู้สิ่งที่ควรทำควรเว้น เป็นต้น เป็นธรรมที่คอยกำกับศรัทธา เพื่อให้เชื่อประกอบด้วยเหตุผล ไม่ให้หลงเชื่ออย่างงมงาย
ปัญญา ทำให้เกิดได้ 3 วิธี คือ

1. โดยการสดับตรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
2. โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
3. โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)

ปัญญา ที่เป็นระดับ อธิปัญญา คือปัญญาอย่างสูง จัดเป็นสิกขาข้อหนึ่งใน สิกขา 3 หรือ ไตรสิกขา คือ อธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญา

 

ชื่อกระทู้ไพเราะมาก
จักรวาลในหนึ่งอะตอม
ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น

 

คว้าก สิ่งที่เล็กกว่านิวเครียสในอะตอม....เป็นรูปแบบที่วุ่นวาย และ สมการตัวแปรไม่สวย
แต่แฝงไปด้วยข้อคิด แกแล็คซี่ที่กว้างใหญ่ในแกแล็คซี่หนึ่งอาจเป็นแค่เม็ดผงเมื่อเทียบกับ
ดวงดาวของอีกแกแล็คซี่หนึ่ง....ชื่อเพราะมาก จักรวาล ใน หนึ่งอะตอม
มนุษย์ จะยิ่งใหญ่แค่ไหน มีอำนาจล้นฟ้ายัง ก็เล็กกว่าดวงดาว และดวงดาวที่ใหญ่สุดก็เล็กกว่า แกแล็คซี่นั้นนั้นและแกแล็คซี่ที่ยิ่งใหญ่นั้นอาจเล็กกว่าดวงดาวของอีกแกแล็คซี่หนึ่ง....คนเราเล็กเสีย .... ไม่เหลือแม้แต่คำว่าฝุ่น แย่งกันเป็นใหญ่เพื่อ เป็นจ้าวครองโลกเพื่อ.....

 

ไม่มีเป็นภาษาไทยให้อ่านหรอคะ ??? >< e-book อ่ะ มีป่าว ??? >< น่าสนๆๆๆ

 

ทุกสิ่งเกิดจากการกำหนดจิตเอา อย่างนี้เรียกอวิชชารึเปล่า

 

ไปคิดอะไรกันเยอะแยะ เขาว่าไงก็ว่างั้น จะไปอยากรู้ให้มันขุ่นใจทำไม อ่านผ่านประดับหัว ยิ่งค้นคว้า ยิ่งหนากิเลศ อ่านให้เป็นเรื่องขำเฉยๆ สนุกดีออก สิ่งที่กำลังหา จะทำให้เกิด........อยู่เฉยๆเดี๋ยวก็รู้เอง