ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

จริงๆก็อยากให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ทุกๆท่าน
ได้มีโอกาสเข้าไปอ่านเว็บบ้านสวนพีระมิด
หรือ เข้าไปพิสูจน์ ไปดูว่าที่บ้านสวนพีระมิด
มีกิจกรรมอะไร สอนอะไร ด้วยตัวท่านเองนะคะ
เพราะท่านจะได้หายสงสัย และเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่า
อ.อุบล มีวิธีการสอนธรรมะได้อย่างตรงไปตรงมา
เข้าใจง่าย และมีการพิสูจน์ กฏแห่งกรรม
ได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด...อย่างไร

ไม่ลอง ก็ไม่รู้นะคะ

โดยส่วนตัวแล้ว เมื่อก่อนก็เข้าใจว่าตัวเอง
ก็เป็นคนดีคนหนึ่งพอสมควร แต่ที่ไหนได้
ศีลห้าก็ไม่ครบ ความเมตตาก็ไม่มี
ชอบของฟรีเป็นชีวิตจิตใจอีกต่างหาก
แถมยังขยันคิดลบต่อคนอื่นเป็นประจำ

พอได้มาตามอ่านเว็บบ้านสวนฯเป็นประจำ
คำสอนจากท่านอ.อุบล ก็ทำให้เราย้อนกลับมามอง
กลับมาสำรวจ"จิต" ของตัวเอง บ่อยขึ้นๆ

แล้วก็เริ่มมองเห็นความชั่วในจิตใจของตัวเอง
แล้วพอเรารู้และเห็นความชั่วของตัวเอง
มันก็เลยทำให้เราเกิดปัญญา"รู้"ว่า
สิ่งที่เราทำๆมานั้น มันผิด มันชั่ว
ก็เลยพยายาม"หยุด"ทุกสิ่งที่เป็นหนทางสู่ความชั่ว

เพราะแน่นอน ตอนนี้เราสังเกตได้ง่ายๆแล้วว่า
ถ้าสิ่งใดก็ตามที่เราคิด หรือ ทำไปแล้ว
มันทำให้เรา เป็นทุกข์หรือ กังวลใจ
สิ่งนั้นย่อมไม่ใช่ ทางบุญแน่นอน

ฉะนั้น การเข้าไปติดตามอ่านเว็บบ้านสวนฯทุกวัน
จึงเป็นเสมือนการขัดเกลาจิตใจของตน
ให้สะอาดยิ่งขึ้น แล้วเริ่มมองเห็นทางสว่าง
และหนทางที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้...ถาวร

 

เจ๊ Nipanada นอนดึกนะครับ หรือ เพิ่งตื่น คิคิ


มิวออนไลน์ มันส์ๆ
Muonline-Club มิวเถื่อน Saeson6

 

สาธุครับ หันมามองจิตตัวเอง
ไม่ได้มัวไปเพ่งโทษผู้อื่น


ทำได้แค่นี้ก็ ดีมากแล้วครับ


อ้้อ ผมคงไม่ไปใส่ร้ายใครในนี้ว่า
"ร้อนตัว" หรอกนะครับ เพราะมัน
เป็นแค่การอธิบายให้คนที่ไม่ยอม
เปิดใจกว้าง ให้เข้าใจ ก็เท่านั้นคน
ละอย่างกับการใส่ร้ายความร้อนตัว
ให้ผู้อื่น ที่พยายามยัดเยียดแล้วยัด
เยียดอีกครับ ดีแล้วครับ คุณ Nip

 

แต่ก่อนผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบหาดูเวปธรรมะ

พอมาอ่าน ได้มาดู เวปบ้านสวนพีระมิด

ก็รู้สึกแปลก แต่พอเราได้ดูวีดิโอ ได้ศึกษาคำสอน

ที่อ.อุบลนำมาเผยแพร่ก็จะเน้นเรื่องเกี่ยวกับศีล 5

และคนที่ออกไปสารภาพบาป ก็เป็นการสอนเกี่ยว

กับการทำผิดศีล ในแต่ละข้อ ผลของการผิดศีล

จะทำให้ชิวิตเจอแต่ปัญหา อุปสรรค

เลยทำให้ผมเข้าใจ การสารภาพบาป คือ

การที่เราสำนึกผิดว่าเราเคยทำผิดศีลแต่ละข้อ

เมื่อเราสำนึกผิดแล้ว ก็ไม่ทำอีก

​

 

มันจะเป็นไปได้เหรอ แต่ละคนต่างทำกรรมมาต่างกัน "แล้วทุกจิตวิญญาณที่ส่งไป มันจะได้ขึ้นสวรรค์กันหมดงั้นเหรอ ห๊ะะะ"

 

อืมนั่นดิ ก็แค่พื้นฐานนิเนาะ ยังไม่ใช่ยอดนิ

ก็เป็นแค่พื้นฐาน ก็ได้แค่นี้ จะไปวัดอะไรมากกับ "ถูก" "ผิด" เพราะยังไม่ใช่ที่สุดของความเป็นอรหันต์นั่นเอง

 

บ้านสวนพีระมิดสอนว่า การสารภาพบาป คือ การสมาทานศีล

โดยเราพูดเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย และการที่เราได้พูดถึงการกระทำที่ไม่ดีของตัวเอง

ทำให้เราได้นึกย้อนถึงการกระทำของตัวเราเองด้วย เพื่อเป็นการตอกย้ำเราว่า

การกระทำเช่นนี้มันผิด ให้เราจำไว้ และต่อไปก็อย่าได้กระทำอีก

นอกจากนี้ก็ยังเป็นการ ละอัตาตัวตน ของตัวเอง ไม่ต้องสร้างภาพให้ดูดี

แต่ให้อยู่บนพื้นฐานของความจริง และถ้ามีใครมาอ่านเจอเรื่องของเรา

เขาก็อาจจะนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ว่าเขาเป็นอย่างเราหรือเปล่า

เขาก็อาจจะมีทางออกให้กับชีวิตของเขาเอง หรือเขาจะไม่เชื่อก็ได้

ก็เป็นเรื่องของเขาเอง

อ. อุบล สอนไว่ว่า กรรมที่เราทำไปแล้ว ไม่สามารถที่จะไปลบล้างได้

แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ พยายามสร้างความดี รักษาศีล เพื่อให้กรรมไม่ดี

ตามเราไม่ทัน ท่านเปรียบว่า เราเหมือนเรือ วิบากกรรมเหมือนตอไม้ในน้ำ

บุญคือน้ำ สิ่งที่เราต้องเร่งสร้าง คือ บุญ เพื่อให้น้ำมากขึ้น เรือ (เรา) ก็จะสามารถ

ล่องผ่านไปได้ แต่เมื่อใดที่เราไม่สร้างบุญ น้ำก็จะลดลง ตอไม้ก็เริ่มผุด

มาขัดขวางทางเรือ ทำให้เรามีปัญหาในการล่องเรือ

เนื่องจากตัวเองเป็นผู้ที่อ่านพระไตรปิฏกแล้วไม่เข้าใจ อ่านคำบาลี สันสกฤษ

ก็ต้องมานั่งแปล ก็เลยชอบที่จะอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นภาษาไทย

เข้าใจง่าย ๆ และเราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเราได้ อย่างที่บ้านสวนพีระมิดสอน

ทุกวันนี้ทำให้เราระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ทั้งทางกาย วาจา ใจ มีความมุ่งมั่น

ในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เพราะไม่อยากกลับไปเจ็บป่วย หรือมีปัญหาใด ๆ อีก

เพียงเท่านนี้ ก็ทำให้ชีวิตเรามีความสุขแล้วค่ะ

 

ผมรู้สึกว่าคนที่นำมาลงนั้น นอกจากจะไม่ศึกษาสิ่งที่เขาเขียนดีๆแล้ว ทั้งๆที่คุณไม่รู้ว่าเขาสอนอะไร และพยายามก๊อปแต่ข้อความที่สร้างให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็ไม่รู้ว่าคุณหวังอะไรตรงนี้ หากคุณไม่ศรัทธาเขาก็ควรปล่อยวาง อย่าปล่อยใจตนเองให้เศร้าหมองและคอยจับผิดจริยาคนอื่นให้ตนเองเป็นบาปเลยนะ ผมเลยลองนำข้อความเต็มๆที่เขาเขียนอธิบายไว้มาให้อ่านดู

ขอให้ทุกคนที่ต้องการส่งวิญญาณบุคคลอันเป็นที่รัก
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ญ่าติ เพื่อน หรือคนรู้จัก
ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว และไม่ทราบว่า เขาไปสวรรค์ หรือ นรก หรือ นิพพาน
บ้านสวนพีระมิด ได้รับพระเมตตาจาก พระพุทธองค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้ใช้กำลังบุญพระกรรมฐาน(เท่านั้น) ส่งวิญญาณทรมาน ที่ไม่สามารถโมทนาบุญได้ ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้ บุญอื่น...ไม่มีกำลังพอที่จะส่งได้ ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีกำลังบุญพอที่ท่านท้าวเวสสุวรรณจะ
อนุญาต ดังนั้น ท่านที่ต้องการส่งวิญญาณ ให้ปฎิบัติดังนี้
1.ปฏิบัติพระกรรมฐาน(สูงสุด) แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้า ท่านท้าวเวสสุวรรณ
ขอเบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนา บุญพระกรรมฐานที่ทำมาทุกชาติจนถึงชาตินี้ อุทิศให้.....ระบุชื่อผู้ตาย ....... กรณีทำเอง ..........ไม่ต้องไปบ้านสวนพีระมิด
2.ถ้าไม่ได้ปฏิบัติพระกรรมฐานมา ให้ปฏิบัติดังนี้
1.ไปร่วมเข้าค่าย รุ่น 7 โดย ถ่ายบัตรประชาชนของตัวท่านเอง หน้า-หลัง (ผู้ต้องการส่งวิญญาณ)พร้อมเขียนชื่อ-สกุล ผู้ตาย ลงไปในกระดาษสำเนาบัตรประชาชน ได้ทั้งด้านหน้า+หลัง กี่คนก็ได้ ถ่ายไป 2 ชุด นำไปให้ อ.อุบล 1 ชุด ท่านเก็บไว้ร่วมพิธี 1 ชุด
2.ต้องมีกำลังบุญ ที่บริสุทธิ์ของผู้ส่ง (ของตัวท่าน) ไว้ร่วม เมื่อบุญรวมตัวได้ บุญของท่าน เขาจะรับได้ทันที วิธีก็คือ
-เมื่อไปถึงบ้านสวนพีระมิด ให้รีบทำบุญใหญ่ให้ครบ 3 ส่วน เต็มกำลัง (ตามอัตภาพ) ทั้งทาน ศีล สมาธิ

 

ผมเห็นว่าเป็นบทความที่ดีมีประโยชน์และตรงกับสิ่งที่เขาต้องการจะบอกจะสื่อ ไม่ใช่สิ่งที่หลายๆคนกำลังคิดเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ลองอ่านดูนะครับ

หลวงพ่อฤาษี ช่วยตากิ่มไม่ให้ตกนรก ด้วยบุญกรรมฐาน

Posted by ศูนย์พุทธศรัทธา on April 4th, 2010



<CENTER>หลวงพ่อฤาษี ช่วยตากิ่มไม่ให้ตกนรก ด้วยบุญกรรมฐาน</CENTER>
ตากิ่ม เป็นคนต้นคดปลายตรง คืออดีตทำความไม่ดีมามาก พอมาพบหลวงพ่อ ก็ศรัทธาคอยอุปฐากเวลาหลวงพ่อไปชัยนาท เวลาตาย จิตเศร้าหมองถูกนำตัวไปนรก หลวงพ่อไปเป็นประธานงานศพ ขอตัวมาจากนรก หลวงพ่อช่วยให้เป็นเทวดา ด้วยบุญกรรมฐาน

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ อาตมาไปเทศน์ที่วัดศีรษะเมือง หรือวัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท วันนั้นเขาทำบุญงานศพ สำหรับงานศพรายนี้ ก็ปรากฏว่าลูกสาวเป็นคนจัด คือแม่ตายแล้ว จะทำศพพ่อ วันนั้นก็จะบวชน้องชายด้วย ตอนเช้าบวชน้อง ตอนบ่ายยกศพพ่อขึ้นมา จัดการศพ มีเทศน์ เขาก็อาราธนาอาตมาเป็นประธาน
ก็บอกเจ้าภาพว่า
“อีหนูเอ็งให้หลวงน้าเป็นประธานนี่เป็นได้ แต่ว่าให้พระเป็นประธานนี่ งานทั้งหมดจะให้เป็นบาปไม่ได้สักนิดหนึ่ง”
เธอก็ถามว่า “มันเป็นอย่างไร”
ก็บอกว่า
“คือว่า สิ่งใดก็ตาม แม้แต่ไข่ลูกหนึ่งก็ห้ามทุบ จะมาบอกว่าไข่ไม่มีตัวก็ไม่ได้ ใจมันไม่สบาย”
เธอก็รับคำ ก็แนะนำเธออีกว่า
“เมื่อเวลาจัดงานศพ เมื่อเวลาพระให้ศีล แขกจะมาจากไหนก็ช่าง ต้องรับศีลให้จบเสียก่อน และตั้งใจรับศีล ด้วยความเคารพ เวลาพระสวด แขกจะมา อย่าเพิ่งลุกไปรับแขก ตั้งใจฟังพระสวดด้วยความเคารพ เวลาถวายทานก็เหมือนกัน ให้ถวายทานด้วยความเคารพ เวลาพระเทศน์ ตั้งใจฟังพระเทศน์ด้วยความเคารพ อย่าให้มีสุรายาเมาเข้ามาเจือปน”
เธอก็รับคำ แล้วก็มีผู้หญิงท่านผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อแฟ้ม ก็บอกว่า “โยมต้องเป็นพี่เลี้ยงนะ” ก็ปรากฏว่าท่านรับคำ
เมื่อถึงวันงานจริงๆ วันนั้นไปเทศน์กับท่านเจ้าคุณภาวนาภิรามเถระ อาจารย์วิปัสนาญาณองค์หนึ่ง ตอนต้นอาตมาก็บอกอานิสงส์ไปสัก ๑๕ นาที เป็นการเทศน์คู่ ที่นี้ต่อมา เจ้าคุณภาวนาท่านเป็นคนถาม องค์นี้ชอบร่ายยาว ว่าอารัมภบทอย่างน้อยที่สุดก็ ๓๐ นาที
เมื่อแกเริ่มตั้งนะโม อาตมาก็เริ่มจับจิตเข้าสู่ความสงบ คือ ตามแบบฉบับที่หลวงพ่อปานท่านเคยสอน ว่าก่อนจะเทศน์ให้ทำจิตเข้าสู่พระกรรมฐานสูงสุดเท่าที่เรามีอยู่
เพราะฉะนั้นแกว่าแกร่ายยาวนี้อาตมาก็ได้กำไร ได้กำไรตอนไหน ตอนที่มีจิตวางอารมณ์ได้สบาย พอวางอารมณ์ได้สัก ๕ นาที ก็มานั่งนึกถึงคนตายว่า เออ..ตากิ่มนี่แกไปอยู่ที่ไหน ดูไปดูมาบริเวณที่เขาทำบุญ เห็นแต่ผีคนอื่นยืนเต็มไปหมด แต่ผีตากิ่มปรากฏว่าไม่ได้อยู่ที่นั่น
จึงได้นึกในใจว่า เอ.. ตากิ่มนี่น่ากลัวจะมีอันตราย นั่นก็หมายความว่า แกอาจจะต้องถูกลงโทษ อาจจะกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงได้กำหนดจิตถามว่า
“เวลานี้นายกิ่มอยู่ที่ไหน ใครควบคุมอยู่ ขอได้โปรดนำมาก่อนด้วย ขอโอกาสนิดหนึ่ง”
ภาพก็ปรากฏเห็นแกเดินมา แกเศร้าสร้อยเหลือเกิน มีโซ่ล่ามคอมา ๒ เส้น คนจูงหางโซ่มาข้างละคน มาถึงก็มานั่งก้มหน้าแสดงความทุกข์ ถามแกก็ไม่พูด
จึงถามคนคุมมา บอกว่า
“วันนี้ลูกสาวเขาบวชลูกชายแก และทำบุญถวายสังฆทาน มีพระมากนี่และก็มีพระเทศน์ บุญนี้เป็นมหากุศล ทำไมบุญขนาดนี้ นายกิ่มจะไม่มีโอกาสได้บ้างเชียวหรือ”
เขาก็ตอบว่า ไม่มีโอกาส เขาก็เลยเล่าประวัติของนายกิ่มที่ทำความไม่ดีมามาก แต่ตอนที่ตากิ่มแกพบอาตมานี่แกทำดี เมื่อตอนนั้นยังอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นมาชัยนาททีไรพัก ๕ วัน ๗ วัน ตากิ่มมานอนอยู่ทุกวันไม่ยอมกลับ ตอนเช้าไปเอาข้าวต้มมาจากบ้าน ตอนกลางวันเอาข้าวสวยมา ตอนเย็นตอนบ่ายก็เอาเภสัชมาถวาย ทำดีทุกอย่าง แต่อดีตของแกไม่ดี เขาเรียกว่า ต้นคดปลายตรง ตอนปลายนี่ดีมาก
เมื่อเขาเล่าประวัติจบก็เลยถามว่า
“ความดีเขามีอยู่ แต่เวลาตายจิตมัวหมอง อันนี้ทำอย่างไร จึงจะให้เขามีโอกาสโมทนาบุญได้”
คนที่คุมมาเขาก็เลยบอกว่า
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน บุญที่ลูกทำให้ก็ดี หรือที่นายกิ่มทำมาแล้วก็ดี เวลานี้กำลังไม่พอ”
จึงได้ถามว่า “กำลังบุญอะไรมันถึงจะพอ”
แกก็บอกว่า “กำลังของบุญกรรมฐาน”
บุญกรรมฐานมีกำลังใหญ่มาก สามารถจะแหวกวงล้อมเข้าไปได้ ถ้าไม่หนักจนเกินไป คือยังไม่ลงนรกละก็ช่วยได้ ก็เลยบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะอุทิศส่วนกุศลให้ตากิ่มจะได้ไหม เพราะแกมีบุญคุณกับฉันมาก”
คนคุมเขาก็บอกว่า “ก็ดีเลย บุญของท่านมีกำลังเยอะ”
ก็บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะให้นายกิ่ม”
ก็เลยตั้งใจอธิษฐานว่า
“ด้วยอำนาจบุญกุศลบุญบารมีที่บำเพ็ญมา ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ จะพึงมีประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ขอให้นายกิ่มจงโมทนาผลบุญนี้ และมีประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ”
เพียงเท่านี้ละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ปรากฏว่า โซ่ล่ามรัดคอมาทั้ง ๒ เส้น มันหลุดลงไปทันที แล้วนายกิ่มก็ก้มลงกราบครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ยังมีสภาพเดิม พอครั้งที่ ๓ แหม สวยอร่ามเป็นเทวดา มีความสวยผิดปกติ
จึงได้ถามคนคุมว่า ทำไมเขาถึงสวยมาก เขาบอกว่า
“ด้วยอำนาจบุญกรรมฐานที่ท่านให้ สามารถจะปลดเปลี้องเขาออกจากความทุกข์ เมื่อบุญส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าถึงใจแล้ว บุญทั้งหมดที่นายกิ่มทำก็ดี ที่ลูกสาวทำให้วันนี้ก็ดี มันก็รวมตัวกันหมด จึงเป็นเทวดาที่มีความสวยงามมาก”
​

<!-- google_ad_section_end -->

 

การมองจากภายนอกเข้าไป แล้วแต่จินตนาการว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่
แต่ถ้าได้สัมผัส จะรู้ได้ในระดับหนึ่ง เหมือนคำโราณที่ว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ
ตอนที่ได้รู้จักบ้านสวนครั้งแรกจากทีวี ก็แปลกใจ ว่าเป็นการสอนธรรมะแบบไหน นับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อได้เข้าไปสัมผัส เข้าไปฟังธรรมะจากท่านอาจารย์ จึงรู้ว่าท่านอาจารย์สอนธรรมะแบบง่ายๆ เข้าใจง่าย แต่ต้องเคร่งครัด ไม่ใช่แค่ฟัง เข้าใจว่าเป็นธรรมะ แต่ไม่ปฏิบัติตาม เช่น ศีล5 ที่เรารู้เราเรียนมาตั้งเด็ก แล้วมีใครบ้างรักษาศีล 5 ให้ครบทุกข้อ รู้แต่ในตำราแต่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
แต่ที่บ้านสวน เราต้องรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด ต้องไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ชอบของฟรี ไม่ผิดในกาม ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ไม่พุดปด โกหกเพื่อให้ตัวเองดูดี หรือได้ประโยชน์ ไม่ตื่มเหล้า เล่นการพนัน เล่น หวย ล๊อตเตอรี่
เมื่อเราปฎิบัติตามท่านอาจารย์สอน ซึ่งเมื่อก่อนคิดว่ายากทำไม่ได้ แต่เราคิดผิดทำได้ ถ้าใจเราตั้งมั่น ชีวิตเราก็ดีขึ้น ใจเย็นขึ้น มีความรักให้กับเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น ไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว อยากเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ

 

บ้านสวนพีระมิดมุ่งสอนให้ทุกคนเปลียนแปลงตัวเอง

เปลี่ยนจากคนที่ผิดศีล มาเป็นคนที่รักษาศีลทั้งกาย วาจาและใจ
ละเลิกอบายมุข การเล่นหวย เล่นแชร์ เล่นหุ้น เที่ยวกลางคืน ดื่มน้ำเมา และคบคนชั่วเป็นมิตร

แม้แต่การกินเนื้อสัตว์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ถูกฆ่า ท่านก็ให้เลิก โดยทานมังสวิรัติแทน


ท่านสอนให้เราบวชพระในใจ ไม่ใช่บวชกาย
ไม่ต้องมานุ่งขาวห่มขาว เพราะให้ใจใส ใจบริสุทธิ์เป็นสำคัญ


ท่านสอนว่า กรรมของเราเดินทุกวัน แต่บุญของเราน่ะเดินตามทุกวันหรือไม่

ตัวอย่างเช่น แต่ละวัน เราพูดเล่น พูดส่อเสียด พูดลามกกับเพื่อนร่วมงานอย่างสนุกสนาน
เราพูดชมคนนั้นคนนี้เพื่อเอาใจเพราะเค้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในที่ทำงาน เราเล่นเฟสบุ๊ค เราเล่นเอ็มฯ
เราอ่านเว็ปพลังจิตในระหว่างงาน นี่ก้อผิดศีลทั้งสิ้น

แต่เราคิดว่าไม่ผิด หากเราเป็นเจ้าของกิจการ แล้วลูกน้องทำอย่างนี้บ้าง จะเป็นอย่างไร

ผมคิดว่า หากเราทุกคนหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบที่ว่านี้ได้ ปัญหาและความทุกข์ต่าง ๆ
ก็จะทยอยหมดไปเรื่อย ๆ หากเราไม่สร้างเหตุแห่งปัญหาขึ้นมาใหม่อีก

สิ่งที่จะตามมา คือ ความมีมงคลแห่งชีวิต และความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองครับ

 

บ้านสวนพีระมิดที่เราได้สัมผัสมาจากประสบการณ์จริงก็คือ
เมื่อก่อนที่เรามีปัญหาทางการเงิน เรามารู้จากที่นี่ว่า พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า
คนผิดศีลขอ้ 2 ลักทรัพย์ คืออยากได้ของ ของคนอื่นมาโดยที่เขาไม่เต็มใจ
ยักยอก ยุแยงให้คนกระทำล่วงละเมิด ทรัพย์สิน บ้านช่อง ของคนอื่นโดยที่เขาไม่เต็มใจ ไม่รู้เรื่อง รวมทั้ง การไปทำงาน ขาด ลา มาสาย
คุยโทรศัพท์ระหว่างงาน เอาทรัพย์ของบริษัท กลับบ้าน ชาร์จ แบต ชารฺ์ตโทรศัพท์ อีก ยิ่งเป็นหน่วยงานราชการด้วยของหลวงด้วย ติดหนี้แผ่นดิน
อีก บางทีไปวัด ก็อยากได้ของวัด เอาข้าวของเครื่องใช้
อาหารการกินตักใส่ถุงกลับบ้าน



ทั้งหมดที่กล่าวมา ดิฉันทำมาหมดแล้วค่ะ ชีวิตมันถึงเป็นอย่างนี้ไงคะ
ชักหน้าไม่ถึงหลังขาดสภาพคล่องทางการเงิน เจ้าหนี้ตามทวงถึงบ้าน
ดีที่ยังเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น อ.อุบลได้ยกเอาคำ
สอนพระพุทธเจ้ามาสอนว่า อยากรวย ต้องทำทาน แล้วให้หยุดสร้างเหตุ
ก็คือ ให้หยุดผิดศีลข้อ 2 และมุ่งทำทานอย่างสม่ำเสมอ และมากขึ้น
และให้เราใส่บาตรวิระทะโยไว้ด้วย ดิฉันก็ทำตามอย่างต่อเนื่อง ทำทาน
ถ้าเราไม่มีเงิน เราก็ทำเป็นสิ่งของ ถ้าไม่มีสิ่งของเราก็ใช้แรงกายของเรานี่แหล่ะค่ะ บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งก็มีที่บ้านสวนนี่แหล่ะ ที่ให้ทำบุญได้ด้วยแรงกาย
เพราะที่ดิฉันไปมา วัดหรือสำนักสงฆ์ไหน เขาก็ไม่เน้นเรื่องนี้ แต่ที่นี้เขา
เน้นค่ะ ดิฉันหยุดขโมย หยุดจิ๊กเงิน หยุดเห็นแก่ได้ แรกๆ ยอมรับว่ายาก
มาก โดยเฉพาะเรื่องใช้ของบริษัท ทั้งปริ๊นเอกสาร กระดาษ ปากกา นิดๆ
หน่อย ๆ เอาเป็นของตัวซะงั้น แต่เราไม่คิดว่าเราทำเล็กๆ น้อย ๆ
แต่เราทำนาน กรรมนั้นก็สะสมไปทีละเล็กละน้อย ดิฉันก็ค่อย ๆ ลด ละ
เลิกไป มีโอกาสเราก็ซื้อกระดาษ มาให้ออฟฟิศบ้าง ทำตามกำลัง
ดิฉันใช้ความเข้มแข็งมากกว่าคนอื่นค่ะในเรื่องนี้ ดูเหมือนง่าย
แต่มันก็ยากสำหรับคนกิเลสหนาอย่างดิฉัน แต่อดทนทำมา ไม่ถึงปีอะไร ๆ
มันก็เริ่มคลี่คลาย หนี้สินที่มี มันก็ยังมีอยู่ แต่มันไม่ทุกข์ค่ะ มันเข้าใจ
จนกระทั่งวันนี้ ทุกอย่างมันมีช่องทางของมันเอง

ถ้าเราจะให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เราต้องช่วยตัวเองก่อน ดิฉันทำตามคำสอน
พระพุทธเจ้า โดยท่าน อ.อุบลเป็นผู้ถ่ายทอด ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน เงินเดือน
ขึ้นให้ เท่าตัว ทั้งที่ยอดขายก็ไม่ได้ตามเป้า การปรับเงินเดิอนไม่ได้อยู่ใน
ช่วงการปรับ ค่าคอมมิชชั่นขึ้นให้เท่าตัว หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ดีหมด
มีความสุขที่สุด จากที่เมื่อก่อน ผิดศีลทุกข้อ หาความปกติสุขในชีวิตไม่ได้
เลย พอหันมารักษาศีล ศีลที่แปลว่าปกติ ชีวิตก็อยู่อย่างปกติสุข ที่เมื่อ
ก่อนมันไม่ปกติ เพราะไม่มีศีลนั่นเอง


นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ดิฉันเอาตัวเองทดลองศึกษาบ้านสวนพีระมิดดูค่ะ
ใครจะว่าอย่างไร ก็ตามไม่มีประโยชน์ค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาก่อนจะเขียน
หรือกล่าวโจมตีใคร ซึ่งการเขียนย่อมง่ายกว่าการพิสูจน์อยู่แล้ว
การจะว่าใคร เราต้องรู้ข้อมูลนั้นมาก่อนค่ะ ถึงจะเถียงเขาได้
แต่นี่เหมือนสักแต่เขียน แต่ไม่ได้ศึกษาและพิสูจน์เลย พระพุทธเจ้าท่านไม่
เคยสอนให้เราเชื่อ แบบหลับหูหลับตาเชื่อนะคะ ดิฉันชอบพิสูจน์
และเอาตัวเองเข้าไปศึกษา ลองทำตามดูซิ ผลลัพท์จริงอย่างนั้น
เป็นอันว่าบ้านสวนพีระมิดของจริงค่ะ ดิฉันฟันธง

 

คิดพิจารณาเรื่องง่ายๆของตัวเอง เวลาเราเจ็บป่วย เราดูแลตัวเองไม่ได้แล้วจึงต้องไปหาหมอที่เก่งๆเพื่อเอายามากิน ต้องการหายจากความทุกข์ทรมาน และเมื่อเราได้กินยาดีของคุณหมอคนนี้แล้ว ปรากฏว่าหายจากโรคทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แสวงหาหมอมาหลายที่ แต่ไม่สามารถช่วยให้เราหายจากโรคได้สักคน และมาวันนี้ท่านอาจารย์อุบล ท่านเสียสละทุกสิ่งเพื่อให้คนที่มีความทุกข์ ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง (โรคภัยไข้เจ็บนี่เป็นปัญหาใหญ่เลย รองลงมาก็เรื่องการเงิน การงาน ความรัก ผิวพรรณ ฯลฯ ) ในเมื่อท่านอาจารย์ช่วยเราขนาดนี้แล้ว เรายังต้องไปค้นหาสิ่งใดอีกเล่า ลูกขอกราบท่านอาจารย์ด้วยความขอบคุณ จะมีใครที่ไหนอีกที่ช่วยเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ม่ายมีอีกแล้ว แต่มิใช่ว่าท่านอาจารย์สอนให้เราปฏิบัติแล้ว แต่เรามิได้ทำตามที่ท่านสอน ก็มิเห็นผลเช่นกัน เช่น การรักษาศีล 5 หากเราไม่น้อมนำมาปฎิบัติ จิตใจเราก็ยัง ร้อนลุ่ม อิจฉาตาร้อน นินทาคนนั้นที คนนี้ที ยังแอบมีกิ๊ก มีเมียนอกกฎหมาย ยังฆ่าสัตว์ เหมือนเดิมและทำมากขึ้น เช่นนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครช่วยท่านได้เหมือนกัลลลลลลลลลล ​

 

ศีล 5 เป็นข้อปฎิบัติเริ่มต้นของชาวพุทธทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่รักษาได้ครบทั้ง 5 ข้อ ซึ่งผลการผิดศีล ทำให้ชีวิตเราเองวิบัิติอย่างไร ทุกชีวิตไม่สามารถเลิกเกิดได้ แต่มนุษย์เราดีกว่าสัตว์ตรงที่เลือกทำดีได้ แต่ไม่เอาเลือกทำแบบสัตว์ คือทำทุกอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเองก็ทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ โดยที่หน้ามืดตามัว อยู่เป็นสิบๆๆ ปี เสียดายเวลาที่ผ่านมา และได้มารู้จักบ้านสวนฯ ได้อ่านธรรมมะที่ท่านอาจารย์เขียนไว้ และดูรายการคุยไปแจกไป หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ทานมังสวิรัติ เลิกฆ่าสัตว์ เลิกคบชู้ เลิกมีกิ๊ก เลิกกินข้าวกับสามีคนอื่น เลิกชอบของฟรี เลิกโกรธ เลิกนินทาคนอื่น เลิกเล่นหวย เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกคบคนชั่วเป็นมิตร จนขณะนี้ชีวิตของข้าพเจ้าพบความสุขมากมาย กรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ก็มีมาก (ทุกชีวิตมีกรรมเป็นของตัวเอง) เราจะหนีกรรมได้อย่างไร ต้องติดตามตอนต่อไป​

 

ขอบคุณ คุณ ขวานฟ้าด้วยนะครับ ที่นำเรื่อง ตากิ่มมาให้อ่านเพื่อให้คน ได้"เข้าใจ"เรื่องการอุทิศบุญ มากขึ้นครับ เรื่องการอุทิศบุญนี่ แม้บางคนจะไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อ แค่ เชื่อว่า หลายๆ ท่านในเวปพลังจิต คงจะมีประสบการณ์มาบ้าง ส่วน ที่เคยเห็นที่บ้านสวนที่อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วเห็นผล เป็นรูปธรรมก็คือ อาการป่วย นั่นก็หายแบบทันทีครับเพราะ จิตวิญญาณเขาไม่ได้ มาเกาะเกี่ยวเราแล้ว หากเราสำนึกผิด ขอขมา และอุทิศบุญ ห[SIZE=5]ากบุญเพียงพอเขาก็ยอม[SIZE=5]อโ[SIZE=5]หสิให้เราครับ จริงๆ เห็นมาหลายๆเคสนะครับ [SIZE=5]รวมทั้งตัวเองที่เคยมีอาการปวด [SIZE=5]เวลาส่งบุญอ[SIZE=5]าการ[/SIZE]ก็หายไป[SIZE=5]เลยครั[SIZE=5]บ
[SIZE=5][SIZE=5] เรื่องการเป็นพระนี่ ผมไม่ได้สนใจว่า ต้องนุ่งเหลือง ห่มขาวครับ เพราะ พ[SIZE=5]ระอริยบุค[SIZE=5]คล เขาไม่ได้วัดกันที่เปลือกครั[SIZE=5]บ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ส่วนท่านอื่นเห็นอย่างไร[SIZE=5]ก็แล้วแต่ท่าน คร[SIZE=5]ับ
อีกอย่างการปรามาส[SIZE=5]ล่วงเกินบุคคล[SIZE=5]อื่น [SIZE=5]ไม่ใช่สิ่งที่สมควรแน่ๆ ถ้าเกิด [SIZE=5]แ[SIZE=5]จ๊[SIZE=5]คพอต ไปล่วงเกิน[SIZE=5]คนมีศีลมีธรรมเข้า [SIZE=5]อันนี้น่าสงสารมากๆ ครับ [/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
[/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]

 

ผมรู้จักบ้านสวนเพราะ ได้เคยไปอธิฐานกับหลวงพ่อฤษีลิงดำที่วัดท่าซุง ว่าขอให้เจอฆราวาสที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อหลังจากนั้นไม่นานก็เปิดเจอรายการคุยไปแจกไปพอได้ดูก็มีความคิดว่าท่านอาจารย์อุบล สอนธรรมะต่างๆคล้ายหลวงพ่อฤษี ท่านมาสอนเองเพราะอ่านหนังสือที่ท่านเขียนมามากกว่า30เล่ม ท่านสอนให้ทำบุญง่ายๆด้วยการใช้กำลังใจเป็นสำคัญ สอนให้ละสังโยชน์3 และด้วยปกติจะมีปัญหาทางด้านการงานการเงินและโรคปวดต้นคอและไข้หวัดลงคอเป็นประจำ ทุกทรมานมาอยู่หลายปี พอได้มาฟังท่านอาจารย์อุบล สอนท่านอื่นว่ามีปัญหาการงานการเงินเพราะทำบุญไม่ถูกวิธิ โดยให้เริ่มด้วยการตักบาตรวิระทะโย ถ่องคาถาเงินล้านและรักษาศิลทำให้ปัญหาทางด้านการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้นมากหนี้สินหมดไปมากและท่านอาจารย์สอนว่าปัญหาสุขภาพที่ปวดตัวปวดต้นคอของท่านอื่นๆ มาจากไปรู้เห็นการทำแท้ง
ซึ่งก็ตรงกับตัวเองจึงได้ทำบุญด้วยแรงการสร้างโบสถ์ วิหารเพราะเงินของเราไม่บริสุทธิ์พอเพราะเงินเราได้มาจากการผิดศิล จึงให้สร้างบุญด้วยแรงกายอุทิศให้กับวิญญาณเด็กที่เรามีส่วนรับรู้ในการทำแท้ง
ต่อมาไม่นานอาการปวดคอก็หายและไม่เกิดขึ้นอีกเลยนี้ก็ประมาณ2ปีแล้วครับ และอาการไข้หวัดลงคอ ท่านอาจารย์ สอนว่าเกิดมาจากการพูดคำหาย โกหก
หลังจากรักษาศิล ข้อมุสาและไม่พูดหยาบคาย
อาการก็ไม่กลับมาเป็นอีกเลยครับ
​

 

เท่าที่อ่านดู เหมือนข้อมูลมันหลากหลายกันจิงๆน่ะ แต่ก็งงๆนิดหน่อย ทำไมถึงดูเหมือนเถียงกันไปมา มากมายจัง เยอะไปนิส ไมไม่พิสูจน์กันล่ะครับ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
แต่ส่วนตัวผม พิสูจน์มาแล้ว ไปมาแล้วครับ อาจารย์ท่านก็สอนให้รักษาศีล5นี่ ไม่เห็นมีไรแปลกเรย แต่ที่แปลกก็คือ เวลาจะบูชาวัตถุมงคลหรือจะซื้ออะไรเนี่ย ซื้อยากมาก คือต้องทำตามกฎของเขาให้ได้ก่อน จึงจะยอมขายให้ แปลกดีน่ะ เห็นแต่ที่อื่นมาแต่อยากขาย แต่ที่นี่คนซื้อต้องง้อคนขาย 55+<o></o>
มีอีกเรื่องน่ะ สำหรับผม ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็แล้วแต่น่ะครับ แค่อยากเล่า แต่ผมพิสูจน์มาแล้วกับตัวครับ คือแม่ผมแกปวดสะโพก และตึงที่สะโพก ไปหามาหลายหมอ ก็ไม่หาย เลยมีโอกาสพาแกไปที่บ้านสวนพีระมิด ปรากฎว่าหายปวดหายตึงวันนั้นเรยครับ ก็เห็นไม่ได้ทำอะไรมากมายน่ะ คือ เขาให้ไปขนดิน ขุดบ่อพีระมิดอะไรนี่แหละ ก็เห็นเดินขนได้ไม่กี่เที่ยวเองอาการที่ว่าก็หายไปเฉยเรยครับ นับว่าเป็นบุญของแม่ผมจริงๆครับ ไปหาหมอไม่รู้กี่ที่ ไม่ยักหาย มาที่บ้านสวนพีระมิดแค่ครั้งเดียว หายเฉยเรย <o></o>
และผมยังได้มีโอกาสเห็นท่านอาจารย์อุบล แสดงกฎแห่งกรรม อีกตั้งหลายคน เป็นบุญตาจริงๆเรย ทีแรกดูผ่านทางซีดี นึกว่าตัดต่อ ที่แท้ของจริง หายจริง โอ้ว บอกได้เรยว่าสุดยอด <o></o>

 

อยากขอบคุณ ท่าน อ.อุบล และ บ้านสวนพีระมิดค่ะ
ได้เคยใช้ รหัส "อ.อุบลช่วยด้วย" ตอนที่ลูกชายถูกสุนัขกัด ปวดแผลงอแง
ให้เค้าเรียก "อ.อุบลช่วยด้วย" ขอให้หายปวดแผล
ให้พูดไปเรื่อย ๆ ไม่ถึงนาทีเค้าก็บอกหายปวดแล้วครับ
เลยเล่าเรื่องนี้ให้น้องฟัง เค้าเป็นโรคภูมิแพ้
อากาศเปลี่ยนนิดเดียวก็ต้อง หาหมอแล้ว
เค้าเล่าให้ฟังว่า หลังจากใช้แล้ว ตอนแรก ก็ยังจาม ยังคัดจมูกอยู่
แต่พอนึกได้ว่า ตัวเองชอบฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย
โดยการใช้ยาฉีดบ้าง เผาบ้าง ใช้น้ำราดบ้าง
นึกว่า "อ.อุบลช่วยด้วย" ขอขมาที่เคยทำร้าย
เคยฆ่า สัตว์เล็กสัตว์น้อย พวกมด ยุง แมลงต่าง ๆ ขออโหสิกรรม และอุทิศบุญให้
น่าแปลกว่า ถึงแม้จะถูกฝนหรือฝุ่นยังงัยก็ไม่เป็นภูมิแพ้อีกเลย
จึงขอกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาท่าน อ.อุบล และ ท่าน อ.อุบลค่ะ

 

คนเราส่วนใหญ่มักบ่นกันว่า เมื่อไรจะพ้นกรรม พ้นความทุกข์สักที
　
แล้วจะพ้นได้อย่างไร ในเมื่อยังมีพฤติกรรมแบบเดิม ๆ
ยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เปลี่ยนกรรมของตน
　
ยังไปทำงานสาย แต่กลับบ้านตรงเวลา
แล้วการงานจะรุ่งเรืองได้อย่างไร
　
ยังขี้โกรธ ชอบนินทาว่าร้าย ด่าว่าผู้อื่น
พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ พูดหยาบคาย
แล้วจะมีคนรัก คนไว้ใจ คนเชื่อถือได้อย่างไร

ผมเองก็มีปัญหาการเงิน
ชอบยืมเงิน กู้เงิน หรือ กดบัตรเครดิต
จนหนี้สินล้น

จนอาจารย์อุบลท่านบอกว่า
ให้รู้จักอยู่อย่างพอเพียง ใช้เงินเท่าที่มีอยู่ ดูสิว่าจะตายไหม

ผมเองก็มาพิจารณาตัวเองด้วยว่า
หนี้ต่าง ๆ เหล่านั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นความฟุ้งเฟ้อมากกว่า
ผ่อนมือถือแพง ๆ แต่ส่วนมากก็แค่โทรเข้า รับสาย ส่งข้อความเท่านั้น

ทุกวันนี้ ก็เลยสร้างวินัยทางการเงิน
จะใช้จ่ายอะไรก็คิดก่อนว่า จำเป็นหรือไม่
เพื่อเอาชนะความอยากของตนเอง

นอกจากนี้ ท่านให้สวดคาถาเงินล้าน
ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
และใส่บาตรวิระทะโย แค่วันละบาท ทำได้ไหม
ไม่ต้องเบียดเบียนตัวเอง แต่ทำให้ได้ทุกวัน

มาเปลี่ยนแปลงกรรมกันนะครับ
ยึดศีล 5 เป็นหลัก เพื่อลดกรรมรวมของประเทศ
อนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านครับ

 

หลายๆคนผ่านมาก็อาจจะงง
แต่เราก็เป็นคนนึงนะ เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้รู้จักบ้านสวน
อยากรู้ว่าคนที่ไปทำบุญที่บ้านสวนเขาทำอะไร ยังไงบ้าง
ของแบบนี้เราก็พอจะเข้าใจอะแหละ ว่าต้องมีคนชอบ และไม่ชอบ
เพราะทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอ
แต่สำหรับเรา ถ้าเราอยากรู้อะไร เราจะเลือกพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน
แล้วเราถึงจะปักใจเชื่อว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ดี
หากคุณ จขกท ลองพิสูจน์มาแล้ว
เชื่อว่าคงไม่มาตั้งกระทู้ชวนให้ผู้อื่นเข้าใจผิดแบบนี้แน่ๆ
เพราเราเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว
ว่าการปรามาสผู้บริสุทธิ์ จะเกิดผลยังไง

สำหรับเรา เราชอบบ้านสวนหลายๆอย่าง
เช่น ใครไม่มีเงินก็ไปทำบุญโดยใช้แรงกายแทนได้
มันไม่เหมือนที่อื่นๆที่เราเคยเจอ และที่สำคัญ
บุญนั้นส่งผลรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
ไม่ได้เน้นที่เงิน แต่เน้นที่กำลังใจและศรัทธาของเรา
เราว่ามันเป็นอะไรที่แฟร์สุดๆสำหรับการที่จะทุ่มเท
และทำบุญสำหรับคนอย่างเราแล้ว