เมื่อที่ผ่านมาเร็วๆนี้ คนที่บ้านปวดหลังช่วงเอวมาก ก้มเงยไม่ได้ เดินไม่ค่อยได้ 3 วันเต็มๆ เอวแข็งน่ะค่ะ ทานยา พอหมดฤทธิ์ยาก็ปวดอีก ดิฉันเลยลองจับและนวดๆให้ ในขณะที่นวดจะมีอารมณ์ปล่อยวาง จิตจะเพ่งไปตรงที่ปวดน่ะค่ะ ปรากฏว่าสักพักอาการปวดหายเหมือนปลดทิ้งเลยน่ะค่ะ ก็เข้าใจตามที่เข้าใจนะคะ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร +++ มีอารมณ์ปล่อยวาง คือ "การจางคลายของตัวดู แล้วกลายสภาพมาเป็น ธรรมารมณ์ หรือ พลังจิตที่ละเอียดกว่าปกติ ชนิดหนึ่ง" ซึ่งจะอยู่ในชั้นเดียวกันกับ "การแผ่เมตตา" ส่วนการนวดให้นั้นเป็นชั้น "กรุณา" +++ จิตจะเพ่งไปตรงที่ปวด คือ "การส่ง ธรรมารมณ์ หรือ พลังจิตที่ละเอียดกว่า" เข้าไปสลายหรือคลายตัว "เวทนาที่หยาบกว่า" ของผู้ป่วย กระบวนการทำงานทางจิต เป็นไปอย่างที่กล่าวมานี้แหละครับ +++ เวลาที่จะทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ให้ "ศึกษาจาก การทำงานของจิต เป็นเกณฑ์" นะครับ
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้น ไม่มี ศาสนาใดไม่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะผู้สงบถึงที่สุด ในสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ก็ไม่มีในศาสนานั้น ศาสนาใดมีอริยมรรคมีองค์ ๘ ในศาสนานั้นมีสมณะผู้สงบถึงที่สุดทั้ง ๔ ประเภทนั้นสังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย สุภัททะ ปัญหาของเธอ มีเท่านี้หรือ" “มีเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”
แค่โพสนี้ http://palungjit.org/posts/6556246 ผมว่าคุณ tamjugg อยู่ห่างคุณ ธรรม-ชาติ ไว้นะปลอดภัยดีแล้วครับ หรือถ้าคุณจะตามvsคุณธรรม-ชาติจริงๆ คุณก็ต้องศึกษาคำสอนของคุณ ธรรม-ชาติ แล้วลองปฎิบัติดู เพื่อหาข้อผิดพลาดในขั้นตอนไหนอย่างไร อย่างนี้พอจะได้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ไม่นั้นโพสไปคุณก็เจ็บตัวเปล่าๆ ครับ
เสือกไม่เข้าเรื่อง มาหาเรื่องกับ "รอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า" เหมือนกับเพื่อนของเอ็ง ที่อุตริมากด "จิตมาร" นั่นแหละ ไม่นานก็จะรู้เอง
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้น ไม่มี ศาสนาใดไม่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะผู้สงบถึงที่สุด ในสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ก็ไม่มีในศาสนานั้น ศาสนาใดมีอริยมรรคมีองค์ ๘ ในศาสนานั้นมีสมณะผู้สงบถึงที่สุดทั้ง ๔ ประเภทนั้นสังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย สุภัททะ ปัญหาของเธอ มีเท่านี้หรือ" “มีเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”
ตั้งแต่พุทธกาลมาและในบันทึกพระไตรปิฏกยังไม่เคยมีใครเห็นรอยเท้าพระพุทธเจ้าในอากาศ.....เพิ่งรู้ว่ามีนายธรรมชาติที่เห็น ทุกข์เท่านั้นที่เกิดจริงๆ กลับมาเถอะ
ตอนนี้คนที่กำลังจะไม่กลับแล้ว คือ Tamjugg... ถ้ายังมีบุญบารมีพอเหลืออยู่บ้าง post นี้จะเตือนสติได้ แต่ถ้าไม่พอ ก็คงจะไม่กลับแล้วจริงๆ
อินทรบุตรภาวนามาตั้งนานได้ไรไม่รู้ ยังพูดแถไปได้อีก หรือนายเห็นลอยเท้าพระพุทธเจ้าในอากาศอีกคนอินทรบุตร
มีนิทานจะเล่าให้ฟังค่ะ อิอิ มีหนุ่ม(เหลือ)น้อยคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ชอบขับรถมอเตอร์ไซซิ่งเร็วมาก วันหนึ่งหนุ่มน้อยท่านนั้นประสบอุบัติเหตุรถแฉลบลงทางโค้ง ตายคาที่ และแล้ววิญญาณหนุ่มน้อยผู้นั้นก็ไปโผล่ที่นรก ท่านยมบาลจึงสอบสวนวิญญาณหนุ่มน้อยว่าเสียชีวิตเพราะอะไร ยมบาล : เจ้าเป็นอะไรตาย วิญญาณ : ข้าพเจ้าขับรถตกถนนตรงทางโค้งตายขอรับ ยมบาล : อ่าว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ขับรถผิดกฎจราจรน่ะสิ วิญญาณ : เปล่าขอรับ ข้าพเจ้าขับรถถูกกฎจราจรทุกอย่างขอรับ ยมบาล : อ่าว ถ้าเจ้าขับรถถูกกฎจราจรแล้วทำไมรถประสบอุบัติเหตุทำให้ตัวเจ้าตายล่ะ ไหน ลองอธิบายมาซิว่า ขับรถถูกกฎจราจรอย่างไร วิญญาณ : ข้าพเจ้าขับรถออกจากบ้านมาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง พอขับมาถึงทางโค้ง สายตาของข้าพเจ้าก็เหลือบไปเห็นข้อความที่ป้ายปักตรงทางโค้งเขียนไว้ว่า “ โค้งอันตราย “ ข้าพเจ้าเลยขับตรงเลยขอรับ ก็มันเขียนไว้ว่า “ โค้งอันตราย “ ข้าพเจ้าจะขับโค้งไปทำไมขอรับ ยมบาล : ปึ๊กหลายกะตายซะ …. ?????? ( ภาษาอีสาน .. อิอิ )
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้น ไม่มี ศาสนาใดไม่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะผู้สงบถึงที่สุด ในสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ก็ไม่มีในศาสนานั้น ศาสนาใดมีอริยมรรคมีองค์ ๘ ในศาสนานั้นมีสมณะผู้สงบถึงที่สุดทั้ง ๔ ประเภทนั้นสังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย สุภัททะ ปัญหาของเธอ มีเท่านี้หรือ" “มีเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”
สำหรับท่านอื่นๆรวมทั้งผม (ยกเว้นเจ้าของกระทู้) ผมก็อยู่ในเว็บนี้มาแม้จะไม่นาน และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือ น้อยนักหรือแทบไม่มี ที่จะมีผู้ที่แนะนำการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน ลัดสั้น(เข้าสู่มรรค) อ้างอิงที่ไปที่มาได้ ตรวจสอบได้ ตอบได้ แยกแยะประเด็นได้ ที่เหลือท่านก็ทราบอยู่ว่าเป็นอย่างไรซึ่งผมก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเว็บบอร์ด เมื่อมีกระทู้นี้หรือกระทู้อื่นๆ ที่เป็นแนวทางเกิดขึ้นมา ผมก็อยากจะให้มันอยู่นานพอที่จะให้คนที่เข้ามาอ่านในภายหลัง ได้ยึดเป็นหลักปฏิบัติ (ซึ่งการกระทำที่ตอบโต้(นอกประเด็น)กันไปมานี้ อาจจะทำให้เสียประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังที่เข้ามาอ่าน มาหาแนวทางปฏิบัติ) ผมมามองเห็นประโยชน์ตรงนี้เลยได้มาเตือนคุณ tamjugg อาจจะแรงหรือไม่ตรงจริตท่านไปบ้างหรือแม้กระทั่งท่านไม่รับฟังก็ตาม "บันฑิตย่อมยกถ้อยคำอันเป็นสัจธรรมมาแลกเปลี่ยนกันได้" คุณเข้ามาในกระทู้อย่างบันฑิต ตรงไหนในเมื่อ "นายธรรมชาติได้อภิญญาจนเบื่อก็มาสอนวิธีให้คนอื่นได้อภิญญาตามดีกว่าไหม ดีกว่ามาหาลอยเท้าในอากาศ? ห้องนี้อภิญญาXPด้วยนายจะได้บุญเยอะๆ" 1.คุณไม่อ่านหรือว่าอ่านไม่เห็น ในเมื่อท่านเจ้าของกระทู้ก็สอนอยู่ทั้งในตัวกระทู้ ในโพสที่3หรือโพสอื่นๆก็มีสอนอยู่ 2.คุณว่าผมสมัครไอดีใหม่มาเกรียน คุณไม่เห็นหรือว่าไอดีผมเก่ากว่าคุณอีก แค่สัจธรรมที่เห็นอยู่เต็มตา 2 ข้อนี้คุณก็ไม่เห็น คุณยังยกเอา สุภาษิตมาอ้างเพื่อ... สำหรับท่านอื่นๆ หวังว่าคงทราบถึงเจตนาผมนะครับ ขอบคุณครับ
+++ มีอารมณ์ปล่อยวาง คือ "การจางคลายของตัวดู แล้วกลายสภาพมาเป็น ธรรมารมณ์ หรือ พลังจิตที่ละเอียดกว่าปกติ ชนิดหนึ่ง" ซึ่งจะอยู่ในชั้นเดียวกันกับ "การแผ่เมตตา" ส่วนการนวดให้นั้นเป็นชั้น "กรุณา" +++ จิตจะเพ่งไปตรงที่ปวด คือ "การส่ง ธรรมารมณ์ หรือ พลังจิตที่ละเอียดกว่า" เข้าไปสลายหรือคลายตัว "เวทนาที่หยาบกว่า" ของผู้ป่วย กระบวนการทำงานทางจิต เป็นไปอย่างที่กล่าวมานี้แหละครับ +++ เวลาที่จะทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ให้ "ศึกษาจาก การทำงานของจิต เป็นเกณฑ์" นะครับ กราบขอบพระคุณคุณธรรม-ชาติมากค่ะที่อธิบายให้ความรู้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น บางครั้งเวลาได้พูดคุยกับใครแล้วถ้าบุคคลนั้นบ่นถึงอาการเจ็บป่วยเรื้อรังให้ฟัง เหมือนตัวเองจะรู้เลยน่ะค่ะว่าเขาเจ็บป่วยเพราะสาเหตุใด แต่ก็ได้แต่รับฟังเงียบๆ ส่วนที่คุณธรรม-ชาติ บอกว่า +++ เวลาที่จะทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ให้ "ศึกษาจาก การทำงานของจิต เป็นเกณฑ์" นะครับ ... ตรงนี้ดิฉันคงต้องขอรบกวนคุณธรรม-ชาติช่วยอธิบายเพิ่มเติมแล้วล่ะค่ะ เพราะดูแล้วดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่น่ะค่ะ คิดว่าถ้าได้ความรู้ตรงนี้คงจะมีประโยชน์ไม่น้อย เพราะโดยนิสัยปกติแล้วเป็นคนชอบช่วยเหลือคนค่ะ ขอแค่ได้ช่วย ช่วยเสร็จแล้วก็ลืม เพราะจิตใจไม่ต้องการให้ใครมาตอบแทนอะไรน่ะค่ะ ก็ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งค่ะที่คุณสละเวลาช่วยฝึกช่วยสอน ยังไงก็ขออย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ เพราะดิฉันฝึกถึงขั้น”ปิดอบาย”ยังไม่ได้เลยน่ะค่ะ ยังไงชาตินี้จะฝึกให้ถึงขั้น ปิดอบาย ให้ได้ค่ะ เพราะปรารถนาไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
มีคนปฏิบัติตามแล้วเกิดอภิญญา? ผมเพียงบอกว่าในบันทึกในพระไตรปิฏกยังไม่เคยมีใครเห็นรอยเท้าพุทธเจ้าในอากาศ แล้วคุณมาร้อนตัวอะไรอย่าเพิ่งออกอาการเยอะ? สุภัททะก็เคยถามพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพาน เรื่องลอยเท้าในอากาศลองไปหาอ่านดูว่ามีไหม.... แม้พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีบันทึกว่าเคยเห็น แต่นายธรรมชาติเห็นเก่งมาก.....
บางครั้งเวลาได้พูดคุยกับใครแล้วถ้าบุคคลนั้นบ่นถึงอาการเจ็บป่วยเรื้อรังให้ฟัง เหมือนตัวเองจะรู้เลยน่ะค่ะว่าเขาเจ็บป่วยเพราะสาเหตุใด +++ สังเกตุดูก็จะพอรู้ได้นะครับว่า การรู้นี้เป็นแบบ "วูปหนึ่งแห่งความเข้าใจ" วูปนี้ไม่ได้เกิดในผู้ป่วย แต่เกิดในสภาวะของเรา แต่ก็ได้แต่รับฟังเงียบๆ ส่วนที่คุณธรรม-ชาติ บอกว่า +++ เวลาที่จะทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ให้ "ศึกษาจาก การทำงานของจิต เป็นเกณฑ์" นะครับ ... ตรงนี้ดิฉันคงต้องขอรบกวนคุณธรรม-ชาติช่วยอธิบายเพิ่มเติมแล้วล่ะค่ะ เพราะดูแล้วดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่น่ะค่ะ คิดว่าถ้าได้ความรู้ตรงนี้คงจะมีประโยชน์ไม่น้อย +++ อยู่กับ สภาวะรู้ เฉย ๆ จะเห็นสภาวะของ "วูปหนึ่งแห่งความเข้าใจ" นี้ปรากฏอยู่ไปมา ปล่อยให้ เจโตปริยะญาณ นี้ทำงานด้วยตัวมันเอง จนกว่า "วูปหนึ่งแห่งความเข้าใจ เบ็ดเสร็จจบสิ้นในกรณีนั้น ๆ ปรากฏ" นี่คือการ "ศึกษาจาก การทำงานของจิต เป็นเกณฑ์" นะครับ พระอุปัชฌาย์ของผม (เป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว) เคยเปรย ๆ กับผมในขณะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยว่า "เห็นจิต ฝึกจิต ใช้จิต" แล้วก็อมยิ้ม ก่อนเดินไปทำธุระทางอื่น เพราะโดยนิสัยปกติแล้วเป็นคนชอบช่วยเหลือคนค่ะ ขอแค่ได้ช่วย ช่วยเสร็จแล้วก็ลืม เพราะจิตใจไม่ต้องการให้ใครมาตอบแทนอะไรน่ะค่ะ ก็ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งค่ะที่คุณสละเวลาช่วยฝึกช่วยสอน ยังไงก็ขออย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ เพราะดิฉันฝึกถึงขั้น”ปิดอบาย”ยังไม่ได้เลยน่ะค่ะ ยังไงชาตินี้จะฝึกให้ถึงขั้น ปิดอบาย ให้ได้ค่ะ เพราะปรารถนาไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว +++ หากคุณ จิตวิญญาณ สามารถทำความรู้สึกตัวแบบ เพิ่ม ตรึง แช่ ลด เข้า-ออก ต่าง ๆ ได้ชำนาญแล้ว และมีโทรศัพท์ หรือ มือถือ แบบมี speaker คือพูด-ฟัง ได้ยินชัดโดยวางไว้เฉย ๆ แล้วฝึกในขณะนั้นได้ ก็น่าจะทำได้นะครับ เพราะมีอยู่คนหนึ่งเคยแยกขันธ์อย่างละเอียดได้ (ตนไม่ใช่กายและขันธ์ สิ้นสงสัยในสภาวะที่เห็น รู้แนวทางที่ตนต้องปฏิบัติอย่างชัดเจนไม่เป็นอื่น) โดยเดินจิตกันทางโทรศัพท์มือถือนี่แหละ พร้อมเมื่อไรก็ pm มานะครับ