เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ตอนนี้นายเดวิด ทำอะไรอยู่ไม่รู้ครับหายเงียบไปไม่ได้ข่าวเลย
    เค้าว่าบางอย่างที่แสดงไม่ใช่กลแต่เป็นอภิญญาอันนี้ใครรู้บ้าง?
    แต่ที่แน่ๆตอนนี้ "กระบี่อยู่ที่ใจ"ถ้าเชื่อมั่นว่าทำได้ก็จะทำได้แบบนั้นจริงๆครับ
    ถ้าต้องไปเดินทะลุกำแพง ผมให้พี่เม้าส์นำหน้าเลยคับ อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 15680.jpg
      15680.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.7 KB
      เปิดดู:
      58
    • a3.gif
      a3.gif
      ขนาดไฟล์:
      15.2 KB
      เปิดดู:
      713
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2007
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เกรงว่ากำแพงจะพังซะก่อนนะซีคุณ mead 555+

    ให้ยืนขาเดียวยังจะดีกว่า ฮิฮิฮิ
    เห็นแล้วเหนื่อยแทนอะนะ[​IMG]
    (b-ng)
     
  3. ต้นTKenji

    ต้นTKenji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +683
    พี่นักเขียนครับทำไมข้อความนี้ทำไมตลกจังครับ

    เธอไม่ได้ติดกับแห่งกาลเวลาเสมือนแมลงวันที่ถูกขังอยู่ในขวดแก้วที่ปิดฝาสนิด
    แม้จะมีปีกก็ไร้ประโยนช์
    ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ี่
    มันพร้อมใจกันโกหกเธออย่างน่ารักเพื่อเอาใจเธอเสมอ
     
  4. ต้นTKenji

    ต้นTKenji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +683
    ผมอ่านหนังสือของพี่แล้วมีสติดีครับ และสนุกดีครับ อารมณ์ดีผมก็จะอ่านต่อครับ
    ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ไม่อ่านอะครับ เดียวไม่เข้าใจ หนังสือของพี่ต้องใช้สติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2007
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เดี๋ยวพี่นักเขียนคงมาขยายความอีกที ขอตอบง่ายๆก่อนครับ

    ฝาปิด ++ เหมือนความเชื่อในประสาทสัมผัสทั้ง5
    แมลงวันในขวดแก้ว ++ คือจิตวิญญาณ (six sence) ที่ติดปีกพร้อมจะบิน
    เราต้องหาทางเปิดฝาขวดออก เพิ่ออิสระภาพของจิตวิญญาณครับ

    ผมเองอ่านตรงนี้เจอก็สะดุดในความน่ารักเหมือนกันครับ
    ต้องจดไว้ด้วยรูป เพื่อความเข้าใจทีเดียวครับ..


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 263943717.jpg
      263943717.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.2 KB
      เปิดดู:
      432
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2007
  6. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ในความฝัน มีคนบอกว่าถ้าอยากเจอกับสิ่งดีๆ ก้ให้เข้านอนก่อนเที่ยงคืน ครับท่าน
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เมื่อความฝันผ่านพ้นไป เรามักคิดว่าเราจะกลับไปเผชิญกับมันอีกไม่ได้ เสมือนกับที่เราเห็นว่าอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นไปและแก้ไขไม่ได้ แต่โลกแห่งความฝันเป็นโลกที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เราสามารถย้อนกลับไปหาความฝันใดๆก็ได้ หากเราไม่ปักเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้

    ให้ตั้งจิตก่อนนอนว่าจะขอกลับไปที่ความฝันนั้นๆเพื่อกระทำการจำเพาะ ในกรณีของคุณเอกณัฐยศนี้คือจะไปเปิดประตูเพื่อศึกษาว่าอะไรอยู่ในห้องที่มีแสงจ้านั้น นั่งสมาธิแล้วล้มตัวลงนอนอย่าให้สติสัมปชํญญะขาดตอน และขอให้ตั้งจิตให้มุ่งมั่น ด้วยเจตนา ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าและด้วยความเชื่อมั่นว่าเราจะกลับไปรู้เห็นได้ เรียนได้ เข้าใจได้ และจดจำได้เมื่อตื่นขึ้น

    ใครทึ่เคยฝันค้างๆไว้ หรือฝันซ้ำๆและแก้สถานการณ์ไม่ได้ซ้ำๆ ตื่นมาเสียดายว่าไม่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ได้ตามปรารถนา ให้ใช้วิธีการเดียวกันนี้ จะพบความคืบหน้าที่น่าอัศจรรย์

    พี่นักเขียนฝันซ้ำๆมาเป็นเวลากว่า 30 ปีว่าไปเก็บเด็กทารกเนื้อตัวสกปรกมาทำความสะอาดแล้วรับเลี้ยงเขาเป็นลูก ฝันอย่างนี้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเด็กนั้นจะสกปรกปานใด ก็ทำสะอาดได้จนหมดจด แต่ปัญหาที่แก้ไม่เคยได้คือ เด็กทารกทั้งหลายจะหลับเสียก่อนที่เราจะป้อนข้าวป้อนนมทุกที หาขวดนมไม่ได้ หรือไม่มีนมผงจะชง ขวดสกปรก น้ำไม่ร้อน ฯลฯ

    เมื่อมาศึกษาเกี่ยวกับความฝัน ได้ฝันสำเร็จอีีกขั้นคือ ทำสะอาดแล้ว หาขวดสะอาด หานม หาน้ำสะอาดมาได้ แต่ก็ยังทำไม่ทัน พวกเขาหลับไปก่อนอีก ต่อมาก็ฝันว่าทำทันและได้ป้อนอาหารป้อนนมพวกเขาได้สำเร็จก่อนที่เอาเด็กๆเข้านอน และที่เคยเก็บทีละคน ก็กลายเป็นเก็บได้ทีละหลายคน เป็นสิบ

    ชีวิตจริงยามตื่นแม้จะไม่มีหน้าที่การงานที่เกี่ยวพันกับเด็กๆเลย แต่ไม่ว่าจะย้ายบ้านไปอยู่ตรงไหน จะเต็มไปด้วยลูกเล็กเด็กแดงของเพิื่อนบ้าน ที่ชอบมาคลุกคลีขอขนมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนในฝัน และสะท้อนถึงสิ่งต่างในหน้าที่การงานที่ทำคือ ความสามารถบางอย่างที่เคยมีจำกัดก็ขยายตัวตามไปด้วย

    เมื่อเผชิญกับความฝันแล้ว ยามตื่นให้ตีความหมายหลายๆมิติ หลายชั้น ความฝันมักไม่ได้บอกให้เรารู้เกี่ยวกับความเป็นไปในอดีตหรืออนาคตแบบเป็นเส้นตรง ระนาบเดียว แต่มักมีหลายชั้น หลายเรื่องซ้อนกันอยู่ เด็กทารกในความฝันของพี่นักเขียนนอกจากจะหมายถึงเด็กจริงๆในชีวิตยามตื่นแล้ว ยังหมายถึงสิ่งที่เรารักและทะนุถนอมปานแก้วตาดวงใจ เช่น หมายถึงงานเขียน งานสร้างสรรค์ที่เรารักและทุ่มเทเป็นที่สุดอีกด้วย (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • baby_1.gif
      baby_1.gif
      ขนาดไฟล์:
      19.2 KB
      เปิดดู:
      638
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ก่อนจะลืมตาเช้านี้ เห็นคำตอบที่ตัวเองตอบคุณ Mead และมีคำว่า Higher Self อยู่ในกระทู้ ตื่นมาก็เจอจริงๆ เลยขอเอาคำตอบก่อนตื่นมาเขียนจริงๆ
    ขอบคุณ คุณ Mead ที่ช่วยประสานโลกเก่าโลกใหม่และเปิดมิตินี้ด้วยใจกว้าง เพราะพี่นักเขียนอยู่กับความรู้สึกที่ว่า นอกคัมภีร์ และเก็บเงียบมานานหลายปี จนย้ายมาอยู่ Kansas จึงเริ่มถ่ายทอดด้วยการพูดบ้าง เขียนเป็น handout สั้นๆบ้าง และก็ได้รับการอ้าแขนรับจากคนต่างชาติภาษา ต่างศาสนา ต่างลัทธิความเชื่อที่นี่ แอบนึกว่าสิ่งที่เราถ่ายทอดให้คนอเมริกัน-เขายอมรับ จะมีโอกาสไหมหนอที่จะนำไปแชร์กับคนไทยที่เรารักที่สุดตามภูมิกำเนิดของเรา และที่สำคัญที่สุดคือ การย้ายกลับมา Kansas ทำให้พี่นักเขียนได้มาพบ จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ และพากันกลับไปรู้เห็นหน้าที่ของเราที่ทำร่วมกันมาก่อนในทิศทางนี้ ต่อไปพี่นักเขียนจะนำเรื่องราวมาเล่าให้พวกเราฟัง เพราะเชื่อว่า หากพวกเราได้รับฟังเรื่องเหล่านี้ เราต่่างก็จะค้นพบความเป็นจริงในธรรมชาติของตัวตนของเราได้ด้วยกันทุกคน

    บอกตามตรงว่าถูกผู้ใหญ่หลายท่านเบรคด้วยความหวังดี จนทำให้เอาบันทึกต้นฉบับเก็บลงลังไปแล้ว แต่เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยมาเข้าฝันและดุว่า "ความรู้อันปราศจากการถ่ายทอดเป็นความเปล่าประโยชน์หรือความเสื่อม" ตื่นมาน้ำตาไหล ตาพร่ามองแทบไม่เห็น เปิดลังเร็วยังไงก็ไม่ทันใจ (หลายลัง) แล้วก็ลงมือถอดรหัสพิมพ์ต้นฉบับจนแล้วเสร็จ ไม่เคยหยุดทำหน้าที่ให้ท่านอาจารย์อีกเลยนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

    มาวันนี้-รู้สึกอบอุ่นมากค่ะในห้องวิทย์ ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้การตอบรับด้วยความคิดเห็นทุกทิศทาง ทำให้พี่นักเขียนเองก็ได้รับข้อมูลความรู้กว้างขึ้นไปอีกหลายแง่มุม

    คำว่า Higher Self ที่คุณ Mead กล่าวถึง เป็นคำที่พี่นักเขียนได้ยินเป็นครั้งแรกจากบาทหลวงชาวอเมริกันผู้สอนศาสนาคริสต์ ซึ่งมาเรียนสมาธิแนวพุทธกับพี่นักเขียน ท่านใช้เรียกท่านอาจารย์อนาลัย และบอกกับพี่นักเขียนว่า ท่านอาจารย์อนาลัยเป็น Higher Self หรือ Inner Self ของพี่นักเขียน และของทุกๆคน ต่างคนต่างก็จะมีชื่อของ Higher Self หรือ Inner Self ของตนเองที่ไม่มีวันเหมือนกัน เพราะจิตของเราที่รู้เห็นหมวดหมู่ของความรู้นั้นเป็นผู้ตั้งชื่อ เพราะชื่อมีความหมายแต่เพียงในโลกทางกายภาพ และ ความหมายของชื่อของท่านอาจารย์อนาลัย -คือ โนวา อนาลัย หมายถึง การเป็นอิสระจากความปรารถนา ซึ่งเป็นชื่อที่เกิดจากมุมมองของพี่นักเขียนเมื่อสัมผัสกับท่าน หากใครสัมผัสกับ Higher Self หรือ Inner Self ของตนเองด้วยมุมมองที่เห็นความแก่วิชา เต็มไปด้วยความเมตตา ฉันท์ผู้ใหญ่ให้เด็กเล็ก ก็อาจเรียกท่านว่า หลวงปู่ หลวงตา เป็นต้น สุดแท้แต่มุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของบุคคล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บาทหลวงก็ได้อธิบายว่า Higher Self หรือ Inner Self คือบุคลิกภาพซึ่งเต็มไปด้วย Universal Knowledgeคือความรู้อันเป็นของกลางของสากลโลก และ Human Highest Potentials คือความ(สามารถอัน)เป็นไปได้สูงสุดของมนุษย์

    แต่พี่นักเขียนเชื่อว่า ไม่ว่าภาษาในโลกของเราจะแตกต่างกันเพียงไร และมุมมองจากศาสนาจะแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม และไม่ว่าตัวอักษรที่มีกลุ่มชนบันทึกไว้จะคละเคล้าด้วยความเชื่อส่วนบุคคลหรือกลุ่มชนผู้บันทึกก็ตาม แต่ในที่สุดภาษาใจหรือภาษาของจิตวิญญาณอันลุ่มลึกที่สุด ของทุกชาติภาษา ทุกศาสนาก็ตรงกันหมด-จริงไหม(rose) (rose) (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คุณ Mountain เบาโหวงอย่างเงี๊ยะ ไม่มีสัมภารกเล้ย จะตามไม่ทันได้ยังไงละเจ้าคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.8 KB
      เปิดดู:
      431
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    Hello คุณน้อง don't worry
    แอบไปร้อง"ช่วยด้วยเจ้าข้า" อยู่หลังกระทู้วันก่อนนี้ ใจเย็นค่ะๆ แม้ว่ากระทู้จะไปเร็ว แต่ไม่มีคำว่ามาสาย ห้องวิทย์นี้ใครจะมาเมื่อไรก็ได้ เพราะเต็มไปด้วย Gas ไวไฟ แค่คิดก็ Kaboom แล้ว

    ความเชื่อ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราก่อเกิดโลกแห่งความเป็นจริงทุกโลก รวมทั้งโลกทางกายภาพที่เราตื่นและพิมพ์กันไฟแลบอยู่นี้แหละ โลกแห่งความฝันก็เช่นกัน ทุกสิ่งก่อเกิดขึ้นได้ด้วยความเชื่อ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโลกแห่งความฝันปราศจากความเป็นจริง เช่นเดียวกันกับที่เราไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงของโลกยามตื่นได้

    เมื่อเราใช้คำว่า เราคิดหรือสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา เรามักให้คุณค่ามันเสมือนสิ่งที่ปราศจากความเป็นจริง ปราศจากตัวตน แต่มีสิ่งใดบ้างในโลกที่เราเรียกว่าเป็นจริง ที่ไม่ได้เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดมาก่อน ตึกรามบ้านช่อง ก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของสถาปนิก ทารกก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของพ่อแม่ ประสบการณ์ชีวิตของเราก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา กล่าวได้ว่า เรามีส่วนร่วมสร้างวัตถุธาตุ ประสบการณ์ชีวิต ตลอดจนสุขภาพร่างกายของเราและสถานการณ์ชีวิตของเราด้วยเสมอ

    แต่สติสัมปชัญญะของเราคุ้นเคยและจดจำสิ่งต่างๆในโลกยามตื่นได้มาก เพราะเราให้คุณค่าแก่โลกยามตื่นว่าเป็นโลกแห่งความเป็นจริงเพียงโลกเดียว-ที่เป็นของจริง

    หากจะถามว่า เรานัดกันในความฝัน แล้วเราสร้างตัวตนในความฝันขึ้นมาใช่หรือไม่
    คำตอบคือ ใช่ แต่เราทั้งหลายก็สร้างตัวตนในยามตื่น ประสบการณ์ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยามตื่นด้วยเช่นกัน

    ท่านอาจารย์อนาลัยจึงพยายามให้เราศึกษาให้รู้จัก โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ เพราะไม่มีโลกใดเพียงโลกเดียวที่เป็นจริง และโลกอื่นๆไม่เป็นจริง หากแต่ว่า ทุกโลกรวมกันจึงเป็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่แท้จริง

    การที่เรามองเห็นสภาพห้องของตัวเองในความฝันไม่ค่อยเหมือนกับสภาะยามตื่นมีหลายปัจจัยด้วยกันคือ :
    1. เรารู้เห็นจากมุมมองของตัวตนในความฝัน ซึ่งแตกต่างไปจากมุมมองของตัวตนยามตื่น เหมือนเรามองบางสิ่งบางอย่างจากคนละทิศ คนละด้าน โลกแห่งความฝันจึงช่วยให้เราได้รู้เห็นสิ่งต่างๆได้จากมุมมองที่เราไม่อาจมองเห็นได้ยามตื่น

    2. เรารู้เห็นจากมุมมองของตัวตนที่อาจจะเป็นกายภาพ หรือ ตัวตนที่เป็นจินตภาพ-ในมิติอื่นๆ ซึ่งรู้เห็นมวลสารของวัตถุธาตุนั้นแตกต่างไปจากที่เรารู้เห็นผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้ายามตื่น

    ไม่อาจกล่าวได้ว่า เราสร้างภาพยามตื่นได้เนียนกว่า หรือเก่งกว่ายามฝันนะคะ มันเป็นเพียงความแตกต่างที่ทำให้เรารู้เห็นได้มากกว่าเพียงด้่านเดียวค่ะ(*)
     
  11. เทวารักษ์

    เทวารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +302
    ค้นหาหนังสือกับร้านซีเอ็ด
    วันนี้มีเรื่องเล่าเหนื่อยๆกับการหาหนังสือให้ฟังครับ ^__^" ......หนังสือเล่มแรก ผมไปหาซื้อแถวๆคาฟูศรีนครินทร์ หาอยู่พักหนึ่งที่มุมศาสนาและปรัชญาปรากฏว่าหาไม่เจอ, ขี้เกียจหาเลยไปถามเจ้าหน้าที่ว่าหนังสือของผู้แต่งชื่อ โนวา อนาลัย มีไหมครับ พนักงานก็ได้ทำการคีย์คอมอยู่พักหนึ่งแล้วในขอมูลหน้าจอบอกว่ามี 3 เล่ม ซึ่งทั้งสามเล่ม วางอยู่มุมโน้นบ้างมุมนี่บ้าง(ถ้าหาเองจะหาเจอไหมเนี่ย-__-") ยังดีที่เจ้าหน้าที่อุตส่าห์ช่วยหาเจอได้ 2 เล่ม ผมจึงตัดสินใจซื้อ "ชีวิตนอกเหนือชาติภพ" เล่ม2-3 คราวนี้ไปหาที่ฟิวเจอร์รังสิตไปหาที่มุมศาสนาและปรัชญา..."เอ๊ะหนังสือทำไมไม่มี-_-" อ๋อวางอยู่ข้างๆมุมศาสนาและปรัชญาชั้นล่างสุด(ผมเข้าใจว่าวางไว้มุมนวนิยายครับ ถ้าผมจำผิดก็ขออภัยท่านผู้อ่านด้วยครับ) มีหนังสือประมาณ 10-15...ผมจึงได้ตัดสินใจซื้อโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ไปสองเล่ม เล่มที่ 4 ไปหาที่ซีคอนสแควร์ไปหาที่เดินหาเองที่มุมศาสนาและปรัชญากับมุมอื่นอยู่พักหนึ่ง...."หนังสือหายไปไหนหว่า-__-'"...ผมเลยตัดสินใจไปถามพนักงานให้คีย์คอมดูในข้อมูลปรากฏว่ามันอยู่ที่มุมศาสนาและปรัชญา (เอ๊ะมันก็เดินหาไปแล้วแต่ไม่เห็นนี่นา) ผมและเจ้าหน้าที่ก็กระจายกันหาไปทั่วจนในที่สุดเจอว่า หนังสือวางอยู่ที่มุมจิตวิทยานี่เอง เฮ้อ...ผมได้ตัดสินใจเลือกประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ
    หลังจากนั้นระหว่างจ่ายตังเห็นพนังงานเถียงกันเองว่าจะเอาหนังสือไปไว้มุมไหนดี เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นหนังสือแนวไหน(เจ้าหน้าที่ไม่ได้อ่านเนื้อหาจะไปว่าเขาก็คงไม่ได้).... ผมยังกังขาอยู่ว่าถ้าไปซื้อที่ร้านนี้คราวหน้าเขาจะเอาไปวางที่มุมไหนกันแน่ (ก๊ากๆ แค่นึกก็ขำแล้วครับ)
    จากประสบการณ์ที่ผมเจอสรุปได้ว่า
    1 หนังสือที่ร้านมีจะมีเก็บไว้ตอนล่ะ 2 เล่ม
    2 เดินเข้าไปในร้านแล้วถามหาหนังสือกับเจ้าหน้าที่จะหาได้ง่ายที่สุด
    3 ถ้าต้องการสะสมหนังสือจากร้านให้ซื้อบัตรสมาชิกเลยดีกว่าเพราะจะได้สิทธลด 5%
    ปล. เล่มแรกยังอ่านไม่เจอไม่จบเลยไปอ่านต่อดีกว่า*__*
     
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    พี่นักเขียนเข้าใจว่าน้องต้นTKenji กับผู้อ่านหลายๆท่านอาจสะดุดกับเว้นวรรคหนที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก และสะดุดกับคำว่า ติดกับแห่งกาลเวลา และกับคำว่า น่ารัก อีกหนนึง

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงว่า จิตวิญญาณของเราไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในร่างกายของเรา เหมือนแมลงวันที่ติด "กับดัก" ซึ่ง "กับดัก" ที่ว่านี้คือกาลเวลาค่ะ เพราะจิตวิญญาณอยู่นอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จิตวิญญาณจึงเรียกได้ว่า เข้า-ออก จากร่างกายเนื้อหนังได้ตลอดวันเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน ที่เรานอนหลับและฝัน แต่ในที่นี้ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ท่านไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณทั้งดวงหรือทั้งกลุ่มก้อนจากร่างกายเราไปนะคะ เพราะท่านแยกจิตวิญญาณออกเป็น 3 ส่วนตามการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะ คือ
    1. สติสัมปชัญญะ ส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน
    2. สติสัมปชัญญะ ส่วนที่จดจ่อกับร่างกาย
    3. สติสัมปชัญญะ ส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก


    เวลานอนหลับ จิตวิญญาณส่วนที่มีสติสัมปชัญญะ ส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายในจะเปลี่่่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกภายใน อันเป็นโลกอื่นมิติอื่น ซึ่งเราเรียกกันง่ายๆว่าโลกแห่งความฝัน

    ท่านอาจารย์กล่าวว่า จิตวิญญาณพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนนี้เปรียบเสมือนแมลงวัน เพราะมันมีอิสระภาพที่จะบินออกจากขวดแก้ว เพราะจิตวิญญาณส่วนนี้จากร่างกายเนื้อหนังไปได้เสมอ แต่เมื่อเราไม่รู้ว่ามันออกได้ หรือ เปลี่ยนวิถีการจดจ่อได้ เราก็ไปหรือเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกในความฝันโดยไม่รู้ว่าไป พอตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด เหมือนแมลงวันที่บินออกไปจากขวดตอนกลางคือ แลัวก็กลับเข้าไปอยู่ในขวดใหม่ตอนเช้า

    ปีกของแมลงวันในที่นี้ เปรียบได้กับสติสัมปชัญญะอันคมชัด ท่านอาจารย์อนาลัยว่า แม้แมลงวันมีปีกมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะเมื่อสติสัมปชัญญะของเราขาดความคมชัด เราไปก็ไม่รู้ว่าไป เห็นก็จำไม่ได้ จึงไร้ประโยชน์

    ท่านว่าประสาทสัมผัสของเราพร้อมใจกันโกหกอย่างน่ารัก ก็เพราะวิสัยมนุษย์เรามักเห็นผู้ที่คล้อยตามเรา-เป็นผู้ที่น่ารักต่อเราเสมอ ใครขัดใจเรา-เราก็ว่าเขาไม่น่ารัก

    ประสาทสัมผัสทั้งห้าคล้อยตามความเชื่อของเราตลอด ไม่ว่าสิ่งที่เรารู้เห็นผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าจะเป็นอย่างไร มันก็ทำให้เราตีความหมายคล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ เช่น คนที่เชื่อว่า ทุเรียนมีรสดี ทานทุเรียนเมื่อไรก็อร่อย คนที่เชื่อว่าทุเรียนมีรสไม่ดี ทานเมื่อไรก็ว่าไม่อร่อย ต่อให้ทานทุเรียนเม็ดเดียวกัน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของแต่ละคนก็ตีความหมายผ่านประสาทลิ้มรสของเราต่างกันตามความเชื่อส่วนบุคคล

    ที่คุณ Mead ช่วยขยายความเรื่องฝาขวด ชัดเจนถูกต้องตามนั้นค่ะ คือตอนหลับประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราปิด ประสาทสัมผัสที่หกทำงานได้ตามธรรมชาติ

    พี่นักเขียนชอบทานทุเรียนมากๆ เคยพาเพื่อนฝรั่งไปเที่ยวเมืองไทย แล้วพาเขาไปชิมทุเรียน เขาเกือบตาย-บอกว่าเหมือนได้ทานหอมหัวใหญ่เน่าๆ :p คราวหลังจะให้เขาลองชิมทุเรียนในความฝัน เผื่อจะอร่อยเหมือนเราบ้าง(f)
     
  13. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    วันนี้กลับมาจากทำงานก็รีบมาเปิดหนังสือของอาจารย์โนวาอ่านไปครึ่งเล่ม
    ตื่นเต้นในการศึกษาเรียนรู้ อยากจะเข้าใจและปฏิบัติให้ได้ผลขึ้นอีก
    แวะมาอ่านกระทู้แป๊บนึง แล้วก็รีบนอนเผื่อตื่นขึ้นมาจะมีเรื่องมาเล่า
    ตื่นขึ้นมาตอนตี3 ไปไหนมาในฝันดันจำไม่ได้เลย ว้า สติหายอีกแล้วค่ะ
    แล้วก่อนที่ใกล้จะตื่น นึกจะใช้จิตลุกขึ้นมาเหมือนวันนั้นอีกแต่ทำยังไงก็ลุกไม่ได้ ก็เลยตื่นขึ้นมาลุกจริงๆเลย หรือเพราะว่าวันนี้ไม่ได้อาบน้ำเลยไม่ค่อยสบายตัวก็ไม่รู้ 55

    ขอบคุณพี่นักเขียนมากนะคะที่ให้กำลังใจและทำให้เชื่อมันว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราทำได้จริงๆไม่ได้แค่คิดไปเอง เป็นแรงผลักดันอย่างดีเยี่ยมในการที่เราจะก้าวไปข้างหน้าอีกเรื่อยๆสู่ความเป็นจริงเป็นไปได้ในโลกต่างมิติ

    มีหลายเรื่องที่ฝันแล้วอยากจะเล่าให้ฟังค่ะ เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้เล่าความฝันให้ใครฟังเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่ว่าคนอื่นจะบอกว่ากินมากก่อนนอนเลยฝันอะไรเพี้ยนไป และสำคัญที่สุด คือเค้าจะคิดว่าฝันมันก็คือฝันไม่ใช่เรื่องจริง
    แต่สำหรับนกเรื่องที่เราฝันมันเหมือนเป็นเรื่องจริง เป็นสัญญาณบอกให้เรารู้ถึงอะไรบางอย่างที่เราอาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เป็นสิ่งเชื่อมโยงเราไว้ระหว่างสิ่งต่างๆในมิติ คิดมาคนเดียวตั้งนานแต่พอได้อ่านหนังสือของอาจารย์โนวานี่แหล่ะค่ะ ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจและความเข้าใจที่เรามีถึงสิ่งที่เราเป็นมา
    ยิ่งได้รับกำลังใจจากพี่นักเขียนแล้วด้วย กล้าที่จะไปบอกคนอื่นแล้วว่าฝันไม่ใช่แค่ฝันไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะ

    ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่าว่าเราบังคับฝันได้ เวลาเจอเหตุการณ์น่ากลัวหรือว่าไม่ชอบใจจะนึกขึ้นมาทันทีว่าไม่เอาแล้วเปลี่ยนเรื่องดีกว่า หรือไม่ก็บังคับให้ตัวเองตื่น สำหรับตัวเองแล้วเป็นบ่อยมานานมากตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ
    เป็นคนที่มีความฝันตลอดไม่ว่าจะนอนกลางคืนหรือนอนกลางวัน แต่ก็มีบางคนที่หลับแล้วไม่เคยฝันเลย ก็น่าสงสัยนะคะว่าทำไมบางคนถึงฝันแล้วบางคนถึงไม่ฝัน

    มีความฝันอีกเหตุการณ์ค่ะ เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนก.ค.ในฝันเราโดนลมพัดปะทะที่คอตรงด้านหน้าแถวลูกกระเดือกค่ะอย่างแรง ตอนนั้นโมโหมากแต่มีพี่ที่อยู่ด้วยบอกให้รู้ว่านั่นคือมารจะมาทำให้เราโมโห ซึ่งปกติเป็นคนขี้โมโหพอสมควรก็บอกกลับไปว่าอย่าให้สู้ขึ้นมานะเราสู้ได้นะ พยายามระงับอารมณ์ไว้มาก ตอนนั้นก็คิดขึ้นมาว่าต้นเดือนส.ค.เราจะไปรับธรรมะ ซึ่งถ้าคนที่มีเจ้ากรรมนายเวรถ้าเค้าไม่ยอมให้ไปเค้าจะมาขัดขวาง และการที่โดนทำให้โมโหแล้วเราตอบโต้กลับไปก็เหมือนเราเป็นมารค่ะแต่ขณะนั้นก็ระงับไว้ได้ไม่ได้สู้กลับ พอตื่นขึ้นมามันเจ็บตรงคอเหมือนที่เราโดนตีในฝันเลยค่ะอาการเหมือนคนจุกตรงลูกกระเดือกเป็นตั้งแต่เช้ายันเย็นเลย

    ไปนอนต่อก่อนค่ะนี่ก็จะตี4แล้ว เผื่อหลับฝันจะได้ไปเที่ยวที่ไหนอีก ^_^
     
  14. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ใน โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพว่า
    ไม่มีจิตวิญญาณหน่วยใดขัดขวางการพัฒนาของจิตวิญญาณหน่วยอื่น

    พี่นักเขียนเองก็เคยเผชิญกับประสบการณ์ในภวังค์สมาธิและในความฝัน คล้ายกับที่คุณน้องเล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้มาศึกษาจากข้อมูลความรู้ที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้ถ่ายทอดให้นี้ ไม่เคยเผชิญกับประสบการณ์ดังกล่าวอีกเลย ในทางตรงกันข้ามกลับเผชิญแต่กับจิตวิญญาณที่ช่วยเหลือเกื้อกูล และมักเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติม
    ซึ่งเมื่อเปรียบกับประสบการณ์ในอดีตที่ถูกขัดขวาง นอกจากจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเมื่อตื่นขึ้นมา บางทีไม่เจ็บกายเช่นคอเจ็บ ก็มีอารมณ์ขุ่นมัว

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เมื่อเราเข้าไปสู่โลกแห่งความฝัน แม้เราจะนำเอาสติสัมปชัญญะยามตื่นติดไปด้วยทำให้เราได้กลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่จดจำประสบการณ์ต่างๆในความฝันได้ดีขึ้น แม้การู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในจะทำให้บิดเบือนน้อยกว่าการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เราก็นำเอาความเชื่อติดตัวไปด้วยไม่มากก็น้อย

    โลกแห่งยามตื่นของเราเป็นโลกที่ "เชื่อ"ในการแข่งขัน และการอยู่รอดของผู้ที่แกร่งกว่า และสังคมก็ทำให้เราเชื่อว่า การกระทำใดๆในทิศทางหนึ่งมักถูกขัดขวางด้วยการกระทำในทิศทางตรงกันข้ามเสมอ มีขาวต้องมีดำ มีหน้าต้องมีหลัง มีสูงต้องมีต่ำ มีดีต้องมีชั่ว

    เรามักมองเห็นทุกอย่างในโลกทางกายภาพเป็นสองด้านเสมอ หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Duality แต่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ตามธรรมชาติของจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณไม่เห็นความแตกต่างในลักษณะดังกล่าว แต่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาพรวมที่สมดุลย์และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน จากสีขาวไปสู่สีดำ ยังมีสีเทาอีกมากมายหลากหลายโทนสีที่อยู่ระหว่างซึ่งเชื่อมต่อดำและขาวให้เป็นหนึ่งเดียว

    แม้ในกรณีที่มนุษย์มองเห็นได้มากกว่าสองด้าน เราก็ยังคงตัดสินแบบสองด้่านอยู่ดี เช่นการตัดสินว่า เรามีคนปัญญาดีหรืออัจฉริยะ กับ คนปัญญาอ่านที่อยู่สุดปลายคนละขั้ว และคนปกติอยู่ส่วนกลางที่เชื่อมต่อระหว่างสองขั้ว เป็นต้น

    ประสบการณ์ในความฝันของเรา ที่เราเผชิญกับสิ่งชั่วร้ายที่มาขัดขวางเรา เกิดจากความเชื่อของเราที่ก่อเกิดบุคลิกภาพและประสบการณ์นั้นขึ้นในความฝัน ให้ต้องเผชิญกับมาร แม้ยามตื่นหากเราจดจ่อกับความคิดเดียวกันนี้ คนที่เรามองเห็นว่าช้่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในชีวิตยามตื่นเราเหมือนกัน กล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเผชิญยามตื่นและยามฝัน เกิดจากภาวะจิตของเราเอง เกิดจากความเชื่อ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราเอง

    เธอจดจ่อกับสิ่งใด-ได้สื่งนั้น-ไม่มีกฏเกณฑ์อื่น
    จากโนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ

    ทีนี้เข้านอนแล้วให้ตั้งจิตให้ดีๆ ขอพบขอเห็นแต่สิ่งที่ดี สนับสนุนและเกื้อกูลการเรียนรู้ของเรา ขอให้มีครูบาอาจารย์มาเป็นผู้ชี้นำ

    ประสบการณ์ที่น้องนกเผชิญเมื่อคืนก่อนนี้มักเป็นสิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เรียนรู้แล้ว มักจะไม่เกิดขึ้นซ้ำๆเหมือนเดิมเปี๊ยบ แต่มักจะเป็นไปในลักษณะที่แตกต่างไป เพื่อการเรียนรู้ขั้นต่อไป เราใช้วิธีการทำสมาธิก่อนนอนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งจิตให้แน่วแน่ ก่อนนอน และการทำให้ร่างกายสบายตัวไม่มีกังวลก็สำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยใหัละประสาทสัมผัสทั้งห้าได้ง่ายขึ้น หากไม่ได้สระผมหรืออาบน้ำมักจะนั่งสมาธิไม่ได้ดี เพราะเราไม่สบายกายพอ

    คนที่ว่าไม่ฝัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฝัน หากแต่ว่าฝันแล้วจำไม่ได้เนื่องมาจากเขาไม่ให้ความสำคัญกับการฝัน จึงไม่มีความเชื่อและไม่มีความตั้งใจที่จะจดจำ คนที่จำได้ก็มักจะเกิดจากว่า เชื่อว่าความฝันมีความหมาย และเมื่อเคยจำได้แล้วเห็นว่ามันมีความหมายลุ่มลึกจนปฏิเสธไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งทำให้อยากจะจำยิ่งขึ้นไปอีกเลยจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    ห้องวิทยฯ นี้เปิดกว้างเหมือนทะเลแห่งความฝันค่ะ ใครมีฝันดี ฝันร้ายมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพราะเรากำลังศึกษาร่วมกันว่า เราจะใช้ความฝันของเราให้เป็นประโยชน์กับโลกยามตื่นของเราได้อย่างไรบ้าง

    พี่นักเขียนเตรียมไว้ว่า หากกลับมาจาก vacation แล้ว ถ้าพวกเราไม่ทำให้ห้องวิทย์ฯ กลายเป็น gas ไปเสียก่อน จะกลับมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า เราจะพัฒนาความรู้ความสามารถหรือทักษะบางอย่างได้อย่างไรโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ คือไปเอาความรู้และทักษะมาจากร่างกายตัวตนอื่นๆของเราในความฝัน.......เหมือนเรียนลัดด้วยร่างอื่น ตัวตนอื่นตอนหลับ ใครเคยทำได้แล้วมาช่วยกัน ใครยังไม่เคยลอง มาลองกัน ทำได้แลัวมาช่วยกันหัวเราะ (b-smile)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img020.jpg
      img020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  15. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    พึ่งอ่านจบไป 3 เล่มแรก
    ทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้อีกมากมาย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ยังยึดติดกับส่วนทางกายภาพกันมากเพราะเราสามารถรับรู้ได้ชัดและคิดว่าเป็นตัวตนของเราที่แท้จริง
    ส่วนที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา (ทางกายภาพ) เราส่วนใหญ่ก็จะปฎิเสธว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงเพราะไม่สามารถพิสูจน์ สัมผัสได้ทางกายกาพ (ประสาทสัมผัสทั้ง5)
    แต่ยังมีส่วนที่นอกเหนือจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง5 ก็คือสัมผัสที่ 6 ซึ่งในหนังสือธรรมชาติของชาติภพ กล่าวไว้ว่า

    "ประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายใน ซึ่งก็คืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดหรืออีกนัยน์หนึ่งก็คือการรับรู้โดยตรงด้วยจิตของวิญญาณ"

    "อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด คือจุดตัดระหว่างประสาทสัมผัสภายนอก และประสาทสัมผัสภายใน"
    จากหนังสือธรรมชาติของชาติภพ

    ผมมีความเห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อความ "ตราบใดที่เธอไม่ใช้อำนาจแห่งปัจจุบันเพื่อสร้าง ภาพชีวิตของเธอขึ้นใหม่ ด้วยการจดจ่อกับสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอค้นพบจากอดีต และสิ่งที่เธอพอใจในปัจจุบัน เธอจะไม่มีวันใช้อำนาจแห่งปัจจุบันสร้างอนาคตอันสดใสขึ้นมาได้"
    จาก
    หนังสือธรรมชาติของชาติภพ

    "อุปกรณ์สำคัญที่สุดของมนุษย์คือจิตซึ่งประกอบด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด-ไม่ใช่สมอง"

    "อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด คือจุดตัดระหว่างประสาทสัมผัสภายนอก และประสาทสัมผัสภายใน"
    จากหนังสือความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    "ความรู้ในความเป็นจริงด้วยสติสัมปชัญญะแห่้งจิตวิญญาณ คือแก่้นแท้ของจิตวิญญาณ"

    จากข้อความนี้น่าจะเป็นหลักการของการทำวิปัสสนาตามมหาสติปัฎฐาน4 ซึ่งทำให้เกิดความรู้ที่เป็นไปตามความเป็นจริงตามหลัก
    ปฏิจจสมุปบาท
    โดยอาศัยสติสัมปชัญญะ ในทางพุทธศาสนา
    และข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ำไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนและรู้สึกว่าอาจเป็นไปได้

    "สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกทางกายภาพถูกสร้างขึ้นจากความนึกคิด"

    "พลังงานคือจิตวิญญาณ"

    "พลังงานคือจินตนาการ (นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่จะเลิกอ่านทันทีที่มาถึงจุดนี้)"

    จากหนังสือประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ

    ข้อความดังกล่าวจึงเป็นไปอย่างที่
    อัลเบิร์ท ไอสไตน์ [SIZE=-1][/SIZE]กล่าวว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge)
    ไว้มาแจมใหม่หลังอ่านจบเล่มต่อๆไปในโอกาสหน้าครับ ^^

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  16. oakpr

    oakpr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +264
    ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ทำให้ต้องหาหนังสือยากมากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ผมเองก็จนปัญญาที่จะไปบังคับให้ทางร้านเขาจัดวางหนังสือ
    ให้ดีกว่านี้ เคยไปหาระดับผู้จัดการ เขาก็รับปากจะจัดให้ดีกว่านี้
    เอาเป็นว่านะครับ

    หากใครอยากได้หนังสือ หรือ เปลี่ยนหนังสือ
    ให้โทรมาสั่งที่ผมโดยตรงเลยครับ

    oakpr
    02 7461004-6 ครับ
    ยินดีบริการครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG] หนูรู้นะ มีคนกระพริบตาตามหนู
     
  18. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อันนี้เห็นด้วยเลย เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว ถึงแม้จะใช้ภาษาต่างกัน หรืออธิบายต่างกัน แต่ต่างก็ชี้ไปยังสิ่งๆ เดียว

    ก็อยากจะแบ่งปันอย่างที่ Nakamura มาแชร์เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีเวลาเลย ซื้อมาสามเล่มยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลย แต่จากเล่มที่อ่านอยู่ก็ทำให้จินตนาการเตลิดเปิดเปงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

    ส่วนตรงที่เขียนว่า

    อันนี้ก็คงอธิบายเหมือนที่พี่นักเขียนเขียนว่า "แต่มีสิ่งใดบ้างในโลกที่เราเรียกว่าเป็นจริง ที่ไม่ได้เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดมาก่อน ตึกรามบ้านช่อง ก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของสถาปนิก ทารกก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของพ่อแม่ ประสบการณ์ชีวิตของเราก็เกิดจากจินตนาการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา"

    เคยอ่านหนังสือบางเล่มเค้าก็อธิบายเหมือนๆ ที่พี่นักเขียนพูดเลย ตึกจะเกิดขึ้นได้ ก็เกิดจากจินตนาการของสถาปนิกก่อน เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ก็เกิดจากความนึกคิด จินตนาการของนักประดิษฐิ์ก่อน ว่าอยากทำเครื่องมือที่ทำได้อย่างโน้นอย่างนี้

    ส่วนวันนี้จะมาเล่าความฝันให้ฟังอีก ฝันสองสามเรื่องแต่จำได้เรื่องแรกเรื่องเดียวเอง ฝันว่า.....

    อยู่ที่ออฟฟิศ มองไปข้างนอก เห็นละอองหิมะตกลงมา คือเห็นเป็นละอองเล็กๆ ตกมาไม่หนักมากเท่าไหร่ มองอยู่ข้างในออฟฟิศ ไม่แน่ใจว่าเป็นละอองหิมะหรือว่าสายฝนกันแน่ ก็เลยออกไปดูข้างนอก ก็เห็นเป็นละอองหิมะ แล้วก็มองขึ้นไปด้านบน เห็นน้ำเยอะมาก ไหลลงมาจากดาดฟ้าตึกแถวๆ นั้น ในฝันคิดว่าคงจะเป็นเพราะหิมะที่ทับถมกันข้างบนนั้นเกิดละลายมาพร้อมๆ กัน (แต่หิมะที่ตกตอนนั้นก็ไม่เยอะนะ) หลังจากนั้นน้ำก็ท่วมแถวนั้น น้ำสูงเกือบๆ ถึงน่อง จากนั้นก็ตัดไปฝันอย่างอื่นแต่จำไม่ได้ซะแล้ว

    แต่คุ้นๆ ว่าในฝันไม่รู้ว่าช่วงไหน มีพี่ที่ออฟฟิศ(ละมั๊ง) แนะนำให้รู้จักเพื่อนเค้าที่ย้ายไปทำงานกับนิตยสารแพรว (เกี่ยวอะไรเนี่ย)

    อืม... ฝันมั่วซั่วใช้ได้นะเนี่ย
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    อ่านกันไวจังครับ..น้องนาคามูระไป 3 เล่มแล้ว
    ช่วงนี้เห็นหลายคนฝันถึงภัยพิบัติเยอะมากๆ ว่างๆไปอ่านกระทู้นี้ครับ
    ขอเชิญพี่นักเขียนด้วยนะครับไปช่วยกันตีความ+เล่าฝันที่นั่นครับ
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยฯครับห้องนั้น

    "ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    พี่นักเขียนเตรียมไว้ว่า หากกลับมาจาก vacation แล้ว ถ้าพวกเราไม่ทำให้ห้องวิทย์ฯ กลายเป็น gas ไปเสียก่อน จะกลับมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า เราจะพัฒนาความรู้ความสามารถหรือทักษะบางอย่างได้อย่างไรโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ คือไปเอาความรู้และทักษะมาจากร่างกายตัวตนอื่นๆของเราในความฝัน.......เหมือนเรียนลัดด้วยร่างอื่น ตัวตนอื่นตอนหลับ ใครเคยทำได้แล้วมาช่วยกัน ใครยังไม่เคยลอง มาลองกัน ทำได้แลัวมาช่วยกันหัวเราะ

    (b-smile)(b-smile)(b-smile)

    กลับมามีหลักสตรเรียนลัด อย่าพลาดกันนะครับ
    ถ่ายรูปมาฝากด้วยนะครับTripนี้+ไปปีนปิรามิดที่มายัน+ทะเลแม็คซิโก
    ฝากรับพลังปิรามิดมาด้วยคร๊าบ..น่าไปมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...