เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

แผ่นเงิน ลายมือหลวงปู่ ท่านลงไม่ค่อยเป็นตัวแล้วครับสำหรับโลหะ

แต่ถ้าลงปากกา ยังพออ่านรู้เรื่องอยู่ครับ แหะๆๆ แต่ถ้าลงนะหน้าทองนี้

ลายมือท่านเป็นเอกลักษณ์มากครับ เลียนแบบยากพอใช้เลยล่ะครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศรัทธาและกาลเวลาครับผม

 

ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีแบ่งให้เช่าหรือเปล่าครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรีครับ

 

วันก่อนมีโอกาสได้เก็บรูปหลวงพ่อทรง ไม่แน่ใจว่าจะมีลูกศิษย์ลูกพ่อแถวๆนี้ทำมาหรือเปล่า เพราะเป็นรูปหลวงพ่อนั่งปรก ด้านหน้าหลวงพ่อมีบาตรน้ำมนต์วางอยู่ อัดกระจก 2 หน้า ซึ่งที่แน่ๆยังไม่เคยเห็นในสารระบบแต่ที่เก็บมาเพราะติดจีวรสีเหลืองอ่อนไว้ 2 ด้านครับ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ benay
สวัสดีครับพี่....ประวัติหลวงพ่อกลุ่มแบบสมบูรณ์เต็มฉบับ รวมทั้ง พระอาจารย์ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของท่าน ที่ได้รับถ่ายทอดวิชาทั้งหมดของท่านไว้ รวมถึงภาคอภินิหารต่างๆของท่านที่รวบรวมไว้ ผมเองได้แต่บอกว่าท่านนั้นเก่งด้านเสน่ห์นั้นจริง คงกระพันท่านก้ไม่ธรรมดา และความจริงเป็นเรื่องในอดีต ที่ผมเองก้เกิดไม่ทัน ได้แต่หาคนที่ทันท่านมาเล่า และผมก้ยังไม่ได้เขียนอะไรไปมากมาย ในกระทู้ได้แต่บอกว่าจะเขียน...ผมก้โดนเบลค ทั้งที่ผมก้ไม่ได้จะเจาะลึกอะไรมากมายแบบลามปามท่าน แค่บันทึกไว้ว่า ท่านทำได้จริง ไม่ใช่ไม่ถนัด แต่ท่านไม่เน้นมากนักเพราะท่านเป็นพระอย่างที่ผมเคยบอกว่าท่านเรียนทั้ง ไสยดำและขาว เรียนทั้งผูก และแก้ คือทำได้และแก้ได้ เรียนทั้งสองทางนี้ได้คงไม่ธรรมดานะครับและท่านทำได้จริง ในความเห็นของผมผมว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เสรีภาพในการนำเสนอ ผู้อ่านก็ใช้วิจารณะญาณในการอ่าน ว่าควรเชื่อหรือไม่ กรรมอยู่ที่เจตนาไม่ใช่หรือครับใครทำใครก็รับไป เพราะประสบการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน ผมก็จะใชวิจารณญาณในการนำเสนอ ผมฟังนิทานจากหนังสือพระ(บางฉบับ)แบบนั่งเทียนเขียนมามากแล้วจนตอนนี้เลิกอ่าน เพราะเสียดายตัง บางองค์ผมรู้จักด้วยซ้ำแต่เขียนกันเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนผมมีความตั้งใจมากที่อยากจะทำให้เป็นแบบฉบับ สักเล่ม ถวายไว้วัดละเล่ม เพื่อเป็นเกียติประวัติว่า รูปปั้นหลวงพ่อองค์ที่วัด หล่อกันขึ้นมานั้น ปิดทองกันแน่นถนัด ต้องจัดงานกราบไหว้กันทุกปี ปู่ย่าตายายต่างกราบไหว้นับถือ เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เพราะอะไร ผมว่ามันคือคุณค่าทางจิตใจ ที่น่าเก็บรักษาถ้าท่านไม่เก่งจริง จนมัดใจชาวบ้านไว้ได้อย่างเหนียวแน่น วัดวาอารามต่างๆเรื่องเล่าต่างๆคงไม่มีมาถึงสมัยนี้ให้ได้จดจำกัน ผมว่าความจริง ต้องแยกออกจากความเห็นครับ การอ่านต้องใช้วิจารณญาณ ผมบอกตามตรงว่าผมมีความตั้งใจที่จะทำมาก เร็วๆนี้จะเดินทางไปจังหวัดสระแก้ว เพื่อที่จะทำเรื่อง หลวงพ่อกลุ่มท่านให้สำเร็จเป็นเล่ม แต่คงจะไม่เขียนลงกระทู้ในเวปนี้แล้วน่ะครับ อย่างน้อยพระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อกุ่มท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ และใช่สรรพวิชาช่วยเหลือคนมามากมาย จนคนเลื่อมใสศรัทธาจนสร้างวัดวาอาราม ได้ใหญ่โตไม่แพ้ หลวงพ่อใหญ่ คือหลวงพ่อกุ่มที่พระอาจารย์ท่านเรียก ผมรู้สึกท้อใจ ว่าคนขายพระแบบผม จะเขียนเรื่องราวที่น่าจดจำที่เป็นความจริงแบบนี้ไม่ได้ แต่ความจริงบางเรื่องที่ล่อแหลม ผมก้จะไม่นำเสนอ เพราะอย่างไรทั้งหมดทั้งมวล ของประวัติหลวงพ่อกุ่มท่าน ก็จะลงอยู่ในหนังสืออมตะพระเครื่อง ของพี่ป๋องสุพรรณ ..... ครับ ไว้ตามอ่านในนั้นก็แล้วกันครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>จะตามซื้อครับ ชอบอ่านอยู่แล้ว

แต่กลัวจะรกกระทู้ซื้อขายของเบน ผมจะไปบรรยายละเลียดในกระทู้ของผม

แต่ดูๆ ก็ยังมีคนเชื่อว่าและตะแบง ว่าเสน่ห์เป็นของพระภิกษุที่จะกระทำได้ ทำให้ลูกศิษย์ จะกระทำได้ให้ลูกศิษย์ไปใช่เพื่อเจตนาบริโภคด้านกาม แต่ถ้าฆราวาสและเทวดาและภูติพราย อันนี้ไม่แน่ แต่ถ้ายังคิตว่า พระภิกษุ จะทำสายเสน่ห์ ผมก็จะให้เหตุผล ที่ชัดเจนตามพระไตรปิฎก

และะ ฟันธงไปเลยว่า เสน่ห์ คือ แนวกามคุณตรง จัดคู่ เป็นสื่อรัก ให้ชาย หรือ หญิง หรือ สมัยนี้จะเป็นชายกับชาย หรือ หญิงกับหญิง ก็น่าจะเป็นสายเสน่ห์ ถ้าจะให้เขาชอบแล้วแค่มอง ผมว่าคงไม่มีใครลงทุนขนาดนั้น เป็นเพื่อเจตนาบริโภคด้านกามโดยตรง

พระวินัย สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ มีข้อ ๑ ถึง ๕ เกี่ยวข้องกับกามคุณโดยตรง พระพุทธองค์ห้ามพระภิกษุ

๑) ปล่อยน้ำอสุจิ โดยจงใจ

๒) ถูกต้อง อวัยวะของสตรี

๓) พูดเกี้ยวพาราสี สตรีเพศ

๔) พูด พาดพิงการเสพ เมถุน บำเรอกาม

๕) ทำตัวเป็นสื่อรัก ไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ชายหญิง หรือ แม้สามีภรรยา หรือ หญิงขายบริการ ให้จับคู่กัน

เจตนาคือ ไม่ต้องการให้พระสงฆ์ไปยุ่งกับเรื่องกามคุณอันเป็นศัตรูแห่งพรหมจรรย์ ไม่ต้องการให้ไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านเรื่องกาม เพราะไม่ใช่กิจสงฆ์ที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง

เป็นอาบัติรุนแรงระดับกลาง และไม่สามารถปลงได้ ต่อพระภิกษุอื่น คือปลงไม่หลุด จะต้องไปอยู่ ปริวาส ( ทรมาณตนจนสำนึก มีพระผู้ใหญ่ควบคุม ) เท่ากับวันที่ปกปิด ความผิดไว้ ไม่อย่างั้นจะติดตัวไปตลอด

อันนี้ ผมจะรวบรัด แต่จะไปบรรยายในกระทู้ผมเพราะไม่อยากให้รกกระทู้ซื้อขายของดีๆของเขา

แต่ ถ้ารุนแรง คือ ปาราชิก ขาดจากคววามเป็นพระทันที

ข้อ ๑) เสพเมถุนเอง

ข้อ ๔) อวดอุตตริมนุสสธัมม์ โอ้อวดความสามารถของตัวเอง

สายเสน่ห์ จะเกี่ยวข้องกับสิกขาบท ข้างบนโดยตรง ทุกข้อ เพียงไม่ได้ไปกระทำเอง หรือทำอวดวิชชาเอง แล้วให้คนเอาไปใช้ ผิดเจตนาของสิกขาบทข้างบนแน่นอน

ผมจะไม่สรุป แต่ถ้าท่านอ่านแล้ว คิดว่าพระ ภิกษุไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ ผิดจากสิกขาบทข้างบน พวกท่านก็คิดใหม่ได้ ก็ยังทันน่ะครับ

ผมจะบรรยายละเอียดในกระทู้ของผม ในฐานะ ที่ตอนบวช ผมเคร่งครัด ต่อ สิกขาบททั้ง ๑๗ ข้อแบบเคร่งครัด คือ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเศส ๑๓ และผมเข้าใจเจตนาขององค์บรมครูอย่างชัดเจน ในการวางสิกขาบททั้ง ๑๗ ข้อ

แต่ถ้าเป็น ฆราวาส เทวดา ผีปีศาจ อันนี้อีกเรื่องครับ อย่าเอาไปเกี่ยวกับพระสงฆ์ครับ เป็นหนังคนล่ะเรื่อง<!-- google_ad_section_end -->

เรื่องนี้ขอบรรยายต่อ

 

กราบเรียนคุณ เจริญบารมี ต้องลองไปติดต่อ ที่วัดท้องไทรเองน่ะครับ หรือ ไปติดต่อที่คุณ gearmour ดู ท่านอาจจะเเนะนำได้น่ะครับ

ผมเองก็ยังไม่มีสักเหรียญ แต่ถ้าไปวัดคราวหน้า อาจจะได้ติดมือมาบ้างครับ

 

มีรูปไหมครับ...............

 

ขอบรรยายเรื่องนี้ต่ออีกหน่อย คนจะได้เข้าใจพระภิกษุถูกต้อง

เป็นพระนี่ ถ้าจะเป็นจริงๆ เป็นยากน่ะครับ มีพระวินัย หลายข้อ บีบไว้ชัดเจน ถ้าไม่ตะแบง ทำอะไรต้องมีสติ และคงบวชนานพอสมควร และต้องศึกษาด้วย อาจจะหลายปีกว่าจะเข้าใจถ่องแท้ในพระวินัย

แต่ถ้ายัง ไม่แน่น ก็มีพระวินัย ๑๗ ข้อที่สำคัญ จะละเมิดไม่ได้

คือ ปาราชิก ๔ ข้อ ขาดจากความเป็นพระทันที ที่ทำ

และ สังฆาทิเสส ๑๓ ข้อ ปลงอาบัติไม่ได้ ต้องอยู่ปริวาสใช้กรรม

ในส่วนพระวินัยเอง ก็ต้องตีความด้วยว่า จะเป็นอาบัติแบบไหน ขึ้นอยู่กับเจตนา

แต่ถ้าพูดรวมๆ ก็คือ พระภิกษุ ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดพระวินัยเหล่านั้น

เรามาเจาะ พระวินัย สิกขาบทที่ ๕ ในสังฆาทิเสส

กล่าวว่า ภิกษุใด เที่ยวชักสื่อ บอกความประสงค์ของชายแก่หญิง เพื่อความประสงค์ของหญิงแก่ชาย ให้เขาได้เป็นผัวเมียกัน โดยที่สุดแม้บอกแก่ หญิงแพศยา อันจะพึงสังวาสกันชั่วขณะ เป็น สังฆาทิเสส

ข้อความนี้เป็นพระบาลี แปลมาเป็นไทย พระพุทธองค์ ทรง ตราสิกขาไว้ และพระอานนท์ และ พระอุบาลี ( ชำนาญด้านพระวินัย ) จำไว้ในสมองของท่าน มาสังคายนา หลังพระพุทธองค์ทรงดับขัน ปรินิพพาน โดยมีพระมหากัสสป เป็นองค์ประธาน

ผมเพียงอยากจะปรามพวกเอาของที่พระภิกษุทำมา ไม่ว่าจะเป็นพระหรือ เครื่องราง เอามาซื้อขาย แล้วโฆษณาว่า ของนั้น ที่พระท่านทำมา เป็นของเน้นด้านเสน่ห์

แต่คิดว่าจะไม่ปรามล่ะ เพราะดูๆ แนวนี้จะเป็นแนวซื้อขายแบบฮิตๆใน พ.ศ. นี้ ตัวใครตัวมันดีกว่า ก็ว่ากันไป...แหะๆ ชักขึ้เกียจจะไปขัดคอเขา

 

ขอยกตัวอย่างอีกนิด ยกแบบภาษาชาวบ้าน

มีกฎหมายอาญา ว่า ห้ามฆ่าคน ห้ามทำร้ายร่างกายคน

เจตนาของกฎหมายคือห้ามผู้ใดผู้หนึ่ง ไปทำร้ายหรือ ฆ่าผู้ใดผู้หนึ่ง

แล้ว มีนาย ก ทำปืน ( สมมุติกว่าเก่งด้านช่าง แบบช่างอุทัยธานีที่ทำปืนสมัยก่อน ) แล้วให้นาย ข ไป ( หรือ ขายให้ก็ได้ )

นาย ข เอาไปใช้ฆ่า นางสาว ค

ตกลงนาย ข ผิดกฎหมาย ตำรวจมาเอาตัวไป

แล้วท่าน ว่า นาย ก ผิดกฎหมายไหมครับ ????

วันนี้เหนื่อย ไปออกกำลังมา ขอตัวไปนอนก่อนจ้า จะได้มีแรงเขียนเรื่อง หลวงปู่ บุญศรี ต่อครับ

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ... ครับ
เข้ามาพบพี่ เพื่อนๆ น้องๆ ในบ้านหลังนี้ตอนดึกๆ

 

ก่อนไปพักผ่อนขอฝากข้อความดีๆ เอาไว้สักหน่อยครับ
10 บุญที่ทำแล้วจะรุ่งเรืองทุกด้าน
1.บุญที่เกิดจากการให้ทาน ซึ่งบุญที่เกิดจากการให้ทาน จะส่งผลให้เราเป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก เชื่อว่าข้อนี้เพื่อนๆคงทำกันเป็นประจำ
2.บุญที่เกิดจากการหมั่นรักษาศีล บุญที่เกิดจากการหมั่นรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้เรามีสุขภาพดี ชีวิตมีสวัสดิภาพ
3.บุญที่เกิดจากการภาวนา ถ้าเราหมั่นภาวนาอยู่เสมอทุกวันๆ เจริญสติ ฝึกสมาธิอยู่ทุกขณะ อย่าให้ขาด ซึ่งบุญนี้จะส่งผลให้เราเป็นคนที่มีพลังอำนาจในตนเองและมีสติปัญญา
4.บุญที่เกิดจากการประพฤติอ่อนน้อม ถ้าใครเคยประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ รู้จักถ่อมตน เราก็ได้บุญไปแล้ว จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรแล้วเกิดผลดี สิ่งนั้นก็เป็นบุญหมด ผู้ที่ควรอ่อนน้อม คือ ผู้ประเสริฐ ผู้ที่มีความบริสุทธิ์ใจ เราจะต้องประพฤติอ่อนน้อมอยู่เสมอ ซึ่งบุญนี้จะส่งผลให้เราเป็นที่รักที่เมตตา และอยู่ในสังคมอันสูง
5.บุญที่เกิดจากการขวนขวายในกิจผู้อื่น ใครก็ตามที่ควรได้รับความช่วยเหลือ เราจะช่วยเขาตามสมควรแก่ฐานะ คือ ถ้าทุกคนดีขึ้นจริงๆ บุญนี้ก็จะส่งผลให้เรามีบริวารมาก มีคนอาสาช่วยเรายามเดือดร้อน
6.บุญที่เกิดจากการฟังธรรม บุญนี้จะรวมไปถึง การที่เราอ่านหนังสือ ฟังเทป หรือฟังเทศน์ ที่จะช่วยเราให้เห็นแง่มุมของสัจจะครบถ้วน บุญในข้อนี้จะส่งผลให้วิสัยทัศน์ของเรากว้างขวางล้ำลึก
7.บุญที่เกิดจากการแสดงธรรม เมื่อเรารู้ว่าใครที่ด้อยกว่าเราแล้ว เราก็ควรแนะนำ สั่งสอน ตักเตือนเขาด้วยความเมตตา ด้วยใจที่ปรารถนาดีจริงๆ เป็นการแสดงธรรม ซึ่งจะส่งผลให้เราแตกฉานและมั่งคงในความดีงาม หรือถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องธรรมมากนัก เราก็อาจจะซื้อหรือแจกซีดีธรรมะก็ได้
8.บุญที่เกิดจากการอุทิศบุญ เมื่อเราทำความดีใดๆ เราก็ควรหมั่นเผื่อแผ่ความดีให้แก่คนอื่น บางความดี ความชอบในผลงานให้แก่คนอื่น บุญจะส่งผลให้เราจิตใจสะอาด อิสระและยิ่งใหญ่ขึ้น (ถ้าเรายิ่งอุทิศบุญมากแล้ว บุญนั้นก็จะสะท้อนกลับมาหาเราเป็น 2 เท่าของบุญทั้งหมด เราไม่ต้องกลัวว่าบุญของเราจะหมดไป)
9.บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา ในข้อนี้เราจะเห็นได้ว่า เมื่อใครทำความดี เราควรยินดีในความดีของเขา ทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น ไม่อิจฉาริษยา บุญนี้จะส่งผลให้เรามีมิตรมาก มีความสัมพันธ์ที่ดี
10.บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ตรงสัจจะ คือ ทำปัญญาให้ตรงสัจจะอันล้ำลึกหรือการทำปัญญาให้ตรงกับเป้าหมายสูงสุดของชีวิตปรับวิถีทาง ทำกิจการงานทุกอย่างให้ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่าย

 

ผมว่าเรื่องราว พระเครื่องของขลังนี่ก็สนุกดี แต่ใจผมเองชักอยากจะสอดแทรกธรรมมะไว้บ้าง

และบอกตามตรง ผมไม่ห่วงผู้ใหญ่ เพราะ เก่งๆ กันเยอะแล้ว ต่างคนต่างไป เพราะบางท่านผมขึ้เกียจจะมาเถียงด้วย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า

แต่ผมห่วงเยาวชน พ.ศ. นี้ กระทู้นี้มีเด็กๆมาอ่านเยอะ ผมว่าอ่านเรื่องเครื่องรางของขลังมาก จะไปแนวนั้น เชื่อในวัตถุ เชื่อในฤทธิ์ ว่าคนดี คนเก่งต้องมี ฤทธิ์ และที่ดึงให้เข้าใจผิด คือ เอาพระภิกษุ ไปเกี่ยวข้อง อันนี้น่าจะเป็นประเด็นที่ผมเป็นห่วง

พระพุทธองค์ท่านฉลาดเลิศล้ำ ทรงมีพระวิสัยทัศน์ ทรงกำหนดไว้แล้วในลักษณะการต้อง อาบัติ ไว้ชัดเจน

ผมจะไม่ร่ายละเอียด แต่ถ้าแฟนๆ บ้านเหรียญบิน อ่านตรงนี้ แล้วขอให้เห็นใจพระ จะเป็นหลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงพี่ และให้เข้าใจว่าพวกท่าน เข้ามาบวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ผิดจากนี้ ถือว่าผิดจุดประสงค์ในการ บวช แต่การไปสู่จุดหมาย พวกท่านอาจจะไปแบบ ของใครของมัน ค่อยๆไป ไปแบบสบายๆ ไปแบบเคร่ง ไปแบบเงียบๆ อันนี้แล้วแต่จริตของพวกท่าน

ลักษณะ ที่ต้องอาบัติ มี ๖ อย่าง คือ ลักษณะที่พระทำผิดพระวินัย ทำผิดที่พระพุทธองค์ทรงสั่งไว้ถ้าพระภิกษุ (ผมจะเขียนแบบง่ายสำหรับพวกเราศึกษา จะได้เข้าใจง่ายๆ )

๑) รู้อยู่ว่าไม่ควรทำ แต่ ยังทำ ไม่ละอาย
๒) เป็นคนเขลา มีปัญญาน้อย ขี้เกียจศึกษาพระวินัย ทำผิดเพราะไม่รู้
๓) เกิดความสงสัย ไม่แน่ใจ แต่ก็ยังทำ
๔) ควรในของที่ไม่ควร ( เข้าใจผิด ) แต่ยังทำ
๕) รู้ว่าไม่ควรแต่ยังทำ
๖) ลืม ( ลืมสติ )

เกิดอาการ ๖ อย่างนั้น จะอย่างไรเมื่อฝ่าฝืนพระวินัย คือ อาบัติ พระวินัยไม่ได้ยกเว้น

และถ้าจะแจงไปอีก โทษของอาบัติ ยังมีหนักเบา ตามเจตนา ตามวัตถุ ออกไปอีก หยุมหยิมมาก เพราะพระท่านจะไปพระนิพพานน่ะครับ โปรดเข้าใจ การจะไป ไม่ได้ไปง่ายๆเหมือนที่อ่านกัน ว่าพระองค์นี้สำเร็จ พระองค์นั้นสำเร็จ เป็นเรื่องที่ญาติโยม พูดกันไปเองด้วยความนับถือ แต่ยังไม่เข้าใจความหนักใจ ของหลวงปู่ หลวงพ่อ เลยว่า การเป็นพระน่ะ ไม่ได้เป็นง่ายๆ อันนี้ผมพูดถึงพระที่เป็นพระน่ะครับ

ส่วนนักบวช ที่เข้ามาบวช เพื่อเจตนาอื่น ไม่มีเจตนาทำพระนิพพานให้แจ้ง หรือเจตนา แต่ดูแล้วเครียดเคร่ง ดูแล้วแปลกๆ ถ้าผมไปคลุกคลีแล้ว ทราบทีหลังโดยอาการ อาจจะเครียดไปด้วยก็ต่างคนต่างอยู่ครับ ตามที่หลวงปู่ของผมสั่งไว้ว่า ดูคนดูนานๆ ดูนานๆนี้ ที่มีประสบการณ์คือ สองปีครับ ที่ดูอย่างใกล้ชิด ดูแบบ ดูหน้าบ้านไปถึงหลังบ้าน ดูแบบ ตัวไปถึงญาติรอบข้าง

และผมเข้าใจเหตุผล ของคน ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ในการมาบวช ผมเคารพตรงนั้น เพราะนักบวช อย่างไรก็ดีกว่าชาวบ้าน เพราะไม่ไปสำมะเลเทเมา มั่วสุมในทางที่ชั่ว ยังดีกว่าฆราวาสมากมาย อันนี้พูดถึงคนที่เป็นพระน่ะครับ ส่วนพวกแฝงเข้ามาอีกเรื่อง

แต่ผมเคารพสิทธิ์ทุกท่านและจะไม่เข้าไปก้าวก่าย

 

วันนี้ ต้องไปออกกำลัง จะมาเขียนต่อเรื่อง พระกับไสยศาสตร์ ว่าเราฆราวาสควรจะวางตัวแบบไหนครับ ไม่ให้พระท่านลำบากใจ และ เราไม่บาบ

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรงครับ สวัสดีพี่พีและทุกท่าน อนุโมทนาครับพี่พี เรื่องดีๆมีประโยชน์มากครับ

 

<CENTER>ร่วมตอบปัญหาด้วยครับ

</CENTER>
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พี เสาวภา
ในรอยจารหลวงปู่ จะมีอะไรอย่างหนึ่งบนล็อกเก็ต ใครสังเกตุออก บอกมาน่ะครับ

ถ้าค้นเจอ และ คำวิจารณ์ถูกใจ ต้องมีคำอธิบายด้วยว่าทำไมตามที่คิด

ถ้าถูกใจผม กับหลวงปู่ พระองค์ที่ผมรักเท่าพ่อ แม่ ผม อาจจะมีรางวัล
</TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีครับพี่พี

อ้างอิงจากโพสต์ก่อนหน้านี้ หลวงปู่ท่านลงตัว อุ แบบขึ้นยอดที่ล็อคเกตเหมือนในพระเนื้อดินที่พี่พีบอกว่า ถ้าลง อุ แบบขึ้นยอดจะออกแนวบู๊ ซึ่งก็สอดคล้องกับพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรท่านครับ รวมทั้งหลวงปู่ท่านลงนะหน้าทองที่ใบหน้า หลวงปู่ท่านก็คงลงด้านเมตตาไว้ด้วยเช่นกันครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นครับ ผิดถูกประการใด ก็ร่วมสนุกด้วยคนครับ

 

​

พม่าจำคุก 5 ปี หากพบหมิ่นประมาทบน FB (ไอเอ็นเอ็น)


ทางการพม่าได้กำหนดบทลงโทษจำคุก 5 ปี และปรับเงิน กรณีหมิ่นประมาท หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงบนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของพม่า ขณะที่เครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ก กำลังเป็นที่นิยมและยอดผู้ใช้พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น

ทั้งนี้ แม้อัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตในพม่าจะต่ำที่สุดในโลก โดยมีประชากรเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต แต่สำนักข่าว the Weekly Eleven journal รายงานว่า แม้จะไม่สามารถยืนยันตัวเลขผู้ใช้เฟซบุ๊กได้ แต่ยอดผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในพม่า แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ จึงอาจทำให้คุกคามและไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น เช่น การไปโพสต์ข้อความหรือนำรูปของผู้อื่นไปใช้ในเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นต้น ซึ่ง the Weekly Eleven journal รายงานว่า ขณะนี้ ผู้ที่ถูกกระทำเช่น ถูกหมิ่นประมาท และถูกทำให้เสียชื่อเสียงบนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก สามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายได้แล้ว

ส่วนสำนักข่าวดีวีบี เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐบาลพม่ากำลังกลัวก็คือ การปลูกระดมมวลชนให้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เห็นได้จากที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปิดใช้อินเตอร์เน็ตในช่วงเหตุการณ์ตึงเครียดในประเทศ อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กไม่ได้เป็นที่นิยมในพม่าเท่านั้น แต่ชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ก็หันมาเล่นเฟสบุ๊คเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน โดยเฟซบุ๊กได้เชื่อมต่อระหว่างประชาชนที่อยู่ในและนอกประเทศพม่า และป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม

พม่าอาจจะไปเร็วกว่าเรา ด้านการคุ้มครองในสิ่งพิมพ์ internet

เราก็มีกฎหมายน่ะครับ เป็นกฎหมายว่าด้วยสิ่งพิมพ์ทาง internet กรณี เอาบุคคลอื่นมาเขียนประจาน ทำนองดูหมิ่น เสียดสี กระเซ้าเย้าแหย่แต่เขาไม่ขำ เพราะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ในสื่อพิมพ์ที่เป็นสาธารณะ คนทั่วไปเข้ามาอ่านแล้วเกิดความเข้าใจผิด ผิดกฎหมายน่ะครับ สามารถแจ้งความทางคดี อาญาได้

 

เหลือเวลาถึงเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้น่ะครับ...แหะๆ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ครับ
กราบ กราบ กราบ หลวงปู่พระครูบุญศรี ครับ
สวัสดีครับ พี่พี พี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ