ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. hughang

    hughang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +48
    มีแผ่นดินไหวที่ภูเก็ตใครมีข้อมูลบ้าง
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมอุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ในแคลิฟอร์เนียทำให้อุณหภูมิสูงถึง130องศาฟาเรนไฮต์(54องศาเซลเซียส)
    Heat_Wave.jpg

    ผมว่าก็น่าจะเกี่ยวกับการที่ Electron Flux สูงๆ ก็น่าจะเป็นไปได้
    (The higher the numbers (>1000), the more the impact the ionosphere. Primarily impacts the E-Layer of the ionosphere)
    Capture.JPG
     
  3. vb

    vb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +150
    แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย 6.1 ริคเตอร์ครับ ไม่ใช่ภูเก็ต
     
  4. jazz4946

    jazz4946 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +42

    เพิ่งมาหาข้อมูลเพราะเพื่อนโทรมาถามว่าแผ่นดินไหวเป็นไงมั้ง เราไม่รู้เรื่องเลย

    เล็กอยู่ที่อำเภอถลาง ภูเก็ต ไม่รับรู้ถึงเเรงสั่นสะเทือนนะค่ะ ได้สอบถามไปที่เพื่อน ที่อยู่ ไม้ขาว ใกล้สนามบิน ป่าตอง และ ฉลอง ทุกคนบอกไม่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนค่ะ แต่ช่วงเวลานั้นมีหน้าต่างสั่น ๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นลมพัด ฝนจะตกหรือไรไม่ทราบ แต่แป๊บเดียวค่ะ ช่วงนี้ฝนตกมา 2 วันแล้วค่ะ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556
    เวลา 14.37 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 เกาะสุมาตราเหนือ ความลึก 10 กม.รู้สึกได้ถึง กทม ภูเก็ต และอีกหลายจังหวัด ระดับแรงสั่นไหว 18%g ค่าอินเทนซิตี้ที่ระดับ VIII ตามมาตราเมอคัลลี

    pga_usb000i4re.jpg

    Screen_Shot_2013_07_02_at_10_20_28.jpg

    Screen_Shot_2013_07_02_at_11_02_39.jpg

    ข้อมูลจาก Piyacheep S.Vatcharobol
    about an hour ago.๐๒๐๗๕๖ เมฆแผ่นดินไหวและแผ่นดินไหว ๖.๑ (10 photos)
    ตามที่สมาชิกโพสรูปภาพเมฆแผ่นดินไหวมาถาม และบอกไป พร้อมกับตนเองมาสังเกตุและถ่ายภาพด้วย ผลก็ออกมาทางด้านอันดามัน หัวเกาะสุมาตราตามที่เคยเตือนให้จัดตาเมือ่อาทิตย์ที่แล้ว ว่าอาทิตย์นี้น่าจะเกิดด้านตะวันตก แต่คงยังไม่จบแค่นี้นะครับ แนวนิโคลบา พม...่า จีน ภาคเหนือ ได้รับผลกระทบแน่นอนและต้องไหวตามแรงสะเทือนครั้งนี้นะครับ ในภาพอาจจะเบลอ แต่ในกล้องเห็นเป็นดวงอาทิตย์ซ้อนกัน ๕ ดวง แม้นเปลี่ยนมุมถ่าย แต่มุมดวงอาทิตย์ซ้อนกันไม่เปลี่ยน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลก ก่อนเกิดแผ่นดินไหวอีกอย่างหนึ่งนะ

    942966_524134817653939_1848552727_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
    เรื่อง แผ่นดินไหวบริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
    ______________________



    เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.37 น. เกิดแผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลาง อยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่ละติจูด 4.64 องศาเหนือ ลองจิจูด 96.56 องศาตะวันออก ขนาด 6.0 เบื้องต้นได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จ.ภูเก็ต และอาคารสูงในกรุงเทพฯ



    ประกาศ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 เวลา 14.40 น.

    สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Updated 07/02/2013 @ 03:10 UTC
    Limb Eruption
    A large prominence located off the east limb erupted on Monday evening. The event generated a Coronal Mass Ejection that appears to be directed away from Earth. Images below by SDO and Lasco C3.
    ได้เกิดการประทุ cme ในทิศทางอื่น ซึ่งไม่ตรงกับโลก ในขอบด้านตะวันออกของดวงอาทิตย์

    jul2_2013_cme.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร

    แปลโดย

    เสถียร โพธินันทะ

    เรียบเรียง โดย เย็นเจี่ยวภิกขุ

    เอื้อเฟื้อจากสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย



    ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เชตวนารามวิหารของท่านอณาถบิณฑิกเศรษฐีแขวงเมืองสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ 1250 รูป ก็โดยสมัยนั้นแลเป็นกาลแห่งภัตต์ พระผู้มีพระภาคทรงครองจีวรทรงบาตร เสด็จจาริกไปบิณฑบาตรในนครสาวัตถีโดยลำดับ ครั้นแล้วเสด็จกลับมายังเชตวนารามทรงกระทำภัตกิจเสร็จ เก็บบาตรขึ้น ชำระพระบาท ประทับนั่งสมาธิบัลลังก์

    ครั้งนั้นแล พระสุภูติผู้มีอายุได้ลุกขึ้นจากท่ามกลางประชุมสงฆ์ ทำจีวรเฉลียงบ่าด้วยการลดไหล่ขวา แล้วคุกเข่าขวาลงสู่พื้น ประคองอัญชลีมายังพระผู้มีพระภาค พลางกราบทูลถามขึ้นว่า

    สุ “ หาได้ยากนักหนา ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ที่พระตถาคตทรงคอยระฤกในการตามคุ้มครอง และอบรมสั่งสอนปวงพระโพธิสัตว์อย่างดียิ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนโดยสถานใด ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างไรหนอพระเจ้าข้า”

    พ “ สาธุๆ สุภูติ เป็นความจริงดุจที่เธอกล่าว ตถาคตย่อมตามระฤกในการคุ้มครอง และอบรมสั่งสอนปวงพระโพธิสัตว์เป็นอย่างดี เธอจงตั้งใจฟัง เราจักแสดงแก่เธอ กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆ ผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนอย่างนี้ ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างนี้ “
    สุ “ อย่างนั้น พระสุคต ข้าพระองค์มีความปลาบปลื้มยินดีเฝ้าคอยสดับอยู่ “

    พ “ ดูก่อน สุภูติ ปวงพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างนี้ว่า สรรพสัตว์ไม่ว่าจักเป็นเหล่าใดๆ คือ จักเป็นอัณฑะชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นชลาพุชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นสังเสทชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นอุปปาติกะกำเนิดก็ดี, หรือจักมีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาหรือไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ก็ดี เราจักโปรดสัตว์ทั้งหลายดังกล่าวนี้ ให้บรรลุสำเร็จก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ โดยประการฉะนี้ ปราศจากขอบเขตแต่โดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ใดๆเป็นผู้บรรลุสำเร็จแก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ ถ้าพระโพธิสัตว์ยังมีความยืดถือผูกพันในอาตมะลักษณะ ในปุคคละลักษณะ ในสัตวะลักษณะ ในชีวะลักษณะไซร้ นั้นหาชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ไม่

    “ อนึ่ง สุภูติ ในการบำเพ็ญทานบารมี พระโพธิสัตว์จักต้องไม่ยึดติดอยู่ในธรรม กล่าวคือจักบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในรูป ไม่ยึดถือผูกพันในเสียง กลิ่น รส สัมผัส และบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในธรรมารมณ์ ดูก่อน สุภูติ พระโพธิสัตว์พึงบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในการบำเพ็ญทานย่อมมีบุญกุศล อันจักคิดประมาณมิได้เลย สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน อากาศเบื้องทิศตะวันออกจักพึงคิดคำนวณประมาณได้อยู่ฤาหนอ


    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ ถ้าเช่นนั้น อากาศเบื้องทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตลอดจนอากาศเบื้องบนและเบื้องล่าง จักพึงคิดคำนวณประมาณได้อยู่ฤาหนอ

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ”


    พ “ ดูก่อน สุภูติ พระโพธิสัตว์ไม่เป็นผู้มีความยึดถือผูกพันในการบำเพ็ญทานย่อมมีบุญกุศลอันไม่พึงคิด คำนวณประมาณได้ดุจกัน สุภูติ พระโพธิสัตว์พึงปฏิบัติตามคำสอนอย่างนี้แล”

    พ “ ดูก่อน สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระตถาคตนั้นพึงจักเห็นได้ด้วยรูปลักษณะฤาหนอ”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตเจ้ามิอาจจักเห็นได้ด้วยรูปลักษณะเลย ข้อนั้นเพราะเหตุใด ก็เพราะว่าพระตถาคตเจ้าตรัสแล้วว่า รูปลักษณะนั้น โดยความจริงแล้วมิได้มีสภาวะรูปลักษณะอยู่เลย”

    พ “ ดูก่อน สุภูติ สิ่งที่มีลักษณะทั้งปวง ย่อมเป็นมายา ถ้าสามารถเห็นแจ้งว่ารูปลักษณะทั้งปวง โดยความจริงแล้วไม่มีสภาวะแห่งรูปลักษณะ ก็ย่อมเห็นตถาคตได้ “

    สุ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังจักมีสัตว์ใดที่ได้สดับพระธรรมบรรยาย ฉะนี้แล้วแลบังเกิดศรัทธาอันแท้จริงขึ้นหรือหนอ “


    พ “ อย่ากล่าวอย่างนั้นซิ สุภูติ เมื่อตถาคตดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว 500 ปี หากมีบุคคลผู้ถือศีลบำเพ็ญกุศลมาบังเกิดความศรัทธาอันแท้จริงในพระธรรมบรรยาย นี้แลเขาจักถือว่านั่นเป็นความจริงไซร้ เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่า บุคคลนั้นหาได้ปลูกฝังกุศลมูลเพียงในพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ หรือพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ 3 พระองค์ 4 พระองค์ 5 พระองค์ไม่ แต่เขาได้ปลูกฝังกุศลในพระพุทธเจ้านับด้วยพัน เป็นอเนกนับด้วยหมื่นเป็นอเนกจักนับประมาณพระองค์มิได้ บุคคลใดได้สดับพระธรรมบรรยายนี้บังเกิดจิตศรัทธาอันบริสุทธิ์แม้เพียงชั่วขณะเดียว สุภูติ ตถาคตย่อมรู้อยู่ ย่อมเห็นอยู่ในเขาเหล่านั้น สัตว์ทั้งหลายนี้ได้บรรลุบุญกุศลอันจักประมาณมิได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา เพราะสรรพสัตว์เหล่านี้ย่อมจักไม่มีอาตมะลักษณะ ปุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะ ไม่มีธรรมลักษณะหรืออธรรมลักษณะ ด้วยเหตุเป็นไฉน ด้วยเหตุสรรพสัตว์เหล่านี้ ถ้ายังมีจิตยึดถือผูกพันในลักษณะ ก็ชื่อว่ายังมีความยืดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะ หากยังมีความยึดถือในธรรมลักษณะ ก็ชื่อว่ายังมีความยึดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะ ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา หรือหากมีความยึดถือในอธรรมลักษณะ ก็ยังชื่อว่ามีความยึดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะดุจกัน เพราะเหตุฉะนั้นแล จึงไม่ควรยึดถือในธรรมและไม่ควรยึดถือในอธรรม นี้คือเหตุผลที่ตถาคตพร่ำสอนอยู่เสมอว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงกำหนดรู้ว่าธรรมะที่เราแสดงมีอุปมาดังผู้อาศัยพ่วงแพ แม้แต่ธรรมก็ยังต้องละเสีย จักกล่าวไปใยกับอธรรมเล่า” *1
    (*1 ธรรมของพระพุทธองค์ดุจยานพาหนะมีแพเป็นต้น สำหรับผู้ข้ามพ้นทุกข์อาศัยข้ามวัฏฏสงสารเมื่อบรรลุถึงฝั่งอมตนิพพานที่ปรารถนาแล้ว ผู้นั้นก็ย่อมไม่แบกหามแพให้เป็นภาระ คงปล่อยทิ้งไว้ที่ชายฝั่งนั่นเอง แต่ในขณะที่ยังไม่บรรลุถึงฝั่งก็จำต้องอาศัยไปพลางๆ ข้อความนี้เปรียบเทียบได้กับพุทธภาษิตในอลคัททูปมสูตรแห่งบาลีมัชฌิมนิกาย-ผู้แปล )

    “ สุภูติเอย เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณฤา ตถาคตได้แสดงพระธรรมเทศนาอยู่ฤา”

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ตามความเข้าใจของข้าพระองค์ในธรรมอรรถอันพระสุคตได้ตรัสไว้ ก็ไม่มีสภาวะใดแน่นอนที่เรียกว่าพระอนุตตระสัมมาสัมโพธิ และก็ไม่มีสภาวะธรรมแน่นอนอันใดซึ่งพระองค์แสดง ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน เพราะว่าธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสทั้งหมดไม่ควรยึดถือ ไม่ควรกล่าว ไม่ใช่ธรรมและไม่ใช่อธรรมทั้งนี้ด้วยเหตุอันใด ด้วยเหตุว่า พระอริยะบุคคลทั้งหลายอาศัยอสังขตธรรมนี้แล้วจึงมีความแตกต่างกัน *2


    ( *2 ธรรมทั้งปวงมีความศูนย์เป็นลักษณะ จึงกล่าวไม่ได้ว่าเป็นธรรมหรืออธรรม และจากความศูนย์นี้ เราจึงแบ่งประเภทอริยบุคคลต่างๆ เช่นพระโสดา สกทาคามี อนาคามีและพระอรหันต์ ทั้งนี้เพราะธรรมทั้งปวงไม่มีสภาวะแน่นอนอยู่ได้โดยตัวมันเอง ถ้ามีสภาวะแน่นอนในตัวของมันเองไซร้ พระอริยบุคคลประเภทต่างๆนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้)

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ถ้ามีบุคคลใดบำเพ็ญทานบริจาคด้วยสัปตรัตนะอันเต็มเปี่ยมทั่วมหาตรีสหัสโลกธาตุ บุคคลนั้นจักได้เสวยบุญกุศลอันมากมายกระนั้นฤาหนอ”

    สุ “ มากมายนั้นแล้วพระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าบุญกุศลนั้นโดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะอันใดที่เป็นกุศล ฉะนั้นพระตถาคตเจ้าจึงตรัสว่าได้บุญกุศลมากมาย” *3

    (*3 โดยปรมัตถ์บุญกุศลก็เป็นอนัตตาหรือศูนยตา การที่ไม่ยึดถือบุญกุศลนั่นแหละ จึงนับว่าเป็นบุญกุศลโดยแท้ เพราะเป็นบุญกุศลชนิดวิวัฏฏะ-ผู้แปล)

    พ “ ถ้ามีบุคคลได้อาศัยปฏิบัติตามพระสูตรนี้ แม้ที่สุดเพียงคาถา 4 บาท และประกาศสั่งสอนแก่ผู้อื่น บุญกุศลของผู้นั้นจักโอฬารยิ่งกว่าผู้ทำทานด้วยสัปตรัตนะข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตลอดจนพระพุทธอนุตตรสัมมาสัมโพธิธรรมทั้งปวงล้วนมีกำเนิดจากพระสูตรนี้ สุภูติเอย สิ่งที่เรียกว่าพระพุทธธรรมนั้น โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะพระพุทธธรรมนั้นเลย”

    “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระโสดาบันจักสามารถนมสิการว่า เราได้บรรลุโสดาปัตติผลฤา”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าพระโสดาบันบุคคลนั้นชื่อว่าเป็นผู้เข้าสู่กระแส แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดที่เจ้าสู่กระแสเลย การไม่เข้าถึงรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสและธรรมารมณ์ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าพระโสดาบัน”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระสกทาคามีจักสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุสกทาคามีผลฤา “

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าพระสกทาคามีชื่อว่าเป็นผู้จักเวียนกลับมา(ในกามาวจรภพ) อีกครั้งเดียว แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดเวียนกลับมาอีก เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า พระสกทาคามี”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระอนาคามีจักสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุอนาคามีผลฤา “

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าพระอนาคามีชื่อว่าเป็นผู้ไม่กลับมาอีก(ในกามาวจรภพ) แต่โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดที่ไม่กลับมาอีก เป็นสักแต่ชื่อว่าพระอนาคามี”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระอรหันต์จักสามารถมนสิการว่า เราได้บรรลุอรหัตตมรรคผลฤา “

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะโดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะใดที่เรียกว่าอรหันต์ ข้าแต่พระสุคต หากพระอรหันต์จักพึงมนสิการว่า เราบรรลุอรหัตตมรรคอย่างนี้ไซร้ ก็ชื่อว่าได้ยึดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ ชีวะเข้าแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่าในหมู่ผู้บรรลุอารัณยิกสมาธิอันยอดเยี่ยมนั้น ได้แก่ตัวข้าพระองค์ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ผู้ยอดเยี่ยมพ้นแล้วจากกิเลสราคะ ข้าแต่พระองค์ผู้ควรบูชา ข้าพระองค์ไม่มนสิการว่า ตัวเราได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ผู้ยอดเยี่ยมพ้นแล้วจากกิเลสราคะ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ถ้าข้าพระองค์ยังมนสิการว่า ตัวเราได้บรรลุอรหัตตมรรคอย่างนี้ไซร้ พระสุคตจักไม่ตรัสว่าสุภูติเป็นผู้ยินดีในอารัณยกปฏิปทาเลย โดยความจริงแล้วสุภูติมิได้ยึดถือในปฏิปทาเลย ฉะนั้นพระองค์จึงตรัสยกย่องว่า สุภูติเป็นผู้ยินดีในอารัณยกปฏิปทา”

    พ.” สุภูติเอย เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ณ เบื้องอดีตกาลโน้น เมื่อตถาคต(ยังเป็นพระโพธิสัตว์) อยู่ในสำนักของพระทีปังกรพุทธเจ้า ตถาคตได้บรรลุธรรมอันใดฤา”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อพระตถาคต (ยังเป็นพระโพธิสัตว์)อยู่ในสำนักพระทีปังกรพุทธเจ้ามิได้ทรงบรรลุ ธรรมใดๆเลย” *4


    ( * 4 เมื่อครั้งพระศาสดาเรายังเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์ในชาติหนึ่งเกิดเป็นดาบสชื่อสุเมธ ได้ทอดองค์ลงต่างสะพานไปในลุ่มเลน พร้อมทั้งสยายเกศาปกคลุมสถานสกปรกนั้น เพื่อพระทีปังกรพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกเสด็จผ่าน สุเมธดาบสได้ตั้งความปรารถนาพระโพธิญาณในขณะที่พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จเหยียบบนร่างกายของตน และได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตการ-ผู้แปล)

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระโพธิสัตว์บุคคลจักพึงกระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเกษตรฤาหนอ”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระสุคต ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะเหตุว่าการกระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเกษตรนั้น โดยความจริงมิได้มีสภาวะการกระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเกษตรเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่ากระทำตบแต่งอลังการพระพุทธเกษตรเท่านั้น”

    พ “ เพราะฉะนั้นแล สุภูติ พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ทั้งปวงพึงยังจิตให้บริสุทธิ์สะอาดโดยประการอย่างนี้ กล่าวคือพึงยังจิตมิให้ยึดถือผูกพันในรูป พึงยังจิตมิให้ยึดถือผูกพันในเสียง ในกลิ่ง ในรส ในสัมผัส ในธรรมารมณ์ พึงยังจิตมิให้บังเกิดมีความยึดถือผูกพันในสภาวะใดๆ”
    “ สุภูติ อุปมาดั่งบุคคลผู้มีรูปกายสัณฐานดุจขุนเขาพระสุเมรุ เธอจักมีความคิดเห็นเป็นไฉน รูปกายแห่งบุคคลนั้นมโหฬารฤาหนอแล”

    สุ “มโหฬารนักแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า รูปกายนั้นโดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า รูปกายอันมโหฬารเท่านั้น”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ อุปมาดั่งจำนวนเมล็ดทรายในท้องคงคานทีแลมีแม่น้ำคงคาเป็นอันมากนับด้วยเมล็ดทรายเหล่านั้น เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน จำนวนแห่งเมล็ดทรายในคงคานทีทั้งหลาย จักนับได้ว่ามากมายอยู่ฤาหนอ”

    สุ “ มากมายนักแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เพราะคงคานทีเองก็ยังมีปริมาณมากจนมิอาจคำนวนได้ จักป่วยกล่าวไปใยถึงเมล็ดทรายในนทีเหล่านั้น”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เรากล่าวกับเธอโดยแท้จริงว่า ถ้ามีกุลบุตร กุลธิดาใดๆนำ สัปตรัตนะซึ่งมีปริมาณเต็มเปี่ยมดุจเมล็ดทรายในคงคานทีทั่วมหาตรสหัสโลกธาตุมาบริจาคทาน จักได้บุญกุศลมากอยู่ฤาหนอแล”

    สุ “ มากมายนักแล้ว ข้าแต่พระผู้มีภาค”

    พระสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระสุภูติว่า

    พ “ ถ้ากุลบุตร กุลธิดาใดๆหากได้ประพฤติปฏิบัติตามพระสูตรนี้ที่สุดแม้จะปฏิบัติคาถาเพียง 4 บาท หรือประกาศแสดงแก่คนอื่นๆข้อนั้นย่อมจะเป็นบุญกุศลวิเศษยิ่งกว่าบุญกุศลที่กล่าวแล้วนั้นอีก

    อนึ่ง สุภูติ ณ สถานที่ใดมีผู้ได้ประกาศแสดงพระสูตรนี้ แม้ที่สุดคาถาเพียง 4 บาท เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่า ณ สถานที่ (ประกาศแสดง)นั้น ทวยเทพมนุษย์และอสูรในโลกทั้งหลายถึงกระทำสักการบูชาดุจพระพุทธสถูปวิหาร จักป่วยกล่าวไปใยกับบุคคลผู้ปฏิบัติประพฤติตามพระสูตรนี้ทั้งหมด ตลอดจนสามารถเจริญสาธยายได้เล่า สุภูติเอย เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่า บุคคลดังกล่าวนั้นแลได้ยังความสำเร็จแล้วในธรรมอันเป็นยอดสูงสุดซึ่งหาได้โดยยาก ถ้าพระสูตรนี้ประดิษฐานอยู่ ณ สถานที่ใด ณ สถานที่นั้นย่อมชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดับอยู่ และมีพระอัครสาวกสำนักอยู่”

    ก็โดยสมัยนั้นแล พระสุภูติได้กราบทูลถามพระสัมพุทธเจ้าขึ้นว่า

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระสูตรนี้มีนามว่ากระไรพระเจ้าข้า และข้าพระองค์ทั้งหลายจักพึงรับปฏิบัติอย่างไรพระเจ้าข้า”
    พระสัมพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระสุภูติว่า

    พ “ พระสูตรนี้ชื่อว่า วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร นี้แลเป็นนามอันเธอพึงรับปฏิบัติ ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปรัชญาปารมิตานั้นโดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะแห่งปรัชญาปารมิตาเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า ปรัชญาปารมิตาเท่านั้น ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตได้แสดงพระธรรมเทศนาอยู่ฤา”

    พระสุภูติกราบทูลสนองพระสัมพุทธเจ้าว่า

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตเจ้ามิได้แสดงพระธรรมเทศนาใดๆเลย”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ปรมาณูในมหาตรีสหัสโลกธาตุ มีปริมาณมากอยู่ฤาหนอแล”

    สุ “ มากมายนักแล้ว ข้าแต่พระสุคต”

    พ “ สภูติเอย ก็ปรมาณูเหล่านั้น ตถาคตกล่าวว่าโดยความจริงแล้วไม่มีสภาวะปรมาณูเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าปรมาณู ตถาคตกล่าวว่า โลกธาตุก็ไม่มีสภาวะแห่งโลกธาตุอยู่เลย เป็นสักแต่ชื่อว่าโลกธาตุเท่านั้น ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน จักถึงเห็นตถาคตได้ในมหาปุริสสลักษณะ 32 ประการฤาหนอ”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค จักเห็นพระตถาคตเจ้าโดยมหาปุริสสลักษณะ 32 ประการมิได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าพระตถาคตเจ้าตรัสว่า ลักษณะ 32 ประการนั้น โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะแห่งลักษณะอยู่เลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าลักษณะ 32 ประการเท่านั้น”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ ถ้ามีกุลบุตร กุลธิดาใดๆได้สละร่างกายกอบทั้งชีวิตอันมีประมาณดุจเมล็ดทรายในคงคานทีออกบริจาคทาน แต่หากมีบุคคลได้ปฏิบัติตามพระสูตรนี้แม่ที่สุดเพียงคาถา 4 บาท ประกาศแสดงอรรถแก่บุคคลอื่น ย่อมมีบุญกุศลมากมายยิ่งกว่า”

    (มีต่อครับ)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (ต่อครับ)
    ครั้งนั้นแล พระสุภูติได้สดับพระสูตรนี้แล้ว เป็นผู้มีความซาบซึ้งแจ่มชัดในธรรมอรรถนั้น จึงบังเกิดอาการร้องไห้หลั่งน้ำตา (ด้วยความปิติ) แล้วกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

    สุ “ หาได้ยากนัก ข้าแต่พระผู้มีภาค ในการที่พระสัมพุทธเจ้าตรัสพระสูตรอันสุขุมล้ำลึกเป็นปานฉะนี้ ในอดีตกาลนับแต่ข้าพระองค์ได้บรรลุปัญญาจักษุเป็นต้นมา มิได้เคยสดับพระสูตรดั่งนี้เลย ข้าแต่พระสุคต ถ้ามีบุคคลผู้ได้สดับพระสูตรดังกล่านี้ มีศรัทธาอันบริสุทธิ์ แล้วบังเกิดลักษณะอันแท้งจริง (กล่าวคือปัญญารู้แจ้งในสภาพตามเป็นจริง) ก็พึงสำเหนียกได้ว่าบุคคลนั้นได้บรรลุสำเร็จซึ่งคุณานิสงส์อันเยี่ยมยอดหาได้โดยยาก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ลักษณะอันแท้จริงนั้น โดยความจริงไม่มีลักษณะ ฉะนั้นพระตถาคตเจ้าจึงตรัสว่า นั่นเป็นลักษณะที่แท้จริง ข้าแต่พระผู้มีภาค ข้าพระองค์ได้สดับพระสูตรนี้ ณ บัดนี้ มีความศรัทธาและซาบซึ้งในธรรมอรรถรับปฏิบัติตาม ย่อมไม่เป็นข้อยากเย็นอะไรเลย ก็แต่ว่าในอนาคตกาลจากนี้ 500 ปี หากมีสรรพสัตว์ใดได้สดับพระสูตรนี้ แล้วแลบังเกิดความศรัทธาซาบซึ้งในธรรมอรรถรับปฏิบัติตาม บุคคลนั้นนับว่าเป็นบุคคลอย่างเยี่ยมยอดชนิดหาได้โดยยากทีเดียวพระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าบุคคลนั้นจักเป็นผู้ปราศจากความยึดถือผูกพันในอาตมะลักษณะ ไม่ยึดถือผูกพันในปุคคละลักษณะ ไม่ยึดถือผูกพันในสัตวะลักษณะ ไม่ยึดถือผูกพันในชีวะลักษณะ ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน เพราะว่าอาตมะลักษณะนั้นไม่มีสภาวะลักษณะเลย ด้วยเหตุดังฤา เมื่อละความยึดถือในสรรพลักษณะทั้งปวง ได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้แจ้งตรัสรู้เช่นพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย”

    พระสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระสุภูติว่า

    พ “ อย่างนั้นอย่างนั้น ถ้ามีบุคคลผู้ได้สดับพระสูตรนี้แล้วแลไม่บังเกิดความกลัว ไม่บังเกิดความครั่นคร้าม ไม่บังเกิดความระย่อ*5 เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่าบุคคลนั้นเป็นผู้หาได้โดยยาก ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน สุภูติ ตถาคตกล่าวว่า บารมีอันยอดเยี่ยมนั้นโดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสภาวะแห่งบารมีอันยอดเยี่ยมนั้นเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า บารมีอันยอดเยี่ยมเท่านั้น ดูก่อนสุภูติ ขันติบารมีนั้นตถาคตกล่าวว่าแท้จริงไม่มีสภาวะแห่งขันติบารมีนั้นเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า ขันติบารมีเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเหตุดังฤา สุภูติเอย ณ เบื้องอดีตกาลนานโพ้น เมื่อครั้งเราถูกพระเจ้ากลิราชาตัดหั่นสรีระ *6 ครั้งนั้นเราไม่ถือมั่นในอาตมะลักษณะ ไม่ถือมั่นในปุคคละสักษณะ ไม่ถือมั่นในสัตวะลักษณะ ไม่ถือมั่นในชีวะลักษณะ ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าสมัยนั้นขณะที่สรีระของเราถูกหั่นฉะเชือดออกเป็นส่วนๆ หากเรามีความถือมั่นในอาตมะลักษณะ ปุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะไซร้ก็จะพึงบังเกิดความโกรธแค้นอาฆาต ดูก่อนสุภูติ อนึ่งเรายังตามระลึกถึงกาลที่ล่วงมาแล้ว 500 ชาติ เมื่อเราเป็นกษานติวาทีดาบส ในชาตินั้นเราปราศจากความถือมั่นในอาตมะลักษณะ ปราศจากความถือมั่นในปุคคลลักษณะ ปราศจากความถือมั่นในสัตวะลักษณะ ปราศจากความถือมั่นในชีวะลักษณะ ด้วยเหตุฉะนั้นแล สุภูติ พระโพธิสัตว์พึงเป็นผู้ละความยึดถือในลักษณะทั้งปวง แล้วบังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ พึงยังจิตมิให้ยึดถือผูกพันในรูป พึงยังจิตมิให้ยึดถือผูกพันในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส ในธรรมารมณ์ พึงยังจิตให้ปราศจากความยึดถือผูกพันใดๆ และถ้าจิตยังมีความยึดถือผูกพันอยู่ ก็ย่อมชื่อว่าจิตมิได้ตั้งอยู่ในสถานะที่ควร(แก่อนุตตรสัมมาสัมโพธิ กล่าวคือจิตที่ตั้งอยู่ในสถานะที่ความแก่อนุตตรสัมมาสัมโพธิ ต้องเป็นจิตชนิดที่ปราศจากความยึดถือผูกพัน) ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พระโพธิสัตว์ไม่พึงบริจาคทานด้วยจิตซึ่งยึดถือผูกพันในรูป ดูก่อนสุภูติ พระโพธิสัตว์ผู้ยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ พึงบริจาคทานอย่างนี้แล ตถาคตกล่าวว่าลักษณะทั้งปวง โดยความจริงแล้ว ก็ปราศจากสภาวะแห่งลักษณะ และกล่าวว่าสรรพสัตว์ โดยความจริงแล้ว ก็ปราศจากสภาวะแห่งสรรพสัตว์ดุจกัน

    ( *5 ทั้งนี้เนื่องด้วยพระสูตรนี้แสดงเรื่อง ศูนยตา อันเป็นปรมัตถ์สุดยอด ผู้ที่ยังมีความหลงไหลอยู่เมื่อฟังแล้วก็เข้าใจว่าเป็นมิจฉาทิฎฐิ หรือเกิดความกลัวในความว่างเปล่าขึ้น ทั้งนี้โดยสัญชาติญาณแห่งภวตัณหาของสัตว์ทั่วๆไป แม้จนกระทั่งพรหมชั้นสูง พากันคิดในความมีความเป็นเมื่อมาฟังคารมปฏิเสธในพระสูตรนี้ จึงอาจเกิดความกลัวความระย่อ-ผู้แปล)
    ( *6 ในชาดกกล่าวว่า เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกษานติวาทีดาบส (บาลี คือขันติวาทีดาบส )ครั้งหนึ่งจาริกมาพักอยู่ในราชอุทยานของพระเจ้ากลาปุหรือ กลิราชาแห่งเมืองพาราณสี วันหนึ่งพระราชาพานางสนมกำนัลประพาสอุทยาน เสวยน้ำจัณฑ์เมาบรรทมหลับไป ครั้นตื่นขึ้นไม่เห็นนางสนมกำนัลเหล่านั้น จึงเสด็จเที่ยวหามาพบนางในเหล่านั้นห้อมล้อมฟังธรรมของดาบสอยู่ พระราชาบังเกิดความหึงหวงดำรัสให้ลงโทษดาบส และถามดาบสถือธรรมอะไร พระโพธิสัตว์ตอบว่าถือขันติ พระราชาก็ยิ่งให้ทำทรมานมากขึ้น จนถึงตัดมือตัดเท้า ทรมานจนพระโพธิสัตว์มรณะภาพแล้วพระราชาจึงเสด็จกลับ ครั้นเสด็จถึงประตูอุทยานก็ถูกธรณีสูบลงสู่อเวจีมหานรก – ผู้แปล)

    ดูก่อนสุภูติ ตถาคตเป็นสัจจวาที ภูตวาที ตถวาที อวิตถวาที อนัญญถวาที สุภูติ ธรรมอันตถาคตบรรลุ มิได้เป็นสิ่งมีอยู่จริงหรือเป็นสิ่งไร้แก่นสารก็หาไม่ *7 สุภูติ หากพระโพธิสัตว์มีจิตยึดถือผูกพันในธรรมแล้วแลบริจาคทาน อุปมาดั่งบุคคลผู้เข้าสู่สถานที่มือย่อมไม่อาจเห็นสิ่งอะไรได้เลย แต่ถ้าพระโพธิสัตว์มีจิตไม่ยึดถือผูกพันในธรรมแล้วและบริจาคทาน มีอุปมาดั่งบุคคลผู้มีจักษุสว่างและ (เข้าไปในสถาน)ที่ซึ่งมีแสงอาทิตย์สว่าง ย่อมจะเห็นชัดในรูปต่างๆได้

    (* 7กล่าวคือจะว่ามีสภาวะโดยตัวมันเองอยู่อย่างจริงแท้ ก็ชื่อว่าตกเป็นฝ่ายอัตถิตาข้างสัสสตทิฎฐิไป จะว่าว่างเปล่าไร้สาระเสียเลยทีเดียวเป็นการปฏิเสธต่อสมมติบัญญตก็ชื่อว่า ตกเป็นฝ่ายนัตถิตา ข้างนัตถิกทิฎฐิ ธรรมะของพระพุทธองค์ไม่เป็นทั้งอัตถิตาหรือนัตถิตา เพราะพระองค์แสดงโดยปรมัตถนัยและโลกิยนัย ทั้งมิให้ยึดถือทั้งในความมีอยู่หรือไม่มีอยู่ – ผู้แปล)

    ดูก่อนสุภูติ ในอนาคตกาลเบื้องหน้า หากมีกุลบุตร กุลธิดาใดๆอาจสามารถรับปฏิบัติตามพระสูตรนี้ หรือเจริญสาธยายก็ดี อาศัยอำนาจแห่งพุทธปัญญาของตถาคตย่อมทราบชัดอยู่ซึ่งผู้นั้น ย่อมเห็นอยู่ซึ่งผู้นั้นจักสำเร็จบรรลุคุณานิสงส์อันจักประมาณมิได้และไม่มีขอบเขต”

    สุภูติเอย กุลบุตร กุลธิดาใดๆ ในยามเช้าจักบริจาคสรีระกายอันมีประมาณดุจเมล็ดทรายในคงคานทีออกเป็นทานก็ดี ในยามกลางวันยังจักบริจาคสรีระกายอันมีปริมาณดุจเมล็ดทรายในคงคานทีออกเป็นทานก็ดี แม้ในยามเย็นก็ยังจักบริจาคสรีระกายอันมีปริมาณดุจเมล็ดทรายในคงคานทีออกเป็นทานก็ดี เขาจักสละสรีระตลอดกาลนับหลายร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์อันไม่มีประมาณ ออกบริจาคเป็นทานอยู่ตลอดก็ตาม แต่ถ้ามีบุคคลผู้ได้สดับพระสูตรนี้แล้วบังเกิดจิตศรัทธาไม่คัดค้าน บุญกุศลของเขาผู้นั้นยังประเสริฐกว่า จักป่วยกล่าวไปใยกับการที่เขาคัดลอก รับปฏิบัติ เจริญสาธยาย และอธิบายอรรถซึ่งพระสูตรนี้แก่บุคคลอื่นๆได้เล่า
    อนึ่ง สุภูติ โดยสรุปความสำคัญแล้ว ก็กล่าวได้ว่าพระสูตรนี้มีคุณานิสงส์อันจักพึงคิดคาดคะเนมิได้ หรือจักประมาณก็มิได้ประกอบด้วยคุณานิสงส์อันไม่มีขอบเขต ตถาคตประกาศพระสูตรนี้ เพื่อบุคคลผู้มุ่งต่อมหายาน และประพระสูตรนี้เพื่อบุคคลผู้มุ่งต่ออนุตตรยาน ถ้ามีบุคคลผู้สามารถรับปฏิบัติตามก็ดี เจริญสาธยายก็ดี ประกาศแสดงแก่บุคคลอื่นๆก็ดี ตถาคตย่อมทราบชัดอยู่ซึ่งผู้นั้น ย่อมเห็นอยู่ซึ่งผู้นั้น บุคคลนั้นๆทั้งหมดจักบรรลุคุณานิสงส์ซึ่งประมาณมิได้ กล่าวมิได้ ปราศจากขอบเขต และเป็นอจินไตย บุคคลผู้เช่นนี้ชื่อว่าเป็นผู้แบกคอนพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิของพระตถาคต ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ หากบุคคลใดเป็นผู้ยินดีในธรรมอันคับแคบ มีความยึดถือผูกพันเห็นว่ามีอาตมะ เห็นว่ามีปุคคละ เห็นว่ามีสัตวะ และเห็นว่ามีชีวะไซร้ เขาผู้นั้นย่อมไม่สามารถรับฟังและปฏิบัติตามพระสูตรนี้ได้ และไม่สามารถเจริญสาธยายหรือประกาศพระสูตรนี้แก่บุคคลอื่นๆได้เลย
    ดูก่อนสุภูติ ในสถานที่ใดๆ ถ้ามีพระสูตรนี้ประดิษฐานอยู่สถานที่นั้นๆย่อมเป็นสถานอันทวยเทพ ตลอดจนมนุษย์และอสูรในโลกทั้งหลายจักพึงกระทำสักการบูชา เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่า ณ.สถานที่ดังกล่าวนี้แลเป็นพระสถูปเจดีย์ ควรแก่การเคารพพนมไหว้กระทำการประทักษิณ และนำบุปผาชาตินานาพรรณมาเกลี่ยบูชา

    อนึ่ง สุภูติ กุลบุตร กุลธิดาใดๆมารับปฏิบัติหรือเจริญสาธยายซึ่งพระสูตรนี้ แลแล้วถูกคนเขาดูหมิ่นย่ำยี บุคคลนั้น (คือผู้ปฏิบัติตามพระสูตรนี้) อันอกุศลกรรมแต่ปางหลังชาติก่อนสมควรแก่การจบลงสู่อบายทุคคติภูมิ แต่เมื่อเขาได้รับการดูหมิ่นย่ำยีจากคนอื่นในภพปัจจุบัน(มาชดเชย) อกุศลกรรมแต่ปางก่อนจึงดับศูนย์ บุคคลนั้นจักบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ
    สุภูติเอย เรามาตามระฤกได้อยู่ซึ่งอดีตนับด้วยอสงไขยกัลป์อันจักประมาณมิได้ เบื้อหน้าแต่ก่อนที่จะได้เฝ้าพระทีปังกรพุทธเจ้า เราได้เฝ้าพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย นับจำนวนแปดร้อยสี่พันหมื่นองสไขยนิยุตะองค์ *8 เราได้เฝ้าปฏิบัติบูชาพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นโดยมิพลาดโอกาสแม้ สักพระองค์หนึ่งเลย อนึ่ง หากมีบุคคลกาลอนาคตสมัยปลายแห่งพระสัทธรรม อาจสามารถรับปฏิบัติ เจริญสาธยายซึ่งพระสูตรนี้ คุณานิสงส์ซึ่งเขาพึงได้นั้น เมื่อมาเปรียบเทียบกับคุณานิสงส์ซึ่งเราบูชาพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ในร้อยส่วนไม่ถึงหนึ่งส่วน (ในคุณานิสงส์ของผู้นั้น) นับด้วยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ส่วนที่สุดจนเหลือคณานับซึ่งจะเปรียบเทียบมิได้เลย

    ( *8 ตอนนี้กล่าวถีงอานุภาพของการปฏิบัติพระสูตรนี้ ทำให้อกุศลกรรมแต่ก่อนซึ่งควรให้ผลในชาติต่อไป กลายเป็นย่นเวลาให้สั้นมาให้ผลในปัจจุบันเพียงแค่ได้รับการดูหมิ่นจากผู้อื่นเท่านั้น – ผู้แปล )

    ดูก่อนสุภูติ กุลบุตร กุลธิดาใดๆในสมัยเบื้องปลายแห่งพระสัทธรรม ได้มาปฏิบัติและเจริญสาธยายพระสูตรนี้ คุณานิสงส์อันเขาได้นั้น ถ้าเราจักพึงอธิบายโดยละเอียดสมบูรณ์ซึ่งคุณานิสงส์นั้นแล้ว หากมีผู้ใดสดับเข้าก็จะพึงบังเกิดความวุ่นวายแห่งจิต มีวิจิกิจฉาไม่เชื่อถือเลย *9 สุภูติ เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่าธรรมอรรถแห่งพระสูตรนี้เป็นอจินไตย แม้ผลานิสงส์ก็เป็นอจินไตยดุจกันอย่างนี้แล”

    ( *9 กล่าวคืออานิสงส์ซึ่งกล่าวมาแต่ต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้ากล่าวอธิบายอานิสงส์ทั้งหมดจะเป็นการมโหฬารพันลึก เกรงผู้เข้าไม่ถึงจะไม่เชื่อ – ผู้แปล)

    โดยสมัยนั้นแล พระสุภูติกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค กุลบุตร กุลธิดาใดๆ ผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนโดยสถานใด ควรจักบำราบจิตของตนอย่างไรหนอพระเจ้าข้า”

    พระสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระสุภูติว่า

    พ “ กุลบุตร กุลธิดาใดๆผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนอย่างนี้ ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้โปรดสรรพสัตว์ให้สำเร็จแก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ แลสรรพสัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จแก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุแล้วก็จริง แต่โดยความจริงแล้วก็มิได้มีสัตว์ใดๆแม้สักผู้หนึ่งได้ดับขันธนิพพานเลย ข้อนั้นเพราะเหตุใดฤา สุภูติ ถ้าพระโพธิสัตว์ยังมีความยึดถือผูกพันในอาตมะลักษณะ ปุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะ นั่นก็หาใช่พระโพธิสัตว์ไม่ ทั้งนี้ด้วยเหตุเป็นไฉน สุภูติ โดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสภาวะธรรมที่จะ(เป็นผู้) บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนั่นเอง *10

    ( * 10 คือผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ก็เป็นสภาพว่างเปล่าไร้ตัวตน แล้วจริยะธรรมอันเกิดจากสภาพว่างเปล่านั้นจักเป็นของมีอยู่ได้อย่างไร-ผู้แปล)

    ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน เมื่อตถาคตอยู่ในสำนักแห่งพระทีปังกรพุทธเจ้ามีธรรมอันใดที่เราพึงบรรลุ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิฤา”

    สุ “ ไม่มีเลย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ตามความเข้าใจของข้าพระองค์ในธรรมอรรถของพระสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งพระองค์อยู่ในสำนักพระทีปังกรพุทธเจ้า ปราศจากธรรมอันพึงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิเลย”

    พ “ อย่างนั้นอย่างนั้น สุภูติ โดยความจริงแล้ว ย่อมไม่มีธรรมใดซึ่งตถาคตจักบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิเลย ดูก่อนสุภูติ หากพึงมีธรรมใดซึ่งตถาคตบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิไซร้ พระทีปังกรพุทธเจ้าก็จักไม่พยากรณ์แก่เราว่า “ในอนาคตกาลท่านจักได้เป็นพระพุทธเจ้ามีนามกรว่า พระศากยมุนี “ แต่ที่แท้ย่อมไม่มีธรรมใดซึ่งจักบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ฉะนั้น พระทีปังกรพุทธเจ้าจึงตรัสพยากรณ์แก่เราว่า“ในอนาคตกาลท่านจักได้เป็น พระพุทธเจ้ามีนามกรว่า พระศากยมุนี “ ข้อนั้นเพราะเหตุใด ก็เพราะว่า “ตถาคต” นั้น คือสภาพความเป็นอย่างนั้นแห่งธรรมดาทั้งปวง ถ้ามีผู้กล่าวว่า ตถาคตบรรลุแก่พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิไซร้ สุภูติ โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะธรรมใดเลย ซึ่งพระพุทธเจ้าจักบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ สุภูติเอย โดยความจริงแล้วพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิอันตถาคตบรรลุนั้น ในพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ย่อมไม่มีสภาวะความมีอยู่และไม่มีอสภาวะความไม่มีอยู่เลย และด้วยเหตุดังกล่าวนั้นแล ตถาคตจึงกล่าวว่าธรรมทั้งหลายล้วนเป็นพระพุทธธรรม อนึ่ง สุภูติ ตามที่เรากล่าวว่าธรรมทั้งหลายล้วนเป็นพระพุทธธรรมนั้น โดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสภาวะแห่งธรรมทั้งหลายเลย เป็นสักแต่เรียกว่าธรรมทั้งหลายเท่านั้น

    ดูก่อนสุภูติ อุปมาดั่งบุคคลผู้มีรูปกายสูงมหึมา”

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตตรัสว่า บุคคลผู้มีรูปกายสูงมหึมาโดยแท้จริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งรูปกายสูงมหึมา เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่ารูปกายสูงมหึมาเท่านั้น”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ โดยประการเดียวกัน ถ้าพระโพธิสัตว์ยังมีวาทะกล่าวว่าเราเป็นผู้โปรดสรรพสัตว์ให้บรรลุนิพพานธาตุไซร้ ก็หาชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ โดยความจริงแล้วไม่มีสภาวะใดที่เรียกว่าพระโพธิสัตว์ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าธรรมทั้งหลายไม่มีอาตมะ ไม่มีปุคคละ ไม่มีสัตวะ และไม่มีชีวะ

    อนึ่ง สุภูติ หากพระโพธิสัตว์มีวาทะกล่าวว่า เราจักกระทำการตบแต่งอลังการพระพุทธเกษตรอย่างนี้ไซร้ ก็หาชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ ทั้งนี้เพราะเหตุไฉน ตถาคตกล่าวว่า การตบแต่งอลังการพุทธเกษตรนั้น โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งการตบแต่งอลังการ เป็นสักแต่ชื่อว่าตบแต่งอลังการเท่านั้น สุภูติ ถ้าพระโพธิสัตว์สามารถแจ่มแจ้งเข้าถึงความจริงว่าธรรมทั้งหลายว่างเปล่าจาก ตัวตนแลของๆตนอย่างนี้ ตถาคตจึงกล่าวว่านั่นเป็นพระโพธิสัตว์อย่างแท้จริง”

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตมีมังสะจักษุฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีมังสะจักษุ ”

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตมีทิพจักษุฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีทิพจักษุ “

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตมีปัญญาจักษุฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีปัญญาจักษุ “

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตมีธรรมจักษุฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีธรรมจักษุ “

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตมีพุทธจักษุฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีพุทธจักษุ “

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน อุปมาดั่งเมล็ดทรายในคงคานที ตถาคตกล่าว่านั่นเป็นเมล็ดทรายฤา “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตตรัสเรียกว่านั่นเป็นเมล็ดทราย “

    พ.”ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน เปรียบดุจเมล็ดทรายในท้องคงคานที แลมีแม่น้ำคงคาเป็นอันมากนับด้วยเมล็ดทรายเหล่านั้น อนึ่ง มีพุทธเกษตรโลกธาตุอื่นๆอีกเท่าจำนวนเมล็ดทรายในคงคานทีทั้งปวงอีกเล่า ด้วยประการดั่งนี้พึงนับเป็นจำนวนมากหลายอยู่ฤาหนอแล “

    สุ “ มากมายนักแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค “

    พระสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระสุภูติว่า

    “ สรรพสัตว์ในโลกธาตุทั้งปวงเหล่านั้นมีจิตประพฤติโดยประเภทต่างๆกัน ตถาคตย่อมรู้ชัดแจ่มแจ้งในจิตพฤตติต่างๆนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน ตถาคตกล่าวว่า สรรพจิตทั้งปวงนั้นโดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งจิต เป็นสักแต่ชื่อว่าจิตเท่านั้น ด้วยเหตุดังฤา สุภูติ จิตในอดีตปราศจากแก่นสารจะถือเอาก็ไม่ได้ จิตในปัจจุบันปราศจากแก่นสารจะถือเอาก็ไม่ได้ แม้จิตในอนาคตก็ปราศจากแก่นสารจะถือเอาก็ไม่ได้ดุจกัน “ *11

    (*11 ขณะจิตในอดีตกับไปแล้ววอดวายไปแล้วจึงไม่มีอยู่ ขณะจิตในอนาคตเล่าก็ยังไม่เกิดขึ้นไม่มีอยู่อีก ส่วนขณะจิตในปัจจุบันกำลังแปรไปไม่คงที่ อนึ่ง เพราะอาศัยอดีตกับอนาคตจึงมีปัจจุบัน ก็เมื่ออดีตไม่มีสภาวะ อนาคตก็ไม่มีสภาวะ ปัจจุบันจึงหมดความหมายไปด้วย – ผู้แปล)

    ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ถ้ามีบุคคลใดๆนำเอาสัปตรัตนะซึ่งมีปริมาณเต็มเปี่ยมเท่าเมล็ดทรายในคงคานที ทั่วมหาตรีสหัสสโลกธาตุมาบริจาคทาน บุคคลนั้นอาศัยเหตุปัจจัยดังกล่าวนี้ ได้รับบุญกุศลมากอยู่ฤาหนอแล “

    สุ “ อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค บุคคลผู้นั้นอาศัยเหตุปัจจัยดังกล่าวย่อมได้รับบุญกุศลมากมายพระเจ้าข้า “

    พ “ ดูก่อนสุภูติ หากบุญกุศลจักพึงมีสภาวะอยู่จริงแท้แล้ว ตถาคตก็จักไม่กล่าวว่า เขาได้บุญกุศลมากมาย ทั้งนี้ด้วยเหตุว่าบุญกุศลนั้นปราศจากสภาวะ ตถาคตจึงกล่าวว่าผู้นั้นได้บุญกุศลมากมาย “ * 12

    ( * 12 กล่าวคือบุญกุศลที่แท้จริงนั้นเป็นศูนยตาซึ่งเป็นฝ่ายวัฏฏคามินี ถ้ายังมีความยึดถืออยู่ก็เป็นบุญกุศลชนิดฝ่ายวัฏฏคามินี - ผู้แปล)

    พ “ อนึ่ง สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน จักเห็นพระพุทธเจ้าได้ในรูปกายอันสมบูรณ์นี้ฤา “

    สุ “ มิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นการไม่สมควรเลยที่จะเห็นพระตถาคตเจ้าในรูปกายอันสมบูรณ์นี้ ทั้งนี้เพราะเหตุใด พระตถาคตตรัสว่า รูปกายอันสมบูรณ์นั้น โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งรูปกายอันสมบูรณ์ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า รูปกายอันสมบูรณ์เท่านั้น”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน จักเห็นพระพุทธเจ้าได้ในสรรพลักษณะอันสมบูรณ์ได้อยู่ฤาหนอแล “

    สุ “ มิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นการไม่สมควรเลยที่จะเห็นพระตถาคตเจ้าในสรรพลักษณะอันสมบูรณ์นี้ ทั้งนี้เพราะเหตุใด พระตถาคตตรัสว่า สรรพลักษณะอันสมบูรณ์ โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งสรรพลักษณะอันสมบูรณ์ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าสรรพลักษณะอันสมบูรณ์เท่านั้น “

    พ “ สุภูติเอย เธออย่ากล่าวว่าตถาคตมีมนสิการว่า เราเป็นผู้แสดงธรรมแก่มวลสรรพสัตว์ เธออย่าเข้าใจอย่างนั้นเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน หากมีบุคคลกล่าวว่า ตถาคตเป็นผู้แสดงธรรม ชื่อว่าเป็นผู้ติเตียนตู่พระพุทธเจ้า เขาผู้นั้นไม่เข้าใจในวจนะของเรา สุภูติ ที่เรียกว่าการแสดงธรรมนั้น โดยความจริงแล้วไม่มีธรรมใดที่แสดงเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าการแสดงธรรมเท่านั้น “

    ก็โดยสมัยนั้นแลพระสุภูติเถระผู้มีปัญญาทูลถามพระบรมศาสดาขึ้นว่า

    สุ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังจะมีสรรพสัตว์ใดในอนาคตกาล สดับธรรมนี้แล้วบังเกิดศรัทธาจิตขึ้นฤาหนอแล “

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เขา(ผู้สดับธรรมแห่งพระสูตรนี้) มิใช่สรรพสัตว์ แต่จักว่ามิใช่สรรพสัตว์เลยก็มิได้ *13 ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา ดูก่อนสุภูติ ที่ว่าสรรพสัตว์ สรรพสัตว์นั้น ตถาคตกล่าวว่าปราศจากสภาวะแห่งสรรพสัตว์ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าสรรพสัตว์เท่านั้น

    ( * 13 อรรกถากล่าวว่า ผู้ที่สดับพระสูตรนี้บังเกิดศรัทธาจิตขึ้น นับว่าเป็นสัตว์ประเภทพิเศษไม่เหมือนสรรพสัตว์ทั่วไป แต่ผู้นั้นก็ยังมีกิเลสไม่บรรลุโพธิญาณ จึงสงเคราะห์อยู่ในสรรพสัตว์ ข้าพเจ้ามีความเห็นตรงกันข้ามกับอรรกถา ข้าพเจ้าเข้าใจว่าตอนนี้แสดงว่าโดยปรมัตถ์แล้วไม่มีสัตว์ แต่โดยบัญญัติสมมติแล้วก็ยังชื่อว่าสัตว์ – ผู้แปล)

    พระสุภูติกราบทูลกับพระบรมศาสดาว่า

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อพระสัมพุทธเจ้าบรรลุตรัสรู้แก่พระปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณนั้น นับว่าเป็นการมิได้บรรลุเลยฤาหนอพระเจ้าข้า”

    พ “ อย่างนั้น อย่างนั้น สุภูติ เมื่อเราบรรลุตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิ ไม่มีธรรมแม้สักส่วนเล็กน้อยส่วนหนึ่งเลยที่เราบรรลุได้ถึง เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ “

    อนึ่ง สุภูติ ธรรมทั้งหลายมีความเสมอภาคเท่ากัน ไม่มีสูงหรือต่ำ นั่นแลชื่อว่าพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ เมื่อไม่มีความยึดถือในอาตมะ ไม่ยึดถือในปุคคละ ไม่ยึดถือในสัตวะ ไม่ยึดถือในชีวะ แล้วบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหมด ก็จักชื่อว่าพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ สุภูติ ที่กล่าวว่ากุศลธรรมนั้น ตถาคตกล่าวว่า โดยความจริงแล้วไม่มีสภาวะแห่งกุศลธรรมเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่ากุศลธรรมเท่านั้นแล

    อนึ่ง สุภูติ ถ้ามีบุคคลผู้นำเอากองแห่งสัปตรัตนะเท่าขุนเขาพระสุเมรุทั้งหลายใน มหาตรีสหัสสโลกธาตุมาบริจาคทาน แต่หากมีบุคคลมารับปฏิบัติเล่าเรียนสาธยาย ประกาศชี้แจงแก่ผู้อื่นซึ่งธรรมในปรัชญาปารมิตาสูตรนี้ ที่สุดแม้เพียงคาถา 4 บาท เท่านั้น คุณานิสงส์ของบุคคลแรกในร้อยส่วนเปรียบด้วยมิได้สักหนึ่งส่วน แม้นับด้วยร้อยหมื่นอสงไขยส่วนที่สุดจนเหลือประมาณคณานับ ก็เอามาเปรียบเทียบด้วย(กับคุณานิสงส์ของบุคคลหลัง) ไม่เท่าเทียมถึงได้เลย

    ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน เธออย่ากล่าวว่าตถาคตมีมนสิการว่า เราเป็นผู้โปรดสัตว์ สุภูติ เธอย่าเข้าใจอย่างนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสรรพสัตว์ใดเลยอันตถาคตจักโปรด ถ้าแลมีสรรพสัตว์อันตถาคตจักพึงโปรดไซร้ ตถาคตก็มีความยึดถือผูกพันในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ ชีวะ สุภูติเอย การที่ตถาคตกล่าวว่า “ตัวเรา ตัวเรา” นั้น โดยความจริงแล้วก็ไม่มีตัวเราอยู่เลย ก็แต่ปุถุชนย่อมยึดถือว่ามีตัวเราอยู่ สุภูติ แม้ปุถุชนก็เถอะตถาคตยังกล่าวว่า โดยความจริงแล้ว ปราศจากสภาวะแห่งปุถุชน เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าปุถุชนเท่านั้น

    ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน จักพึงเห็นตถาคตได้ในมหาปุริสลักษณะ 32 ประการฤา “

    สุ “ อย่างนั้น อย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พึงเห็นพระผู้มีพระภาคได้โดยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ ถ้าเห็นตถาคตได้โดยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการไซร้ พระจักรพรรดิราชก็ชื่อว่า ตถาคตซิหนอ”

    พระสุภูติกราบทูลสนองพระสัมพุทธเจ้าว่า

    สุ “ ข้าแต่พระสุคต ตามความเข้าใจของข้าพระองค์ในธรรมอรรถซึ่งพระสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นการไม่สมควรที่จะเห็นพระตถาคต โดยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการเลย”

    ในสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้กล่าวนิคมคาถาว่า

    “ ผู้ใดจักเห็นเราในรูป ฤาจักหาเราในเสียง ผู้นั้นย่อมชื่อว่าดำเนินทางที่ผิด ย่อมไม่สามารถเห็นตถาคตได้”

    อนึ่ง สุภูติ หากเธอพึงมนสิการว่าเพราะเหตุตถาคตมิได้มีสรรพรูปลักษณะอันสมบูรณ์ (คือมหาปุริสลักษณะ 32 ประการและอสีตยานุพยัญชนะ 80 )แล้วบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ สุภูติเอย เธออย่าเข้าใจอย่างนั้นเลยว่า เพราะเหตุตถาคตมิได้มีสรรพรูปลักษณะอันสมบูรณ์ แล้วบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ สุภูติ หาเธอมีมนสิการอย่างนี้ไซร้ บุคคลผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ก็จักกล่าวได้ว่าธรรมทั้งปวงขาดศูนย์ เธออย่าได้มนสิการอย่างนั้นเลย ทั้งนี้เพราะเหตุใดฤา โดยควยามจริงแล้ว บุคคลผุ้บังเกิดจิตมุ่ต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิจักไม่มีวาทะกล่าวว่าธรรมทั้งปวงขาดศูนย์ได้ *14

    ( * 14 กล่าวคือยอมรับว่ามีสมมติบัญญัติตามโลกโวหาร ไม่ถือรั้นแต่ประมัตถ์อย่างเดียว เพราะการถือรั้นอย่างนั้นเป็นลักษณะของฝ่ายอุจเฉททิฏฐิไป – ผู้แปล)

    ดูก่อนสุภูติ ถ้ามีพระโพธิสัตว์นำเอาสัปตรัตนะซึ่งมีปริมาณเต็มเปี่ยมเท่าจำนวนเมล็ดทราย ในคงคานทีทั่วมหาตรีสหัสสโลกธาตุออกบริจาคทาน แต่หากมีบุคคลมารู้แจ้งว่าธรรมทั้งปวงปราศจากตัวตน เขาผู้นั้นได้สำเร็จแก่ปัญญาความตรัสรู้ *15 พระโพธิสัตว์องค์หลังนี้ได้คุณานิสงส์ประเสริฐยิ่งกว่าพระโพธิสัตว์องค์แรก ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา ดูก่อนสุภูติ เพราะพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมไม่ยึดถือในสรรพบุญกุศลนั่นเอง”

    ( *15 แปลตามตัวอักษรจีนว่า สำเร็จความอดทน โดยอรรถหมายถึงดวงปัญญา – ผู้แปล)

    พระสุภูติกราบทูลกันพระสัมพุทธเจ้าว่า

    สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไฉนเล่าพระโพธิสัตว์จึงไม่ยึดถือในบุญกุศลหนอพระเจ้าข้า”

    พ “ ดูก่อนสุภูติ พระโพธิสัตว์บำเพ็ญกุศลแล้ว ไม่พึงบังเกิดความโลภยึดถือเอา เพราะเหตุฉะนั้นแลจึงกล่าวได้ว่าไม่ยึดถือในบุญกุศล

    อนึ่ง สุภูติ หากมีผู้กล่าวว่า ตถาคตเสด็จมาอยู่ ตถาคตดำเนินอยู่ ตถาคตประทับอยู่ ฤาตถาคตบรรทมอยู่อย่างนี้ไซร้ บุคคลผู้กล่าวนั้นมิได้เข้าใจแจ่มแจ้งในธรรมอรรถอันเราแสดงไว้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา โดยความจริงแล้วพระตถาคตปราศจากที่มาและปราศจากที่ไป เหตุนั้นจึงชื่อว่าตถาคต

    ดูก่อนสุภูติ กุลบุตร กุลธิดาใดๆถ้าพิจารณากระจายมหาตรีสหัสสโลกธาตุให้เป็นผุยผงละเอียด เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน กองแห่งปรมาณูเหล่านั้นมีจำนวนมากมายอยู่ฤาหนอแล “

    สุ “ มากมายนักแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน เพราะถ้ากองแห่งปรมาณูเหล่านี้จักพึงมีสภาวะอยู่จริงไซร้ พระสัมพุทธเจ้าก็จักไม่ตรัสว่ากองแห่งปรมาณูนั้น ทั้งนี้เพราะเหตุใดเล่า พระสัมพุทธเจ้าตรัสว่ากองแห่งปรมาณู โดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสภาวะแห่งกองปรมาณุเลย เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่ากองปรมาณูเท่านั้น

    ข้าแต่พระสุคต มหาตรีสหัสสโลกธาตุซึ่งพระสัมพุทธเจ้าตรัสนั้น โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งโลกธาตุ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าโลกธาตุเท่านั้น ข้อนั้น เพราะเหตุไฉน ถ้าโลกธาตุพึงมีสภาวะอยู่จริงไซร้ ก็ชื่อว่าเป็นเอกฆนลักษณะ พระตถาคตตรัสว่าเอกฆนลักษณะ โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งเอกฆนลักษณะ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าเอกฆนลักษณะเท่านั้น” *16

    ( *16 อักษรจีนเขียนคำที่ให้ความหมายว่า รวมธรรมลักษณะหลายๆธรรมเข้าไว้ เช่น ในร่างกายของคนก็รวมประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ ผู้ที่จะเห็นแจ้งในสรรพธรรมว่าเป็นอนัตตาต้องทำลายฆนสัญญาดังกล่าวนี้ – ผู้แปล)

    พ “ ดูก่อนสุภูติ เอกฆนลักษณะนั้นไม่มีสภาวะโดยตัวของมันเองอยู่เลย ก็แต่ปุถุชนยึดถือว่ามีสภาวะโดยตัวของมันเองอยู่อย่างจริงแท้”

    อนึ่งสุภูติ ถ้ามีบุคคลมากล่าวว่า พระสัมพุทธเจ้าตรัสว่ามีอาตมะทัศนะ มีปุคคละทัศนะ มีสัตวะทัศนะ มีชีวะทัศนะ ดั่งนี้ไซร้ สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน บุคคลนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งในธรรมอรรถอันเราแสดงไว้ฤา”

    สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค บุคคลนั้นไม่เข้าใจแจ่มแจ้งในธรรมอรรถอันพระตถาคตเจ้าแสดงไว้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุใด ก็พระสุคตตรัสแล้วว่า อาตมะทัศนะ ปุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะ โดยความจริงแล้ว ก็ปราศจากสภาวะแห่งอาตมะทัศนะ ปุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่า อาตมะทัศนะ ปุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะเท่านั้น”

    พ “ดูก่อนสุภูติ บุคคลผู้มีจิตปรารถนาต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิพึงมีความกำหนดรู้อย่างนี้ พึงมีทัศนะอย่างนี้ พึงมีศรัทธาและความเข้าใจแจ่มแจ้งในธรรมทั้งหลายไม่บังเกิดธรรมลักษณะขึ้น *17 สุภูติ ที่กล่าวว่าธรรมลักษณะนั้น ตถาคตกล่าวว่า โดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะแห่งธรรมลักษณะ เป็นสักแต่ชื่อเรียกว่าธรรมลักษณะเท่านั้น”

    ( *17 ความหมายตามอักษรจีนแปลว่า ธรรมลักษณะ แต่ในที่นี้โดยอรรถหมายถึงความไม่ยึดถือ สภาวะที่มีอยู่โดยตัวมันเอง – ผู้แปล)

    อนึ่งสุภูติ หากมีบุคคลนำเอาสัปตรัตนะมีปริมาณเต็มทั่วอสงไขยโลกธาตุอันไม่มีประมาณมาบริจาคทาน แต่ถ้ามีกุลบุตร กุลธิดาใดๆตั้งจิตปรารถนาต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ มาปฏิบัติตามซึ่งพระสูตรนี้แม้ที่สุดคาถาเพียง 4 บาท เขารับปฏิบัติฤาเล่าเรียนสาธยายก็ดี ฤาประกาศแก่ผู้อื่นก็ดี ย่อมมีบุญกุศลวิเศษยิ่งกว่าผู้บริจาคทานนั้นเสียอีก ก็การประกาศแก่ผู้อื่นนั้นเป็นไฉน คือความไม่ยึดถือผูกพันในลักษณะ ตั้งมั่นอยู่ในตถาตาภาพธรรมดาโดยไม่หวั่นไหว ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา เพราะว่าสังขตธรรมทั้งปวง มีอุปมาดั่งความฝัน ดั่งภาพมายา ดั่งฟองน้ำ ดั่งเงา ดั่งน้ำค้าง และดั่งสายฟ้าแลบ พึงเพ่งพิจารณาโดยอาการอย่างนี้ “

    เมื่อพระสัมพุทธเจ้าตรัสพระสูตรนี้อวสานลง พระสุภูติผู้มีอายุพร้อมด้วยเหล่าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนปวงเทพ มนุษย์ อสูร ในโลกทั้งหลายได้สดับซึ่งพระพุทธพจน์แล้วก็พากันอนุโมทนาชื่นชมยินดี มีความศรัทธาน้อมรับไปปฏิบัติด้วยประการฉะนี้แล.

    คัดลอกจากหนังสือสารัตถธรรมมหายานของวัดโพธิ์แมนคุณาราม
    ************************************************
    ขอให้ข้าพเจ้าสำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยื่น ปปง. ริบ-ยึดทรัพย์สินหลวงปู่เณรคำ



    เมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 2 ก.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถ้อยคำเพิ่มเติม และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางทรัพย์สินและการเงิน ของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กับพวก โดยมีร.ต.อ.หญิง สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการปปง. เป็นผู้มารับหนังสือ จากนั้นได้มีการแถลงข่าวร่วมกันโดยนายสงกานต์ กล่าวว่า จะขอให้ทางปปง.ตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกใบสำคัญรับเงิน หรือ ใบอนุโมทนาบัตร หรือใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานเอกสารอื่นใดที่แสดงว่าเป็นการรับเงิน หรือรับทรัพย์สิน
    ซึ่งได้มาจากการบริจาค หรือเรี่ยไร ของพระวิรพล หรือหลวงปู่เณรคำ หรือนายวิรพล สุขผล หรือบริษัทขันติธรรมก้าวหน้าจำกัด หรือมูลนิธิส่งเสริมคุณธรรมและคุณภาพชีวิตโดยหลวงปู่เณรคำ ที่ได้ออกให้แก่บุคคล หรือนิติบุคคลหรือไม่ ทรัพย์สินต่างๆที่ได้รับจากการบริจาคหรือเรี่ยไรจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้นำไปมอบ หรือให้ หรือยักย้าย ถ่ายเท หรือจำหน่ายจ่ายโอน หรือใช้ชื่อบุคคล หรือนิติบุคคล เป็นผู้ถือครอง หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนมี หรือไม่
    นายสงกานต์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในการขอรับเงินบริจาคหรือเรี่ยไรเงินนั้นได้รับอนุญาตหรือไม่ พร้อมกันนี้ได้ขอให้ปปง.ติดตามริบ และยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดในฐานฉ้อโกงประชาชนจากผู้ที่รับไว้และพิจารณาดำเนินคดีอาญากับผู้ที่มีเจตนา หรือปกปิด ซ่อนเร้น หรือรับไว้ด้วยประการใดๆฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ทั้งยังขอให้ปปง.สืบสวนสอบสวนพยานสำคัญเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจ.ศรีสะเกษ สาขากันทรารมย์ ผู้รับเหมาก่อสร้างพระแก้วมรกต ผู้กำกับการสภ.กันทรารมย์ เจ้าคณะอ.กันทรารมย์ ฝ่ายธรรมยุต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจ.ศรีสะเกษ เจ้าคณะจ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมศิลปากร กรมการปกครอง ผอ.รพ.ร้อยเอ็ด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด ขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานที่ดินจ.อุบลราชธานี ทั้งนี้จากการที่ตนรวบรวมข้อมูลหลักฐานพบว่ามีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แบ่งงานกันทำ ทำให้นิติบุคคลหรือประชาชนหลงเชื่อและได้ไปซึ่งทรัพย์สิน อันเป็นความผิดที่อาจจะเข้าข่ายฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วย
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันจันทร์ ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 13.28 น.
    tags : หลวงปู่เณรคำ, วัดป่าขันติธรรม


    1 ก.ค.56 เอเอสทีวีผู้จัดการ แฉเส้นทางรักของบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น "หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก" โดยระบุว่าเป็น "พระนักรัก" ทุ่มเงินเลี้ยง เมีย 8 ลูก 2 เผยสเปกสาวสวยผอมบางผิวคล้ำเล็กน้อย ไม่เว้นนักเรียน นักศึกษา พยาบาล และเมียนักธุรกิจใหญ่

    ทีมข่าวพิเศษของ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อตอบปัญหาของสังคมในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” และได้พบแง่มุมใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง โดยจะนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

    เปิดเส้นทางรัก เมีย 8 ลูกชาย 2 คนของ “ไอ้คำ” พระดังยอดนักรัก จ.ศรีสะเกษ แฉทุ่มปรนเปรอแต่ละรายโคตรอู้ฟู่ ส่งเสียเดือนละหลายหมื่นถึงหลักแสน พร้อมรถหรูป้ายแดงและบ้านหลังโต 2-15 ล้านบาท รวมทั้งสวนยางกว่า 100 ไร่ เผยสเปกสาวสวยผอมบางผิวคล้ำเล็กน้อย ไม่เว้นนักเรียน นักศึกษา พยาบาล และเมียนักธุรกิจใหญ่ แถมขยันก่อสารพัดเรื่องฉาวต้องตามเคลียร์ควักเงินล้านปิดปากเป็นอาจิณ

    แหล่งข่าวระดับวงในของวัดป่าขันติธรรม หรือที่พักสงฆ์ บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ หลายคนต่างเปิดเผยตรงกันว่า จากการไล่เรียงรวบรวมบรรดาสีกาสาวสวยที่เข้ามาเกี่ยวข้องมีสัมพันธ์ระดับลึกซึ้งกับพระฉาวผู้โด่งดังแห่ง จ.ศรีสะเกษนั้นไม่น้อยกว่า 8 คน และ 2 ในจำนวน 8 คนนี้ถึงขั้นมีลูกชายด้วยกันรวม 2 คน ทั้งนี้เพราะจริงๆ แล้วพระดังยอดนักรักหรือ “ไอ้คำ” รายนี้ยังหนุ่มแน่น อายุแค่ 34 ปีเท่านั้น แต่ต้องการให้ผู้คนเรียกชื่อดูเหมือนเป็นพระอาวุโสชั้นผู้ใหญ่ระดับ “หลวงปู่” โดยอ้างว่าเป็นอายุรวมกับชาติที่แล้วที่เขาระลึกชาติได้ด้วย

    เริ่มจากคนที่ 1 ประมาณปี 2545 “พระดัง” ไปเปิดที่พักสงฆ์อยู่บริเวณริมห้วยสำราญ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้ไปรู้จักกับ “ญ” อายุ 25 ปี สาวสวยบ้านโนนจานที่นำเอาข้าวไปถวาย จากนั้นได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจนมีลูกชาย 1 คนชื่อ “น้อง น.” ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (ป.4) โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองศรีสะเกษ และ “พระดัง” ได้ส่งเสียเงินค่าเลี้ยงดูให้เดือนละ 20,000 บาท โดยมี “หมวด ก” นายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงอุบลราชธานี เป็นผู้รับผิดชอบส่งเงินให้ ขณะนี้ “ญ” มีสามีใหม่แล้วและสามีติดยาบ้า ทั้งหมดยังคงพักอยู่ที่บ้านโนนจาน ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

    กรณีนี้เคยเกิดปัญหาฝ่ายหญิงเรียกร้องเงินค่าเลี้ยงดูเพิ่มแต่ “พระดัง” ไม่ยอมให้ ฝ่ายหญิงขู่จะเปิดโปงจึงถูก “พระดัง” และพวกข่มขู่ฆ่า ฝ่ายหญิงต้องหนีตายไปหาพี่ชายซึ่งเป็นตำรวจอยู่ที่กรุงเทพฯ ก่อนพาเข้าแจ้งความที่กองปราบปรามเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2553 เพราะหวาดผวาไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งตัวเองและครอบครัว

    จากนั้นกองปราบปรามได้มีหนังสือ ที่ ตช 0026.22/4348 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2553 เรื่อง ขอเชิญให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง ส่งถึงพระดังที่วัด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 20 ธันวาคม 2553 จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ งานนี้ “พระดัง” ต้องใช้อิทธิพลบารมีและบรรดาลูกศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายเข้าเคลียร์ให้เรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆ โดยได้จ่ายให้ “ญ” 1 ล้านบาทแลกกับการถอนแจ้งความ ส่วนตำรวจโกยกันไปกี่มากน้อยไม่มีใครสามารถระบุได้ชัดเจน

    รายที่ 2 คือ “พ” อายุ 26 ปี สาวบ้านหนองพะแนง คุ้ม 11 โนนม่วง ต.รุ่งระวี อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ “พระดัง” ได้มาติดพันขณะที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 โดยขณะนั้น “พระดัง” มาเปิดที่พักสงฆ์ และเจอกับ “พ” จึงได้ชอบพอกัน และ “พระดัง” ได้นำเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทมาหมั้นเอาไว้ ก่อนอยู่กินกันฉันสามีภรรยาแบบลับๆ “พระดัง” ได้ซื้อรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ สีแดง กลางเก่ากลางใหม่ 1 คันให้ “พ” ขับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนน้ำเกลี้ยงวิทยา และกำลังสร้างบ้านใหญ่เพื่อเป็นเรือนหอให้ 1 หลัง มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท แต่ยังสร้างไม่เสร็จ ตามที่เป็นข่าว

    โดย “พ” พยายามเรียกร้องให้ “พระดัง” สึกออกมาอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผย แต่ “พระดัง” ยังไม่ยอมเนื่องจากต้องการที่จะอยู่กอบโกยเงินไปก่อน ทำให้ “พ” ไม่พอใจ และได้ใช้มือซ้ายจับโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปภาพนิ่งเอาไว้ขณะที่ “พระดัง” กำลังนอนหลับหลังจากเมาและร่วมรักกับ “พ” เสร็จแล้วที่บริเวณหน้าห้องน้ำในห้องนอนในบ้านของฝ่ายหญิง ซึ่งเป็นบ้านขนาดชั้นเดียวตั้งอยู่ด้านหน้าเรือนหอร้างในปัจจุบัน

    จากนั้น “พ” ได้ยื่นคำขาดกับ “พระดัง” อีกครั้งให้สึกออกมาอยู่ร่วมกันแต่ “พระดัง” ไม่ยอม “พ” จึงยื่นข้อเสนอขอเงิน 30 ล้านบาทเพื่อนำมาสร้างบ้านให้เสร็จและใช้จ่ายในการดำรงชีวิตต่อไป แต่ “พระดัง” ไม่ยอม “พ” จึงได้นำเอารูปภาพไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า “แด่สาธุชน” และได้นำเอาภาพไปถ่ายเอกสาร จากนั้นนำเอาภาพที่ “พระดัง” นอนหลับกับ “พ” ดังกล่าว เขียนข้อความว่า “นี่หรือ พระที่พวกคุณเคารพนับถือ” ไปโปรยหน้าบ้านของ “พระดัง” ที่ จ.อุบลราชธานี และทั่วบริเวณในเขตพื้นที่ อ.พิบูลมังสาหาร รวมทั้งเล่นแรงถึงขั้นนำเลือดไปเทราดประตูหน้าบ้าน “พระดัง” ด้วยความโกรธแค้นด้วย

    “พระดัง” จึงได้มาขอเคลียร์ โดยจ่ายเงินให้ “พ” จำนวน 5 ล้านบาท และให้ลบรูปภาพออกจากเฟซบุ๊ก ซึ่ง “พ” ได้ยอมลบภาพออก แต่มีมือดีทั้งหลายได้บันทึกเอาไว้แล้ว จึงกลายเป็นรูปภาพในข่าวฉาวโฉ่อยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นภาพแรกเริ่มและเป็นภาพที่สร้างความเสื่อมศรัทธาให้ “พระดัง” มากที่สุดในบรรดารูปภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่กันอยู่

    ปัจจุบัน “พ” ได้แต่งงานไปอยู่กับสามีใหม่ที่ จ.เชียงราย มีลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบเศษ โดยมีผู้เป็นพ่อกับภรรยาใหม่ของพ่อเฝ้าบ้านเรือนหอร้างใหญ่โตอยู่ที่บ้านหนองพะแนง และกำลังสร้างละครเรื่องใหม่ว่าด้วยการโอนบาปให้ “ส” น้องชายอดีตพระหน้าเหมือนมารับกรรมแทน “พระดัง” พี่ชายผู้ก่อเรื่องตัวจริง ซึ่งกำกับการแสดงโดยลูกศิษย์กลุ่มปัจจุบัน ท่ามกลางข่าวลือว่าละครเรื่องนี้จะเนรมิตให้เรือนหอร้างใหญ่โตที่ค้างคามาหลายปีสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้ในเร็ววัน

    รายที่ 3 ต่อมาปี 2551 “พระดัง” ได้มาสร้างวัดป่าฯ ที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และมีความสัมพันธ์กับ “ม” อายุ 25 ปี สาวสวยคนหนึ่งของบ้านดู่ ต.ยาง ซึ่งบ้านอยู่ทางเข้าก่อนถึงวัดประมาณ 3 กม. และมีลูกชาย 1 คน “พระดัง” ได้พา “ม” ไปอยู่กรุงเทพฯ โดยซื้อบ้านจัดสรรหรูหรามูลค่า 15 ล้านบาทให้อยู่กับลูก พร้อมรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด 1 คันไว้ใช้งาน และส่งเสียเดือนละ 50,000 บาท “พระดัง” จะไปหาทุกครั้งที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยมี “หมวด ก” นายตำรวจทางหลวง ขับรถพาไปหา “ม” ที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้

    รายที่ 4 ประมาณปี 2552 “พระดัง” ได้ไปสร้างที่พักสงฆ์ที่บ้านตาเส็ด อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้รู้จักกับ “น” อายุ 27 ปี สาวสวยบ้านตาเส็ดและเป็นน้องสาวของพระผู้ติดตาม “พระดัง” ได้ชอบพอมีความสัมพันธ์กัน และสร้างบ้านหรูทรงยุโรปมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทให้ พร้อมกับซื้อรถเบนซ์ป้ายแดงให้ 1 คัน สวนยางพาราอีกจำนวน 120 ไร่ จากนั้นได้ไปซื้อบ้านที่กรุงเทพฯให้ “น” ด้วย ส่งเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละ 100,000 บาท

    “พระดัง” โปรดปรานเมียรักคนนี้มาก เพราะเป็นน้องสาวของพระผู้ติดตาม และ “น” มีหน้าตาสวยงามตรงสเปกของ “พระดัง” ที่ชื่นชอบผู้หญิงผอมบาง ผิวคล้ำเล็กน้อย ว่ากันว่าถึงขั้นได้ใช้เดือนและวันเกิดของตัวเองเปลี่ยนชื่อให้ “น.” ใหม่เป็น “กันยาวันอังคาร” ขณะนี้ “น” จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และ “พระดัง” จะไปหาบ่อยมากเช่นกัน

    รายที่ 5 ปี 2554 ไปเปิดสาขาที่ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ได้พบกับ “จ” อายุ 14 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป. 6 “พระดัง” ได้เกี้ยวพาราสีจนได้เสียกันและให้เงินแก่แม่ของน้อง “จ” จำนวน 1 ล้านบาทเพื่อปิดปาก จากนั้นไปสร้างบ้านที่ อ.เจริญศิลป์ และซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ ป้ายแดง 1 คันให้ พร้อมส่งเสียเงินให้เดือนละ 50,000 บาท แต่นานๆ จึงจะไปหาเพราะไม่ค่อยได้รับกิจนิมนต์ไปยังเส้นทางนั้น

    อย่างไรก็ตาม “พระดัง” มักฉวยโอกาสช่วงที่อยู่บ้านเกิดที่ จ.อุบลราชธานี แต่งชุดฆราวาสขับรถเบนซ์ไปหา “จ” จนถูกตำรวจทางหลวงอุบลราชธานีโบกรถและจับได้ครั้งหนึ่งว่าแต่งชุดฆราวาสขับรถ แต่ “พระดัง” และตำรวจทั้ง 2 นายรู้จักกันเนื่องจาก เคยมาขับรถนำขบวนให้เป็นประจำ “พระดัง” ได้ให้เงินค่าปิดปากตำรวจทางหลวง 2 นายที่พบเห็นคนละ 2 ล้านบาทเพื่อไม่ให้นำเอาเรื่องราวไปบอกใคร

    รายที่ 6 ปี 2555 “พระดัง” ป่วยเป็นไข้หวัดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ ได้พบกับพยาบาลคนหนึ่งชื่อ “ก” และมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในโรงพยาบาลที่เป็นห้องพิเศษ โดย “พระดัง” จะอ้างต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลชื่อดังจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งจะมีเพศสัมพันธ์กันภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล และส่งเสียเดือนละ 70,000 บาท ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีให้โดยตรง

    รายที่ 7 ปี 2555 ได้พบกับ “ด” สาวสวยชาว จ.มหาสารคาม แต่อ้างว่ามาเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ไปฟังการแสดงพระธรรมเทศนาของ “พระดัง” จากนั้นได้สนิทสนมกันจนกระทั่งมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง “พระดัง” ได้ซื้อรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด ป้ายแดงให้ “ด” 1 คัน เช่าแมนชั่นหรูหราที่กรุงเทพฯ ให้อยู่ และจะไปหาเป็นประจำในช่วงที่รับกิจนิมนต์อยู่กรุงเทพฯ เพราะยังเป็นสาวคนใหม่ ส่งเงินให้ใช้เดือนละ 60,000 บาท โดยโอนเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

    รายที่ 8 นอกจากนี้ ห้วงระหว่างปี 2552-2556 จะมีหญิงสาวใหญ่เจ้าประจำอยู่อีก 1 คน ชื่อ “จ” อายุ 45 ปี เป็นภรรยาสาวสวยของนักธุรกิจใหญ่ที่กรุงเทพฯ จะมาดูแล “พระดัง” สม่ำเสมอและสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เนื่องจากสามีของ “จ” ป่วย ทำให้ “จ” อ้างเป็นสาเหตุมาทำบุญให้ จึงได้เดินทางโดยเครื่องบินมาพบกับ “พระดัง” เป็นประจำ และ “จ” นำเอาทองคำหนักประมาณ 50 บาทที่เป็นมรดกของตระกูลสามีมาถวายให้ ปรากฏว่าลูกชายกลับจากสหรัฐอเมริกามาทราบเรื่องจึงโวยวายและให้ไปขอทองคำกลับคืนมา ทำให้ “พระดัง” ชู้รักต้องคืนทองคำให้ “จ” และ “จ” ยังเป็นเจ้าภาพในการถวายเงินเพื่อซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เตียงนอน เครื่องครัวต่างๆ ให้ “พระดัง”

    ทุกครั้งที่ “พระดัง” ไปเปิดสาขาใหม่ “จ” จะติดตามไปทุกแห่งหน รวมทั้งต่างประเทศ เช่น อินเดีย เนปาล ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ที่ “พระดัง” ไปเปิดสาขาอยู่ด้วย เนื่องจาก “จ” หึงหวงและทุ่มเทเงินทองให้ไปมาก จึงพยายามตามติดไปเฝ้าตลอดเวลาที่ทำได้

    ขอบคุณ : เอเอสทีวีผู้จัดการ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 Piyacheep S.Vatcharobol
    Yesterday at 5:40pm ·
    ตามที่สมาชิกสงสัยและส่งลึ้งค์มาให้ดูถึงความร่วมมือของรัสเซียกับสหรัฐ ตามที่มีข่าวทหารรัสเซียประมาร ๑๕,๐๐๐ นาย จะไปแถวๆ D.C. Several documents signed during joint work of Russian Emergency Ministry and FEMA RSS 26 June 11:32 อยากจะบอกลึกๆว่า มีที่มาที่ไปจากการร่วมกัน ๕ ประเทศ Join Task Force เป็นการประสานความร่วมมือในการปราบซอมบี้โดยตรงนะครับ ย้ำนะครับ ไม่ใช่ภาพยนตร์ หรือ เรื่องตลก ลงมือร่วมกันในหลายอย่าง จากพื้นฐานของการช่วยกันปราบซอมบี้ หรือ มหาพิบัติภัย (Mas events) สาระที่เป็นข่าวก็คือการเลือกเปลี่ยนข้อมูลและการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเฝ้าระวัง การคาดการณ์สถานการณ์ การให้ความช่วยเหลือ และลงนาม แลกเปลี่ยนความช่วยเหลือหากเกิดพิบัติภัยในทุกรูปแบบ all kinds of disasters และแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในกรณีพิบัติภัยใหญ่ๆ major disasters โดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคสนามในพื้นที่จริงในปี ค.ศ. 2013-2014 แปลกไหมครับ ตะหงิดๆไหมครับ ที่ ๒ ประเทศอยู่ห่างกันลิบๆ ทางตะวันตก มีจีน ญี่กุ่น เกาลี และ มหาสมุทรแปซิฟิก กั้น โวบีเลีย อลากาสก็หนาวเย็นประชากรเบาบางมาก ทางตะวันออกยิ่งแล้วใหญ่ มหาสมุทรแอตแลนติก และ ทวีปยุโรปกั้น แต่ต้องมาทำงานร่วมกันกับพิบัติภัยทุกรูปแบบ รวมถึงแบบธรรมชาติ และแบบผิดธรรมชาติจากนอกโลกด้วยใช่ไหม? และทำไมแค่ ๒ ปีเท่านั้น ทุกอย่างก้าวของหน่วยงาน RES และ FEMA แสดงถึงความเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ใหญ่มากๆๆๆๆ กำลังจะเกิดขึ้น พญาอินทรี พญาหมี ตื่นแล้ว พยายมคงมีงานหนักในเร็ววันใช่ไหมครับ? The Russian Emergency Situations Ministry and the USA Federal Emergency Management Agency (FEMA) are going to exchange experts during joint rescue operations in major disasters. This is provided by a protocol of the fourth meeting of the U.S.-Russia Bilateral Presidential Commission Working Group on Emergency Situations and seventeenth meeting of Joint U.S.-Russia Cooperation Committee on Emergency Situations, which took place in Washington on 25 June. The document provides for expert cooperation in disaster response operations and to study the latest practices. In addition, the parties approved of U.S.-Russian cooperation in this field in 2013-2014, which envisages exchange of experience including in monitoring and forecasting emergency situations, training of rescuers, development of mine-rescuing and provision of security at mass events. At the end of the meeting the parties expressed their satisfaction with the level of cooperation between the Russian Federation and the United States in the area of emergency prevention and response and agreed to develop it in order to respond efficiently to all kinds of disasters. — in อเมริกา-รัสเซียลงนามแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือในภัยพิบัติทุกรูปแบบ.
    65 Likes·11 Comments
    Like
    Comment
    Share
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556

    ขออภัยที่แจ้งช้า แต่หากท่านเป็นสมาชิกเครือข่ายจดทราบข้อมูลเร็วกว่าหน้านี้มาก
    มาตามคำขู่ อาทิตย์ที่แล้ว แต่ไม่น่าเกิดสึนามิ
    แรงสั่นสะเ,[ทนโดยตรงรับได้ถึงชุมพร ระนอง ก็อย่าได้ะกใจนะครับ สัญญาณเตือนการแตกร้าวรองแผ่นเปลือกโลกส่วนใน ที่โดนส่วนหน้าลากดึงจมลงไปในมหาสมุทรอินเดีย

    เฝ้าระวัง นิโคลบา อันดามัน ที่อาจไหวแรงและเแิดสึนามิตรงเข้าระนอง พังงากันอีกอย่างน้อย ๗ วันนะครับ

    ส่วนแนวศรีสวัสดิ์ ตาก ภาคเหนือ พม่า จีน ก็น่าจะไหวตามภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑๐ วันด้วย

    เป็นไงครับเมฆแผ่นดินไหวบนท้องฟ้าบางกอกที่ถามมาว่าจะเกิดไหม ๕๐๐ ถึง ๑'๐๐๐ กิโลเมตร ตรงตามสูตรแล้วใช่ไหมครับ สังเกตุตามที่แนะนำไปรับรองว่าำด้ผลครับ สิ่งที่ ดร.ก้องภพ บอก สอน แนะ ให้ตายเถอะโรบิ้น Errer = 0 ตลอดตรับ

    image.jpg
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 1 กรกฏาคม เวลา 22:54 UT เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์เป็น -มุมกว้าง- โดยทิศทางหลักออกไปทางทิศตะวันออก ด้านเดียวกับโลก จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเดินทางผ่านในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 3-4 กรกฏาคม และพลังงานแสง X-ray C1 ซึ่งเป็นระดับสูงปานกลาง บ่งบอกว่า ปฏิกริยาดวงอาทิตย์ที่มีมุมกว้างนั้นไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับแสง X-ray พลังงานสูงถึง M หรือ X class ที่ผิวดวงอาทิตย์เสมอไปครับ (Spaceweather Glossary: The Classification of X-ray Solar Flares)

    ก่อนหน้านี้ในวันที่ 30 มิถุนายน เวลา 2:24 UT เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์มากกว่าปกติเช่นกันในทิศทางที่ตรงกับโลก แต่พลังงานโดยรวมน้อยกว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเดินทางมาถึงโลกในวันที่ 3 กรกฏาคม เวลาระหว่าง 0 ถึง 6 UT +/- 6 ชั่วโมง ผู้ที่สนใจสามารถติดตามสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่โลกทางธรรมชาติได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 4 กรกฏาคม ครับ

    ข้อมูลเพิ่มเติมของเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นมีดังนี้
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของปฏิกริยาดวงอาทิตย์วันที่ 1-2 กรกฏาคม มุมมองจากโลก http://www.solarham.net/pictures/archive/jul2_2013_cme.jpg
    - วิดิโอปฏิกริยาดวงอาทิตย์มุมกว้างวันที่ 1 กรกฏาคม โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือของภาพ
    http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/01/behind_20130701_cor2_512.mpg
    - โมเดลจำลองการแพร่กระจายของคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์ในวันที่ 30 มิถุนายน http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=541162764

    image.jpg

    http://www.solarham.net/pictures/archive/jul2_2013_cme.jpg
    solarham.net
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้ 1 ใน ปริศนาทางธรรมชาติ ( Sailing Stones )
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้


    Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่

    image.jpg

    แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)

    ข้อมูลเกี่ยวกับเรซแทรค พลาย่า (Racetrack Playa)
    เรซ แทรค พลาย่า เป็นแอ่งทะเลสาบที่ค่อนข้างราบและแห้งแล้ง มีความยาวในแนวเหนือ-ใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร และกว้างในแนวตะวันออก-ตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะพื้นผิวเป็นระแหงโคลน (mud cracks) ส่วนมากประกอบด้วยตะกอนขนาดทรายแป้ง (silt) และดินเหนียว (clay)
    สภาพ ภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีปริมาณน้ำฝนเพียงสองนิ้วต่อปี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก น้ำปริมาณมากจะไหลจากภูเขาสูงชันที่อยู่ล้อมรอบเรซแทรค พลาย่าลงมาปกคลุมพื้นที่แอ่งจนกลายเป็นทะเลสาบตื้น ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนั้นบริเวณพื้นแอ่งจะเต็มไปด้วยดินเหนียวที่เหลวและอ่อนนุ่ม

    ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์ หรือ สัตว์ หรือไม่
    จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น


    จะเห็นว่า หินทุกก้อน ไม่มีร่องรอย ของการเข้าไปรบกวน หรือทำการเคลื่ยนย้ายโดยคน หรือสัตว์ เพราะไม่มี รอยเท้า และพื้นที่ก็กว้าง เกินกว่าจะใช้ไม้หรือวัตถุเขี่ยถึง

    สมมุติฐานของ การเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
    ทางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก ลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฎการณ์นี้ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนาดกับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน ไ้ด้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้ เดินน้อยกว่า 5 เซ็นติเมตร และ ถ้าต้องการให้ ดินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง

    จะเห็นว่าหิน บางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป แต่นั้นก็อาดจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้


    หินบางก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 100 กิโลกรัม ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้
    บางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก น้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่าเคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ แนวคิดหนึ่งอธิบายว่าเมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัวและแต่ต่อมามีลมพัดผ่านผิว ด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อนที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย แต่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นคาดว่าจะต้องมีการ ทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆ ด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยนั้น

    และนั้นจึงทำให้มันยังคง เป็น ปริศนา ที่ต้องมีการศึกษาและ หาคำตอบกันอีก ต่อไป

    บทความที่เกี่ยวข้องกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 ไหวมี่นี่อีกแล้วน่ะครับ เมื่อวานก็ไหว
    เมื่อ 19.39 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.7 บริเวณ Yellowstone National Park Montana ที่ความลึก 10.30 กม.
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ขอให้อย่าเกิดเหตุการณ์ข้างล่างเลยสาธุ
    พอดีได้อ่านบทความจาก atcloud มา

    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่นักธรณีวิทยา​หรือ​นักวิทยาศาสตร์​ค้น​พบจริงๆ​นะครับ(แปล​จาก​เว็ปไซต์​ BBC)

    1) ​ขนาด​ของ​ Supervolcano ​ที่เยลโล่สโตน มีขนาดไม่เล็กกว่า 280 ตร.กม.ครับ ใหญ่พอๆ​กับ​เมืองโตเกียว​ ​เมืองหลวงของญี่ปุ่น​หรือ​เมืองที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​โลก​ ​และการระ​เบิดสามารถเกิดต่อเนื่องกันติดต่อ​กัน​ได้​นาน​เป็น​สัปดาห์ (มีอันใหญ่กว่านี้ด้วยนะ แต่ที่เขาว่ามันถึงรอบระเบิดก็เยลโล่สโตนนี่แหละ)

    2) ​ความ​รุนแรงของการระ​เบิดมีพลังงาน​เท่า​กับ​ระ​เบิดนิวเคลียร์​ถึง 1,000 ​ลูกที่​เมืองฮิ​โรชิมา​ใน​ทุกๆ​เวลา​ 1 ​วินาที​ ​นั่นหมายถึงว่าประ​เทศอเมริกาประมาณครึ่งประ​เทศ​จะได้​รับ​ความ​เสียหาย​จาก​การระ​เบิดครั้งนี้

    3) Supervolcano ที่​ Yellowstone ​เคยเกิดขึ้น​แล้ว​ 3 ​ครั้ง​ โดยมีช่วงระยะ​เวลาห่างของการระ​เบิดแต่ละครั้ง ประมาณ​ 6 ​แสน​กว่า - 7 ​แสนปี​ ​อายุของอุทยานแห่งชาติ Yellowstone ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาถึงปัจจุบันคือ 640,000 ปี ซึ่ง​หมาย​ความ​ว่าาในช่วงเวลานับจากนี้อยู่ในรอบของการระ​เบิดครั้งต่อไป​​แล้ว​ (เวลา 1-5 ปี สั้นมากสำหรับระยะเวลาโลก ไม่ต่างอะไรกับเวลาไม่กี่วินาทีของคน อาจคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย แต่หมายถึงว่ามันถึงรอบของมันอีกรอบแล้ว ในช่วงระยะเวลาอนใกล้นี้
    (มากกว่านั้นด้วยครับ เพราะฉะนั้นคลาดเคลื่อน 10-20 ปียังนิดเดียวเท่านั้นสำหรับโลก)

    4) หลักฐานการเกิด Supervolcano ​เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายที่​เกาะสุมาตราประ​เทศอินโดนิ​เซีย​ ​จากการศึกษา การระ​เบิดของ​ supervolcano ​นั้น​จะ​ส่งผล​ให้​โลกตก​อยู่​ภาวะที่​เรียกว่า​ Nuclear winter ​ยาวนาน​ถึง​ 10 ​ปี​ ​นอก​จาก​นี้​ยัง​มีหลักฐานทางโบราณคดีที่​ค้น​พบคือ​ ​ซากฟอสซิลของแรด​ใน​ยุคที่มีการระ​เบิด​นั้น​ ​สำ​ลักควัน​จาก​ภู​เขา​ไฟตาย​ ​แม้​จะ​อยู่​ห่าง​จาก​จุดระ​เบิด​ไกล​ถึง​ 1000 ​ไมล์

    5) ​นักวิทยาศาสตร์ลง​ความ​เห็นสรุป​ไว้​ว่า​ ​การระ​เบิดครั้งต่อไปที่​ Yellowstone ​นั้น​เกิดขึ้นแน่นอน​ ​แต่คำ​ถามที่​ไม่​มี​ใคร​สามารถ​ตอบ​ได้​คือ​ ​เรา​ไม่​รู้ว่ามัน​จะ​เกิดครั้งต่อไปเมื่อ​ใด​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​นักวิทยาศาสตร์บาง​ส่วน​มี​ความ​เห็นว่าการระ​เบิดครั้งต่อไป​ยัง​ไม่​น่า​จะ​เกิดขึ้น​ใน​รุ่นอายุของเรา

    หนังเรื่องนี้​ ​มีในช่อง​ Discovery Channel ​ของอเมริกา​ ค่อ
    Supervolcanoes ​แตกต่าง​จาก​ภู​เขา​ไฟ​ทั่ว​ไปที่​เรารู้จัก​ ​คือ​ไม่​ได้​มีลักษณะ​เป็น​ปล่องภู​เขา​ไฟ​ ​แต่มันซ่อนตัว​อยู่​ลึก​ใต้​พื้นดิน​ ​และ​ยากต่อการตรวจพบ​ ​ภู​เขา​ไฟ​โดย​ทั่ว​ไปเกิด​จาก​การที่หินละลาย​ใต้​เปลือกโลก​ ​ถูกแรงดันมหาศาลภาย​ใน​โลกผลักดัน​ให้​ปะทุออกมาบนผิวโลก​ ​แต่สำ​หรับ​ Supervolcanoe ​นั้น​แทนที่หินละลายเหล่านี้​จะ​ระ​เบิดออกมาที่ผิวโลก​ ​มันกลับเกิดการ​ ​สะสม​กัน​ก่อน​เป็น​เวลาหลายพันปี​เกิด​เป็น​บ่อหินละลายขนาดยักษ์​ ​ซึ่ง​อยู่​ใต้​พื้นโลกลึกลงไป​ ​นักธรณีวิทยา​เรียกว่าบ่อหินละลาย​ใต้​ดินนี้ว่า​ Magma chamber

    หินละลาย​หรือ​ Magma ​ที่สะสม​อยู่​ใน​ Magma chamber ​นั้น​จะ​ทับถม​กัน​จนหนาหลายสิบกิ​โลเมตร​ ​ซึ่ง​มัน​จะ​ดูดซับเอาก๊าซต่างๆ​ ​เช่น​ ​ก๊าซซัลเฟอร์​ไดอ๊อกไซด์​ ​และ​ ​คารบอนไดอ๊อกไซด์​ไว้​ ​ก๊าซเหล่านี้​เมื่อสะสม​กัน​เวลาหลายๆ​ ​พันปีก็​จะ​เกิดแรงดันมหาศาล​ ​และ​เมื่อ​ถึง​จุดๆ​หนึ่งก็​จะ​ระ​เบิดประทุขึ้นมา​เหนือผิวโลก​ ​ด้วย​ความ​รุนแรงมากกว่าการระ​เบิด​จาก​ภู​เขา​ไฟธรรมดาหลายร้อย​เท่า​ ​นักธรณีวิทยาพบว่า​ Supervolcanoes ​นั้น​โดย​มาก​จะ​เกิด​ใน​บริ​เวณที่​เรียกว่า​ Subduction zone ​ซึ่ง​เป็น​บริ​เวณที่​เปลือกโลก​ใน​พื้นมหาสมุทร​ ​เคลื่อนตัวลงไป​ใต้​ชั้นหินของแผ่นทวีป​ ​เช่น​ ​บริ​เวณชายฝังแปซิฟิกของสหรัฐอเมริก​ ​และ​ ​บริ​เวณประ​เทศอินโดนิ​เชีย​เป็น​ต้น​

    การระ​เบิดของ​ Supervolcanoes ​นี้​จะ​ไม่​เหมือนการระ​เบิดของภู​เขา​ไฟธรรมดาออกมา​จาก​ปล่องภู​เขา​ไฟ​ ​เมื่อ​Supervolcanoes ​ประทุขึ้นมัน​จะ​พ่นหินละลายออกสู่ผิวโลก​ด้วย​ความ​เร็ว​สูง​ Magma ​ที่สะสม​อยู่​ใน​ Magma chamber ​ใต้​ดิน​จะ​ถูกพ่นออกมา​และ​หมดไปอย่างรวด​เร็ว​ทำ​ให้​เปลือกโลกที่​อยู่​ข้างบนยุบตัวลงไป​ ​เกิด​เป็น​หลุมขนาดยักษ์​ ​เหมือน​กับ​หลุมที่​เกิด​จาก​การพุ่งชน​ ​ของอุกกาบาต​ ​ซึ่ง​นักธรณีวิทยา​เรียกหลุมที่​เกิด​จาก​การระ​เบิดของ​ Supervolcanoes ​ว่า​ Caldora

    นอก​จาก​นั้น​เถ้า​ถ่านภู​เขา​ไฟ​จาก​การระ​เบิดครั้ง​ใหญ่​นี้​จะ​ปกคลุมบรรยากาศ​ ​ก๊าซจำ​พวกซัลเฟอร์​ไดออกไซด์​จะ​สะท้อนแสงอาทิตย์​ไม่​ให้​ตกลงมาสู่พื้นโลก​ได้​เต็มที่​ ​ทำ​ให้​อุณหภมิ​โลกลดลง​ ​อย่างรวด​เร็ว​ ​เกิดปรากฏการณ์ที่​เรียกว่าฤดูหนาวนิวเคลียร์​ ( nuclear winter )

    ใน​ประวัติศาสตร์ของมนุษย์​นั้น​ไม่​เคย​ได้​มีการบันทึกการระ​เบิดของ​ Supervolcanoes ​เอา​ไว้​ ​แต่​จาก​หลักฐานทางธรณีวิทยา​นั้น​พบว่า​ Supervolcanoes ​ได้​ระ​เบิดครั้งล่าสุดเมื่อ​ 75,000 ​ปีมา​แล้ว​ ​คือภู​เขา​ไฟ​ ​โทบา​ (Toba) ​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​บนเกาะสุมาตราประ​เทศอินโดนิ​เชีย​

    สำ​หรับที่อุทยานแห่งชาติ​ Yellowstone Park ​ใน​อเมริกา​นั้น​ ​จาก​หลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า​ ​ได้​เคยเกิดการระ​เบิดของ​ Supervolcanoes ​มา​แล้ว​อย่างน้อย​ 3 ​ครั้งแต่ละครั้งห่าง​กัน​เป็น​เวลาประมาณ​ 600,000 ​ปี​ ​ที่น่าตกใจคือครั้งล่าสุดที่​เกิดการปะทุขึ้น​นั้น​เมื่อ​ 640,000 ​ปีมา​แล้ว​

    นักธรณีวิทยา​ ​ศ​. ​โรเบิรต์​ ​สมิต​ ( Robert Smith )​แห่งมหาวิทยาลัยยูทารห์​(University of Utah) ​ได้​ทำ​การวัดขนาดของ​ Magma chamber ​ที่ฝังตัว​อยู่​ภาย​ใต้​ Yellowstone Park ​โดย​อาศัย​
    คลื่น​ความ​สั่นสะ​เทือนของแผ่นดินใหว​ ​พบว่าขนาดของ​ Magma chamber ​ที่​ Yellowstone ​มีขนาดมหึมา​ ​ความ​กว้างประมาณ​ 20 ​กิ​โลเมตร​ ​ความ​ยาวประมาณ​ 40 ​ถึง​ 50 ​กิ​โลเมตร​และ​ลึก​ไม่​ต่ำ​กว่า​ 10 ​กิ​โลเมตร​

    หลักฐาน​จาก​ชั้นหิน​ใต้​มหาสมุทรอินเดีย​ ​และ​ ​แท่งน้ำ​แข็ง​ ​ชี้​ให้​เห็นว่า​ ​การระ​เบิดของภู​เขา​ไฟ​ ​โทบา​ใน​อินโดนิ​เซียเมื่อ​ 75,000 ​ปีมา​แล้ว​นั้น​ ​ทำ​ให้​อุณหภูมิ​เฉลี่ยของโลกลดต่ำ​ลงกว่า​ 5 ​องศา​เซลเซียส​ ​ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย​ ​ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม​ ​อย่างรุนแรง​และ​อาจนำ​มา​ซึ่ง​การสูญพันธ์ของพืช​และ​สัตว์จำ​นวนมหาศาล​

    ว่าแต่ที่แน่ๆตอนนี้ภูเขาไฟของอินโดคำรามฮึ่มฮั่มรอบที่สองแล้วนะ
    ไม่รู้ว่าจะเป็นไงต่อไป ได้แต่ติดตามครับ
    ขอบคุณ

    คิดว่าจะมีอะไรมาทำให้ภูเขาไฟลูกนี้ระเบิดไหม
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 หลุม Coronal hole หลุมใหม่ครับ ผมว่าใหญ่ใช้ได้ครับ
    image.jpg
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฏาคม 2556
    Piyacheep S.Vatcharobol
    จากภาพมาทำให้ผมไปถ่ายเมฆและดวงอาทิตยที่ถ่ายจากสุโขทัยยามเช้า ปรากฏเป็นพระอาทิตย์ทรงกลดซ้อนกันหลายดวง และภาพถ่านเมฆแผ่นดินไหว ทำให้ผมไปถ่ายภาพดวงอาทิย์และเมฆบ้าง

    สิ่งที่ผมเห็นผ่านกล้องคือ ดูอาทิตย์ซ้อนกัน ๕ ดวง ซึ่งพยายามเปลี่ยนมุมกล้อง แต่ดวงอาทิตย์ที่ ซ้อนกันไม่เปลี่ยนมุมตาม ยังซ้อนกันแบบเดิม เวลาถ่ายภาพมามุมกว้างเห็นทรงกลมดวงเดียว พอถ่ายซูม ปกติจะออกมากลม แต่ปรากฏว่าออกมาเป็นทางยาวๆ ไม่เป็นทรงกลม และภาพนี้ เหมือนมีแหล่งพลังงานต่างหาก จากที่เห็นซ้อนกัน ๕ ดวงเข้าไปอีก แปลกครับ ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ และคงไม่หา เพราะเสียเวลาเดินหน้า เพราะปรากฏการณ์ทุกอย่าง ล้วนเป็นลางบอกเหตุหมดนั่นเอง

    image.jpg
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 2 กรกฎาคม 2556

    Piyacheep S.Vatcharobol shared a link.
    2 hours ago ·
    ไม่ถึง ๑ เดือน ในอเมริกา ฝน น้ำ ทำให้ถนนขาดเสียหายทั่วประเทศมากกว่า ๑๕ แหล่ง ถนนที่น่าจะได้มารตราฐานมากที่สุดในโลก ยังพังทลายได้ขนาดนี้จากฝน น้ำท่วมฉับพลัน

    สยามประเทศก้อยู่ในซีกโลกเหนือ เช่นเดียวกันใช่ไหมครับ?

    image.jpg

    Siripol Pong
    Roadways Wash Out Across North America - Earth Changes and the Pole Shift
    Roadways Wash Out Across North America
    poleshift.ning.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...