เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขอต้อนรับการกลับมาของพี่นักเขียนครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. มโนกรรม

    มโนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +877
    Welcome back krub.
     
  3. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เหมือนลูกที่อยากกินขนม(ความรู้)แล้วรอแม่กลับพอแม่กลับมาก็ดีใจ ดีใจที่เห็นแม่ และยังจะได้กินขนมอีกต่างห่าก
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอต้อนรับการกลับมาครับ "พี่นักเขียน"
    กลับมาพร้อมกับความเบิกบานใจแบบนี้
    ดูท่าจะมีเรื่องเล่าให้พวกเราฟังมากมายนะครับ
    พักผ่อนให้สบายๆก่อนครับ..จะรอฟังครับ +-+
    [โชคดีจริงๆที่ไม่โดนพายุหอบไปคับ..]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 57.gif
      57.gif
      ขนาดไฟล์:
      8.8 KB
      เปิดดู:
      507
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2007
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG] ทำตาอ้อนมาเลยนะคุณ ทำฟก เอ๊ย...คุณ mead อิอิ
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เห็นพี่เค้าเก็บเอางานฝีมือสวยๆมาฝากด้วย
    มีหน้ากากไม้มายัน รูปปั้นเทพ+กระดานหมากรุก เซรามิค
    หมวกเม็กซิกันคาวบอย ดนตรี+ของกิน+กับวิวสวยๆ

    เหมือนพาพวกเราไปเที่ยวด้วยเลยครับ
    เสียดายนิดนะครับที่ไม่ได้ไปไต่ปิรามิด..แต่ก็ได้เรื่องราวดีๆมาแทนนะครับ..
     
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    <img src="http://z.about.com/d/k6educators/1/0/W/3/chalkboard.gif">
     
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chalhoei
    เหมือนลูกที่อยากกินขนม (ความรู้)แล้วรอแม่กลับพอแม่กลับมาก็ดีใจ ดีใจที่เห็นแม่ และยังจะได้กินขนมอีกต่างห่าก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เหมือนได้อาหารใจด้วยค่ะคุณเฉลย ดีจัยจริง ๆ ด้วยค่ะที่พี่นักเขียนกลับมา.. จะได้ความรู้ใหม่ ๆ อีกแล้ว...

    รักจัง..
    (bb-flower
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    บ่าย3+ ชั่วโมงพละครับ
    ลุกมาเต้นออกกำลัง..ระหว่างรอครู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2007
  10. "เหลียง ขงเบ้ง"

    "เหลียง ขงเบ้ง" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +336
    ผมว่ากระทู้นี้ เป็นกลางทางศาสนามากที่สุดแล้วละครับ เพราะสอนให้เคารพคำสอนของศาสนาอื่นๆ สาธุด้วยใจจริงครับ
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณคุณขงเบ้งครับ ที่นี่เราเรียนรู้ธรรมครับ
    ทุกศาสนาล้วนมีบ่อเกิดจากธรรมะเดียวกัน
    พระศาสดาทุกศาสนาล้วนเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ช่วยชี้หนทางสว่างให้กับมนุษย์
    คุรุหลายๆท่านก็มาสอนสั่ง อบรมสติปัญญาให้เราได้รู้ยิ่งขี้น "ธรรมะจัดสรร"
    สรรพศาสตร์ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันหมด..ยิ่งเรียนรู้มากยิ่งขยายความรู้ ครับผ้ม!

    "หนึ่งจันทร์เพ็ญที่เห็นอยู่คู่เวหา
    ทอดดวงมาปรากฏในทุกสายน้ำ
    แม้แอ่งจ้อย บ่อน้อยนิด เพียงติดน้ำ
    จันทร์ก็นำกำซาบ ไว้ในดวงเพ็ญ"

    เชิญไปฟังบทเพลงแห่งจิตวิญญาณครับ "เหมือนเดือน"
    http://www.novaanalai.com/novaanalai/Track1-ResembleTheMoon.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2007
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขอด้วยครับ/ค่ะ

    [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] [​IMG]
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เปลี่ยนท่าครับ..พี่เม้าส์

    [​IMG]

    [​IMG]

    แฮ่กๆ.. หมดแรงข้าวต้ม
    เมื่อยพอดีอ่ะ..
    กะลังหาคนนวดขา+
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2007
  14. แก้วทิพย์

    แก้วทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ดีใจจังค่ะ พี่นักเขียนกลับมาเป็นขวัญใจของห้องวิทย์แล้ว แก้วขอกระโดดเต้นตามคุณ Mountain ด้วยคน วันนี้ Server ทำงานหนัก ต้อนรับพี่นักเขียน
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085

    เหนื่อยแล้วคับป๋ม [​IMG]

    กลัวลุงบุช จัง เดี๋ยวแกเตะลูกบอม มาละยุ่งเชียว(b-uh)
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขออภัยลุงบุชด้วยคร๊าบ..เดี๋ยวโดนลูกหลงกะเค้า อิอิ

    [b-wai]
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    Texas & Mexico-Vacation
    เอาเปลมาผูก..ดูพระอาทิตย์ตกดิน..รอฟังพี่นักเขียนกันอยู่ครับ
    เปิดเพลงสนุกๆฟังกันอีกเพลง
    [เด็กๆตามมาฟังกันครับ]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2007
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    1. เราจะสามารถติดต่อสื่อสารกับตัวตนของเราในมิติอื่นๆ ทุกๆ ตัวตนที่เป็นของเราพร้อมๆ กันทีเดียวจะได้หรือเปล่า ด้วยประสาทสัมผัสที่หก?
    การรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสที่หก เป็นไปนอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาอยู่แล้วอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ ซึ่งหมายความว่าการติดต่อสื่อสารกับตัวตนของเราในมิติอื่นๆทุกตัวตน เป็นไปอย่างฉับพลันพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบ้น

    ก่อนอื่นเราต้องตั้งจิตให้แน่วแน่เสียก่อนว่า เราต้องการรู้เห็นตัวตนต่างมิติเหล่านั้นเพื่ออะไร เพราะตามธรรมชาติแล้ว จิตวิญญาณของเราไปชะโงกดูตัวตนเหล่านั้นอยู่แล้วอย่างไร้จุดหมาย ดังนั้นหากเรามีจุดหมายหรือมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน การไปรู้เห็นตัวตนต่างมิติอื่นๆจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่าการเที่ยวไปอย่างสะเปะสะปะ

    ตามประสบการณ์แล้ว พี่นักเขียนจะต้องการรู้เกี่ยวกับตัวตนต่างมิติของตนเองเมื่อ :
    1. ค้องการรู้เห็นความเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้เราทำการตัดสินใจสำคัญในปัจจุบันได้

    2. ต้องการถ่ายทอดความรู้และทักษะบางอย่างจากตัวตนหนึ่งๆ มาสู่ตัวตนยามตื่นในปัจจุบัน เพื่อร่นระยะเวลาในการเรียนรู้ และการทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยทำหรือทำไม่ได้ดีให้เป็นผลสำเร็จ

    การรู้เห็นตัวตนต่างมิติเป็นไปในความฝันก็ดี ในยามตื่นที่เรากำลังเข้าภวังค์สมาธิก็ดี หรือในภวังค์ที่เสมือนฝันกลางวันก็ดี เราได้รู้-ได้เห็นอย่างฉับพลันพร้อมกันหลายตัวตน แต่เมื่อเรากลับมาสู่สภาวะยามตื่นพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะยามตื่น อย่างมากที่เราจะจำได้ก็คือ ระลึกได้ทีละเรื่อง ทีละตัวตน โดยระลึกได้เกี่ยวกับตัวตนที่โดดเด่นกว่าตัวตนอื่นๆ หรือระลึกได้เพียง 2-3 เรื่อง 2-3 ตัวตนที่คล้องจองกับความอยากรู้หรือความสนใจของเรา เช่นเดียวกันกับที่เราจำความฝันได้เสมือนว่า เรื่องราวต่างๆดำเนินไปทีละเรื่องไม่ปะติดปะต่อกัน

    ระบบประสาทของเราดำเนินไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลา เช่นเดียวกับการเต้นของหัวใจที่เป็นจังหวะ หรือลมหายใจที่เป็นจังหวะต่อเนื่องเป็นเส้นตรงตามกาลเวลา แต่ประสาทสัมผัสที่หกก้าวข้ามจังหวะเหล่านี้ไปทั้งหมด แม้จะรับรู้มาอย่างฉับพลันพร้อมกันหมด แต่ก็มา re-run หรือ เล่นเทปใหม่ในระบบความจำของเราตามเส้นทางแห่งกาลเวลาตามเดิม

    สิ่งที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามข้อจำกัดของการเวลาได้คือ เมื่อรับรู้หลายสิ่งหลายอย่างมาแล้ว ต้องไม่พยายามนำมันมาลำดับตามเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่ให้รับเป็นภาพรวม

    ยกตัวอย่างจากประสบการณ์นะคะ พี่นักเขียนต้องการขายบ้านทางเมืองไทย และมาซื้อบ้านใหม่ที่อเมริกา เมื่อฝัน-รู้เห็นตัวตนของเราเดินอยู่ในบ้านทางเมืองไทยซึ่งว่างเปล่า คือขนย้ายของออกไปแล้วก่อนหน้าที่บ้านจะขายได้ เห็นนายหน้าพาฝรั่งเดินเข้ามาในบ้านที่ว่าเปล่า ฝรั่งไม่สวมรองเท้า(เหมือนเจ้าของบ้านคนไทย) และก็ฝันเห็นอีกตัวตนหนึ่งดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านใหม่ที่อเมริกา และก็ฝันเห็นการปิดไฟ ปิดบ้านหลังเก่าในเมืองไทย

    ถ้าเราคิดถามเส้นทางแห่งกาลเวลาอย่างเป็นเหตุ-เป็นผล สิ่งที่คนส่วนมากจะทำเป็นลำดับคือ
    1.ขายบ้านทางเมืองไทยก่อนเป็นสิ่งแรก
    2.ซึ้อบ้านใหม่ที่อเมริกา
    3. pack แล้ว ship ของไปอเมริกา

    แต่ภาพทั้งหมดที่เห็น เป็นภาพรวมเสมอ ซึ่งบอกให้เรารู้ ผลลัพธ์จะเป็นสิ่งที่ครบหรือเต็มภาพ คือให้เห็นทั้งหมดว่ามีความเป็นไปได้อยู่ข้างหน้าแล้ว พี่นักเขียนกลับทำดังนี้คือ
    1. ให้สามีซึ่งอยู่ทางอเมริกาซื้อบ้านใหม่ แม้ว่าจะมีแค่เงินดาวน์ - แล้วถ้าหากบ้านทางเมืองไทยขายไม่ได้ไปอีกหลายปีก็แย่แน่ๆ
    2. ตัวพี่นักเขียนอยู่ทางเมืองไทยก็จัดการ pack แล้ว ship ของไป อเมริกา
    3. ทิ้งบ้านทางเมืองไทยให้นายหน้าขายให้

    ลำดับเหล่านี้ไร้เหตุผลมากๆใช่ไหมคะ แต่เมื่อเรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งหก มันรู้รอบ รู้หมดในภาพรวม เราเพียงแต่จะต้องหัดที่จะไว้วางใจและเชื่อถือความรู้เหล่านี้ ห้ามกังวล ห้ามคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น-ถ้าหากว่า... แล้วตามด้วยจินตนาการในแง่ลบ เพราะความกังวลและความไม่เชื่อถือของเราจะเปลี่ยนความเป็นไปได้ทั้งหมด ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และล้มเหลว

    เมื่อเชื่อถือในความรู้ของประสาทสัมผัสที่หก มันมักทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นง่ายดาย เพราะเมิื่อสามีของพี่นักเขียนซื้อบ้านใหม่แล้ว พี่นักเขียนก็บินปร๋อกลับมานอนคอยที่บ้านใหม่
    ซึ่งว่าง ทำให้สะดวกต่อการทาสี ตกแต่งใหม่หมดทั้งหลัง ระหว่างนั้นนายหน้าก็ขายบ้านทางเมืองไทยได้สำเร็จ ก่อนที่เฟอร์นิเจอร์ถูก ship ออกมาจากเมืองไทยด้วยซ้ำ จากนั้นของทั้งหมดก็มาถึง เข้าที่พอดีเมื่อทาสีและตกแต่งภายในบ้านใหม่เสร็จ

    ถ้าไม่เชื่อสิ่งที่รู้เห็น สามีของพี่นักเขียนหรือตัวเองคงต้องบินไป-มาหลายเที่ยว เพื่อกลับไป pack และ ship ของทีหลัง ซึ่งทำให้สิ้นเปลิืองค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นไปอีก

    การรู้เห็นตัวตนในลักษณะที่พีีนักเขียนยกตัวอย่างจากประสบการณ์มาเล่าให้ฟังนี้ ใช้ประโยชน์ได้ในกรณีที่เราต้องการทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ความเป็นไปได้ และจำเป็นต้องตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญ แต่หาสิ่งที่สนับสนุนยามตื่นไม่ได้

    พี่นักเขียนจะเข้านอนด้วยการตั้งจิตขอฝันเห็นความเป็นไปได้ในแง่บวก ขอเห็นความเป็นไปได้ที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ป้จจุบัน และมักจะตั้งจิตว่า เมื่อเห็นแล้วขอให้จิตแน่วแน่ ยามตื่นขอให้เอาความรู้ที่ได้มาใช้ตัดสินใจได้ถูกโดยปราศจากความลังเลสงสัย

    เหตุที่ขอเห็นแต่ความเป็นไปได้ในแง่บวก เพราะเชื่อในคำสอนของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า "เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง"
    ดังน้้นเราจะขอเป็นความเป็นไปได้ในแง่ลบทำไม? เมื่อเราไม่จดจ่อ และตั้งจิตว่า ฉันจะขอก้าวไปสู่เส้นทางชีวิตใหม่ เราเลือกได้ด้วยความเชื่อของเราว่า มันต้องเป็นเส้นทางที่ดีกว่าเดิม

    หากคุณ Little Yoda ต้องการรู้เห็นตัวตนอื่นๆในมิติอื่นๆ เพื่อรับถ่ายทอดเอาความรู้และทักษะจากตัวตนเหล่านีั้นมา สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องตั้งจิตว่า เราต้องการความรู้และทักษะจำเพาะหนึ่งๆ ในยามตื่นเราต้องขวนขวายก่อน ยกตัวอย่างจากประสบการณ์นะคะ

    เมื่อพี่นักเขียนต้องการวาดภาพ paint ต้องการวาดภาพอย่างมีฝึมือ ไม่ใช่วาดแค่เล่นๆ คืออยากวาดได้ดีพอที่จะได้ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ นึกคิด ฝัน และจินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่ปรารถนา อ่านคอลัมภ์ที่เขาสัมภาษณ์ศิลปินอืิ่นๆลงหน้าหนึ่งแล้วยิ้มกับตัวเองว่า สักวันหนึ่งเราอยากปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์เช่นนั้นบ้างเพื่อให้สามีและลูกๆของเราภูมิใจในตัวเรา (ฟังดูไร้เหตุผลนะดะเพราะตอนที่ยิ้มยัง paint ไม่เป็นเลย)

    ยามตื่นขวนขวาย อ่านหนังสือ หาอุปกรณ์มาหัดวาดภาพระบายสี ล้มเหลวก็ไม่โกรธ เพราะเชื่อว่าหากตัวตนที่เป็นศิลปืนพบเมื่อไร เราจะทำได้สมความปรารถนาโดยไม่ต้องหัดไปอีกหลายปี

    เมื่อลงมือทำตามเจตนาแล้ว แม้จะไม่ได้ผลตามความคาดหวัง ก็ให้ตั้งจิตด้วยความรู้ที่ว่า แรงบันดาลใจที่เรามี ในกรณีของพี่นักเขียนคือ มีแรงบันดาลใจอยากเป็นศิลปินนี้ เกิดจากการที่เรามีตัวตนต่างมิติของเราเป็นศิลปินอยู่ และตามธรรมชาติของจิตวิญญาณแล้ว เราไปถ่ายทอดเอาความรู้และทักษะเหล่านั้นมาได้เสมอ

    ตั้งจิตก่อนนอนให้แน่วแน่ว่า เราจะขอฝันเพื่อรู้เห็นตัวตนดังกล่าว และต้องการถ่ายทอดความรู้และทักษะมาเป็นของเรา

    ฟังดูว่าจะให้ฝัีนนั้นยาก แต่จะถ่ายทอดมานั้นง่ายจนเหลือเชื่อใช่ไหมคะ?

    ให้เชื่อถือว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงธรรมชาติ เราเดิบโตขึ้นมา หัดมองเห็น หัดพูด หัดเดิน หัดรับประทานอาหาร ก็ด้วยวิธีการเดียวกันนี้แหละ เพียงแต่เด็กๆไม่ได้ตั้งคำถามว่า เขาจะเดินได้หรือ เขาจะพูดได้หรีือ เขาเพียงแต่ถ่ายทอดและนำความรู้และทักษะเหล่านั้นมา แล้วก็ใช้การเลย

    เราทั้งหลายก็ทำได้เช่นนั้นจริงๆ สำหรับความรู้และทักษะทุกชนิดที่เราปรารถนาจะมี จะได้ จะทำ

    2. คนที่บรรลุอรหันต์
    - จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีต- อนาคต จะบรรลุอรหันต์ไปกับคนๆ นั้นหรือเปล่า?
    - จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ จะบรรลุอรหันต์ไปกับคนๆ นั้นหรือเปล่า?
    - จิตวิญญาณ (เสมือน) ร่วมร่างแต่ต่างมิติ จะบรรลุอรหันต์ไปกับคนๆ นั้นหรือเปล่า?

    การบรรลุอรหันต์ เป็นความคิดทางศาสนาที่เป็นไปตามกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายความว่า คนจำนวนมาตีความหมายพัฒนาการของจิควิญญาณด้วยกาลเวลา คือใช้เวลาในการบำเพ็ญ ใช้เวลาในการบรรลุความสำเร็จ และเราก็มักมองเห็นการเป็นบุคคลตัวตนเป็นสิ่งที่แบ่งแยก มีการเป็นเรา-เขา หากคนหนึ่งบรรลุผลสำเร็จ เราก็มักเปรียบเทียบว่า บุคคลนั้นๆสูงกว่าอีกคนหนึ่ง เป็นต้น

    จิตวิญญาณปราศจากขอบเขต และปราศจากปริมาตร ปราศจากปริมาณ ปราศจากหน่วยนับ

    จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีต-อนาคต แม้จะเป็นจิตวิญญาณส่วนที่เป็นบรรพบุรูษของเรา ก็ไม่ได้หมายความว่า เคยเป็น แล้วกลายมาเป็นของเรา หากแต่ว่าเป็นไปพร้อมๆกันในปัจจุบัน

    จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ แม้จะเป็นจิตวิญญาณส่วนที่เป็นของพ่อแม่ คนรัก เพื่อน ลูก ศัตรู หรือคนแปลกหน้า ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างแบ่งแยกจากตัวตนของเรา

    จิตวิญญาณ (เสมือน) ร่วมร่างแต่ต่างมิติ แม้จะเป็นจิตวิญญาณที่เสมือนไม่ได้อยู่ร่วมโลกกับเราในกาลเวลานี้ แต่ก็มีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป เป็นส่วนหนึ่งของเราเสมอ

    สำหรับพี่นักเขียน ท่านอาจารย์อนาลัยคือจิตวิญญาณ (เสมือน) ร่วมร่างแต่ต่างมิติที่พี่นักเขียนรู้จัก รับถ่ายทอดและติดต่อสื่อสารอยู่เสมอ ซึ่งพวกเราทุกคนก็มีเหมือนกันไม่แตกต่างไปจากพี่นักเขียน เพียงแต่ว่าเราแต่ละคนจะมีชื่อให้ท่านว่าอย่างไรเท่านั้น ที่แตกต่างกันไปตามความหมายและมุมมองส่วนบุคคล

    จิตวิญญาณจากทั้ง 3 แหล่งข้อมูลถ่ายทอดแลกเปลี่ยนและประสานกับเป็นระบบเครือข่ายเหมือนลมหายใจเข้าออกที่ปราศจากเจ้าของ เราจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า ลมหายใจส่วนหนึ่งบริสุทธฺ์และบรรลุภาวะหนึ่งๆอันเป็นเลิศ และทำให้ทุกร่างที่หายใจเอาลมหายใจส่วนนั้นเข้าไปจะบรรลุความเป็นเลิศนั้นตามไปด้วย เพราะการแบ่งแยกแบบเด็ดขาดด้วยการแปลงสภาวะนั้นไม่มีอยู่จริง

    จิตวิญญาณคือความรู้ ความรู้คือจิตวิญญาณ ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณคือ การเปลี่ยนความเชื่อเป้นความรู้

    ดังนั้นจึงไม่มีจิตวิญญาณส่วนใดที่เมื่อแปลงสภาวะเป้นความรู้อันบริสุทธิ์แล้ว จะแบ่งแยกออกไปอย่างโดดเดี่ยวจากจิตวิญญาณทั้งหมดซึ่งประสานกันเป็นระบบเครือข่าย หากแต่จะยังคงอยู่ในระบบและให้การสนับสนุน เพื่อให้กระบวนการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ดำเนินต่อไป

    พี่นักเขียนเข้าใจว่า การแบ่งแยกทั้งหลายทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ เป็นความคิดอันจำกัดที่มนุษย์เราตั้งขึ้น เช่น แยกคนดีออกจากคนชั่ว เอาคนไม่ดีใส่คุก เอาคนดีไว้นอกคุก

    หากเรามองให้ลึกซึ้งกว่านั้น คนในคุก ไม่ใช่คนเลวบริสุทธิ์ และคนนอกคุกก็ไม่ใช่คนดีบริสุทธื์ ไม่ว่าเราจะแบ่งแยกอย่างไรตามความเชื่อ ธรรมชาติที่แท้จริงก็คือ มนุษย์ในร่างกายเนื้อหนัง พร้อมด้วยจิตวิญญาณอันเป็นความรู้สึกนึกคิดของเรามีทุกคุณสมบัติอันเป็นไปได้อยู่ในตัวด้วยกันทุกคน

    เรามีสังคมที่ทำให้คนปะปนกันเพืิ่อการแลกเปลี่ยนสนับสนุนและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แข่งขันเพื่อแบ่งแยก และคนที่ดีกว่าก็แตกตัวออกไปอย่างถาวร หากแต่ว่าสังคมโลกต้องการคนที่ดีกว่า มีความรู้ความสามารถเหนือกว่า เพื่อสนับสนุนเกื้อกูลผู้ที่ด้อยกว่าให้พัฒนาขึ้นไปเริ้่อยๆ หากคนในสังคมเมื่อได้ดีแล้ว ต่างก็แยกตัวออกไปอย่างถาวรเรื่อยๆ สังคมส่วนที่ประกอบด้วยผู้ที่ด้อยกว่าจะเหลืออะไร? และความก้าวหน้าจะมาจากไหนหากไร้การสนับสนุนจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูงกว่า?

    ในสภาวะของจิตวิญญาณซึ่งเป็นระบบเครือข่ายที่ผูกพันธ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าสภาวะทางกายภาพอย่างเปรียบกันไม่ได้แล้ว การบรรลุไปสู่ความเป็นเลิศของจิตวิญญาณส่วนหนึ่งๆคือการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ จึงเป็นไปเพื่อการสนับสนุนและเกิื้อกูลส่วนอื่นๆที่ยังไม่ได้เปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

    ดังนั้นคำตอบสำหรับคำถามขัอนี้ จึงไม่ใช่คำตอบที่ว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เท่านั้น เพราะภาวะของจิตวิญญาณไม่เคยมีการแบ่งแยก แต่ประสานกันเป้นระบบที่ไม่มีวันแยกจากกัน แต่เป็นไป หรือพัฒนาไป เพื่อสนับสนุนเกื้อกูลกันต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด (rose)
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    การเปรียบเลขหน้าหนังสือกับอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต เป็นอุปมาอุปมัยที่ชัดเจนดีมากค่ะ เพราะหนังสือทุกหน้ามีอยู่พร้อมกันหมดเป็นป้จจุบ้น

    แต่อย่าลืมว่า จิตวิญญาณอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายความว่า หากอ่านหนังสือด้วยจิตวิญญาณ สิ่งที่เป็นไปคือ แม้ว่าเราจะกำลังอ่านหนังสือหน้าที่ 88 อยู่ ตัวรู้หรือจิตวิญญาณสามารถมีความรู้ครอบคลุมหน้าอื่นๆของหนังสือเล่มนี้พร้อมกันหมด และเราก็เผชิญกับความเป็นจริงนี้ได้บ่อยๆ เวลาเราอ่านหนังสือเรียงไปทีละหน้า พอไปถึงหน้าหลังๆ เราอาจสงสัยว่า เอ๊ะ! เรากำลังอ่านซ้ำหรือเคยอ่านหน้านี้แล้วหรือยังนะ ทำไมสาระนีัคุ้นยังกับเคยอ่านมาแล้ว หรือบางทีก็รู้สึกว่า นึกแล้วว่าเริื่องจะต้องลงเอยอย่างนี้ แต่เรามักจะมองข้ามไป และคิดว่าปรากฎการณ์เหล่านี้เป็นเพียงความบังเอิญหรือเราเดาเรื่องได้ถูกต้องเท่านั้นเอง
     
  20. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    E=mc2 ไอน์สไตน์ ผู้มองเห็นธรรมพระพุทธเจ้า (เขายอมรับในการบรรยายครั้งหนึ่งของเขาว่า ตอนนี้ ศาสนาพุทธ ดูจะเป็นทางออกของมวลมนุษย์เพียงทางเดียวเท่านั้น)

    ปล. อ้างอิงจากหนังสือไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้า


    อ่านประวัติ
    http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q2/article2005june18p4.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...