เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
    สวัสดีค่ะพี่นักเขียนและสมาชิกทุกท่าน เนื่องจากตัวดิฉันเองเพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิก แต่ติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้นและได้อ่านหนังสือของพี่นักเขียนแล้ว 4เล่ม ต้องขอบคุณพี่นักเขียนมากที่ได้ตอบคำถามต่างๆ ทำให้ความเชื่อทั้งหลายได้เปลี่ยนเป็นความรู้
    ขอถามพี่นักเขียนว่าการรวมตัวใหม่ของความเชื่อใหม่ๆมักทำให้ร่างกายตกอยู่ในความตึงเครียดและเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น จากอิสระแห่งความปรารถนา (เพราะตอนนี้ร่างกายของดิฉันรู้สึกมันตึงๆไปหมด โดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่)
     
  2. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    จิตวิญญาณ ความเชื่อ ไม่ทำร้ายใครครับ ยกเว้นเราไปจดจ่อในมุมมองที่ไม่ถูกต้อง แก้ไขโดยอย่าไปจดจ่อมันครับ แล้วจะเกิดความสุข ปิติ มากๆครับ เดี๋ยวอาจารย์นักเขียน มาตอบให้ครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวลครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2007
  3. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
    ขอบคุณค่ะคุณChalhoei อาจจะเป็นอย่างที่คุณบอกก็ได้ คงต้องกลับไป
    พิจรณาใหม่อีกครั้ง
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    หลังๆ นี่เอาสัตว์เลี้ยงมาอวดกันแล้ว ไม่มีสัตว์เลี้ยงซะด้วยเรา
    เรื่องนกที่มาทำรังที่ประตูหน้าบ้าน ดีนะที่เค้ามีทางออกอีกทาง ไม่งั้นคงลำบากในเวลาเข้าออกบ้านแน่เลย ลูกนกเขาที่เอามาให้ดู ดูน่ารักมากเลย สงสัยว่าพอมันโตแล้วมันคงกลับมาทำรังที่นี่อีกแน่เลย ก็เจ้าของบ้านใจดีออกอย่างนั้น

    ขอแสดงความยินดีกับคุณ leogirl ด้วย ที่เจ้าโชคดีกลับมาได้อย่างปลอดภัย

    หลังจากที่อ่านแล้วก็ได้ไปเปิดพระคัมภีร์ไบเบิ้ล จะหาเรื่องอะไรซักหน่อย แต่สายตาก็ไปสะดุดกับตอนๆ นึงที่เขียนว่า

    19 และเมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมทาง พระองค์ก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ เห็นต้นมะเดื่อนั้นไม่มีผลมีแต่ใบเท่านั้น จึงตรัสกับต้นมะเดื่อนั้นว่า "เจ้าจงอย่ามีผลอีกต่อไป" ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป

    20 ครั้นเหล่าสาวกได้เห็นก็ประหลาดใจ แล้วว่า "เป็นอย่างไรหนอต้นมะเดื่อจึงเหี่ยวแห้งไปในทันใด"

    21 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อและมิได้สงสัย ท่านจะกระทำได้เช่นที่เราได้กระทำแก่ต้นมะเดื่อนี้ ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า `จงถอยไปลงทะเล' ก็จะสำเร็จได้

    22 สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้"

    มัทธิว บทที่ 21:19-22


    อ่านแล้วนึกถึงที่พี่นักเขียนเขียนไว้เลยว่า

    เข้าใจถูกหรือเปล่าหนอที่ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน
     
  5. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สนันสนุนคุณ Zipper ครับ เรื่องเดียวกันครับเพียงแต่สำนวนไม่เหมือกัน อย่างพระพุทธองค์ก็ตรัสไว้ครับว่า
    " จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต"
    เพียงแต่เราไม่ได้ไปโฟกัสกัน แต่พอได้ศึกษาของอาจารย์อนาลัยแล้ว อ๋อ เลยครับ
    "จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับสภาวใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ เป็นอยู่ดำเนินไป เป็นสภาวะนั้นๆ"
    ลองทำแล้วครับ ปาฏิหารย์มีจริงครับ (verygood)
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การทำสมาธิ กับ การสื่อสารกับครูบาอาจารย์ที่ปราศจากร่างกายตัวตน

    วันนี้พี่นักเขียนตื่นขึ้นมาด้วยคำถามและคำตอบมากมายก่อนหนัาที่จะ check e-mail และห้องวิทย์ฯ ซึ่งทำให้ดีใจว่าได้คำถามไปในทิศทางเดียวกันกว่า 10 ฉบับ จึงต้องขอนำมาตอบรวมไว้ ณ ที่นี้เพื่อไม่ให้สาระกระจัดกระจาย

    คำถามสองชุดแรก เกี่ยวกับการทำสมาธิและการได้ยิน หรือสัมผัสกับครูบาอาจารย์หรือบุคลิกภาพที่มาแนะนำในขณะฝึกสมาธิ และคำถามที่สามเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นว่า บุคลิกภาพหรือครูบาอาจารย์ของท่านอาจารย์อนาลัยคืออะไร

    รับรองได้ค่ะว่า คำถามของพวกเราไม่เคยทำให้พี่นักเขียนโกรธ เพราะทุกวันนี้ ชีวิตพี่นักเขียนเสมือนเมล็ดข้าวได้น้ำค้าง คำถามทุกคำถามมีความหมายต่อการเจริญงอกงามในการเรียนรู้ของพี่นักเขียนเป็นอันมาก

    พี่นักเขียนเห็นว่าคำถามที่ได้รับในวันนี้ ทั้งที่ได้คัดลอกมา post และไม่ได้คัดลอกมาอีกมากมาย ทั้งหมดมีความเกี่ยวพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแยกไม่ได้ และก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ดีใจที่ได้รับคำถามเหล่านี้ เพราะประสบการณ์ส่วนตัวที่พี่นักเขียนได้รับมานั้นยังไม่เคยเขียนเป็นหนังสือเพราะไม่ทราบว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านเพียงใด จนกระทั่งคุณ Mead คุณ Mountain มาเปิดห้องวิทย์ฯ นี้ให้ ทำให้ทราบว่า-ความบังเอิญ-ไม่มี และประสบการณ์ส่วนตัวทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งของการขยายความ และเป็นตัวอย่างของขั้นตอนหรือพัฒนาการการในการเปลี่ยนความเชื่อบางส่วนเป็นความรู้ที่พี่นักเขียนอาศัยใช้อ้างอิงเพื่อขยายความ และช่วยใหัพวกเราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันและพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน

    การฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด ศาสนาใด ล้วนมุ่งไปสู่การฝึกฝนที่ทำให้มีสติสัมปชัญญะคมชัด สามารถติดตามอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของตนเองได้ และเป้าหมายของการทำสมาธิก็คือให้เราได้รู้จักถึงแก่นแท้ของตนเอง ไม่ว่าเราจะเรียกแก่นแท้ของตนเองว่า จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ พระเจ้า องค์ความรู้อันเป็นของสากลโลก หรือ เมตตาและปัญญา

    โดยธรรมชาติแล้ว เรามักปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราเป็นไปตามการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งคล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งทำให้เราไม่ได้รู้เห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงเสมอไป แต่รู้เห็นตามความเชื่อ ความรู้ที่ได้รับจึงไม่ใช่ความเป็นจริงเสมอไป

    เมื่อเราฝึกสมาธิ พี่นักเขียนได้แนะนำให้พวกเราใช้วิธีการละประสาทสัมผัสทั้งห้าทีละอย่าง จนเราตกเข้าภวังค์ที่คล้ายภวังค์หลับ โดยที่เราจะรู้สึกเสมือนว่าร่างกายของเราหลับแล้ว แต่จิตยังคงตื่นอยู่ ในภาวะดังกล่าว ประสาทสัมผัสภายใน อันเป็นประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งก็คือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด อันปราศจากเครื่องพราง(คือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา) ทำงานได้ตามธรรมชาติโดยปราศจากการบิดเบือนด้วยประสาทสสัมผัสทั้งห้า แม้อาจจะยังบิดเบือนอยู่บ้างด้วยความเชื่อบางส่วนที่ยังฝังรากลึก แต่ก็น้อยลงมากเมื่อปราศจากประสาทสัมผัสทั้งห้า ทำให้เราสามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ทั้งหมด

    พี่นักเขียนเข้าใจว่า ตาที่สาม เป็นคุณสมบัติส่วนหนึ่งของประสาทสัมผัสภายใน (ขอให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายในจากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 4) ในที่นี้ ผู้ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการเปิดตาที่สาม พี่นักเขียนขอใช้คำว่าประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายในแทนนะคะ เพราะมันครอบคลุมคุณสมบัติอื่นๆหลายข้อด้วยกันที่นอกเหนือไปจากการรู้เห็นอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต หรือรู้เห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือสภาพแวดล้อมของเรา

    การได้ยินเสียง หรือรู้สึกถึงบุคลิกภาพของครูบาอาจารย์ที่มาแนะนำในขณะฝึกปฏิบัติสมาธินั้น เป็นการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในอันเกิดจากความเชื่อของเราส่วนหนึ่ง พี่นักเขียนเชื่อในความสามารถของสมเด็จโตพรหมรังสี ศรัทธาในแนวทางที่ท่านฝึกปฏิบัติสมาธิด้วยการปลีกวิเวกไปอยู่ในป่า จนกระทั่งสามารถสื่ิอสารกับสัตว์ต่างๆได้ หลายปีก่อนที่จะมาเขียนหนังสือชุดนี้พี่นักเขียนไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงว่าการสื่อสารที่ว่าคืออะไร แต่พื้นฐานที่ตนเองเป็นคนรักสัตว์มาแต่เล็กๆ ทำให้ประทับใจท่าน เรียกได้ว่าท่านคือวีรบุรุษทางจิตวิญญาณของพี่นักเขียนก็ว่าได้ ถ้าหากพี่นักเขียนมีความเชื่อในศาสนาอื่น วัฒนธรรมอื่นๆ วีรบุรุษทางจิตวิญญาณของพี่นักเขียนก็อาจจะปรากฏเป็นนักบุญ Joan of Arc เจ้าแม่กวนอิม ไฉ่ซิ่งเอี้ย หรือท่่านโมฮัมหมัด ฯลฯ ก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อเริ่มฝึกสมาธิ พี่นักเขียนก็แลเห็นสมเด็จโตฯปรากฏเสมอๆ เป็นครูบาอาจารย์ที่มาสอนให้กำหนดสติสัมปชัญญะ สอนให้รู้จักเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ เพื่อพุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางที่ปรารถนาได้เพียงแค่คิด

    กล่าวได้ว่าความเชื่อในศาสนาและการยึดติดภาวะของการเป็นบุคคลตัวตนของท่านทำให้พี่นักเขียนรู้เห็นองค์ความรู้ด้วยการอาศัยบุคลิกภาพของท่านเป็นสื่อ หากพี่นักเขียนไม่แลเห็นท่าน แล้วตัวรู้ผุดขึ้นมาสอนให้กำหนดสติสัมปชัญญะ และพี่นักเขียนทำตามได้โดยปราศจากการสื่อสารกับตัวบุคคล แม้จะทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้โดยไม่แตกต่างกัน แต่อาจทำให้พี่นักเขียนสงสัยในตนเองว่า เราคิดไปเองหรือเปล่า เพราะขาดความเชื่อมั่นว่ารู้ได้ด้วยตนเอง อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เชือว่าความรู้อยู่ภายนอกตัวตนของเรา พี่นักเขียนจึงต้องอาศัยครูบาอาจารย์เป็นจุดอ้างอิง และช่วยให้เกิดความมั่นใจ แม้ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ภายในก็ตาม ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะเป็นเช่นเดียวกันกับพี่นักเขียน

    พัฒนาการของแต่ละบุคคลมีขั้นตอนตามความเชื่อที่ฝังรากลึกอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหมายความว่า แต่ละคนต้องการสื่อจำเพาะบางอย่างที่จะทำให้เราเรียนรู้ได้ พี่นักเขียนเคยเปรียบเทียบการเรียนรู้จำเพาะด้วยสืิอจำเพาะทางกายภาพไว้ว่า คนเราบางคนเรียนรู้ได้ดีเพราะมีความฉลาดจำเพาะเรื่องดนตรี ด้านภาษา ด้านตัวเลข ฯลฯ และพื่้นฐานความฉลาดของเราทำให้เราแต่ละคนมีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ได้ดีจากสื่อจำเพาะต่างๆกัน เช่น บางคนเรียนรู้ได้ดีกว่าด้วยสื่อที่เป็นตัวหนังสือ บางคนเรียนรู้ได้ดีกว่าด้วยสื่อที่เป็นภาพ บางคนเรียนรู้ได้ดีกว่าด้วยสื่อที่เป็นเสียง ฯลฯ สื่อทางจิตวิญญาณก็คล้ายคลึงกัน แต่เป็นสื่อทางจินตภาพ สำหรับพี่นักเขียนแล้วสื่อทางจินตภาพของพี่นักเขียนคือ ท่านอาจารย์อนาลัย

    พี่นักเขียนได้รับ e-mail มากมายจากผู้อ่านว่า เคยอ่านหนังสือเล่มโน้น เล่มนี้มาก่อนบ้างไหม เกี่ยวกับคนที่สื่อกับบุคลิกภาพผู้ปราศจากร่างกายตัวตนเช่นท่านอาจารย์อนาลัย ก่อนหน้าที่พี่นักเขียนจะฝันและจดบันทึกข้อมูลเหล่านี้มา ไม่เคยอ่านพบเล่มใด เพราะช่วงนั้นสนใจแต่หนังสือทางด้านจิตวิทยาเป็นส่วนมาก ยังไปไม่ถึงจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การเปลี่ยนความเชื่อ กับ ความตึงเครียด

    ยินดีต้อนรับน้องใหม่ค่ะ (f)
    ตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า การรวมตัวใหม่ของความเชื่อมักทำให้ร่างกายตกอยู่ในความตึงเครียด นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปเสมอๆสำหรับเราทุกคนค่ะ เพราะตามธรรมชาตินั้น เรามักรู้สึกปลอดภัยกับสิ่งทีเราคุ้นเคย-พบเห็นหรือเผชืญเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี ให้ประโยชน์หรือให้โทษก็ตาม เพราะมันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและรู้สึกเสมือนว่าหยั่งถึงอนาคตได้เนื่องจากมันเป็นกิจวัตรที่เคยชิน

    เมื่อใดที่เราเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เรามักจะเกิดความเครียด ตัวอย่างง่ายๆ หากเราเคยเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานด้วยการเดินทางบนถนนสายเดิมๆทุกวัน ไม่ว่าเราจะนั่งรถประจำทางหรือขับรถเอง หากการเดินทางตามเส้นทางเดิมนั้นเป็นไปยาวนานแรมเดือนแรมปี เราแทบจะไม่ต้องใส่ใจว่าเราไปถึงที่ทำงานได้อย่างไร มันก็ไปถึงได้ทุกวัน แต่หากวันใดวันหนึ่งเกิดมีการขุดซ่อมถนน หรืออุบัติเหตุที่บังคับให้เส้นทางการจราจรเปลี่ยนแปลงไป เราจะเกิดความตึงเครียดขึ้นมาทันทีไม่มากก็น้อย เราอาจไม่แน่ใจว่าจะไปถึงที่ทำงานได้ตามเวลาเดิมหรือไม่ จะเผชิญกับอุปสรรคอะไรบ้าง เช่นจะพบกับ one way หรือหลงทางหรือเปล่า ฯลฯ ความกังวลหรือตึงเครียดเกิดจากการเปลีี่ยนแปลงที่ทำให้เราคิดว่า เราไม่สามารถหยั่งรู้อนาคตได้อย่างเคย

    การเปลี่ยนความเชื่อคล้ายคลึงกับการเปลี่ยนเส้นทางที่พี่นักเขียนยกตัวอย่างมานี้ แต่การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้มักทำให้เราพบแสงสว่างเมื่อเราไปถึงจุดหมายปลายทาง ตามตัวอย่างเดิมนี้ การเปลี่ยนเส้นทางอาจทำให้เราพบว่า เราไปถึงที่ทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะเส้นทางใหม่ติดไฟแดงน้อยกว่า เป็นต้น

    หากเราพยายามแก้ไขความรู้สึกนึกคิดบางอย่าง เช่น แก้ไขความคิดในแง่ลบที่เราเคยมีต่อเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเราตระหนักว่ามันเป็นเพียงความเชื่อผิดๆ เราอยากจะมองเขาในแง่ดี และอยากมีสัมพันธภาพที่ดีกว่านี้ เราอาจเผชิญกับความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ รู้สึกขาดความปลอดภัย และแม้แต่รู้สึกว่าเสียเปรียบ

    ความรู้สึกที่เปลียนไปเหล่านี้มักก่อให้เกิดความตึงเครียดในลักษณะเดียวกัน ทำให้เราวางร่างกายอยู่ในอิริยาบทที่ขาดความผ่อนคลาย เกิดอาการตึง ปวดเมื่อย

    ให้หามุมสงบนั่งสมาธิสัก 5-10 นาที หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนจากเท้าขึ้นมาจนจรดศีรษะ แล้วถามตนเองว่า เรานึกคิดสิ่งใดที่เป็นต้นเหตุของความตึงเครียดทางกาย เหล่านี้ เราอาจเห็นภาพผุดแว้บขึ้นมา ทำให้เรารู้สาเหตุที่แท้จริง

    แม้จะไม่เห็นภาพ แต่การพยายามเปลี่ยนความเชื่อที่ผิดเป็นความเชื่อที่ถูกหรือความรู้ไม่เคยส่งผลในแง่ลบให้ใคร

    เราจะรู้ได้ไม่ยากว่าอะไรคือความเชื่อที่ผิด
    ความเชื่อที่ผิด มักก่อให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการในแง่ลบเสมอ
    ความเชื่อที่ถูกหรือความรู้ มักก่อให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการในแง่บวกเสมอ


    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เสมอๆว่า

    ความเชื่อของเธอสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเธอ
    ความเชื่อของเธอก่อร่างสร้างชีวิตและภาวะทั้งหมด

    ความหมายของคำกล่าวของท่าน ครอบคลุมถึงความเป็นจริงที่ว่า ประสบการณ์เลวร้ายทั้งหลายในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นสัมพันธภาพ การเงิน สุขภาพ ฯลฯ ล้วนเกิดจากความเชื่อในแง่ลบของเราก่อนทั้งสิ่้น - ไม่ใช่ในทางกลับกัน

    แต่เรามักจะติดตามอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการอันเป็นจุดแรกเริ่มของการก่อให้เกิดปัญหานั้นๆไม่ทัน ทำให้เราเผชิญกับปัญหาและไม่ทราบว่ามันมาจากไหน จากนั้นเราจึงพบว่าเรามีอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการเกี่ยวพันกับปัญหาต่อไป หรือสนับสนุนปัญหานั้นๆ ซึ่งทำให้เราคิดไปว่าปัญหาเป็นเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการเหล่านั้นตามมาทีหลัง

    ความตึงเครียดทั้งหลายเป็นไปก็เพราะความเชื่อในแง่ลบเสมอ ซึ่งอาจเป็นความเชื่อเดิมที่พยายามต่อสู้กับความเชื่อใหม่ ให้ใช้วิธีชั่งใจดูค่ะว่า ความเชื่อใดทำให้เรามีอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการในแง่บวก รู้สึกดี นั่นแหละคือความเชื่อในทางที่ถูก แม้ว่ามันอาจจะยังไม่ใช่ความรู้เสียทีเดียว แต่ก็เป็นความเชื่อใหม่ที่จะปรับเปลี่ยนไปสู่ความรู้ได้ในที่สุดค่ะ (rose)(rose)(rose)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความเชื่อกับการรักษาโรค

    จากเรื่องราวที่คุณน้องแก้วทิพย์เล่ามา พี่นักเขียนเห็นด้วยกับคุณน้องว่าพระรูปนี้ท่านมีความรู้ตามธรรมชาติจริงๆทำให้ท่านเองมีสุขภาพแข็งแรงสมบุูรณ์ ความเชื่อมั่นและเชื่อถือในธรรมชาติอย่างสูงของท่านตามธรรมชาติ ทำให้ท่านบอกกับลูกศิษย์ลูกหาว่าให้เลิกยา เลิกหมอ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงความซับซ้อนของภาวะจิตอันเป็นสาเหตุให้เกิดโรค และการเปลี่ยนความเชื่อ ซึ่งเป็นหนทางที่จะทำให้ร่างกายสามารถรักษาโรคและซ่อมแซมตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไว้ในหนังสือ จิตวิญญาณประสานกาย

    แต่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้ป่วยที่พึ่งหมอ พึ่งยามาเป็นเวลายาวนาน เลิกพึ่งหมอ เลิกรับประทานยาอย่างฉับพลัน เพราะความเชื่อของคนเราไม่อาจเปลี่ยนกันได้อย่างฉับพลัน ยกเว้นในบางคนและในบางกรณีเท่านั้น ซึ่งมักก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้ป่วยหายจากโรคได้อย่างฉับพลันเช่นกัน แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยยังเปลี่ยนความเชื่อไม่ได้ทันที ยังกลัวที่จะเชื่อถือในธรรมชาติ และก็หวังว่าจะเป็นไปได้ ท่านอาจารย์อนาลัยได้แนะนำให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยการให้ผู้ป่วยสำรวจความเชื่อของตนเอง และหัดเปลี่ยนความเชื่อทีละนิด ซึ่งจะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตนเองได้เร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ยาที่เคยใช้ก็จะใช้น้อยลง เพราะร่างกายจะนำยานั้นๆไปรักษาอย่างได้ผลมากกว่าเดิม ท่านกล่าวว่า ก่อนที่ความเชื่อใหม่จะเข้าแทนที่ความเชื่อเก่า อาจใช้เวลายาวนานหากผู้ป่วยอยู่กับความเชื่อที่ฝังรากลึกมานาน และผู้ป่วยเหล่านั้นยังคงจะควรอยู่ใกล้แพทย์หรือเครื่องช่วยชีวิตต่อไปก่อน หากการเปลี่ยนแปลงยังเป็นไปไม่ได้ทันท่วงที เขาก็ยังมีเครื่องช่วยชีวิตอยู่ใกล้

    ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาผู้ป้วยด้วยวิธีการทางจิต ทำได้ด้วยการโน้มน้าวให้ผู้ป่วยเปลี่ยนความเชื่อเช่นเดียวกับที่พระคุณเจ้ารูปนี้ไปคุยกับคุณหนูผู้ป่วยด้วยจิตวิญญาณต่อจิตวิญญาณโดยตรง ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนความเชื่อให้ใครได้ นอกจากบุคคลนั้นๆจะเปลี่ยนความเชื่อของตนเอง ผู้อื่นจะทำได้อย่างมากที่สุดก็คือโน้มน้าวให้คล้อยตามจนในที่สุดบุคคลนั้นๆก็เปลี่ยนความเชื่อได้ด้วยตนเอง

    ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาผู้ป้วยด้วยวิธีการทางจิต มักทำให้ผู้ป่วยที่รักษาด้วยการแพทย์อื่นๆไม่ได้ผล-หายจากโรคได้ เพราะเขาทำให้ผู้ป่วยมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ความหวังในผู้ป่วย อาจเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยไม่เคยมีเพราะแพทย์สมัยใหม่มักใช้การวินิจฉัยโรคของเราแล้วบอกกับผู้ป่วยว่า เขาเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา อาการของเขาอยู่ในขั้นหมดหวัง หรือ เขามีเวลาจำกัดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพียงแค่ระยะสั้น

    ความแตกต่างของแพทย์ กับผู้ที่ทำหน้าที่รักษาผู้ป้วยด้วยวิธีการทางจิตหรือพระคุณเจ้ารูปนี้ คือการเหนี่ยวนำให้ผู้ป่วยมีความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ร่างกายของผู้ป่วยเกิดการซ่อมแซมตนเองได้โดยปราศจากการขัดขวาง(rose)
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    กฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล

    กฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล หรือที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า

    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนัั้นๆ

    มีความหมามครอบคลุมทุกประสบการณ์ในชีวิตตลอดจนสุขภาพร่างกายของเราค่ะ(rose)
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนเก็บใส่ตระกร้าไปฝากเด็กๆหมดแล้วค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • puppies.jpg
      puppies.jpg
      ขนาดไฟล์:
      245.3 KB
      เปิดดู:
      48
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
  12. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
    ขอบคุณพี่นักเขียนมากๆเลยค่ะ ที่ได้แนะนำและขยายความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น คงต้องกลับไปทบทวนอีกทีและจะนำคำแนะนำของพี่นักเขียนไปปฎิบัติ
    ค่ะ
     
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สุดรักหลายดวงใจ

    น่าอิจฉาจังเลย ที่มีสุดรักอยู่ในบ้านกันคนละหลายดวงใจ พี่นักเขียนเดินทางบ่อยจนต้องตัดใจเลิกเลี้ยงค่ะ สองตัวสุดท้าย เขาสมัครใจเปลี่ยนเจ้าของเมื่อพี่นักเขียนย้ายมาอยู่อเมริกา คือพอเจ้าของใหม่มารับเขาก็เดินตามไม่หันหลังกลับเลย น่าสงสารและน่าทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของเขาที่เหมือนลูกที่แสดงความเก่งกาจให้พ่อแม่หายห่วง มี Chow Chow กับ Golden Retriever ค่ะ ไม่อยากเอารูปมาลงเดี๋ยวน้ำตาซึม แต่แอบโทรไปถามเจ้าของใหม่ เขาบอกว่า happy ดีค่ะ นานๆจะฝันถึงเขาบ้างเหมือนกัน

    ตอนนี้พี่นักเขียนทำหน้าที่เก็บเด็กๆในความฝันต่อไป เลยเอาภาพมาให้ดูกันบ้างเป็นขวัญตาแล้วกัน เลิกเศร้าแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • attachment-1.jpg
      attachment-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • attachment-2.jpg
      attachment-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • attachment-3.jpg
      attachment-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.7 KB
      เปิดดู:
      49
    • attachment-4.jpg
      attachment-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.4 KB
      เปิดดู:
      41
    • attachment-5.jpg
      attachment-5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6 KB
      เปิดดู:
      41
    • attachment-6.jpg
      attachment-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      37
    • attachment-7.jpg
      attachment-7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.1 KB
      เปิดดู:
      41
    • Bear.jpg
      Bear.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.1 KB
      เปิดดู:
      521
    • Bunny.jpg
      Bunny.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.6 KB
      เปิดดู:
      510
    • Lion.jpg
      Lion.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • Monkey.jpg
      Monkey.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      39
    • Zebra.jpg
      Zebra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.6 KB
      เปิดดู:
      43
    • dis5847.jpg
      dis5847.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      51
    • dis5849.jpg
      dis5849.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.1 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณพี่นักเขียนมากครับ
    ผมว่าสาระตรงนี้มีความสำคัญและชัดเจนสำหรับผู้อ่านหนังสืออย่างมากครับ
    ได้อ่านแล้วเห็นโครงสร้างความเป็นจริง ของระบบความรู้สากลที่หลั่งไหลเข้ามาจากมิติของจิตวิญญาณเป็นที่สุด..ซึ่งสามารถเข้าไป Download องค์ความรู้ส่วนที่เราจอจ่อนั้นๆได้ ตามปรารถนาที่สัมพันธ์กับบุคลิกของเรา โดยอาศัยช่องทางพิเศษที่เรารับรู้ผ่านประสาทสัมผัสภายในที่คมชัด คำว่าอาจารย์ผู้นำพาเราไปสู่ระบบเครือข่ายขององค์ความรู้สากล เราจะเรียกท่านว่าอะไรคงขึ้นอยู่กับบุคลิกที่เรารู้สึก-สัมผัสได้ส่วนตัว เหมือนสะพานที่เชื่อมโยงความรู้นั้นกลับมาให้เราเรียนรู้ ส่วนองค์ความรู้สากลที่ว่านั่นอาจไม่ต่างกับความหมายของคำว่า"พระเจ้า"ก็ได้ ถูกมั๊ยครับ? เพราะมนุษย์ก็สร้างคำขึ้นมาเรียกขานให้จดจำได้ง่ายขึ้น (ท่านมีบุคลิกและสติสัมปชัญญะสูงส่งขององค์รวมความรู้สากล) ผมว่าเป็นเรื่องอธิบายยากที่สุดยังไงก็คงครอบคลุมไม่หมดแน่ๆ ไหนจะมีคำว่า"นิพพาน"ที่เป็นแหล่งรวมธรรมญาณอันบริสุทธิ์อีก ก็เป็นเรื่องเดียวกันแต่มีความหลายหลายมิติที่เราอธิบายไม่ได้หมด รู้แต่ว่าเรื่องเดียวกันครับ

    เห็นภาพเส้นใยแมงมุมของพี่นักเขียนขึ้นมาเลยครับ เหมือนตัวเราเป็นแมงมุมตัวเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางความรู้หรือระบบเครือข่ายอันหลากหลายมิติ เลือกหยิบผลึกความรู้ที่สนใจ ซึ่งอาจเป็นแค่ส่วนเล็กๆส่วนนึงที่เราเข้าถึง แต่มีคุณค่ามากมายมหาศาลในการพัฒนาขีดความสามารถของจิตวิญญาณของเราต่อๆไปครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  15. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964
    ยอมรับเลยค่ะว่าหลังจากที่ฉุดคิดปัญหานี้ขึ้นมา เกิดอาการไม่ดีกับตัวเองทันที มันเหมือน.... มีความรู้เหมือนเดิมก็จริงนะคะ แต่...มันไม่รู้สึกเหมือนเดิม เหมือนครั้งแรกที่ได้อ่าน ได้ฟังข้อมูลท่านอนาลัย มันเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างหายไป ทั้งๆที่สติและปัญญาก็ยังคงอยู่หาก แต่เหมือนเกิดพลังในแง่ลบเกิดขึ้นมาแทน และไม่รู้สึกอิบเอิบหรือปิติอีกต่อไป ตอนถามคำถามหนูอาจใช้คำผิดไปบางคำ เพราะบางคำอาจสรรหามาบรรยายเป็นสัญลักษณ์ที่พวกเราสื่อสารกันได้ยาก .... แต่มันเป็นความคิดก้าวกระโดดอย่างบ้าครั้งของหนูเองที่เกือบจะทำร้ายตัวเองเสียแล้ว หนูเข้าใจความหมายของคุณน้าค่ะ แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาและความพร้อมในตัวหนูที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะนอกจากตัวเองยังอ่อนด้อยประสบการณ์แล้วอาจตายเพราะความเย่อหยิ่งทะนงตนของตัวเองได้ เหมือนที่ท่านอนาลัยได้เตือนว่าจงอย่าปฏิบัติข้ามขั้นไปจากที่ท่านให้ไว้เป็นอันขาด.... ตอนที่หนูอ่านคำตอบของคุณน้านั้น มันเหมือนมีความรัก ความเมตตามันพุ่งออกมา(หรือออกมาจากจิตวิญญาณหนูก็ไม่ทราบแน่) เป็นล้นพ้น อ่านไปน้ำตาก็คลอไปเป็นอาการปิติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนที่ยังไม่ได้คำตอบจากคุณน้าก็กระวนกระวายใจ คิดเรื่องไม่ดีไปต่างๆนานา ทั้งๆที่ก็บอกตัวเองอยู่เสมอว่าจงคิดดี คิดบวก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เข้าใจแล้วค่ะตอนนี้ว่าสิ่งที่ขาดหายไปมันคือความรักความเมตตาเหมือนที่คุณน้าบอกจริงๆ และตัวหนูเองตอนนี้ก็ยังไม่มีความสามารถพอ หรือยังไม่ถึงที่จะตอบปัญหาใดๆเกี่ยวกับตัวท่านอนาลัยได้(คือตัวหนูนั้นยังไม่ถึงพร้อมจริงๆ) ที่จะรับรู้เกี่ยวกับความจริงของธรรมชาติทั้งหมด การข้ามขั้นหรือก้าวกระโดด เป็นสิ่งที่ร้ายแรงพึ่งแต่จะฉุดตัวเองให้โง่เขลาลงเรื่อยๆ ดีใจมากๆตอนนี้ไม่รู้สึกแย่แล้วค่ะ ตอนนั้นถึงจะบอกว่าเชื่อและศรัทธาในความรู้ของท่านอนาลัยแต่มันก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปจริงๆ ซึ่งพออ่านคำตอบของคุณแล้วทำให้ตัวเองทราบว่าไอสิ่งที่ขาดมันหายไปคือ "ความรัก ความเมตตา" เหมือนที่คุณน้าสัมผัสจากท่านอนาลัย เพราะฉะนั้นหนูเข้าใจแล้วค่ะว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะก้าวกระโดด เราต้องเดินไปตามขั้นตามตอนด้วยความเข้าใจที่แท้จริง(คือปฏิบัติได้ด้วย) มิใช่อยู่แค่การรู้เห็นเพียงอยางเดียว ..... คงต้องฝึกอีกเยอะ ฝึกให้มากๆ

    แล้วก้เข้าใจถึงคำว่า

    "เราจะรู้ได้ไม่ยากว่าอะไรคือความเชื่อที่ผิด
    ความเชื่อที่ผิด มักก่อให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการในแง่ลบเสมอ
    ความเชื่อที่ถูกหรือความรู้ มักก่อให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการในแง่บวกเสมอ"


    แหะๆ เพราะประสบว่าเมื่อกี้นี้เอง =.=~

    ตอบได้อย่างจายนึกเจงๆเรยยยย >< เฮ้อออ หมดข้อสงสัย และยังต้องฝึกฝนต่อไปๆๆ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ รักคุณน้าเสมอเหมือนกัน ~ kiss

    เห็นคุณน้าพูดถึงน้องหมาแล้วสงสารจังเลยคะ ไม่เปงรายนะคะ เดี๋ยวจะส่งรูปน้องหมากับเบบี๋มาให้ดูบ่อยๆเลย อ้อ ที่บ้านหนูก็เลี้ยงค่ะ สี่ตัว น่าหมั่นไส้ น่าเตะทุกตัวเลย หุหุหุ และก็เจ้าเหมียวอีกสองตัว ฉลาดแสนรู้สุดๆเลยค่ะ(กวนบาทาอีกด้วย)~

    น้องหมา น้องเหมียวของทุกคนน่ารักจังเลยยย ดูไปก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ หมั่นเขี้ยวแทนๆๆ อดไม่ได้ต้องเอามาลงกะเค้าบ้างแระอิอิ.....

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG][​IMG]
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    รายงานผลความคืบหน้าครับ
    ตอนนี้เริ่มฝันชัดเจนขึ้นบ้างแล้ว
    แต่ยังไม่คมเฉียบครับ

    พยายามจับอารมณ์และความรู้สึกจากเรื่องราวในฝัน

    ผมคงได้ไปอย่างช้าๆนะครับ
    เร็วนักมันจะติดขัด เพราะติดนิสัยปิดกั้นตนเองมานาน
    ต้องค่อยๆล้วงแคะแกะเกา เอาออกทีละน้อยๆ
    บางครั้ง จะเล่นบทเป็นผู้อ่านเสียมากกว่าครับ

    [​IMG] ติดใย ที่คุณ mead ปล่อยออกมา เลยขยับไปไหนไม่ได้อ่ะ
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    555 ++ Spidermount
    ขอพาทีมงานมาช่วยคร๊าบ!

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • danser5.gif
      danser5.gif
      ขนาดไฟล์:
      254.3 KB
      เปิดดู:
      2,456
    • spiderman.gif
      spiderman.gif
      ขนาดไฟล์:
      193.9 KB
      เปิดดู:
      578
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  19. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964

    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]
    ลูกสุนัขท่าจะหิว..เอาอาหารมาให้ครับ
    (Spiderman ติดใยแมงมุมนานไปหน่อย ..)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...