เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

วันนี้ (10 มี.ค.2556 13.00 น. ) เกิดแผ่นไหว ศูนย์กลาง ประเทศพม่า 3.5 ริคเตอร์ ปประเทศไทย ยังปลอดภัย

 

วันนี้ (10 มีนาคม 2556) วันไหว้ครูประจำปี กราบโมทนา สาธุการ ร่วมกัน แต่ปีนี้ไม่ได้ไป ติดราชการสำคัญ

 

ครู บา อาจารย์ ที่พวกเรา ทำพิธี เคารพ กราบไหว้ กันมาทุกปี สมเด็จพระศรีอาริยเมตตรัย และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม

 

สงสัยจะไม่รอด ( หมวยจีน )

 

ไม่ทันได้หลับหรอกครับ เทวดาท่านตามเช็คบิล ที่รอดก็ร่อแร่ ทำมาหา(..ด.) ยากจนลง โรคภัยถามหา

 

เผอิญมีท่านผู้รู้ทักมา กราบขอบคุณด้วยความเคารพที่ เป็นพี่เลี้ยงด้านภาษาไทยให้ พี เสาวภา เพราะผมเอง ชีวิตส่วนหนึ่ง เรียนโรงเรียนคริสท์ โตมาจากเมืองนอก และทำงานกับฝรั่งมาจาก อายุสี่สิบกว่า จึงสลัดแอกคนขาวออกไปได้ ครับ จึงจะถนัดเขียนภาษาอื่นมากกว่าไทยครับ

และผมเองบอกตามตรงก็แค่อ่าน ลอกอาจารย์ จิตร ท่านมา ท่านบอกว่ามี ๑๐ กว่า เว่อร์ชั่น แต่โบราณจากการค้นคว้า ในหอสมุดหลวง ที่ลอกกันมา ล้อกันมา ก็พิสูจน์ยากว่าอันไหน เก่ากว่ากัน

เอาว่าเก่า ยุคไทยมีตัวหนังสือ ก็แล้วกัน อาจจะ โยงไปก่อนยุคมีตัวหนังสือ เพราะศาสนา ครูพราหมณ์ เข้ามา แหลมมลายูก่อน พุทธ จะเผยแพร่มา โองการ แช่งน้ำ และ โองการ พระคาถา อันอื่นน่าจะมาเป็น ภาษาอื่น เช่น บาลี สันกฤต ฮินดู อะไรแบบนั้น

คนไทยยุคนั้น กำลังรวมตัวสร้างชาติ ตามประวัติ ที่หลวงพ่อท่านเล่า เรื่องพระเจ้าพรหมมหาราช ก็น่าจะรวบรวมของดี เหล่านี้ไว้ด้วยกัน นำมาเป็น พราหมณ์พุทธ แบบไทยๆน่ะครับ

ร่าย
๏ โอมปรเมศวรา ผายผาหลวงอะคร้าว ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง อ้างทัดจันทร์เป็นปิ่น ทรงอินทรชฎา สามตาพระแพร่ง แกว่งเพชรกล้า ฆ่าพิฆนจัญไร ฯ (แทงพระแสงศรอัคนิวาต)

กราบครู ทางวรรณกรรมและ คาถาอาคมครับ หลวงตาเล็กครอบให้ผม รับผมเป็นศิษย์ ครูยา ครูฤาษี ครูอาคม มาสายเดียวกันหมด เป็นครูของผมด้วยครับ

แต่ผมไหว้ครู ไหว้ทุกวันน่ะครับ แบบพุทธ ทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำ แผ่เมตตาทุกวันครับ ทุกอาทิตย์ ถวายสังฆทาน และ ยิ่งมีโอกาสที่บ้านเหรียญบินมารวมกัน ทำกุศล ผลงานใหญ่ๆ สร้างวิหารทาน ช่วยชีวิตสัตว์ ใหญ่หลายอย่าง

อ้อ เรื่องสัตว์ใหญ่คุณควาย จารย์ช้างโอนเงินแล้วน่ะครับ ขอคุณแสงแขเป็นธุระนิดหนึ่ง ติดตามว่าเงินถึงปลายทางแล้ว จะได้ โมทนาทุกคนร่วมกันในบ้านเหรียญบินนี่น่ะครับ

อุทิศ ให้ ครูบาอาจารย์ ทุกท่านทุกคน อย่าได้ตกหล่น แม้แต่บุญเดียว ครับ

และน่าจะถึงยุค ที่ต้อง กราบเชิญ ท่านท้าว ปรเมศ มา ฆ่าคน พิฆนจัญไร ให้สิ้นสักทีครับ จะได้อยู่อย่างสงบๆกันซ่ะที

 

มาเล่าต่อ อย่าที่เคยบอก ไม่ใช่ว่าเก่ง แต่ผมเป็นคนทำอะไร ไม่มีเลิก ง่ายๆ แต่ถ้าเลิก หลงตาไม่อยู่ เลิกเลย ตาช้างกับผมก็คุยน่ะครับ หาเอกสาร ตาช้างเป็นตำรวจจะมองทางกกหมายออก แต่ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ จากทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ประวัติที่ดินวัดใหม่ฯ มันลึกซึ้งมากกว่าการครอบครอง ปรปักษ์น่ะครับ เล่าแล้วจะยาวลึก แต่มีการนำที่วัดร้างเอาไป ต่อกันหลายมือ หลายเจ้าของ ( คนข้างวัดไม่ทราบเรื่องเลย...รึ ...เหอๆๆ )

เรื่องมาแดงตอนเชิญ นายอำเภอท่านมา ช่วย นายอำเภอและปลัดท่านก็ช่วยวัด เรียกมาสืบที่ล่ะราย จึงเจอปัญหาต้นตอ เอาว่ายุ่งตุงนัว ตาช้างและผม มึนก็แล้วกัน หลวงตาท่านก็คอยให้กำลังใจและ คอยโค๊ชว่าใครพูดถูก พูดผิด เราจะได้ ไม่หลงทาง

ถึงตอนพระเอกมา เรื่องมันส่อแนว ต้องไปถึงศาลแล้วแน่ๆ ตาช้างหัวใส ต้องหาตัวช่วย ไปเชิญ พี่ยุทธมา ( คุณ ฉัตรพล ณ บางช้าง ) พอพามา หลวงตาเห็นหน้า ท่านยิ้มร่า อารมณ์ดีทั้งวัน บอกว่า คนๆนี้ ฉันรอ มา สี่สิบปี แล้ว อะไรที่หลวงตาพูด ไม่เคยพลาด ยิ่งกว่าตาเห็น เอามือจับได้ซ่ะด้วย

พี่ยุทธ ซึ่งต่อมา คบกับผมแบบซี้ปึ้ก มาถึง วินาทีนี้ มาช่วยงานผมอีกหลายเรื่อง แบบคนมี vision และ เป็นงาน แกรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไปคุยที่บ้าน เชิญมาคุย หน้าหลวงตา ( ซึ่งต่อมา เป็นเหตุให้ หลวงตาถูก พาลหาเรื่อง และถูกชกที่เบ้าตา เขียวบวมอย่างแรง เพราะถูกหาว่าเอาทนายมาขู่ ไม่กล้ามาชก หน้าผม หรือ ตาช้าง เพราะเจอ สามแปดทีล่ะโม่ แน่ๆ เราเลยต้องหยุด ยุทธวิธีนี้ ...เอ คนข้างวัดก็ไม่รู้เรื่องอีก แทนที่จะมาเฝ้า....ห้ามปรามคนพาล แล้ว พาหลวงตาไปหาหมอ คนพาไปกับเป็นผมอีกน่ะครับ...เหอๆๆ และ เหตุการณ์ นำต่อไปเงินหาย จากตู้ หน้าต่างถูกงัด

ผมอีกน่ะ ที่ไปแจ้งความที่ สน พยุหะคีรี ( หลักฐานยังเก็บไว้ แต่ไม่โชว์ ไม่มีเหตุต้องนำมาและอายุความน่าจะหมดไปแล้ว ) ผมและ จารย์ช้างเลยต้องขอสายตรวจมาตรวจที่กุฏิ หลวงทุกวันจ่ายเงินค่าน้ำมันให้ มีสมุดให้ตำรวจท่านมาเซ็น สิ้นเดือนช่วยค่าน้ำมันท่าน ...เอ คนข้างวัดก็คงไม่ทราบอีก นับถือหลวงตามากๆแบบนั้น มีของท่านมาขายเพียบ น่าจะมานอนเฝ้าท่านกันน่ะครับ

พวกผมมันอยู่ไกล ต้องทำมาหากินที่ กทม เป็นลูกจ้างเขา จะเอาอะไรกับพวกผมมาก แต่ช่วยท่านสุดหัวใจ เงินทอง ไม่มีเกี่ยง เรี่ยไรบอกใคร พวก วิศวกร ปตท เชลล์ ยูโนแคล ส่งเงินมาช่วยกันเพียบ...เหอๆๆ )

เมื่อจะต้องเป็นคดีกัน ก็หาทนาย ทนายว่าความได้จาก สำนักงานทนายความวีระไวทยะ เมื่อพร้อม จะต้องฟ้องคืน อีกข้างสู้แน่ๆ เพราะชนะมาทีหนึ่งแล้ว

 

ยังมีต่อ เรื่องมันยาว ต้องบันทึกไว้ ไม่ให้สูญหาย

 

อย่าลืมนะ ครับ ท่าน rungaran ท่านเป็นเจ้าภาพไหว้ครูวันนี้ นะครับ โมทนา สาธุ พระใหญ่ไม่ทอดทิ้งท่าน แน่นอน

 

กราบขออภัยท่านรองฯด้วยนะคะ ที่แจ้งหมายเลขที่บัญชี

มีจำนวนเกินไป 1 หมายเลขน่ะค่ะ


ตามลิงค์ข้างล่างคือรายละเอียดของ การร่วมบุญกับทางวัดค่ะ


รายละเอียดการร่วมทำบุญ กับทางวัด[/QUOTE]


เรียน ท่านรองฯ ที่เคารพค่ะ

ด้วยท่านรองฯได้โอนเงินให้กับทางวัดพระศรีฯเพื่อไถ่ชีวิต กระบือ ซึ่งทางวัดได้รับเงินจำนวนนั้นตามใบนำฝากแล้ว


เพื่อความสะดวกทั้งจะได้ เป็นการตอบรับยืนยันการทำบุญไถ่ชีวิต

กระบือ เพศผู้และเมีย ๑ คู่ จากบ้านเหรียญบินนั้น

ดิฉันได้ขอคำแนะนำ จากคุณยุ้ย (จนท.รับเรื่อง) เธอได้

แนะนำให้ทางผู้บริจาค ส่งแฟกซ์ หมายเลข ๐๒-๙๘๖-๐๘๓๔ ไปที่ พระเทพวราลังการ โดยมีรายละเอียดดังนี้ *ระบุ ชื่อ นามสกุล หรือ องค์กรใด เพื่อทางวัดจะ

ดำเนินการออกใบอนุโมทนาบัตรให้ (พร้อมที่อยู่เพื่อจัดส่งใบอนุโมทนาบัตรคืนให้ท่านรองฯทางไปรษณีย์ค่ะ)


*ท่านรองฯกรุณาระบุที่ใบ นำฝากธนาคาร จาก ผุสดี (อ้อย ได้ประสานงานไว้กับคุณยุ้ย 083-996-4448) ด้วยนะคะ

และเมื่อถึงวันปล่อยชีวิตสัตว์ ท่านรองฯถือใบนำฝาก

เงินจากธนาคารเป็นหลักฐานอ้างอิงให้กับวัดพระศรีฯค่ะ[/QUOTE]

เราคงบริจาคแต่เงินน่ะครับ เอาตัวไปมีภาระกันเยอะ ไม่น่าจะว่าง แต่เงินไปถึง ก็สบายใจว่าสัมฤทธิ์ผลครับ จะได้รายงาน พี่น้องครับ

ตกลง เมื่อถึงวันปล่อยชีวิตถือว่าจบกิจนี้ครับ

มาโมทนาร่วมกันครับ

พี่น้องท่านใดเจ็บป่วย กำลังถูกจองจำ ( อุปมาอุปมัยทำนองนั้น ) หรือ มีญาติเจ็บป่วย ให้อธิษฐาน ให้ พ้นภัยน่ะครับ เงินทองนี้มาจากพวกเราทุกคนครับ

มาโมทนาร่วมกัน

 

คำอธิษฐานจิตในการไถ่ชีวิตโคกระบือ

--------------------------------------------------------------------------------

คำอธิฐานจิตในการร่วมกุศลไถ่ชีวิตโคกระบือ

สวดมนต์ก่อนเข้านอนวันนี้ อธิษฐานซ่ะน่ะครับ

อย่าเอาปืนยิงขึ้นฟ้าเล่นๆ เสียลูก ยิงให้ถูกเป้า

 

เรียน ท่านรองฯ ที่เคารพค่ะ

ด้วยท่านรองฯได้โอนเงินให้กับทางวัดพระศรีฯเพื่อไถ่ชีวิต กระบือ ซึ่งทางวัดได้รับเงินจำนวนนั้นตามใบนำฝากแล้ว


เพื่อความสะดวกทั้งจะได้ เป็นการตอบรับยืนยันการทำบุญไถ่ชีวิต

กระบือ เพศผู้และเมีย ๑ คู่ จากบ้านเหรียญบินนั้น

ดิฉันได้ขอคำแนะนำ จากคุณยุ้ย (จนท.รับเรื่อง) เธอได้

แนะนำให้ทางผู้บริจาค ส่งแฟกซ์ หมายเลข ๐๒-๙๘๖-๐๘๓๔ ไปที่ พระเทพวราลังการ โดยมีรายละเอียดดังนี้ *ระบุ ชื่อ นามสกุล หรือ องค์กรใด เพื่อทางวัดจะ

ดำเนินการออกใบอนุโมทนาบัตรให้ (พร้อมที่อยู่เพื่อจัดส่งใบอนุโมทนาบัตรคืนให้ท่านรองฯทางไปรษณีย์ค่ะ)


*ท่านรองฯกรุณาระบุที่ใบ นำฝากธนาคาร จาก ผุสดี (อ้อย ได้ประสานงานไว้กับคุณยุ้ย 083-996-4448) ด้วยนะคะ

และเมื่อถึงวันปล่อยชีวิตสัตว์ ท่านรองฯถือใบนำฝาก

เงินจากธนาคารเป็นหลักฐานอ้างอิงให้กับวัดพระศรีฯค่ะ[/QUOTE]

เราคงบริจาคแต่เงินน่ะครับ เอาตัวไปมีภาระกันเยอะ ไม่น่าจะว่าง แต่เงินไปถึง ก็สบายใจว่าสัมฤทธิ์ผลครับ จะได้รายงาน พี่น้องครับ

ตกลง เมื่อถึงวันปล่อยชีวิตถือว่าจบกิจนี้ครับ

มาโมทนาร่วมกันครับ

พี่น้องท่านใดเจ็บป่วย กำลังถูกจองจำ ( อุปมาอุปมัยทำนองนั้น ) หรือ มีญาติเจ็บป่วย ให้อธิษฐาน ให้ พ้นภัยน่ะครับ เงินทองนี้มาจากพวกเราทุกคนครับ

มาโมทนาร่วมกัน[/QUOTE]

ข้าพเจ้าต้องการติดตามว่านำไปปล่อยที่ไหน อยู่กับใคร สภาพความเป็นอยู่อย่างไร มีลูกมีหลานหรือไม่ ต้องการให้อยู่คู่กันจนแก่ตาย อันนี้ไม่เป็นไร ขอท่านแสงแข ช่วยเป็นภาระประสานด้วย ข้าพเจ้าจะิติดตามนำมารายงานทุก ๒ เดือน

 

โฉนดที่ดิน ตัวเก่า

ตัวเริ่มต้นเพื่อแบ่งโฉนดออกมา เป็นชื่อของวัด เป็น ธรณีสงฆ์

เอามาแสดงว่าไม่ใช่พูด แต่ไม่มีอะไรมายืนยัน ผมเอาชื่อออกทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยง ข้อเกี่ยวข้องตามกฏหมาย

ส่วนฉบับใหม่ที่แยกออกมา เป็นจำนวน ๓ ไร่ ๒ งาน มี พระครูบุญศรี สังขะพานิช เป็นเจ้าบ้าน ส่วนนี้ พวกลูกศิษย์ ส่วนหนึ่ง ผมจะบอกว่าส่วนหนึ่ง เพราะมีอีกส่วนดันไปเข้ากับชาวบ้าน มาพูดแทนชาวบ้านกับผมและ จารย์ช้างว่า เป็นของชาวบ้านเขา ศาลตัดสินไปแล้วบ้าง เดี๋ยวชาวบ้านเขาเดือดร้อน

แต่วัดเดือดร้อน หลวงตาถูกไล่ ถูกทำร้าย ( การโดยทำร้ายครั้งนี้ที่โดยชกเบ้าตาไม่ใช่ครั้งแรก เคยถูกผลักอก เตะก้น มาก่อน แต่ไม่รุนแรง ทำแบบไล่ หยามเหยียด เท่านั้น ทำเหมือนเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะให้อยู่ก็ได้ จะไล่ให้ไปก็ได้ ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่ต้องการ แยกโฉนด เพราะเห็นว่า ซ่า ดังแล้ว แยกวง อะไรทำนองนั้น คนแบบนี้ก็ดันมีในโลก แต่.... ตายห่า ตายโหงไปแล้ว ถ้าผมเจอต่อหน้า โดน จุด สามแปด ของผมแน่นอน ที่เหลือไปว่ากันในศาล) สิ่งเหล่านี้ดันไม่เอามาพูด หรือทำไม่รู้ ตามหลัก อุปมา อุปมัย ทั้งๆที่ หลวงตายืนยันว่า ต้องการแบ่งโดออกมาเพื่อความเป็นไท เป็นความต้องการของท่าน พวกที่พูดตามเหตุผลของชาวบ้าน ขอใช้คำว่าชาวบ้าน เพราะมันมีทั้ง พื้นที่โฉนดเดิม ตามที่เดิมและ .... อันนี้เล่าในหน้านี้ไม่ได้ แต่หลังไมค์ได้ครับ

ฉบับเก่า มีพื้นที่ ตามโฉนด ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๘๔ ตารางวา เป็นพื้นที่ เดิม ส่วนวัดร้างจะมีพื้นที่จริงๆเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ อาจจะทับกันอยู่ เพราะ โบถส์เก่าเดิม หลวงตาเล็ก บอกว่าอยู่ กลางแม่น้ำ ท่านชี้มือไป ผมว่าน่าจะอยู่จากจุดริมแม่น้ำปัจจุบัน ออกไปร่วม ๒๐ เมตรหรือ กว่า ที่ดินวัดร้างอาจจะถูกน้ำเซาะไป เกือบหมดแล้วก็ได้ หรือ อาจจะมีอยู่อีกมากก็ได้ ไม่มีใครสามารถบอกได้ครับ เพราะคนที่ทราบดี น่าจะไม่อยู่แล้ว มีแต่บอกต่อๆกันมา

ต้องถือเอาตามโฉนด และ บันทึกในโฉนด

จะไม่พูดชื่อ ลุง ช ที่พี่ยุทธไปตามผู้ที่มีชื่ออยู่ในโฉนดที่อพยบไปอยู่ กทม แถวฝั่งธนฯได้ จนเจอแบบฟลุ๊คๆ เลยขอมาช่วย อ้างสิทธิ ตามชื่อในโนด พอเป็นแบบนี้ เรื่องที่คิดว่าจะไปจบกันในศาล....ก็ง่ายขึ้น เพราะมีน้ำหนัก ข้างผม แต่ก็เหนื่อยล่ะครับ

เลยตกลงกันว่า แบ่งมาให้วัด ๓ ไร่ พื้นที่เดิม ที่มี ศาลา กุฏิ ถนนจาก ริมถนนใหญ่ ไปจนติดแม่น้ำ ซึ่งกระจิ้ดเดียว แต่ตกลง หลวงตาท่านก็พอใจ แบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น

แบ่งมาให้ นาย ช ที่อยู่ กทม ๒ งาน ส่วนนี้ นาย ช ต้องการยกให้ หลวงตา ฟรีๆ เพราะนับถือท่าน แต่พวกเรา เห็นลุงแกใจถึง และไม่ใช่ร่ำรวยมาอยู่ กทม ก็มาเป็นยาม อยู่กับลูกหลาน เลยตกลงให้ลุง ช สองแสนบาท เงินส่วนนี้ พวกเราลูกศิษย์ ช่วยกันออกมอบให้หลวงตา และ หลวงตามอบต่อให้ ลุง ช ตอนรับเงินมือแกสั่น เพราะคงเป็นจำนวนที่มากที่สุดในชีวิตของแก และ จำได้ แกมอบทำบุญบางส่วนให้หลวงตาในการสร้าง แพฯ พี่ยุทธ เอาแกไปส่งคืนที่ ฝั่งธนฯ

ส่วนที่เหลือ ประมาณ ๑๐ ไร่ ตกไปตามชื่อเจ้าของเดิม ซึ่งบางส่วนส่งต่อมาให้ลูกหลาน ทั้ง ด้านเหนือ และ ใต้ของวัด พวกเราตกลงออกค่าใช้จ่ายในการ รังวัด แบ่งโฉนดให้เป็นรายๆให้ฟรีๆ ไม่ต้องออกอะไร เราออกให้หมด ทำให้เสร็จด้วย

การตกลง จบกันแบบด้วยดี ไม่เรื่องถึงในศาล แต่ นอกศาล มีมาตลอดที่หลวงตายังมีสังขาร จนจบนั่น หลวงตาไม่มีสังขาร ผมไม่สนใจไปแถวนั้นอีกต่อไป

วันนัดรังวัด พวกผมนัดกัน แห่กันมา เท่าที่จำได้ มี ผม จารย์ช้าง คุณแพม คุณ ส คุณ ก จาก ปตท สผ และ พี่ อ จากศรีราชา ถ้าจำไม่ผิด มีจำนวนประมาณ ๑๐ กว่าคน เกือบ ยี่สิบคน มาดูการรังวัด ผมและจารย์ช้าง ชักชวนกันมา เพราะกลัวเบี้ยว

เจ้าหน้าที่ งง ยักทักพวกผมว่าแค่รังวัด ที่ดินวัด ทำไมแห่กันมาเยอะ ผมจำได้ว่าพี่ยุทธ เป็นคนไปรับเจ้าหน้าที่มา ผมบอก เจ้าหน้าที่ว่า เดี๋ยวพวกพี่คอยดูก็แล้วกัน

และ เหตุการณ์เอาว่าไม่เล่าละเอียด วัดจบตอนบ่าย ๆ เจ้าหน้าที่รังวัด บอกพวกเราว่า ทีนี้ผมรู้แล้ว ว่าพวกพี่มาทำไมกันเยอะ เพระแค่กิ่งไม้ ยื่นเข้ามาจากที่วัด เขาก็บอกจะตัดทิ้ง เรียกว่ามี ปัญหาทุกด้าน ทุกย่างก้าวในการ จดหมุด ปักหมุด ทั้งเหนือและใต้ พี่ยุทธ ต้องคอยเคลีร์ย ผมและจารย์ ยืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ทิ้งไปไหน เพราะปากไม่ดี เดี๋ยวจะมีเรื่อง...แหะๆ พี่ยุทธบอกให้ดูอยู่เฉยๆ

ตกลง รังวัดแบ่งกันตามที่ตกลง สำเร็จ เจ้าหน้าที่ออกนัดวันออกโฉนด ค่าใช้จ่าย พวกผมออกเองทุกบาท ไม่มีใครมาช่วยนอกจากพวกที่ไปกัน

พวกที่ชวนและไม่ไป กลัวมีเรื่องกับชาวบ้าน เป็นพวกแทงกั้ก จะอยู่ข้างไหน ไม่เลือก เอาว่า ไม่แทงเต็ง แม้หลวงตาบอกว่าท่านต้องการโฉนด เป็นความต้องการของท่าน ตั้งแต่วินาทีแรกที่มาอยู่ที่วัดร้างนี้ เมื่อสี่สิบปีก่อน แต่พวกเขาไม่สนใจตอนนั้น ครับ ผมก็จำได้ว่ามีใครบ้าง ส่วนพวกที่เริ่มปรากฎกายตอนนี้ ผมไม่เคยเห็นหน้าจังๆ และ ไม่ทราบชื่อครับ ทราบแต่มีของจะมาขาย ในเน็ท

วันออกโฉนด เจ้าหน้าที่โทรมาบอก พี่ยุทธ และ จารย์ช้าง ไปรับหลวงตา ผมมาไม่ได้ เพราะเป็นวันทำงาน งานเพียบ แต่รอโทรรายงาน ถ้าไม่จบ ผมลางานบึ่งมาแน่นอน

หลวงตาท่านไปรอโฉนด ด้วยความยินดี พอพี่ยุทธได้โฉนด ส่งให้ท่าน จำได้ว่า พี่ยุทธ เห็นท่านดีใจมาก เอาโฉนดม้วนใส่ย่ามเดินตัวปลิว ผิวปาก หวิวๆ ( ปกติท่านจะไม่ทำอะไรแบบนี้ ) ไปที่รถ พี่ยุทธเห็นว่าจะเพลแล้ว นิมนต์ฉันก่อน แต่หลวงตาท่านบอกว่า ฉันไม่หิว กลับวัดล่ะ

ผมตามไปตอนวันเสาร์ ( ทุกวันเสาร์ วันเกิดของผม ) ท่านเห็นผมล่ะยิ้มแฉ่ง ผมกราบเสร็จ ของดูโฉนดให้ชื่นใจ ท่านหยิบให้ดูจากตู้เหล็ก ผมอ่านชื่อเจ้าบ้าน พระครู บุญศรี ด้วยความยินดี และ บอกท่านว่า ตอนนี้ไม่มีใครมาไล่ หลวงปู่ได้อีกล่ะครับ ท่านยิ้มๆ เป็นวันดีของผมอีกวัน และ ยังจำทุกเหตุการณ์ได้ คนที่มาช่วยผมก็จำได้ เพราะมีไม่กี่คน ที่ออกตัวทะเลาะกับคนเพื่อหลวงตา

เหมือนตอนที่ท่านป่วย ผมพาไปที่ ร.พ. เพราะเห็นว่าอาการท่านหนัก ไปแค่ ร้านหมอ ไม่พอ คนที่ไปเยี่ยมประจำและมาช่วยกัน จำหน้าได้ทุกคน คณะใหญ่ คือ พวก ราชบุรี มากันหลายคน มาให้กำลังใจ และมาตลอด พวกองค์การเภสัช พวกพี่ๆ คนที่นำกันมา และ คุณแพม ขาประจำ มีอะไร บอกกัน ช่วยกัน จารย์ช้าง เฮียโก พวก ปตท สผ ขาประจำ และมีสายอื่นบ้างแต่ผมไม่สนิท อาจจะมาไม่เวลาเดียวกัน

เอาเท่าที่จำได้น่ะครับ นอกนั้นจะเป็นขาจร แวะมากราบ แล้วไปที่อื่นต่อครับ หลวงตาท่าน ยังลักไก่ ผมว่าไม่ไปกับเขาเหรอ ผมตอบว่าเดี๋ยวตามไปครับ ท่านหยุดยิ้มทันที ผมยังเอามือท่านมาจับไว้ที่หัวของผม ว่าผมอยู่กับหลวงปู่นี่แหละครับ ท่านถึงยิ้มออกมาได้

แต่อย่างไรถือว่ามาช่วยกันมาบริจาคเงินค่ายาให้ท่าน มาจ่ายให้โรงพยาบาลตรงๆก็มี

โรงพยาบาลนี้โดนน้ำท่วมอย่างหนัก ผมประมูลของรายการหนึ่งแล้วส่งไปช่วย เขาในนามบ้านเหรียญบินครับ ขอให้ทุกท่าน โมทนาด้วย

เกอดเป็นคน ต้องไม่ลืมบุญคุณของผู้มีพระคุณ

 

มากราบ หลวงตาเล็ก เอาโชค เอาลาภ กราบ กราบ กราบ

 

แพโบสถ์น้ำ

ไปค้นแฟ้มเก่าๆ ไปเจอแบบที่ อาจารย์ อนันต์ วิศวกร บริษัทเชลล์และ ผมออกแบบไว้ว่า หน้าตาตอนแรกจะเป็นแบบนี้ แต่เปลี่ยนแบบไปน่ะครับ ตามความเหมาะสมที่ทำได้ และดีกว่าเก่า

และตอนนั้น เรื่องจากเรื่องที่ ก็มีการต่อต้านด้วยปากอีกหลายรายการ เรียกว่าทุกอย่างที่เป็นของวัด ทำให้วัดครับ จะถูกด่าตลอด

อย่างเช่น แพฯ ก็บอกว่า เกะกะ แม่น้ำ หลวงตาไม่ได้อยากทำ แพงบ้าง เอาเงินวัดมาทำ พวกผมทำกันเองมาหาเงินบ้าง สาระพัดจะด่า ฯลฯ เหมือนพวกเขียนเน็ทด่าผมนี่แหละ ด่าได้ตั้งแต่พุงโต ไปจนถึงเป็นกะเทย ฯลฯ แล้วแต่มันจะคิดกันได้ จริงๆไม่จริง ด่าไปตามปาก คะนองไป

แต่จะยืนยันตรงนี้ แพโบสถ์น้ำ เป็นความต้องการของหลวงตา ท่านต้องการให้สร้างแพโบสถ์น้ำนี้ มันมีสาเหตุ พอรื้อแพออก น้ำท่วม ภาคกลางล่างลงแบบ มหาอุทกภัย ในปี ๒๕๕๔ ถ้าแพฯยังอยู่ก็ขวางน้ำไว้ได้ เป็นเคล็ด หมดเคล็ดก็ตรงกับคำทำนาย ทีนี้ตัวใครตัวมัน

จัดว่าพวกผมช่วยหลวงตา ช่วยคนมาได้ สิบกว่าปีล่ะครับ ครั้งหน้า น้ำมา ตัวใครตัวมันตามจารย์ช้างว่าล่ะครับ ปี ๕๗ เขาเริ่มว่ากันแล้ว ว่าจะหนักกว่าเดิมอีก สงสัย เทศบาล คุณสมนึก อำเภอเมืองนนท์ ท่านคงเหนื่อยหนักล่ะครับ...เฮ้อ

ป.ล. รูปเดิมของผม ตั้งตรงน่ะครับ พอออกมาแบบนี้ งงๆเหมือนกัน

 

ของจริง ถูกรื้อไปแล้วขอรับ คนรื้อไม่ได้สร้าง คนสร้างไม่ได่้รื้อ เวรกรรม สร้างไปแล้วก็เป็นของสงฆ์ ก่อนรื้อมีมติสงฆ์ หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ตัวใคร ตัวมัน

 

บริเวณวัด ๓ ไร่

วัดเล็ก แทบไม่มีในแผนที่ ถ้าไม่มีหลวงตาเล็ก ผมก็คงไม่ผ่านไป หรือ รู้ว่ามีอยู่ในแผนที่ครับ

ผมยังมีรูปเก่าอีก เป็นร้อยรูป แต่ซ้ำๆกันบ้าง ในรูปนี้ ท่านมองรูปเดียวแทบเห็นบริเวณวัดทั้งหมด สามไรมีแค่นี้แหละครับ หลังรูปนี้ก็หันลงแม่น้ำและเคยมีแพฯอยู่ครับ

 

ผมว่าจะเล่าเรื่องเจ้าพ่อ ข้อมือเหล็ก แต่โหลดยากมาก เอาไว้ก่อนครับ