เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ผมรู้สึกว่าคุณนาคามีความผูกพันกับอดีตชาติอยู่มาก
    ที่กล่าวมาไม่ไร้สาระเลยสักนิดครับ เป็นรหัสบุรพกรรมข้ามภพชาติที่บันทึกไว้ก่อนออกจากภพภูมิของนาค การที่เราไปรู้เห็นเรื่องภพชาติในอดีตมาทำให้เราสร้างห่วงยึดตัวเองไว้เหมือนกัน เรื่องที่คุณเฉลยและน้อง Leogirl บอกไว้ถูกต้องครับเรื่องการแก้ไขรหัสกรรมและเครื่องพรางต่างๆ มิติของจิตวิญญาณมีแต่ปัจจุบันเท่านั้นครับ ภพชาติในอดีต อนาคต ล้วนเกิดขึ้นพร้อมกันหมด มิติของจิตวิญญาณมีค่าเท่ากับหนึ่ง เราคือเราในปัจจุบันนี้ ทุกอย่างแก้ไขได้หมด ณ จุดที่เรายีนอยู่ เราต้องสร้างเป้าหมายใหม่ที่สามารถนำพาจิตเราไปสู่หนทางสว่างไสวด้วยสติปัญญาครับ ซึ่งจริงๆแล้วคุณนาคามีพึ้นฐานที่ดีมากอยู่แล้ว เอามาใช้ต่อยอดได้ทันทีครับ ผมเห็นสิ่งดีๆหลายอย่างรอคุณนาคาอยู่ข้างหน้าครับ..แยกออกมาจากอดีตและมุ่งทำปัจจุบันให้ดีที่สุดไปโลดแน่นอน เป็นกำลังใจให้ครับ

    เจออะไรมากระทบทำให้เราเสียสมดุล ก็ท่องคาถาสากลว่า....
    อดทน อดทน อดทน
    อดกลั้น อดกลั้น อดกลั้น
    ให้อภัย ให้อภัย ให้อภัย

    มีความรักเป็นอารมณ์ ไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ และไม่ต่อต้าน และที่สำคัญไม่หลีกเลี่ยง
    เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง รับรองสอบผ่านทุกปัญหาแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007
  2. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    กราบขอบพระคุณท่าน mead อีกครั้งที่ให้กำลังใจข้าพเจ้า

    ท่านช่างเป็นมนุษย์ที่มีแต่แสงประทีปงดงามอย่างแท้จริง
    แต่ทว่าเรื่องของจิตวิทยาต่างๆ รหัสบุพรกรรม มิติเวลา ต่างๆ
    นาคาอย่างข้าพเจ้ามิเคยได้ศึกษา หรือ เรียนรู้เลย
    แล้วเครื่องพราง... คือสิ่งใดก็มิอาจทราบ
    ทำไมทุกครั้งที่ข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องแบบนี้ รู้สึกอึดอัด กดดัน เหมือนตกอยู่ในห้วงอำนาจของอะไรบางอย่าง ที่หาที่สิ้นสุดมิได้.... พลังของจักรวาลอย่างนั้นหรือ...

    พวกท่านช่างเป็นผู้ที่เจริญแล้วอย่างแท้จริง

    ขออนุโมทนาให้แสงประทีปที่ท่านคอยนำพาผู้อื่น
    จงกลับไปช่วยเหลือท่าน ด้วยเทอญ

    เคารพ

    นาคารักบาดาล
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    "เครื่องพราง" คือ ระยะทาง + ช่องว่าง +กาลเวลา ในมิติโลกครับผม คือสิ่งที่บิดเบือนให้เราคิดว่ามีอดีต มีปัจจุบัน มีอนาคต..หรือเวลาที่เดินทาง จาก A > B > C (ขีดเป็นเส้นตรง) แท้จริงแล้วไม่มีครับ เวลาของจิตวิญญาณมีค่าเท่ากับหนึ่ง ทุกเหตุการณ์จะพุ่งเข้าหาเราเหมือนเราอยู่ศูนย์กลางของวงกลมวงหนึ่ง เราสามารถบริหารภพชาติของเรา และรับมือกับทุกเหตุการณ์ได้หมด ณ จุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ
    รูปกายเราก็เหมือนชุดทำงาน ในมิติโลกครับ บางวันใสชุดนาคา บางวันใส่ชุดต่างดาว บางวันใส่ชุดมนุษย์ สลับกันไปทำงานตามหน้าที่ที่เรารับอาสามาทำเองครับ ค่อยๆมาเรียนไปครับที่นี่มีเพื่อนและความรู้ทุกรูปแบบครับผม

    ส่วน "รหัสบุรพกรรม" คือ ข้อมูลรหัสแม่เหล็กคล้ายประจุไฟฟ้า มีทั้งประจุบวก(+) และประจุลบ(-) ที่บันทึกลงในจิตวิญญาณบนผิวนอกสุด ตลอดช่วงที่มีเครื่องยนต์แห่งกรรม จนถึงตอนละกายสังขารครับ..ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแปลงรหัสถ่ายทอดสู่ยีนและโครโมโซมของเราอีกครั้ง รวมถึงความผูกพันระหว่างดวงจิตวิญญาณอื่นๆที่ถ่ายเทไปมาระหว่างกันด้วยความรัก ความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาท มีหมดครับ ถูกบันทึกไว้หมด เพื่อรอการแก้ไข ชดใช้ ตอบสนองกัน จนกว่ารหัสหยาบๆเหล่านี้จะเป็นกลางได้ทั้งหมด จึงจะหลุดพ้นจากบ่วงแห่งกรรมนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2007
  4. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ขอบคุณท่าน mead มากๆ
    ข้าพเจ้าเองก็คงต้องใช้เวลาและการเรียนรู้อีกเยอะ
    แต่ข้าพเจ้าขอบอกอย่างที่เข้าใจ
    ท่าน mead กำลังบอกข้าพเจ้าว่า ทุกๆอย่าง ดำเนินไปพร้อมกัน
    ถ้าเปรียบเทียบกับเรือนของนาฬิกา ก็คงเหมือนกับว่าตัวเลขต่างๆบนหน้าปัดนาฬิกาแทนตัวเราในรูปแบบของชาติกำเนิดที่แตกต่างกันไป และเข็มนาฬิกาเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราจะได้รับบทเป็นรูปหรือสังขารไหนๆ
    เท่ากับว่า อดีตชาติ ก็คือ ปัจจุบันชาติ และ อนาคตชาติ เพราะเข็มนาฬิกายังหมุนเป็นวงกลมเสมอ ไม่มีรูปกายไหนๆที่หยุดเดิน แม้แต่จิตในอดีตที่ได้จบไปแล้ว อย่างนั้นหรือ

    หวังว่ายังมีข้อถูกอยู่บ้างนะท่าน
    นาคาตนนี้โง่เขลานัก

    นาคารักบาดาล
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ภาพสมมุตินี้ แสดงว่าคุณนาคาเข้าใจชัดขึ้นแล้วครับ
    จิตวิญญาณเราเป็นหนึ่งอยู่ในวงกลมของเรา ไม่ว่าเราจะมีรูปลักษณ์อย่างไร ตำแหน่งจะชี้ไปที่จุดไหน เหมือนเปลื่ยนบทบาทตัวละครเท่านั้นเอง แต่เป็นละครเสมือนจริงครับ

    ส่วนจิตวิญญาณที่จบบทบาททางกายภาพไปแล้วก็ไม่ได้สูญหายไปไหน มีบทบาทหน้าที่ในที่มิติทับซ้อนกันอยู่มากมาย ในภพภูมิที่ละเอียดจนดูเหมือไม่มีอยู่ เป็น"ความมีที่เหมือนไม่มี"การปรากฎขึ้นในมิติของโลกมีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เช่นเรื่องของพญานาคก็เป็นภพภูมิหนึ่ง ไม่ต่างกันกับเรื่อง UFO หรือวิญญาณต่างๆ ที่อาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า "การปรากฎของจานบินและสี่งมีชีวิตต่างภพภูมิเป็นไปอย่างไม่ชัดเจน หรือไม่สมบูรณ์ เพราะแต่ละภพภูมิมีเครื่องพรางที่ต่างกันออกไป" เรื่องมิติ+ภพภูมินี่รอพี่นักเขียนมาช่วยให้ความรู้หรือตามไปอ่านได้ที่นี่ก่อนนะครับคุณนาคา

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19213
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2007
  6. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สงสารคุณนาคาจัง
    เธอคือจิตวิญญาณอันเป็นอมตะ
    เธอมาแสวงหาประสบการณ์ในร่างที่เป็นกายภาพ
    ความเชื่อของเธอ
    สร้างโลกแห่งความเป็นจริง
    และประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเธอ
    ผมมีกลุ่มที่สืบสายมาจากนาคาอย่างคุณนาคาครับ และเราจะมีพิธีบรวงสรวงพ่อตาก และพ่อร.5 กันที่วัดสมณโกฐาราม จังหวัดอยุธยา ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ครับ และจะมีพิธีสืบชะตาหยาดน้ำชำระกรรม วันนั้นก็จะมีผู้ที่ระลึกอดีตได้ว่าเคยเป็นทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่พ่อตาก ก็เป็นร้อยคนครับ ซึ่งแต่ละคนก็ฆ่าคนไว้ไม่รู้เท่าไหร่ บางคนก็อโหสิบางคนก็ไม่ยอม จึงต้องทำพิธีกันไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นว่าต้องการสืบชะตาวันเกิด ค่าใช้จ่ายสอบถามเองครับ)
    ก็ถีอว่าเป็นพิธีกรรม ที่จะช่วยเปลี่ยนความเชื่อให้กับเรา สนใจโทรไปที่คุณ เอ๋ 086 3009028
    วันนั้นผมก็จะไปด้วยครับ ก็จะเดินสายหาความรู้ วันที่ 22 จะไปกับคุณ mead คุณขจรวรรณ ส่วนวันที่ 23 ก็จะไปอยุธยา
    เรื่องเวรกรรมเนี่ยครุบาที่ท่านจะทำพิธีให้ ท่านก็เล่าเรื่องกรรมของท่านให้ฟังว่า ท่านได้ไปธุดงค์ ในถ้ำแห่งหนึ่ง พอท่านเข้าไปตัวท่านจะรุ้สึกหนักไปทั่วตัว ท่านเลยเข้าสมาธิกำหนดดูปรากฏว่าพบเจ้ากรรมนายเวรของท่านที่ตายอยู่ในถ้ำ ซึ่งชาติหนึ่งท่านถีอกำเนิดเป็นเสือโคร่ง และได้ฆ่ากวางตัวหนึ่งในถ้านี้เพื่อเป็นอาหาร กวางตัวนั้นก็ยังตามอาฆาตท่านอยู่ ท่านเลยจะขอชดใช้กรรมโดยการสร้างพระพุทธรูปให้ แต่กวางที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรท่านไม่ยอมท่านก็เลยถามว่าจะให้ทำอย่างไรละถึงจะยอม กวางก็บอกว่าให้ท่านทำสังฆทานให้ 9 วัดถึงจะยอม
    ก็เป็นตัวอย่างเรื่องกรรม เรื่องชาติภพ ถ้าคุณนาคาสวดมนต์ไม่ได้น่าจะไปลองดูนะเพราะเราไม่ต้องสวดมนต์อะไรเพียงแต่เอาจิตตามเสียงสวดมนต์ของครูบาท่านก็พอ
    แต่ถ้าคุณนาคาไม่ชอบพิธีกรรมก็ต้องฝึกฝันตามแบบอย่างของอาจารย์นักเขียนเรา แล้วเข้าไปแก้ไขอดีตเอาครับ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องให้อาจารย์นักเขียนเมตตาชี้แนะคุณนาคาแล้วละครับ
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    กำลังหิว..ขอทานของว่างพี่เม้าหน่อยล่ะ ขอบคุณคร๊าบ +
    เผื่อเค้กไว้ไห้น้องมายด์หน่อย รายนี้ชอบทาน"ขนมค้างคืน" อิอิ


    (555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2007
  8. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765

    การที่เราจะระงับจิตใจตนเองให้พ้นจากอารมณ์โกรธ เกลียดมันช่างทำยากนักค่ะ
    ตัวนกเองเป็นคนขี้โมโห บางทีแค่เรื่องนิดหน่อยก็ยังหงุดหงิดบ่อยๆ
    แต่จะเป็นแค่แป๊บเดียวก็หาย และจะไม่พยายามไปอาฆาตแค้นเคืองใคร
    ถึงบางคนเราวนไปคิดถึงสิ่งที่เค้าทำไว้ก็ยังมีติดค้างในใจอยู่นิดหน่อย
    แต่เพราะไม่อยากจะวนเวียนกันไปไม่รู้จบสิ้น ก็จะปล่อยวางคิดว่าทางของใครของมัน
    เราหยุดก่อนยุติก่อน เราก็จะหลุดพ้นก่อน พบกับความสุขสงบได้เร็วกว่า
    แล้วสักวันเค้าก็จะได้พบทางสงบของเค้าเช่นกัน
    เอาใจช่วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ อดทน และทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี เชื่อมั่นตัวเราไว้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2007
  9. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ขอขอบพระคุณคุณ Chalhoei และทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำและให้ความเห็นใจนาคาที่บาปหนาอย่างข้าพเจ้า....วันนี้ข้าพเจ้ามิขอปิดบังเรื่องความฝัน ข้าพเจ้าขอเล่าทั้งหมดอย่างสั้นๆ

    ข้าพเจ้าก็เพิ่งทราบว่ามนุษย์ก็มีพิธีกรรมอย่างนี้ด้วย

    ส่วนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าในตอนนี้มีเพียงตนเดียว
    เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างหาที่สุดมิได้...
    เธอมีชื่อว่า พญาสุพิยา พญาครุฑนัยน์ตาสีแดงเพลิง ผิวกายสีแดงสด รูปร่างสูงใหญ่
    เธอมักจะวนเวียนเข้ามาในนิมิตของข้าพเจ้าเสมอ...
    ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าฝันเห็นครุฑตนนี้ ความเจ็บปวด ความทรมานก็โลดแล่นเข้าสู่ร่างกายทุกครั้ง รวมทั้งความรู้สึกที่เหมือนจะหยุดหายใจ ข้าพเจ้าฝันเห็นนางเกือบทุกวันพระและก่อนวันพระ 1 วันเสมอ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด...
    เธอยืนกางเล็บอย่างสง่างาม
    และกล่าวว่า เธอจะตามมาเล่นงานข้าพเจ้าในชาตินี้ด้วย
    พอเธอกล่าวจบเธอกลับกลายเป็นมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป แต่ทว่าข้าพเจ้าสัมผัสถึงจิตอันน่าสะพรึงกลัวของ สุพิยา ได้
    มนุษย์ผู้นั้นได้กล่าวว่า ข้าตามเจ้ามาแล้ว...
    เป็นความฝันที่คล้ายความจริงมาก แต่ข้าพเจ้าเองก็ทราบดีว่านางอาฆาตข้าพเจ้าเพราะเหตุใด...

    ข้าพเจ้าอยากทราบว่า เธอ/เขา ได้ตามมาจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่เพ้อฝันตามสัญชาตญาณเท่านั้น? และอยากถามพวกท่านผู้ใหญ่ถ้า เธอ/เขา มาจริง นาคาน้อยๆอย่างลูกจะสู้เขาได้อย่างไร เพราะเขาเป็นครุฑ...

    แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถสวดมนต์ได้ หลวงปู่ได้บอกว่า เป็นเพราะข้าพเจ้ามีจิตที่เป็นอาฆาตอยู่มาก และเคยขัดขวางการบวชของภิกษุองค์หนึ่งอันเป็นที่รักมาก่อน เลยได้ถูกฆ่าตายด้วย และใกล้พระไม่ค่อยได้ด้วย
    เป็นผลให้เรื่องฝึกจิตนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับข้าพเจ้า
    ส่วนวิธีแก้เรื่องนี้ข้าพเจ้าต้องอนุโมทนากับภิกษุองค์นั้นเมื่อกลับไปเป็นนาคีอีก
    ก็ต้องรอเวลาว่าจะข้าพเจ้าจะได้กลับไปเป็นนาคี หรือ ไปนรกภูมิ กันก่อนแน่...

    ขออนุโมทนาทุกๆท่านที่ๆด้สร้างความดีแล้ว ตั้งใจแล้ว
    ขอบุญนั้นจงช่วยให้พวกท่านอย่ามีเวรกรรมเหมือนอย่างข้าพเจ้าเลย
    ชาตินี้ยินดีชดใช้เวรกรรมต่อศาสนาที่ทำกับท่านพระภิกษุไว้
    ถ้าได้กลับสู่ภูมิเดิมอีกครั้ง ข้าพเจ้าจะเกื้อหนุนศาสนา เผื่อจะเป็นบุญหนุนนำให้หลุดพ้นได้บ้าง

    สุดท้ายนี้นาคาตนนี้ขอจบเรื่องทั้งหมดของข้าพเจ้าไว้เพียงเท่านี้
    ข้าพเจ้าอาจจะไม่เข้ามารบกวนทุกๆท่านอีกต่อไป
    ขอรับความหวังดีจากทุกๆไว้ เผื่อวันข้างหน้าจะมีโอกาสได้ตอบแทน

    ขออนุโมทนาอีกครั้ง...

    เคารพท่านนักเขียน
    เคารพรักทุกท่าน

    นาคารักบาดาล
     
  10. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155


    ตัวเองเคยเจอแต่ในฝันน่ะ คุณมีด หลายครั้งแระ มาทีนึ่งก้ตัวชาไปหมดในฝันอ่ะ ม่ายรู้มายืนอยู่ข้างเตียงป่าวเนี่ย อิอิอิ
     
  11. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ชอบด้วยคนน่ะ ดูตั้งแต่วันแรก จนจบ ทั้งซีรี่ ทั้งหนัง ได้ใจมากๆๆ

    ทำให้นึกถึงซีรี่เรื่อง สตาแกต ด้วยทางช่อง 3 ตอนบ่ายๆวันอังคารยังจำได้เลย
     
  12. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    โอละพ่อ พี่น้องคราบบบบ
    นี่มันละครเรื่อง กาษานาคา ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เป๊ะเลย
    (555) (555) (555) (555)
     
  13. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    say HOLA HELLO คุณ TK The NAKA ครับบบ
    ม่ายต้องกังวลน่ะ อดีต อนาคต ให้มันกองไว้ตรงนั้นและ ชีวิตวันนี้เราเลือกได้จ้า....
     
  14. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ขอกล่าวสวัสดีกับคุณ axzon47
    และขอขอบคุณที่ให้กำลังใจ
    ข้าพเจ้าก็ขอให้ชีวิตของท่านจงพบกับความสุข

    นาคารักบาดาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007
  15. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    เมือคืน ฝันแปลกๆ ฝันว่า ตัวเองลอยอยู่กลางอากาส กำลังท่องบทสวดอยู่ โอม...(อารายก้ม่ายรู้) แล้วก้ลอยไปที่สนามบินที่ภูเก้ต มีคนเหมือนคนตายแล้วเดินกำลังไปขึ้นเรือ ที่ชายหาด ไม่รู้ไปไหนกัน มากมายแล้วก้ ลอยไปกลางทะเล มีคนตายแยะมากๆๆ พวกเขาขึ้นเรือไม่ได้ ก่ยื่นมือ เกาะที่ขาเรา ตกใจตื่นเลย พอตื่นก้รู่สึกว่าขนลุกตั้งแต่ขาจนถึงกลางหลัง จักรที่สาม พอดี ก้คิดไปว่าสงสัยมาขอความรักเราแย้วว(ยังม่ายถึงวันวาเลนไทร์เลยน่ะ) ทีนี้คิดม่ายออกว่าจะสวดแผ่เมตตาให้ เขาสวดกันยังงัย ก้เลย คิดไปว่าเราขอส่งพลังความรักจากจักรวาลไปให้น่ะ ให้ไปอยู่ในภพที่ดีขึ้น แล้วบอกท่านอนาลัยช่วยสื่อไปให่เขาด้วยว่า จักรวาลเป็นยังงัย คราวนี่ขนลุกตั้งแต่ขาถึงหน้าอกเลย แล้วหายไปเฉยๆ ( บ้านเดิมของaxzon 47 อยู่ที่ภูเก็ต ฝันถึงทะเลทุกสัปดาห์ บางทีอาทิตย์นึง ฝันถึงทะเลหลายครั้ง อันนี้เป็นตั่งแต่จำความได้เลย แล้วก้น้องชายก้ฝันแบบนี้ด้วย แต่เพิ่งถูกมาขอความรักก้คราวนี้แระ น่าขนลุกกกกก)
     
  16. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    และก็ขอกล่าวกับคุณ yutkanlaya อย่างใจจริง
    ถ้าล่วงเกินประการใดก็ขออภัยด้วย


    ข้าพเจ้ากล่าวไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น



    ตัวละครในละครก็เป็นเพียงบทบาทหนึ่งที่ได้รับเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะทุกข์ หรือ จะสุขมันก็เป็นเพียงแค่บทบาทเท่านั้น มิอาจจะมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริงของคนเราได้


    แต่ขอจงพิจารณาเถิด


    ว่าชีวิตจริงก็ได้มีการสวมบทบาทนั้น ก็เปรียบเสมือนละครบทหนึ่งเช่นกัน ที่มีเวรกรรม บุญและ บาปเป็นตัวกำหนดบทบาทที่จะได้รับ
    แต่ต่างกันที่ว่า ความทุกข์ ความเจ็บปวดใดเล่าที่ใครจะได้รับรู้

    ความทุกข์ ความทรมาน ของคนเรา มิใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นแม้แต่น้อย แต่เหตุไฉนเล่าถึงเอาชีวิตจริง ที่ผู้อื่น อุตส่าห์เล่าให้ทราบอย่างใจจริง ไปล้อเล่น เปรียบเทียบกับสิ่งที่มิได้มีครหาอย่างละคร


    ขอจงพิจารณาเถิด


    กรุณาจำไว้ว่า อย่าเอาชีวิตของผู้อื่นไปเปรียบเทียบกับสิ่งไร้แก่นแท้หาข้อเท็จจริงไม่ได้อย่างบทละคร

    ถ้าไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ไม่เห็นคุณค่าในชีวิตของผู้อื่น
    ก็กรุณาอย่าไปดูหมิ่น ดูถูกเขา หรือประจารเขา ในโลกนี้ยังมีอีกหลายชีวิตที่อยู่ภายใต้บทละครน้ำเน่า บางที่คุณอาจจะได้รับบทเรื่อง นาคา-อาฆาต ก็เป็นได้ ถ้ามิได้ร่วมอนุโมทนา หรือ สร้างผลบุญอันเป็นอานิสงร่วมกัน ก็ขอจงอย่า สร้างบาปกรรม ให้ต่อเนื่องไปถึงชาติต่อๆไปเลย

    ขอให้ชาตินี้จงเป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้าที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ด้วยเถิด

    และที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะบอกคุณ yutkanlaya
    เรื่องนิพพานจิต นั้นเป็นของสูง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ท่านจะเอามาเป็นเรื่องล้อเล่นกับผู้อื่นมิได้
    เก็บความดีที่ได้สร้างสมมาไว้กับตัวท่านเอง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างไม่มีคำว่าเที่ยงแท้แน่นอน ไฉนจิตที่คิดว่าใสสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว ไยเล่าถึงกลับหมดรัศมีของพระนิพพาน นั่นมิใช่เพราะความทะนงตัวหรอกรึท่าน
    ขออภัยในจิตที่ชำระแล้วของท่านด้วย


    ผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้เจริญแล้วย่อมเข้าใจถึงความเป็นไปของโลกของทุกสรรพสิ่งได้ดีไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม


    ข้าพเจ้าขออธิษฐานจิตต่ออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
    ขออนุโมทนาต่อทุกๆท่านที่ได้สร้างความดีไว้แล้ว
    ขอให้ข้าพเจ้าได้หลุดพ้นจากมนุษย์ที่โง่เขลาทั้งหลาย
    และขอให้อย่าได้พบเจอกันอีกเลย
    มนุษย์...ก็คือมนุษย์วันยังค่ำ...

    เคารพทุกท่าน
    เคารพท่านนักเขียนและอาจารย์ท่านอย่างสูง

    นาคารักบาดาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007
  17. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ถึงท่านอาจารย์อนาลัยที่เคารพ
    ท่านพี่นักเขียน คุณ mead คุณ Moutain คุณ leogirlw99 คุณ Chalhoeiและทุกๆท่าน ที่เคารพในห้องวิทยาศาสตร์

    การลงครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้าในห้องวิทย์นี้ ข้าพเจ้าไม่กล้าลงอะไรอีกต่อไปแล้ว...
    ข้าพเจ้าอยากกล่าวขอบคุณต่อทุกท่านที่ให้คำแนะนำและความหวังดีต่อข้าพเจ้ามาตลอด พวกท่านเป็นผู้ที่เจริญแล้วอย่างแท้จริง

    ละครน้ำเน่าเรื่องกาษา นาคา อย่างที่ท่าน yutkanlaya ได้บอกไว้ ของข้าพเจ้าคงได้จบลงแล้ว...ไม่ว่าใครจะคิดว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม

    แต่ข้าพเจ้าก็อยากให้ข้อคิดอะไรบางอย่างว่า
    ในมุมหนึ่งของโลกใบนี้ยังมีคนอีกหลายคนที่มีชีวิตยิ่งกว่าละครช่อง 7 สีซะอีก
    ท่านผู้ใดที่ได้จิตฌานหรือดวงธรรมมาแล้ว ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าเหนือมนุษย์คนอื่นๆ
    เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีเกิดก็ต้องมีดับ การทะนงตนเป็นหนทางแห่งหายนะอย่างยิ่ง

    หนทางสู่นิพพานของคนเรานั้นมีให้เลือกได้หลายรูปแบบ พระพุทธองค์มิเคยได้ตรัสเลยว่าผู้ที่เร็จต้องเป็นผู้มีณานอันสูงส่ง หรือต้องระลึกชาติ ต้องกำหนดจิตเป็นนั่นเป็นนี่ได้...
    ทางสู่นิพพานมิได้เป็นทางตรงเพียงอย่างเดียว โปรดเลือกทางที่เหมาะสมที่สุดกับท่านเถิด เพียงจิตที่ปรารถนาอันแรงกล้า ศรัทธาที่เชื่อมั่น ก็สามารถทำให้คนเราสามารถบรรลุนิพพานได้

    การหาที่มาของจิตวิญญาณนั้น ก็เปรียบเสมือนการดำดิ่งอยู่ในห้วงมหรรณพที่หาที่สิ้นสุดมิได้ มีแต่ยิ่งดำดิ่งลงสู่ห้วงลึก ลึกลงทุกที อย่าลุ่มหลงต่อความเชื่อ หรือวนเวียนอยู่ในวังวนแห่งจิต
    การพิจารณาจิตจากภายนอกด้วยกำหนดรู้เห็นจะทำให้เราสามารถรับรู้ความเป็นไปของจิตได้ในทุกอณูและทุกๆกายธาตุ
    ให้เราเป็นผู้กำหนดจิตเป็นเจ้านายแห่งจิต มิเช่นนั้น เราจะตกสู่ห้วงธาตุจักรวาลหาทางออกมิเจอ
    การตั้งจิตระลึก มุ่งตรงต่อพระศาสดา จะทำให้เราเข้าทุกอย่างได้อย่างถ่องแท้ได้เอง
    เมื่อได้เกิดเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงแล้ว อย่าเป็นแต่ในใบทะเบียนบ้าน หรือบัตรประชาชน...จงเร่งสร้างบารมี เพื่อบูชาคุณแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย เพื่อให้ถึงพระนิพพานโดยเร็ว นี่เป็นหนทางอย่างง่ายต่อผู้ที่ปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว...

    ขออภัยทุกท่านที่มัวแต่นำเสนอละครชีวิตมานาน...คงเบื่อกันแย่แล้ว
    ขอให้ทุกท่านที่ปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงโชคดีทุกๆสิ่ง
    ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ
    สุดท้ายนี้..
    เบญจศรีนาคราช รัก ท่านพี่ พญาเบญจมานพนาคราช สุดหัวใจ...
    ขออนุโมทนาที่ท่านได้บวชและจะสำเร็จพระนิพพานในวันข้างหน้าด้วย

    ข้าพเจ้าขอลาทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้
    เบญจศรี นาคราช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    พี่นักเขียนไม่มีประสบการณ์ในการสัมผัสกับบุคคลยามตื่่นแล้วถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของเขามาสู่สติสัมปชัญญะของตนเอง มีแต่ประสบการณ์ที่สัมผัสรู้และถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของบุคคลมาสู่สติสัมปชัญญะของตนเองในความฝัน เพราะฝึกฝนมาในทิศทางนั้นและชำนาญเช่นนั้น แต่จะลองเล่าประสบการณ์ให้ฟังเพื่อให้คุณน้องชมภูเขาลองเทียบเคียงดู เพราะอย่างน้อยการเปรียบเทียบประสบการณ์จะทำให้หาจุดอ้างอิงถึงกันได้

    คุณน้องชมภูเขา บอกว่าหากจิตจดจ่อมาก ภาพจะไม่ชัด แต่ไม่จดจ่อ สบายๆ กลับชัดเจนมาก

    ในกรณีของพี่นักเขียน จะขอผู้ที่ติดต่อมาว่า ไม่ให้เล่ารายละเอียดใดๆให้พี่นักเขียนฟัง ขอทราบสั้นๆว่าทุกข์เรืองอะไร-เท่านั้นพอ เพราะการรับฟังรายละเอียดมากมายจะทำให้เกิดวิตกวิจารณ์ และทำให้การรู้เห็นที่ผุดขึ้นมาอาจเกิดจากจินตนาการไปตามความเชื่อเสียมากกว่าความรู้ ซึ่งหากว่าได้รายละเอียดมามาก ก็อาจจะมีโอกาสจินตนาการถูกได้มากหรือผิดได้มากพอๆกัน แต่ถ้าหากไม่รู้รายละเอียดมาก่อนเลย จะทำให้วิตกวิจารณ์ไม่ได้หรือได้น้อยมาก และทำให้พิสูจน์ได้ว่าข้อมูลที่ได้นั้น เกิดจากการรับความรู้มาจริง หรือฟังแล้วระบายสีหรือจินตนาการขึ้นเอง พี่นักเขียนเข้าใจว่า หากเรารู้เรื่องราวของเขามาก่อนมากเกินไป ก็จะทำให้เราจดจ่อและจินตนาการมากมาย ทำให้เกิดภาพที่บิดเบือนไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับที่คุณน้องชมภูเขาใช้คำว่า หากจิตจดจ่อมาก ภาพจะไม่ชัด

    ในกรณีของพี่นักเขียน หากได้รับการขอร้องให้แก้ไขปัญหาชีวิตของผู้ใด ก่อนนอนพี่นักเขียนจะทำสมาธิตามปกติ จากนั้นจะกำหนดหน้าที่ให้ตนเองว่า :
    1. เราจะช่วยเขาค้นหาต้นสายปลายเหตุแห่งปัญหา
    2. หาทางแก้ที่ถอนรากถอนโคนปัญหาดังกล่าว


    เมื่อทำสมาธิและกำหนดหน้าที่ให้ตนเองแล้ว จะตั้งจิตหรือตั้งเข็มทิศว่า จะฝันเพื่อรู้เห็น 2 ข้อนี้ จากนั้นกำหนดรู้ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาซึ่งเป็นผู้ติดต่อเข้ามาเป็นการส่วนตัว เช่น มาพบหรือโทรมาขอความช่วยเหลือ การตั้งจิตถึงเขา ก็เพื่อที่จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ที่สงสาร ปรารถนาและตั้งเจตนาว่า จะช่วยให้เขาพ้นทุกข์

    ณ จุดนี้ พี่นักเขียนเชื่อว่า หากคุณน้องชมภูเขารับรู้เรื่องราวของผู้อื่นได้ถูกต้องหมดโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ให้รายละเอียดเราเลย ก็น่าจะเป็นไปด้วยเจตนาที่อยากจะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ พี่นักเขียนเชื่อว่า หากปราศจากเจตนาดังกล่าว ไม่ว่าเราจะสัมผัสผู้ใด ก็คงไม่อาจเข้าใจเขาหรือรู้ความเป็นไปของเขาได้อย่างหมดเปลือกเพราะปราศจากเมตตา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ประสาทสัมผัสที่หก ที่เรียกว่า "การร่วมรู้สึก" ทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายในได้จากหนังสือชุดของท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย เรื่อง ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ)

    ดังนั้น ต่อคำถามของคุณน้องชมภูเขาที่ว่า แม้จิตไม่ได้จดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่สามารถแสดงผลออกมาได้นัน เกิดจากระบวนการใดของจิต พี่นักเขียนขอตอบจากประสบการณ์ว่า เป็นกระบวนของประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก ที่เรียกว่าการร่วมรู้สึก ซึ่งทำงานได้ด้วยการกระตุ้นที่เกิดจากอารมณ์เมตตา

    สำหรับพี่นักเขียนภาวะที่เป็นไปในความฝัน มักเป็นภาวะที่ดำเนินไปโดย เราเป็นเขา
    พี่นัักเขียนมักพบว่า ตนเองสวมบทบาทตัวตนในความฝันเป็นใครที่เราไม่รู้จักในยามตื่น ดำเนินชีวิตเป็นเขาและเผชิญกับปัญหาของเรา และรู้ว่าตนเองไปก่อปัญหาอะไรไว้ รู้ถึงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเขาอย่างหมดเปลือก

    เมื่อถึงจุดนี้เมื่อใด ตัวตนหรือสติสัมปชัญญะของตนเองจะแยกออกจากบุคคลตัวตนนั้นๆ และกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ ทำให้มีมุมมองกว้างขึ้นจากการเป็นบุคคลผู้นั้นเพียงบุคคลตัวตนเดียว และมักมองเห็นทางแก้ปัญหาได้กว้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อตื่นขึ้นก็จะโทรไปตรวจสอบความเป็นจริงกับเจ้าของปึญหาก่อนว่า เรื่องราวทีปรากฏในความฝันนั้นเกี่ยวพันกับเขาจริงหรือไม่ หากจริง ก็จะเล่าที่เหลือทั้งหมดให้ฟังพร้อมทางแก้ หากเขาปฏิเสธก็จะไม่เสียเวลาเล่าต่อ

    โดยมากแล้วผู้ที่ติดต่อมาจะยอมรับว่าจริง แต่รายที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมักไม่รับ-แต่ไม่ปฏิเสธ และมักจะขอให้เล่าฝันให้ฟังจนจบแล้วขอเก็บไปคิดเอง และบ่อยครั้งผู้ที่ไม่รับแต่ไม่ปฏิเสธมักจะยอมรับเรื่องราวบางส่วน โดยให้ข้อมูลที่ทำให้ตรวจสอบได้ว่าฝันของพี่นักเขียนเป็นความจริง แม้ว่าในกรณีเหล่านี้ พี่นักเขียนมักจะบอกกับเขาว่า หากเรื่องที่ฝันไม่ตรงก็ต้องขออภัยและจะไม่เล่าต่อให้เสียเวลา แต่มักจะถูกขอร้องให้เล่าต่อจนจบ และติตดามด้วยคำถามมากมายที่ไม่จบบทสนทนาง่ายๆ แม้เขาไม่ยอมรับเราก็ทราบได้ว่าฝันนั้นตรง เขาจึงถามต่อถึงทางแก้ที่พี่นักเขียนพบในความฝัน และมักจะได้รับคำขอบคุณเนืองๆ

    ทุกกรณีจะมีการรู้เห็นถึงบุคคลที่สาม หรือ 4-5-6 เสมอ สุดแท้แต่ว่าปัญหานั้นเกี่ยวพันกับผู้ใดบ้าง การเป็นไปของการรู้เห็นทั้งหมด เป็นไปโดยธรรมชาติด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายใน ที่ท่านอาจารย์อนาลัยเรียกว่า การร่วมรู้สีก ก็เมื่อเราเป็นเขา ก็กล่าวได้ว่า เราสวมจิตวิญญาณของเขา เราจึงรู้ตื้นลึกหนาบางของเขาอย่างหมดเปลือก

    ประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายใน ไม่ใช่ปาฏิหารย์ แต่เป็นความสามารถตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่เราไม่ค่อยจะรู้จักใช้กัน จนเราใช้มันไม่เป็น
    หากพวกเราศึกษามันอย่างละเอียด และพยายามทำความเข้าใจอย่างดีที่สุด เมื่อเราเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้เมื่อไร เราจะใช้งานมันได้ทันที เพราะมันมีอยู่แล้ว แต่เราลืมเลือนมัน อ่านซ้ำๆ คิดตามให้ถี่ถ้วน จะช่วยให้เราระลึกได้ และตระหนักได้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้คืออะไร เมื่อเราเผชิญกับภาวะที่เราเผลอใช้การมันโดยไม่รู้ตัวกับเรื่องจิบจ้อย เราจะพบว่าเรามีประสาทสัมผัสที่หก และเริ่มใช้งานมันได้จริง จากนั้นเราจะมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆที่จะใช้มันในทิศทางที่เราอาจจะเคยคิดว่า เราทำไม่ได้มาก่อน

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราชาวห้องวิทย์ฯทั้งหลายที่สนใจเรื่อง ตาที่สาม เรื่องโทรจิต และเรื่องที่คำนิยามทางศาสนาเรียกว่า อภิญญา ศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หกให้ละเอียด จากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    หากเรานำคุณสมบัติเหล่านี้มาศึกษา และตรวจสอบประสบการณ์ของเราเสมอๆ มันจะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นไปได้สำหรับทุกคน แต่ถ้าหากเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เหนือมนุษย์และเป็นเรื่องไกลตัว มันก็จะเป็นเช่นนั้นต่อไป (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Home Sweet Home

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์มักมองเห็นวิวิฒนาการดำเนินไปเป็นส้นตรงตามเส้นทางแห่งกาลเวลา โดยเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตเช่นปลา มีวิวัฒนาการไปสู่การเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ครึ่งบกครึ่งน้ำ จากนั้นก็มีวัฒนาการกลายมาเป็นสัตว์บก สัตว์มีกระดูกสันหลัง และมีวัวัฒนาการมาสู่ความเป็นมนุษย์ มนุษย่ไม่เคยเผื่อความคิดที่ว่า วิวัฒนาการสามารถกลับทิศกับที่มนุษย์เข้าใจหรือรู้เห็น ซึ่งหมายความว่าในโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่น มิติอื่น เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น มีสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจากมนุษย์ไปสู่การเป็นสัตว์เลื้อยคลาน

    พี่นักเขียนอ้างอิงสาระนี้มาจากหนังสือมาให้พวกเราลองขบคิดกันดูว่า ความคิดเกี่ยวกับช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา และความคิดเกี่ยวกับชาติภพของเราจะเปลี่ยนมุมมองไปได้อย่างไรบ้าง หากเราเปลี่ยนจากมุมมองอันจำกัดที่เราเคยคิดว่า เวลาดำเนินไปเป็นเส้นตรง เราถือกำเนิดทีละชาติภพ และวิวัฒนาการทางกายภาพและทางจิตวิญญาณดำเนินไป จากต่ำไปสูง หรือจากด้วยพัฒนาไปสู่ความล้ำหน้า

    หากเราเปลี่ยนมุมมอง โดยพิจารณาจากคำกล่าวของท่่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า ธรรมชาติของจิตวิญญาณดำเนินไปนอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา และ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    มุมมองของเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างในการพิจารณาถึงวิวัฒนาการ ทั้งทางกายภาพ-ทางโลก และทางจิตวิญญาณ ?

    จากหนังสือ ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า

    ชาติภพเสนอแนะถึงการมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-ของบุคคล ซึ่งนอกเหนือการมีชีวิตอยู่เพียงหนึ่งกาลเวลา-หนึ่งชีวิต และเป็นการมีชีวิตอยู่ที่เป็นอิสระมากกว่าการมีเพียงหนึ่งร่าง

    วิทยาศาสตร์ไม่อาจยอมรับความคิดเกี่ยวกับการถ่ายทอดปัญญาความรู้ผ่านแบบแผนอันเป็นจินตภาพ : พฤติกรรมของภาวะจิตอันเป็นนัย : ความทรงจำและความปรารถนาอันเต็มไปด้วยเป้าหมาย - ได้โดยปราศจากกลไกทางกายภาพ เพราะวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่อาจหาหลักฐานของปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ วิธีการทางวิทยาศาสตร์กีดขวางประสบการณ์ที่ทำให้ได้หลักฐานเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ

    เธอทั้งหลายอาจตื่นตระหนกต่อประสบการณ์ใดๆอันเป็นธรรมชาติส่วนบุคคลซึ่งเป็นนัยที่ส่อให้รู้เห็นถึงชีวิตของชาติภพ เพราะเธอตระหนักว่า เธอกำลังเผชิญกับสิ่งต้องห้ามของวิทยาศาสตร์ หรือสิ่งที่บางศาสนาหรือบางลัทธิได้อธิบายไว้อย่างบิดเบือน เธอจึงปกป้องตนเองจากแรงผลักดันธรรมชาติ ที่ทำให้เธอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ในชาติภพอื่นๆ และเธอก็ปฏิเสธการปลอบประโลมทางจิตที่เธอได้รับจากสิ่งที่มองไม่เห็น-เมื่อเธอตกอยู่ในความตึงเครียด-ท้อแท้-สิ้นหวัง

    ในที่นี้ฉันไม่ได้หมายความว่า การรู้เห็นอย่างเต็มที่เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ในชาติภพอื่นๆเป็นที่สิ่งจำเป็นหรือต้องอยู่ในความคิดของเธอ แต่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง-เมื่อเธอตกอยู่ในความตึงเครียด-ท้อแท้-สิ้นหวัง เธอจะได้รับการปลอบประโลม-สนับสนุนหรือการเปลี่ยนอารมณ์ จากบุคคลที่เธอรัก-ในชาติภพอื่นๆ เพราะพวกเขาต่างก็สัมผัสถึงความต้องการของเธอและตอบสนองให้เธอเสมอ

    ธรรมชาติทั้งหมดของเหตุการณ์มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในทิศทางที่แตกต่างไปจากที่เธอเข้าใจ โลกแห่งความเป็นจริงที่เธอรู้เห็นและตระหนักได้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมด และเหตุการณ์ทั้งหลายในชีวิตของเธอ-ในชาติภพนี้และทุกๆชาติภพ-ต่างก็เชื่อมต่อกันด้วยความเคลื่อนไหวของภาวะจิตที่อยู่เบื้องลึก เธออาจเปรียบเทียบเหตุการณ์ทั้งหลายในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของเธอได้กับภาวะจิตที่สอดคล้องกัน ซึ่งอยู่เบื้องลึกหรือเป็นฐานรองรับสภาพแวดล้อมอีกทีหนึ่ง


    อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ และต่างก็มีความเป็นจริงไม่น้อยไปกว่ากัน มนุษย์แยกแยะความแตกต่างทุกอย่างตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งปราศจากความเข้าใจในจิตวิญญาณ และไม่เคยนำจิตวิญญาณเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการค้นคว้าทดลองด้วยซ้ำไป

    เราทั้งหลายเผชิญกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเอกลักษณ์เสมอ เรารู้ด้วยกันทุกคนว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน-ไม่เหมือนใคร พี่นักเขียนคิดว่าประเด็นที่น่าสนใจและน่าศึกษาคือที่มาของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้น เพราะในส่วนลึกของเราแต่ละคน เราจะพบว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกของเรา เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เราแสวงหาการเป็นบุคคลหรือตัวตนที่มากกว่าที่เรากำลังเป็นอยู่นี้ เพียงแต่ว่าเราแต่ละคนจะแสดงออกในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป พวกเราจำนวนมากมองดูดาวแล้วคิดถึงบ้านเก่า พี่นักเขียนชอบฝันออกไปในจักรวาลและรู้สึกเสมือนว่าได้ไปเยี่ยมบ้าน (กลับไปเอาสิ่งต่างๆที่ลืมทิ้งไว้ที่บ้านกลับมา เช่นเอาเพลงกลับมาฝากพวกเรา เที่ยวหน้าไปอีกใครจะเอาอะไรสั่งได้ค่ะ)

    คุณ Mead หัวหน้าห้องอยากกลับไป Atlantis
    คุณ axon เห็นจานบินในจินตภาพ และฝันเห็นการเดินทางด้วยเรือ ข้ามน้ำข้ามทะเล เห็นคนตาย หรือลอยกลับไปบ้านเก่าที่ภูเก็ต
    คุณน้องขจรวรรณสัมผัสกับอาการพุ่งไปในสมาธิ
    คุณน้องนก leogirl ฝันว่าไปร่วมชุมนุมเฉลิมฉลอง
    คุณเฉลยอยากจะไปเทือกเขาหิมาลัย

    พวกเราทั้งหลายล้วนมีประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนให้เราเห็นว่า เราต่างคนต่างก็มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดและความปรารถนาที่จะมี-จะทำ-จะเป็น มากกว่าที่เรากำลังมีอยู่-ทำอยู่-เป็นอยู่ นอกเหนือเส้นทางแห่งกาลเวลา เราจะเห็นได้จากว่าบางคนก็สะท้อนความปรารถนานี้กลับไปสู่อดีตว่า เขาเคยเป็นอะไรมากอ่น และบางคนก็สะท้อนความปรารถนาไปสู่อนาคตว่าเข้าต้องการเป็นอะไรต่อไปในอนาคต

    แต่เป้าหมายที่แท้จริงของการมาถือกำเนิดเป็นจิตวิญญาณอันเป็นร่างกายเนื้อหนังในปัจจุบันของเรา ก็คือ การเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ และสร้างสรรค์ชีวิตของเราให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างดีที่สุด หากเรามัวแต่โหยหาอดีตและอนาคต เราจะสูญเสียอำนาจแห่งปัจจุบันของเราไปอย่างน่าเสียดาย

    จิตวิญญาณของเราต่างก็กระหายที่จะเรียนรู้ถึงที่มาหรือบ้านเก่าของตนเอง และกระหายที่จะเรียนรู้ถึงความเป็นไปได้อันสูงสุดของตนเอง ห้องวิทย์ฯจึงกลายเป็นสถานชุมนุมที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราได้สื่อสารกับญาติมิตรจากบ้านเก่าที่เราจากมา บางคนก็มาจากบ้านเก่าที่ดูเสมือนใหม่และเปลี่ยนไป และนำสิ่งใหม่ๆเกี่ยวกับบ้านเก่ามาเล่าให้เราฟัง เรารู้เห็นความเป็นไปได้อื่นๆที่ปรากฏในญาติมิตรทางจิตวิญญาณของเรามากมาย

    พี่นักเขียนหวังว่า ไม่ว่าอากาศในห้องวิทย์ฯจะมีร้อนบ้าง หนาวบ้าง ฝนบ้าง หิมะตกบ้าง หรือควันธูปตลบไปบ้าง พวกเราก็คงได้ศึกษาบางสิ่งบางอย่างร่วมกันต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เสมือนการเดินทางสู่ยอดเขาหิมาลัย ที่เราต้องเรียนรู้ความอดทน การให้-การรับ การเสียสละ เผชิญกับความกลัวบ้าง ความกล้าหาญบ้าง เฉาบ้าง เบ่งบานบ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราได้เรียนรู้ร่วมกัน เพราะเราต่างก็ตระหนักว่า การกลับบ้านเก่าจะปราศจากความหมาย หากญาติมิตรของเราไม่ได้กลับไปด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บ้านเก่าจะเหงาหงอยและหมดความหมายเพราะไร้ญาติขาดมิตรที่เรารัก

    มาถึงยอดเขาหิมาลัยกันแล้ว พี่นักเขียนพกขนมมาด้วย มาล้อมวงทานขนมคุยกับถึงบ้านเก่าและบ้านใหม่ของเรา และใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดในวันนี้ ซ่อมบ้านเก่าและสร้างสรรค์บ้านใหม่ของเราให้สวยสดกันเถอะค่ะ มาผิงไฟให้อบอุ่นหัวใจกันหน่อยสิ พวก gas ไวไฟนั่งห่างนิดนะเจ้าคะ ระวังผมจะหายหมด (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 102_0208.JPG
      102_0208.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      41
    • fire800.jpg
      fire800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      585.8 KB
      เปิดดู:
      36
    • img138.jpg
      img138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      382.8 KB
      เปิดดู:
      44
  20. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ผมขอนั่งหน้านะครับใกล้ๆกองไฟ ตัวผมไม่ค่อยมีไขมัน เส้นผมหายไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ขึ้นใหม่
    ขอบคุณอาจารย์มากครับที่คอยย้ำเตือนพวกเราด้วยความเอ็นดู
    อาจารย์กลับไปเยี่ยมบ้าน เอา เพลงเด็กๆ สนุกๆมาฝากด้วยครับ
    อยากให้ทุกคนกลับบ้านพร้อมๆกัน อย่างที่อาจารย์บอก กลัวเหงา เดี๋ยวก็ต้องลงมาตามกันอีก ไม่แน่อีกว่าพอลงมาแล้วก็จะลืมสัญญาที่ให้ไว้อีก
    กลับพร้อมกันนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...