ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    Piyacheep S.Vatcharobol
    about an hour ago.ชอุตนี้ลึก ๒๐๐ กิโลเมตรบนยอดเขาต้นทางหิมาลัย
    โอกาสเกิดสึนามิใหญ่เดือนนี้มากกว่า ๕๐%แล้วครับ

    1010011_524653020935452_1421180986_n.jpg

    ผมไปหาข้อมูลเพิ่มจาก เว็บภัยพิบัติน่าจะเป็นแผ่นดินไหวนี้น่ะครับ
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 ■เมื่อ 14.04 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.2 บริเวณ แถบเทือกเขาฮินดู คุช ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ความลึก 203.80 กม.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลจากเฟส อาจารย์ปิยะชีพ
    image.jpg
     
  3. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    เมื่อจิตใจของคนลุ่มหลงลาภยศสรรเสริญมากเกินไป
    จึงแก่งแย่งแข่งขันทำทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้ ให้ได้มาซึ่งลาภยศสรรเสริญ
    ความเมตตาปรารถนาดีต่อกันจึงน้อยลง

    โกรธมากขึ้นๆจิตเป็นไฟมากเกิน ไฟในโลกนอกโลกจึงลุกโชน

    ความอ่อนโยนดั่งน้ำที่ไม่ได้เกิดจากความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน แต่เกิดจากการแสร้งทำเพื่อให้ได้ลาภยศสรรเสริญ
    ความอ่อนโยนดั่งน้ำที่ไม่ดีจริงนี้ ย่อมเบียดเบียดตนและผู้อื่นได้ ถ้ามากเกิน น้ำในโลกนอกโลกย่อมแปรปรวน

    ความรักที่รุนแรงยึดมั่นรัดมั่น ดั่งดินที่ยึดแน่นรัดแน่นรุนแรง ถ้ามากเกินก็อาจแตกได้

    ก้อนหินก้อนดินที่เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็เย็นเดี๋ยวน้ำก็กระแทกจะไม่แตกไม่มี แผ่นดินที่ลมไฟน้ำแปรปรวนรุนแรงจะไม่สั่นไม่ไหวได้อย่างไร

    เมื่อจิตใจไหว ลมก็ไหว ไฟก็ไหว ดินก็ไหว น้ำก็ไหว

    กันยาฯจ๋าเธออย่าทะเลาะกัน ตุลาฯจ๋าเธออย่าโกรธกัน
    ควรมิควรแล้วแต่จะเมตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณเดิมอีกครั้งอาจารย์ปิยะชีพให้เป็นจุดสังเกตว่า
    จะทำให้โอกาสเกิด สึนามิสูงขึ้นืเป็น 50 % วันนี้เกิดครั้งที่ 2 โอกาสเกิดสึนามิจะเพิ่มขึ้นไหม ผมไม่ทราบเพราะความรู้ผมน้อยครับ ต้องไปถามท่านอาจารย์เองครับ


    เมื่อ 18.31 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.4 บริเวณ แถบเทือกเขาฮินดู คุช ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ความลึก 216.90 กม.
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 หลังจากประทุระดับพลังขนาด M1.5 ขณะนี้ปฏิกิริยาบนดวงอาทิตย์พุ่งขึ้นสูงครับ ประทุระดับ C เยอะเลยครับ

    Capture.JPG
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Classification of X-ray Solar Flares
    or "Solar Flare Alphabet Soup"

    A solar flare is an explosion on the Sun that happens when energy stored in twisted magnetic fields (usually above sunspots) is suddenly released. Flares produce a burst of radiation across the electromagnetic spectrum, from radio waves to x-rays and gamma-rays. [more information]

    Scientists classify solar flares according to their x-ray brightness in the wavelength range 1 to 8 Angstroms. There are 3 categories: X-class flares are big; they are major events that can trigger planet-wide radio blackouts and long-lasting radiation storms. M-class flares are medium-sized; they can cause brief radio blackouts that affect Earth's polar regions. Minor radiation storms sometimes follow an M-class flare. Compared to X- and M-class events, C-class flares are small with few noticeable consequences here on Earth.

    This figure shows a series of solar flares detected by NOAA satellites in July 2000:

    1.JPG


    Each category for x-ray flares has nine subdivisions ranging from, e.g., C1 to C9, M1 to M9, and X1 to X9. In this figure, the three indicated flares registered (from left to right) X2, M5, and X6. The X6 flare triggered a radiation storm around Earth nicknamed the Bastille Day event.

    2.JPG

    Spaceweather Glossary: The Classification of X-ray Solar Flares
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Updated 07/04/2013 @ 02:15 UTC
    Solar Update
    Good evening. Solar activity has been low this evening with numerous C-Class flares detected, including a C8 flare around Sunspot 1785 at 00:06 UTC. This cluster now spans the area of 570 millionths and contains a Beta-Gamma magnetic configuration. There will be an ongoing chance for moderate M-Class flares and a slight risk for a major X-Class event. Will there be any 4th of July fireworks on the Sun? Stay Tuned to SolarHam.com for the latest information.

    Sunspots 1785 and 1787 (Early Thursday) - SDO/HMI

    jul4_2013_1785.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 หลังจากดวงอาทิตย์ประทุ solar flare ระดับ C8.9 ได้มีการประทุ Solar flare อีก 5 ครั้งตามมาครับ แรงพอสมควร ? เกิดอะไร
    Capture.JPG
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ

    วัดโพธิ์แมนคุณาราม

    นายชะเอม แก้วคล้าย แปลจากต้นฉบับสันสกฤต



    โอม ข้าพเจ้าขอนมัสการพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระตถาคต พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวกทั้งปวง และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่มีในอดีตอนาคตและปัจจุบัน ข้าพเจ้าจักพรรณนา สัทธรรมปุณฑรีกสูตร ซึ่งเป็นสูตรที่สมบูรณ์และสำคัญ เป็นสูตรที่แสดงการจุติ (อวตาร) เพื่อแนะนำประโยชน์สูงสุด และเป็นแนวทางอันยิ่งใหญ่แก่สัตว์ทั้งหลาย

    บทที่1

    นิทานปริวรรต

    บทนำ

    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ว่า สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฎ ในเมืองราชคฤห์ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์จำนวนมาก คือพระภิกษุ 1200 รูป ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ หมดทุกข์ ปราศจากกิเลส มีจิตและปัญญาหลุดพ้นแล้ว เป็นบุรุษอาชาไนย ได้กระทำกิจอันความกระทำแล้ว เหมือนพญาช้างผู้มีภารกิจที่ได้ทำสำเร็จแล้ว เพราะความรู้ชอบในการควบคุมความคิดทั้งปวง ได้ฌานอภิญญา พระมหาสาวกเหล่านั้น อาทิ ท่านอัชญาตเกาณฑินยะ ท่านอัสวชิตะ ท่านวาษปะ ท่านมหานามะ ท่านภัทริกะ ท่านมหากาศยปะ ท่านอุรุวิลวกาศยปะ ท่านนทีกาศยปะ ท่านคยากาศยปะ ท่านศาริบุตร ท่านมหาเมาทคัลยายะ ท่านมหากาตยายนะ ท่านอนิรุทธะ ท่านเรวตะ ท่านกัปผินะ ท่านความปติ ท่านปิลินทวัตสะ ท่านพักกุละ ท่านมหาเกาษฐิละ ท่านภรทวาชะ ท่านมหานันทะ ท่านอุปนันทะ ท่านสุนทรนันทะ ท่านปูรณไมตรายณีปุตระ ท่านสุภูติ และท่านราหุล พร้อมทั้งมหาสาวกอื่นๆนอกจากที่กล่าวแล้ว อาทิ ท่านอานนท์ผู้เป็นเสขบุคคล พร้อมด้วยพระภิกษุอื่นอีก 2000 รูป บางรูปเป็นพระเสขะ บางรูปเป็นพระอเสขะ ภิกษุณี 6000 รูป มีพระนางมหาประชาบดีเป็นประมุข และท่านภิกษีอโศธรา ผู้เป็นพระมารดาของพระราหุล รวมทั้งบริวารด้วย กับ พระโพธิสัตว์ 80000 องค์ ทุกองค์เป็นผู้ไม่หวั่นไหว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้ได้ธารณีในการตรัสรู้อันประเสริฐยิ่ง เป็นผู้ดำรงอยู่ มีมหาปฎิภานยิ่ง ผู้ได้เข้าใกล้ พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์ ที่ได้หมุนธรรมจักรให้เคลื่อนไป ผู้มีกุศลมูล ที่ได้ทำกับพระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์ ผู้ได้สดุดีพระพุทธเจ้านับแสนพระองค์มาแล้ว ผู้มีกายและจิตอันเปี่ยมด้วยเมตตา ผู้มีสายสกุลสืบต่อปัญญาของพระตถาคต มีปัญญามาก เข้าถึงคติแห่งปรัชญาปารมิตา เป็นที่รู้จักในหลายแสนโลกธาตุ และเป็นผู้ช่วยเหลือสัตว์จำนวนหลายหมื่นโกฎิ เหมือนอย่างพระโพธิสัตว์มหาสัตว์มัญชุศรีกุมารภูตะ พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปตะ พระสรวารถนามัน พระนิตโยทยุกตะ พระอนิกษิปตธุระ พระรัตนปาณี พระไภษัชยราช พระไภษัชยสมุทคตะ พระวยูหราช พระประทานศูระ พระรัตนจันทระ พระรัตนประภานะ พระสตตสมิตาภิยุกตะ พระธรณีธระ พระอักษยมติ พระปัทมศรี พระนักษัตรราช พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไมไตรยะ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์สิงหะ กับสัตบุรุษ16 คน ซึ่งมีภัทรปาละ เป็นผู้น้ำ คือภัทรปาละ รัตนากระ สุสารถวาหะ นรทัตตะ คุยหคุปตะ อรุณทัตตะ อินทรทัตตะ อุตตรมติ วิเศษมติ วรรธมานมติ อโมฆทรรศี สุสัมประสถิตะ สุวิกรานตวิกรามี อนุปมมติ สูรยครรภะ และธรณีนธระ พร้อมกับพระโพธิสัตว์ 80,000องค์ ซึ่งท่านที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นผู้นำ พร้อมด้วยท้าวสักกะ จอมแห่งทวยเทพ ซึ่งมีเทพบุตร 20,000 องค์ เป็นบริวาร อาทิ จันทรเทพบุตร สูรยเทพบุตร สมันตคันธเทพบุตร รัตนประภาเทพบุตร อวภาสประภาเทพบุตร และเทพบุตร 20,000 องค์ ซึ่งมีเทพที่กล่าวมาแล้วเป็นผู้นำ และพร้อมทั้งมหาราชทั้ง 4 ซึ่งมีเทพบุตร 30,000 องค์ เป็นบริวาร คือมหาราชวิรูตกะ มหาราชวิรูปากษะ มหาราชธฤตราษฎระ และมหาราชไวศรวณะ และเทพบุตรอีศวร เทพบุตรมเหศวร ซึ่งทั้งสองมีเทพบุตร 30,000 องค์เป็นบริวาร และพร้อมทั้งสหามบดีพรหม ซึ่งมีเทพบุตรรูปพรหม 12,000 องค์เป็นบริวาร ได้แก่ ศิบิพรหม และชโยติษประภาพรหม เป็นต้น พร้อมด้วยเทพบุตรรูปพรหม 12,000 องค์ ซึ่งมีพรหมที่กล่าวนามมาแล้วเป็นผู้นำ พร้อมด้วยพญานาคราช ทั้งแปด ซึ่งมีพญานาคราชหลายแสนโกฏิเป็นบริวาร ได้แก่ นาคราชนันทะ นาคราชอุปนันทะ นาคราชสาคระ นาคราชวาสุกี นาคราชตักษกะ นาคราชมนัสวิน นาคราชอนวตัปตะ และนาคราชอุตปลกะ พร้อมด้วยกินนรราชทั้งสี่ ซึ่งมีกินนรหลายแสนโกฏิเป็นบริวาร ได้แก่กินนรราชทรุมะ กินนรมหาธรรมะ กินนรสุธรรมะ กินนรธรรมธระ และเทพบุตรคนธรรพ์ทั้งสี่ ซึ่งมีคนธรรพ์หลายแสนเป็นบริวาร คืนคนธรรพ์มโนชญ์ คนธรรพ์มโนชญ์สวระ คนธรรพ์มธุระ และคนธรรพ์มธุรสวระ จอมอสูรทั้งสี่ ซึ่งมีอสูรหลายแสนโกฏิเป็นบริวาร คือจอมอสูรพลี จอมอสูรบรัสกันธะ จอมอสูรเวมจิตรี และจอมอสูรราหู กับจอมครุฑทั้งสี่ ซึ่งมีครุฑหลายแสนโกฏิเป็นบริวาร คือจอมครุฑมหาเตชะ จอมครุฑมหากายะ จอมครุฑมหาปูรณะ จอมครุฑมหาฤทธิปราปตะ รวมทั้งพระเจ้าอชาตศัตรูราชาแห่งมคธนคร ผู้เป็นโอรสของพระนางเวเทหิด้วย

    นัยว่า สมัยนั้นพระผู้มีพระภาค ซึ่งมีบริษัทสี่ แวดล้อม ถวายความเคารพ นบนอบ ยกย่อง นับถือ สรรเสริญ บูชา และนอบน้อมแล้ว หลังจากได้ตรัสพระสูตรธรรมบรรยายที่ซึ่อว่า “มหานิรเทศ” อันเป็นคำสอนที่ไพบูลย์ยิ่ง เป็นคำสอนที่ทรงแสดงแก่พระโพธิสัตว์และเป็นคำสอนที่เกื้อหนุนต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แล้วทรงประทับนั่งบนธรรมาสน์ใหญ่นั้น นั่นแล ทรงเข้าสมาธิที่เรียกว่า “อนันตนิรเทศประดิษฐาน” มีพระวรกายนิ่ง จิตสงบ ก็ในขณะที่พระผู้มีพระภาค ทรงเข้าสมาธินั้น สายฝน ดอกไม้ทิพย์จำนวนมาก คือดอกมณฑารพ ดอกมหามณฑารพ ดอกมัญชูษกะ และดอกมหามัญชูษกะ ได้โปรยลงเหมือนสายฝนตกต้องที่พระผู้มีพระภาค และบริษัททั้งสี่ ทำให้พุทธเกษตรทั้งปวง สั่นสะเทือนเป็นหกจังหวะคือ เคลื่อนไป-เคลื่อนมา ฟูขึ้น-ยุบลง โคลงไป-โคลงมา นัยว่า สมัยนั้น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร พญานาค มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งอยู่ในที่ประชุมนั้น ทั้งพระราชา พระจักรพรรดิผู้มีพลัง ที่ครองนครทั้งหลายและจักรพรรดิผู้ครองทวีปทั้งสี่ ซึ่งประทับนั่งอยู่ที่นั้น ทั้งหมดพร้อมด้วยบริวาร ได้พากันมองมาที่พระผู้มีพระภาค และได้ถึงความประหลาดใจ อัศจรรย์ใจไปตามๆกัน

    ก็ในเวลานั้นแล รัศมีดวงหนึ่งได้ฉายออกมาจากกลุ่มพระอูรณะ (พระโลมารูปวงกลม) ระหว่างพระขนงของพระผู้มีพระภาค พระรัศมีนั้นแผ่คลุมไปทั่ว 18,000 พุทธเกษตร ในทิศบูรพา และพุทธเกษตรทั้งหมดนั้น ได้ปรากฏ สว่างไสวไปด้วยแสงรัศมีนั้น จนถึงอเวจีมหานรก และจรดจุดสูงสุดของขอบจักรวาล อนึ่งในพุทธเกษตรเหล่านั้น สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่มีอยู่ในคติทั้งหก ก็เห็นกันโดยถ้วนทั่ว และในพุทธเกษตรเหล่านั้น พระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง ที่ทรงประทับยืน นั่ง และดำเนินไปอยู่ ก็ได้เห็นกันทั่ว พระธรรมทั้งหมด ที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย แสดงก็ได้ยินกันอย่างทั่วถึง ในพุทธเกษตรเหล่านั้น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้ฝึกโยคะ ผู้บรรลุ และยังไม่ได้บรรลุผลวิเศษทุกคนก็ได้เห็นกันถ้วนทั่ว ในพุทธเกษตรเหล่านั้น พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ ทั้งหมด ที่ประพฤติข้อวัตร ปฏิบัติของพระโพธิสัตว์ ด้วยความฉลาดในอุบาย อันมีการฟัง การยึดมั่นและการน้อมใจเชื่อเป็นเหตุต่างๆ มิใช่น้อย ก็ได้ปรากฏให้เห็นในพุทธเกษตรทั้งหลายเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวงที่ปรินิพพานแล้ว ก็มาปรากฏให้เห็นในพุทธเกษตรเหล่านั้น แม้พระสถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายทั้งปวง ที่สร้างด้วยรัตนะต่างๆ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลาย ผู้ดับขันธปรินิพพานนานแล้ว ก็ปรากฏให้เป็นเช่นกัน

    ครั้งนั้นแล พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไมเตรยะ ได้ทรงมีดำริว่า พระตถาคตได้ทรงทำมหานิมิตปาฏิหาริย์นี้ จักมีเหตุอะไรหนอ อะไรเป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาค ได้ทรงกระทำมหานิมิตปาฏิหาริย์เห็นปานนี้ และพระผู้มีพระภาค ได้ทรงเข้าสมาธิแล้ว ฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์เห็นปานนี้ จึงเป็นอจินไตย ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว เราควรจะถามเนื้อความที่ควรจะถามนี้หรือหนอแล ณ ที่นี้ ใครหนอ พึงเป็นผู้สามารถที่จะทำให้เนื้อความนี้กระจ่างได้ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไมเตรยะนั้น ได้ทรงมีดำริต่อไปว่า พระโพธิสัตว์มัญชุศรีกุมารภูตะองค์นี้ผู้มีอธิการได้กระทำแล้วต่อพระชินเจ้าองค์ก่อนๆ มีกุศลมูลอันปลูกฝังไว้แล้ว (ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ)และได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าจำนวนแล้ว อนึ่ง นิมิตเช่นนี้ ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน จักเป็นสิ่งที่พระโพธิสัตว์มัญชุศรีกุมารภูตะนี้ได้เคยเห็นมาแล้ว ก็แล การถามธรรมะอันยิ่งใหญ่ก็เคยมีมาแล้ว เราควรถามข้อความนี้กะท่านพระมัญชุศรีกุมารภูตะ ดีไหมหนอ? บริษัทสี่ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา และเทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร พญานาค มนุษย์ และอมนุษย์ ทั้งหลาย จำนวนมากเหล่านั้น เห็นปรากฏการณ์แห่งปาฏิหาริย์ ที่เป็นเช่นนี้ เป็นนิมิตหมายอันยิ่งใหญ่ของผู้มีพระภาค ก็ประหลาด มหัศจรรย์ใจ โกลาหล คิดกันว่า ทำไมหนอ พวกเราจึงไม่ถามปรากฏการณ์แห่งอิทธิปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่เห็นปานนี้ของพระผู้มีพระภาค

    ขณะนั้นแล พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไมเตรยะ ได้ทรงทราบความปริวิตกแห่งจิตของบริษัทสี่ด้วยจิตเช่นกันและตนเองก็สงสัยในธรรม จึงได้ถามพระโพธิสัตว์มัญชุศรีกุมารภูตะในเวลานั้นว่า ข้าแต่พระมัญชุศรี ณ ที่นี้ อะไรเล่าเป็นเหตุ อะไรเล่าเป็นปัจจัย ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แห่งฤทธิ์ของพระผู้มีพระภาค ที่เป็นมหัศจรรย์ถึงเพียงนี้และพุทธเกษตร 18000 เหล่านี้ ที่มีพระตถาคตซึ่งปรินิพพานแล้ว และพระตถาคตที่กำลังสั่งสอนศาสนาธรรมอยู่ ปรากฏเห็นเป็นวิจิตรสวยงามน่าดูเป็นอย่างยิ่ง

    ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไมเตรยะ ได้ทรงกล่าวกับพระมัญชุศรีกุมารภูตะ ด้วยคาถาทั้งหลายว่า

    1 ข้าแต่พระมัญชุศรี เพราะเหตุใดเล่า พระผู้นำของนรชน (พระผู้มีพระภาค) จึงทรงเปล่งพระรัศมีออกมา และพระรัศมีซึ่งมีแสงประกายนี้ ได้ปรากฏจากกลุ่มพระอูรณะ ซึ่งอยู่ระหว่างพระขนง

    2 ทวยเทพทั้งหลาย มีความยินดีได้โปรยปรายดอกมณฑารพ ดอกมัญชูษกะผสมผงผงจันทน์ซึ่งเป็นทิพย์ มีกลิ่นหอมน่ารื่นรมย์ ลงมาเป็นห่าฝน

    3 ปฐพีทั้งปวงงามไปทั่วทุกสารทิศ บริษัททั้งสี่ก็ได้รับความปิติ และพุทธเกษตรทั้งปวง ก็สั่นสะเทือนถึงหกจังหวะอย่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

    4 ก็แลรัศมีนั้น แผ่ไปทั่วทั้ง 18,000 พุทธเกษตรในทิศบูรพา และพุทธเกษตรทั้งหมด สว่างไสวปานสีทองพร้อมกัน

    5 สัตว์ทั้งหลาย ที่อยู่ในภูมิทั้ง 6 ทั้งที่ตายและกำลังเกิดอยู่ในสถานที่ต่างๆ ตั้งต้นแต่ อเวจีมหานรกจนถึงพรหมโลก (เราก็เห็นสัตว์เหล่านั้นได้)

    6 กรรมชนิดต่างๆ ของสรรพสัตว์ที่มีสุขและมีทุกข์ ที่เลว ประณีต และปานกลาง ที่ปรากฏในคติทั้งหลาย ผู้ยืนอยู่ที่นี่ก็สามารถมองเห็นกรรมทั้งหมดนั้นได้

    7 ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นจอมแห่งพระราชา ซึ่งกำลังประกาศและแสดงธรรม ยกอุทาหรณ์ให้ปรากฏแก่สรรพสัตว์จำนวนหลายโกฏิ ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะ

    8 พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อประกาศพุทธธรรม ด้วยการแสดงเหตุผลหลายหมื่นโกฏิวิธี ย่อมทรงเปล่งพระสุรเสียงลึกซึ้งไพเราะ และอัศจรรย์ ในพุทธเกษตรของแต่ละพระองค์

    9 ก็แลสัตว์ที่โง่เขลาเบาปัญญา ถูกความทุกข์บีบคั้น มีจิตใจเดือดร้อน เพราะการเกิดและความแก่ พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ทรงประกาศวัตรปฏิบัติเพื่อความสงบสุขแก่สัตว์เหล่านั้น ด้วยพระดำรัสว่า โอ ภิกษุทั้งหลาย นี่คือที่สุดแห่งความทุกข์

    10 ส่วนชนที่มีพลังแข็งกล้า ถึงพร้อมด้วยบุญบารมี ประกอบด้วยทัศนะที่ดีต่อพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะทรงแสดงธรรมเครื่องนำทางแก่เขาก็ตรัสยานเฉพาะแก่เขา

    11 ส่วนชนเหล่าอื่น ที่เป็นบุตรพระสุคต ที่กำลังแสวงหาญาณอันวิเศษสุด ซึ่งได้ทำงานมาตลอดกาล พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมตรัสสอนพรต เพื่อการตรัสรู้แก่เขา

    12 ข้าแต่ท่านมัญชุโฆษะ ข้าพเจ้ายืนอยู่ ณ ที่นี้ย่อมได้ยินและเห็นเรื่องเช่นนี้และเรื่องพิเศษอื่นๆ รวมเป็นจำนวนพันโกฏิเรื่อง จากเรื่องเหล่านั้น ข้าพเจ้าจะเล่าเพียงบางเรื่อง

    13 ในพุทธเกษตรจำนวนมากมายนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระโพธิสัตว์จำนวนมากหลายพันโกฏิ มีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ที่ได้บรรลุโพธิญาณ ด้วยความเพียรต่างๆกัน

    14 พระโพธิสัตว์บางพวกในทาน คือ การบริจาคทรัพย์สมบัติ เงินทอง แก้วมุกดา แก้วมณี สังข์ ศิลา แก่ประพาฬ ทาสชาย ทาสหญิง รถ ม้า และแกะ เป็นต้น

    15 พระโพธิสัตว์บางพวกมีจิตเบิกบานทำตนให้เจริญอยู่ เพื่อการตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐในโลก ในทานด้วยการบริจาคควอ และเครื่องประดับที่เป็นรัตนะทั้งหลาย ด้วยคิดว่า เรา เมื่อน้อมใจไปอยู่ พึงได้ยานในพระโพธิญาณอันประเสริฐนี้

    16 พระโพธิสัตว์บางพวก ในทานเช่นนี้ ด้วยคิดว่า พุทธยาน ที่พระสุคตทั้งหลายได้แสดงแล้ว เป็นยานที่ประเสริฐและวิเศษสุด ในโลกธาตุทั้งสาม เราจงได้พุทธยานนั้นโดยพลันเถิด

    17 พระโพธิสัตว์บางพวก ให้ทาน เช่นรถเทียมม้า 4 ตัว ซึ่งมีที่นั่งประดับด้วยดอกไม้และธงชัยพร้อมทั้งธงเวชยันต์ และบางพวกบริจาควัตถุทั้งหลายที่ทำด้วยรัตนะ

    18 พระโพธิสัตว์บางพวก บริจาคบุตรชาย และบุตรหญิงทั้งหลาย บางพวกบริจาคเนื้อหนังอันเป็นที่รักของตน และบางพวกปรารถนาธรรมอันเลิศนี้ ได้บริจาคมือและเท้าทั้งหลาย ที่บุคคลอื่นขอ

    19 พระโพธิสัตว์บางพวก บริจาคศีรษะ บางพวกบริจาคนัยน์ตา บางพวกบริจาคร่างกายอันประเสริฐ ก็แล ครั้นบริจาคทานทั้งหลายแล้ว เป็นผู้มีจิตผ่องใส ย่อมปรารถนาการบรรลุญาณของพระตถาคตทั้งหลาย

    20 ข้าแต่พระมัญชุศรี ข้าพเจ้าเห็นว่า ในที่บางแห่ง กษัตริย์ทั้งหลาย สละราชสมบัติจำนวนมาก สละถิ่นที่ประทับ ทวีป อำมาตย์ และพระญาติทั้งปวง สละทุกสิ่งทุกอย่าง

    21 กษัตริย์เหล่านั้น เข้าไปเฝ้าพระผู้นำของชาวโลกทั้งหลาย (พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย) เพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วถามข้อธรรมอันประเสริฐ ทรงตัดพระเกศา พระมัสสุ แล้งครองผ้ากาสาวพัสตร์

    22 และข้าพเจ้าได้พบเห็นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายบางพวก ที่เป็นเช่นภิกษุผู้อยู่ในป่าใหญ่ บางพวกอาศัยป่าที่ว่างเปล่า และยินดีในการศึกษาค้นคว้า (พระธรรม)

    23 อนึ่งข้าพเจ้าได้พบเห็นพระโพธิสัตว์ของท่านซึ่งมีปัญญา เข้าไปสู่ถ้ำที่ภูเขาเจริญวิปัสสนา ใคร่ครวญพุทธญาณ พิจารณาตนเองอยู่

    24 บุตรทั้งหลายเหล่าอื่นของพระสุคต ละกามโดยไม่เหลือ อบรมตนจนมีอารมณ์บริสุทธิ์ ได้บรรลุอภิญญา5 อาศัยอยู่ในป่า

    25 บางพวกที่ปราชญ์ ยืนชิดเท้าประคองอัญชลีต่อหน้าพระผู้นำทั้งหลาย (พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย) กล่าวสดุดีพระชิเนนทรราช ที่ก่อให้เกิดความหรรษาด้วยคาถาหลายพัน

    26 บางพวกมีสติ ฝึกอินทรีย์ได้แล้ว เป็นผู้คงแก่เรียนและรู้ศิลปะทั้งปวง ถามซึ่งธรรมของพระสุคตผู้ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์ และครั้นได้ฟังแล้วก็จดจำธรรมนั้นไว้

    27 ข้าพเจ้าได้เห็นพระชิเนนทรบุตรบางพวก ซึ่งได้อบรมตนแล้ว ณ ที่นั้นๆ แสดงธรรมแก่มนุษย์ จำนวนหลายโกฏิ ด้วยการแสดงเหตุผลหลายหมื่นอย่าง

    28 พระชิเนนทรบุตรเหล่านั้น เกิดความปราโมทย์ ชักชวนพระโพธิสัตว์จำนวนมากให้เผยแผ่ธรรมอยู่ ท่านเหล่านั้นได้ทำลายมารผู้มีกำลัง พร้อมทั้งเสนามารได้แล้ว จึงลั่นกลองธรรม

    29 ข้าพเจ้าได้เห็นบุตรตถาคต บางพวกผู้ไม่เย่อหยิ่ง ถ่อมตน มีจริยวัตรสงบเสงี่ยมในศาสนาของพระตถาคต เป็นที่บูชาของมนุษย์ เทพ ยักษ์ และรากษสทั้งหลาย

    30 บางพวกอาศัยอยู่ในป่าทึบ เปล่งรัศมีจากกาย ยกสัตว์ทั้งหลายขึ้นจากนรกให้เตรียมพร้อมเพื่อพระโพธิญาณ

    31 พระชินบุตรบางพวกเหล่าอื่น ตั้งอยู่ในความเพียร ละความเกียจคร้านได้โดยสิ้นเชิง ประกอบการเดินจงกรม ตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์ด้วยความเพียร ท่านเหล่านั้น ย่อมบรรลุธรรมอันวิเศษได้

    32 และพระชินบุตรบางพวก รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ด่างพร้อยทุกเมื่อ เช่นเดียวกับแก้วมณีและรัตนะทั้งหลาย และมีความประพฤติอันสมบูรณ์แบบ ท่านเหล่านั้นสามารถบรรลุพระโพธิญาณอันประเสริฐได้ด้วยศีลนั้น ณ ที่นั้น

    33 พระชินบุตรทั้งหลาย บางพวก มีความอดทนเป็นพลัง ย่อมอดทนต่อภิกษุทั้งหลายที่มีความเย่อหยิ่ง ด่าบริภาษและติเตียน พระชินบุตรเหล่านั้น สามารถบรรลุพระโพธิญาณอันประเสริฐได้ ด้วยความอดทนนั้น

    34 ข้าพเจ้าได้พบเห็นพระโพธิสัตว์ บางพวก ละความยินดีในโลกิยสุขทั้งปวง ละทิ้งสหายผู้เป็นพาลทั้งหลายแล้ว ยินดีการสังสรรค์ ดำรงอยู่กับหมู่ชนผู้เป็นอริยะทั้งหลาย

    35 พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ละความคิดที่ฟุ้งซ่าน เข้าสมาธิทำจิตให้เป็นอารมณ์เดียวในป่าและถ้ำเป็นเวลาหลายพันโกฏิปี ท่านเหล่านั้น สามารถบรรลุพระโพธิญาณอันประเสริฐได้ด้วยสมาธินั้น

    36 พระชินบุตรบางพวก บริจาคสิ่งของที่เป็นขาทนียะ โภชนียะควรเคี้ยว ข้าว น้ำ ยารักษาโรค จำนวนมาก ให้เป็นทาน ณ เบื้องพระพักตร์ ของพระชินเจ้าพร้อมทั้งหมู่ศิษย์

    37 พระชินบุตรบางพวก ทำการบริจาคผ้าจำนวนร้อยโกฏิ ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยพันโกฏิ และบางพวกบริจาคผ้าทั้งหลายที่มีค่านับไม่ได้ ณ เบื้องพระพักตร์ พระชินเจ้าพร้อมทั้งหมู่ศิษย์

    38 พระชินบุตรบางพวก ให้สร้างวิหารตั้งร้อยโกฏิ ประดับประดาด้วยรัตนะ และไม้จันทน์ ที่นอนที่นั่งมากมาย ให้เป็นทาน ณ เบื้องพระพักตร์ของพระสุคตเจ้าทั้งหลาย

    39 พระชินบุตรบางพวก ถวายสวนอันสะอาดและน่ารื่นรมย์ ซึ่งมีผลไม้และดอกไม้หลากสี แด่พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย พร้อมด้วยสาวกเพื่อพักผ่อน ในเวลากลางวัน

    40 ท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความยินดีปรีดา บริจาคทานหลายอย่างที่วิจิตร ก็แล ครั้นบริจาคแล้ว ได้ทำความเพียรให้เกิดขึ้นเพื่อพระโพธิญาณ ท่านเหล่านั้นย่อมบรรลุธรรมอันวิเศษได้ด้วยทานนั้น

    41 พระชินบุตรบางพวก อธิบายธรรมอันเกี่ยวกับความสงบด้วยการแสดงเหตุผลเป็นจำนวนไม่น้อย นับได้หลายหมื่นอย่าง และแสดงธรรมนั้นแก่ประชาชนจำนวนหลายพันโกฏิ ท่านเหล่านั้นย่อมบรรลุธรรมอันวิเศษได้ด้วยญาณนั้น

    42 บุตรพระตถาคตเจ้าบางพวก รู้อยู่ ไม่ปรารถนา ไม่ยึดติดสิ่งใด เหมือนความเสมอภาคของพระอาทิตย์ แล้วประพฤติธรรมเป็นทวีคูณ ท่านเหล่านั้นย่อมบรรลุธรรมอันวิเศษได้ ด้วยปัญญา

    43 ข้าแต่ท่านมัญชุโฆษะ ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้ายังได้เห็นพระโพธิสัตว์จำนวนมาก ผู้มั่นคงในพระศาสนาของพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย ที่ปรินิพพานแล้ว ยังทำการสักการะพระธาตุของพระชินเจ้าทั้งหลาย

    44 ข้าพเจ้าเห็นพระสถูปมากมายหลายพันโกฏิ เท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ที่พระชินบุตรทั้งหลาย ให้สร้างขึ้นประดับแผ่นดินเป็นจำนวนหลายโกฏิ

    45 พระสถูปอันประเสริฐทั้งหลาย สร้างด้วยวัตถุมีค่า 7 ประการ สูง 5,000 โยชน์ และวัดโดยรอบที่ฐาน 2,000 โยชน์ ที่พระสถูปนั้นมีทั้งฉัตรและธงหลายพันโกฏิ

    46 ตลอดเวลา พระสถูปประดับด้วยธงและมีเสียงกลุ่มระฆังดังอยู่เป็นนิจ และงดงามยิ่งนัก มนุษย์ เทวดา ยักษ์ รากษส บูชาพระสถูปนั้นด้วยดอกไม้ ของหอมและดนตรี

    47 บุตรทั้งหลายของพระสุคต ให้การะทำการบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ของพระชินเจ้าทั้งหลายเช่นนี้อยู่ ประหนึ่งว่าทิศทั้งสิบ สวยงามด้วยต้นปาริชาตทั้งหลาย ที่ออกดอกสะพรั่ง

    48 ข้าพเจ้าและสัตว์โลกจำนวนหลายโกฏิเหล่านี้ ซึ่งยืนอยู่ ณ ที่นี่ ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้พระรัศมีหนึ่งเดียวนี้ ที่พระชินเจ้าเปล่งออกสู่โลกนี้ ซึ่งมีดอกไม้เบ่งบาน รวมทั้งเทวโลก

    49 โอ อำนาจของพระผู้มีพระภาค โอ พระโพธิญาณของพระองค์บริสุทธิ์ไพบูลย์ยิ่งนั้น พระรัศมีนิดหนึ่งของพระองค์ได้แผ่ไปทั่วโลก ย่อมส่องให้เห็นพุทธเกษตร มากมายหลายพันแห่ง

    50 พวกข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตนี้ที่ปรากฏ ไม่มีสิ่งใดจะเปรียบได้เช่นนี้แล้ว ได้เกิดความมหัศจรรย์ใจยิ่งนั้น ข้าแต่ท่านพุทธบุตรมัญชุสวระ ขอท่านได้โปรดอธิบาย ข้อความนี้ ของท่านจงกำจัดความสงสัยของพวกข้าพเจ้าด้วยเถิด

    51 ข้าแต่ท่านผู้กล้าหาญ บริษัทที่เหล่านี้ มีจิตผ่องใส กำลังเฝ้ามองดูท่านและข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่นี้ ข้าแต่ท่านสุคตบุตร ขอท่านจงทำความรื่นเริงให้เกิดขึ้นขจัดความสงสัย (ของเขาเหล่านั้น)และจงชี้แจงให้ประจักษ์เถิด

    52 เหตุใดวันนี้ พระสุคตเจ้าจึงทรงเปล่งพระรัศมีเช่นนี้ โอ อำนาจพระสุคต โอ พระโพธิญาณของพระองค์ บริสุทธิ์ไพบูลย์ยิ่งนัก

    53 พระรัศมีนิดหนึ่งของพระองค์แผ่ไปทั่วโลก ส่องให้เห็นไปถึงหลายพันพุทธเกษตร การที่พระองค์ทรงเปล่งรัศมีอันไพบูลย์เช่นนี้ คงจะมีประโยชน์แน่

    54 พระสุคตเจ้า ผู้เป็นยอดบุรุษ เป็นนาถะแห่งโลก มีพระประสงค์จะแสดงธรรมอันเลิศที่พระองค์ได้สัมผัส (ตรัสรู้) แล้ว ณ โพธิมณฑลนั้น หรือว่าพระองค์จะทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย

    55 การที่พุทธเกษตรจำนวนหลายพัน ปรากฏสวยงามด้วยสิ่งวิจิตร ทั้งโศภิต แพรวพราวด้วยรัตนะและพระพุทธเจ้าจำนวนมาก ที่ปรากฏแก่จักษุโดยไม่มีที่สุด เหตุการณ์นี้น่ากลัวมิใช่น้อย

    56 ขณะที่ท่านไมเตรยะ กำลังถามพระชินบุตรอยู่นั้น มนุษย์ เทวดา ยักษ์ รากษส และบริษัทสี่ในธรรมสภานั้น กำลังตั้งตารอคอยอยู่ว่า พระมัญชุสวระจะพยากรณ์อย่างไร

    นัยว่า ครั้งนั้น พระมัญชุศรีกุมารภูตะ ได้ตรัสกับพระไมเตรยโพธิสัตว์มหาสัตว์ และหมู่พระโพธิสัตว์ทั้งปวงว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย วันนี้ พระตถาคตทรงมีพระประสงค์ทำให้ฝน คือหลักธรรมตกลงมา ทำการตีกลองหลักธรรม ทำการชักธงหลักธรรม ทำการจุดประทีปหลักธรรมให้สว่างไสว ทำการเป่าสังข์หลักธรรม ทำการตีกลองเภรีหลักธรรม และทรงการแสดงหลักธรรม ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเคยรู้และเคยเห็นมา ปุพพนิมิตอย่างนี้ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย พระองค์ก่อนๆ ก็ได้เคยทรงเปล่งพระรัศมีสว่างไสวอย่างนี้ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเข้าใจว่า พระตถาคตคงประสงค์จะทำการสนทนาถึงหลักธรรม ประสงค์ให้ได้ยินเสียงธรรม เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงแสดงปุพพนิมิตเช่นนี้ ข้อนั้นเป็นเพราะอะไร? พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประสงค์ให้ธรรมบรรยายได้ยินไปถึงฝ่ายตรงกันข้ามในโลกทั้งปวง ฉะนั้นจึงทรงแสดงปุพพนิมิตเป็นมหาปาฏิหาริย์ จึงเปล่งพระรัศมีสว่างไสวอย่างที่เห็นนี้

    ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ข้าพเจ้าจำได้ว่า สมัยอดีตกาล ที่ล่วงมาแล้วช้านาน หลายกัลป์จนนับไม่ได้ นานเกินกว่าที่จะนับ คำนวณก็ไม่ได้ คิดก็ไม่ได้ ประมาณก็ไม่ได้ กาลสมัยนั้น พระตถาคตอรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า จันทรสูรยประทีป ได้อุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นพระสุคต รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ประเสริฐ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่น เป็นผู้มีโชค พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น ท่านกลางและที่สุด ได้ทรงประกาศพรหมจรรย์มีเนื้อความงาม มีพยัญชนะงาม อันบริสุทธิ์ บริบูรณ์สะอาดหมดจดโดยสิ้นเชิง กล่าวคือพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมมีอริยสัจสี่ พร้อมกับปฏิจจสมุปบาท โดยลำดับ ตั้งแต่ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะโศกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จบลงด้วยนิพพาน แก่พระสาวกทั้งหลาย สำหรับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอันยิ่ง ซึ่งประกอบด้วยบารมีหก เริ่มจากสัมมาสัมโพธิ และจบลงด้วย พระสัพพัญญุตญาณ

    ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ก็แลหลังจากพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยประทีปพระองค์นั้นแล้ว ได้มีพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ทรงอุบัติขึ้นในโลก มีพระนามว่า จันทรสูรยประทีปเช่นกัน ดูก่อนอชิตะ ในกาลลำดับต่อมานั้น ได้มีพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวน 20,000องค์ ที่มีพระนามว่า จันทรสูรยประทีป ซึ่งมีนามเรียกขานตระกูลและโคตรเป็นนามเดียวกัน เหมือนที่มีพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่มีพระนามว่า ภรัทวาชะ ซึ่งตระกูลและโคตรเป็นนามเดียวกัน ดูก่อนอชิตะ บรรดาพระตถาคต 20,000 องค์เหล่านั้น เริ่มแต่พระองค์แรก จนถึงพระองค์สุดท้าย มีพระนามว่า จันทรสูรยประทีป เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นามว่า ภัทระ ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นพระสุคต เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ประเสริฐ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่น เป็นผู้มีโชค พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด ได้ประกาศพรหมจรรย์ มีเนื้อความงาม มีพยัญชนะงามอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ สะอาดหมดจดโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ พระองค์ได้ทรงแสดงธรรม มีอริยสัจสี่ พร้อมกับปฏิจจสมุปบาท โดยลำดับ ตั้งแต่ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะโศกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จบลงด้วยนิพพาน แก่พระสาวกทั้งหลาย สำหรับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอันซึ่งประกอบด้วย บารมีหก เริ่มจากสัมมาสัมโพธิ และจบลงด้วย พระสัพพัญญุตญาณ

    ดูก่อน อชิตะ ก็แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระนามว่า จันทรสูรยประทีป ขณะที่ยังทรงเป็นราชกุมาร ยังมิได้ทรงสละราชสมบัติ ก่อนออกผนวช ได้ทรงมีพระโอรส 8 พระองค์ คือพระราชกุมารมติ พระราชกุมารสุมติ พระราชกุมารอนันตมติ พระราชกุมารรัตนมติ พระราชกุมารวิเศษมติ พระราชกุมารวิมติสมุทฆาฏี พระราชกุมารโฆษมติ และพระราชกุมารธรรมมติ ดูก่อนอชิตะ ก็นัยว่า พระราชกุมารผู้เป็นพระโอรสของตถาคตพระนามว่า จันทรสูรยประทีป ทั้ง 8 พระองค์เหล่านั้น ทรงมีฤทธิ์มาก แต่ละพระองค์ได้ทรงปกครอง 5 มหาทวีป และทุกพระองค์ได้ทรงครองราชย์ด้วย พระราชกุมารทั้งหมด เหล่านั้น ครั้นทรงทราบว่า พระผู้มีพระภาค (พระบิดา) ได้สละราชสมบัติ ทรงออกผนวชและทรงสดับว่าพระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ได้สละราชสมบัติและการปกครองทั้งปวง ผนวชตามพระบิดาที่เป็นพระผู้มีพระภาคนั้น ทุกพระองค์ทรงสำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณและประกาศธรรม พระราชกุมารเหล่านั้นทรงเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์และได้ทรงสร้างบุญกุศลไว้ในพระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์ในอดีตกาลที่ผ่านมา

    ดูก่อนอชิตะ ก็นัยว่าสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยประทีปนั้น ได้ทรงแสดงพระสูตรอันเป็นธรรมบรรยายชื่อว่า “มหานิรเทศ” ซึ่งมีเนื้อความกว้างขวาง เป็นคำสอนที่เหมาะแก่พระโพธิสัตว์ และเป็นที่ยึดถือของพระพุทธเจ้าทั้งปวง ในขณะเดียวกัน ณ ที่ประชุมบริษัทนั้น (พระองค์) ทรงขึ้นประทับบนธรรมมาสน์ ทรงเข้าอนัตตนิรเทศประดิษฐานสมาธิ ด้วยพระวรกายและจิตที่ตั้งมั่นสงบนิ่ง ก็แลในขณะที่พระผู้มีพระภาคทรงเข้าสมาธิอยู่นั้น ฝนดอกไม้ทิพย์ ดอกมณฑารพ ดอกมหามณฑารพ ดอกมัญชูษกะและดอกมหามัญชูษกะ โปรยลงมา ฝนนั้นได้ถูกต้องพระผู้มีพระภาค พร้อมทั้งเหล่าบริษัทพุทธเกษตรทั้งปวง ก็สั่นสะเทือนเป็นหกจังหวะ คือ เคลื่อนไป-เคลื่อนมา ฟูขึ้น-ยุบลง โคลงไป-โคลงมา ดูก่อนอชิตะ ก็กาลสมัยนั้น ในที่ประชุมนั้น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร พญานาค มนุษย์ อมนุษย์ รวมทั้งพระราชา พระจักรพรรดิ ผู้มีพลัง ซึ่งครองนครโดยรอบและพระจักรพรรดิผู้ครองทวีปทั้งสี่ ที่นั่งประชุม รวมกันทั้งหมด พร้อมทั้งบริวาร พากันจ้องมองพระผู้มีพระภาค ต่างประหลาดอัศจรรย์ใจไปตามๆกัน ก็แล ในเวลานั้น พระรัศมีดวงหนึ่งได้ฉายออกจากกลุ่มพระจูรณะ ระหว่างพระขนงของพระผู้มีพระภาคตถาคตจันทรสูรยประทีปนั้น พระรัศมีนั้น แผ่คลุมไปทั่ว 18000 พุทธเกษตร ในทิศบูรพา พุทธเกษตรทั้งหมดนั้น ได้ปรากฏสว่างไสวไปด้วยแสงพระรัศมีนั้น ดูก่อนอชิตะปรากฏการณ์นั้นก็เป็นเช่นเดียวกับพุทธเกษตรทั้งหลาย ที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้

    ดูก่อนอชิตะ ก็โดยสมัยนั้น พระโพธิสัตว์จำนวน 20 โกฏิ ได้ติดตามพระผู้มีพระภาคนั้น ท่านเหล่านั้น ซึ่งฟังธรรมอยู่ในที่ประชุมนั้น ครั้นได้เห็นโลก สว่างไสวด้วยแสงของพระรัศมีนั้น ก็เกิดความประหลาด อัศจรรย์ใจไปตามๆกัน

    ดูก่อนอชิตะ โดยสมัยนั้น ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น (จันทรสูรยประทีป) ได้มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งมีนามว่า “วรประภา” ซึ่งมีศิษยานุศิษย์ 800 องค์ ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ได้ทรงออกจากสมาธิแล้ว ทรงปรารภถึง วรประภาโพธิสัตว์นั้นจึงทรงแสดงธรรมบรรยายที่ชื่อว่า “สัทธรรมปุณฑรีกสูตร” พระองค์ทรงประทับนั่ง ณ ที่ประทับ แห่งเดียว โดยมีพระวรกายไม่ไหวติง และทรงมีพระหทัยจิตตั้งมั่น แสดงธรรมนั้นอยู่เป็นเวลา 60 กัลป์บริบูรณ์ บริษัททั้งหมดที่นั่งอยู่ ณ อาสนะเดียวนั้น ได้ฟังธรรมอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตลอด 60 กัลป์ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากายและใจ จะได้มีแก่ใครสักคนหนึ่ง ในที่ประชุมนั้น ก็หาไม่

    ต่อมา พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยประทีปนั้น ครั้น ทรงแสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันเป็นสูตรที่มีเนื้อความกว้างขวาง เป็นคำสอน ที่เหมาะแก่พระโพธิสัตว์ และเป็นที่ยึดถือของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เป็นเวลาถึง 60 กัลป์แล้ว ในชั่วขณะนั้น ก็ได้ทรงประกาศพระนิพพานเบื้องหน้าประชาชน พร้อมทั้งเทพ มาร พรหม และสมณะพราหมณ์พร้อมด้วยเทวดา มนุษย์และอสูรว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในมัชฌิมยาม คืนนี้แล ตถาคตจะดับขันธปรินิพพาน โดยอนุปาทิเสสนิพพานแล

    ดูก่อนอชิตะ พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจันทรสูรยประทีปนั้น ได้ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นามว่า “ศรีครรภ” ไว้ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วได้ตรัสกับบริษัททั้งปวงว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ศรีครรภ นี้ จักบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณต่อจากเรา เป็นพระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า “วิมลเนตร” ดังนี้

    ดูก่อนอชิตะ นัยว่าครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า จันทรสูรยประทีป ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน โดยอนุปาทิเสสนิพพานในมัชฌิมยาม คืนนั้นแล และพระโพธิสัตว์มหาสัตว์วรประภานั้น ได้ทรงจำธรรมบรรยายที่ชื่อว่า “สัทธรรมปุณฑรีกสูตร” นั้นไว้ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์วรประภานั้น ได้ทรงจำ และได้ประกาศคำสอนของพระผู้มีพระภาคนั้นเป็นเวลา 80 กัลป์ ในขณะนั้น พระโอรสทั้ง 8 พระองค์ของพระผู้มีพระภาคนั้น ซึ่งมีพระราชกุมารมติเป็นประมุข ก็ได้เป็นอันเตวาสิกของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ วรประภานั่นเอง ท่านเหล่านั้นได้สั่งสมบารมีเพื่อตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และหลังจากนั้นท่านเหล่านั้นได้ทรงเห็นและทรงสักการะพระพุทธเจ้าหลายหมื่นแสนโกฏิ ก็แลท่านเหล่านั้นทั้งหมด ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สุดท้าย คือพระทีปังกรพุทธเจ้า

    บรรดาอันเตวาสิกทั้ง 8 องค์นั้น พระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง เป็นผู้หนักในลาภสักการะ สรรเสริญ และยศ มากยิ่งเหลือประมาณ บทและพยัญชนะทั้งหลาย ที่แสดงแล้วแสดงอีกแก่ท่าน ท่านก็ทำให้ลบเลือนหายไป ท่านมิได้ทรงจำบทและพยัญชนะเหล่านั้น ฉะนั้น ท่านจึงถูกขนานนามว่า “ยศัสกาม” ด้วยกุศลมูลที่ท่านได้เลื่อมใสพระพุทธเจ้าหลายหมื่นแสนโกฏิพระองค์ และเมื่อเลื่อมใสแล้วท่านได้สักการะ เคารพ นบนอบ บูชา นับถือและยกย่องพระพุทธเจ้าหลายหมื่นแสนโกฏิยุตเหล่านั้น ดูก่อนอชิตะ ท่านคงสงสัย คลางแคลง ลังเลใจว่า โดยกาลสมัยนั้น ยังจะมีพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้แสดงธรรม นามว่า วรประภา องค์อื่นอีกหรือ ? ก็แล ท่านไม่ควรคิดเห็นเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะโดยกาลสมัยนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้สอนธรรม นามว่า วรประภา นั้นคือ ข้าพเจ้าเอง ส่วนพระโพธิสัตว์ผู้เกียจคร้านนามว่า ยศัสกาม นั้นก็คือตัวท่านนั่นเอง

    ดูก่อนอชิตะ ด้วยการบรรยายนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นปุพพนิมิตนั้น ของพระผู้มีพระภาคเหมือนกับรัศมีที่แผ่ซ่านไปอย่างนี้ จึงอนุมานว่า พระผู้มีพระภาคทรงปรารถนาจะตรัสพระสูตร ธรรมบรรยายชื่อว่า สัทธรรมปุณฑรีกะ นั้น ซึ่งเป็นสูตรที่ไพบูลย์ยิ่ง เหมาะแก่การศึกษาของพระโพธิสัตว์ และเป็นที่ยอมรับของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    ดังนั้นแล พระมัญชุศรีกุมารภูตะ เมื่อจะชี้ให้เห็นข้อความเดียวนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจึงได้ตรัสคาถาเหล่านี้ในเวลานั้น ว่า

    57 ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงอดีตกาลในกัลป์ ที่ใครคิดไม่ได้ และนับไม่ได้ ครั้งนั้น พระชินเจ้านามว่า จันทรสูรยประทีป เป็นผู้สูงสุดแห่งชนทั้งหลาย

    58 พระองค์เป็นผู้นำของชนทั้งหลาย ทรงแสดงพระสัทธรรม ทรงแนะนำสัตว์ทั้งหลายมากมายนับไม่ได้ว่ากี่โกฏิ ทรงให้พระโพธิสัตว์จำนวนมาก ตั้งมั่นอยู่นพระพุทธญาณ อันสูงสุดและเป็นอจินไตย

    59 พระโอรสทั้ง 8 พระองค์ ของพระกุมารภูตะ (จันทรสูรยประทีป) ซึ่งเป็นผู้นำที่วิเศษ เห็นพระมหามุนีนั้น (พระบิดา) ที่ผนวชแล้ว จึงพากันละกามเสีย แล้วทั้งหมดก็พากันผนวชโดยพลัน

    60 ก็พระองค์ (จันทรสูรยประทีป) ผู้เป็นโลกนาถนั้น เมื่อประกาศธรรมแก่สรรพสัตว์หลายแสนโกฏิ ทรงแสดงพระสูตร มีชื่อว่า “อนันตนิรเทศวรสูตร” ซึ่งเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “ไวปุลยสูตร”

    61 ทันทีที่แสดงจบลง พระมุนีผู้ประเสริฐ ผู้เป็นที่พึ่งของชาวโลก พระองค์นั้น ทรงนั่งขัดสมาธิ บนธรรมมาสน์ เข้าอนันตนิรเทศวรสมาธิ

    62 ได้มีสายฝนดอกมณฑารพอันเป็นทิพย์ตกลงมา และกลองทั้งหมดได้ดังขึ้นโดยไม่มีคนตี เทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในอากาศ และพวกยักษ์ได้ทำการบูชาพระมุนีผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์นั้น

    63 ในขณะนั้น พุทธเกษตรทั้งปวงก็สั่นสะเทือน ได้ปรากฏความอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาค ได้ทรงเปล่งพระรัศมีที่งดงามยิ่งดวงหนึ่งออกจากท่ามกลางพระขนงของพระองค์

    64 ก็แล พระรัศมีนั้นพุ่งไปสู่ทิศบูรพา แผ่ไปทั่ว 18000 พุทธเกษตรสว่างจ้า ทำให้โลกสว่างไสวไปทั่ว การจุติและการเกิดได้ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย

    65 เพราะรัศมีของพระผู้ทรงเป็นผู้นำนั้น ทำให้พุทธเกษตรบางแห่งปรากฏเหมือนประดับด้วยเพชรนิลจินดา บางแห่งมองเห็นเหมือนแสงแก้วไพทูรย์

    66 ในโลกธาตุทั้งหลาย เทวดา มนุษย์ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ นางอัปสร กินนร และผู้ใฝ่ใจในการบูชาพระสุคต ย่อมปรากฏเห็นได้อย่างชัดเจน แล้วทำการบูชา (พระตถาคต)

    67 พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นพระสยัมภู ปรากฏพระรูปสวยงามเหมือนทองคำ แสดงธรรมอยู่ ท่ามกลางบริษัท (ปรากฏเหมือน) พระประติมาทองคำ ในท่ามกลางแก้วไพทูรย์

    68 ไม่มีการนับจำนวนพระสาวก เพราะพระสาวกของพระสุคต มีจำนวนมากจนประมาณไม่ได้ แม้กกระนั้นแสงพระรัศมีของพระผู้มีพระภาค ก็ส่องสว่างให้เห็นกันได้ทั่วไปในแต่ละพุทธเกษตร

    69 บุตรแห่งพระตถาคต (ผู้นำแห่งนรชน) ผู้ประกอบด้วยความเพียร มีศีลไม่ด่างพร้อย บริสุทธิ์ผ่องใสเหมือนมณีรัตนะ ได้อาศัยอยู่ที่ถ้ำตามภูเขา

    70 พระโพธิสัตว์จำนวนมากดุจเม็ดทราย ในแม่น้ำคงคา แม้ทั้งหมดเป็นปราชญ์ที่กำลังบริจาคทานทุกชนิด มีขันติเป็นพลัง ยินดีในสมาธิ ปรากฏให้เห็นได้ ด้วยพระรัศมีนั้น

    71 บุตรทั้งหลายที่เป็นโอรสแท้ๆ ของพระสุคตนั้น มีจิตมั่นคง ไม่เอนเอียงไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นในขันติ ยินดีในสมาธิ เป็นที่ปรากฏ ท่านเหล่านั้นได้บรรลุพระโพธิญาณ อันประเสริฐด้วยสมาธินั้น

    72 (พุทธบุตรทั้งหลาย) ย่อมมีความรู้ ประกาศสัจบท อันสงบ และไม่มีอาสวะ แสดงธรรมในโลกธาตุจำนวนมาก การกระทำเช่นนี้ เป็นอานุภาพของพระสุคต

    73 บริษัทสี่เหล่านั้น เห็นปรากฏการณ์นี้ของพระสุคตจันทรสูรยประทีป ผู้เป็นเช่นนั้น แล้วมีความปลื้มปิติ ต่างก็ถามกันและกัน ขณะนั้นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นอย่างไร

    74 ไม่นานนัก พระสุคตจันทรสูรยประทีปพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้นำของชาวโลกที่มนุษย์ เทวดาและยักษ์บูชาแล้ว ได้ทรงออกจากสมาธิแล้ว ตรัสกับพระโอรสวรประภา ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่ฉลาด และเป็นผู้ประกาศธรรมว่า

    75 ท่านเป็นจักษุและเป็นคติ (ที่พึ่งที่อาศัย) ของชาวโลก ท่านเป็นผู้มีความรู้ควรแก่การไว้วางใจ และเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมของเรา ก็ ณ ที่นี้ ท่านจะเป็นพยานในหลักธรรม (ธรรมโกศ) ที่เราจักแสดง เพื่อประโยชน์แก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย

    76 พระชินเจ้าพระองค์นั้น ทรงให้พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ตั้งมั่นหรรษาสังวรรณนา และสรรเสริญแล้ว ทรงประกาศธรรมอันเลิศทั้งหลาย ตลอด 60 กัลป์บริบูรณ์

    77 พระโลกนาถ พระองค์นั้น ซึ่งประทับบนอาสนะเดียว ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐใดไว้ พระชินบุตร วรประภา ผู้ประกาศธรรม ได้ทรงจำธรรมนั้นไว้ได้ทั้งหมด

    78 พระชินเจ้าที่เป็นผู้นำพระองค์นั้น ทรงตรัสธรรมอันเลิศ ให้หมู่ชนจำนวนมาก รื่นเริงหรรษา ในวันนั้น ทรงตรัสธรรมต่อหน้าชาวโลก พร้อมทั้งเทวดาว่า

    79 “เรา (ตถาคต) ได้ประกาศผู้นำแห่งธรรมแล้ว สภาวะแห่งธรรมเป็นเช่นใด เราก็ได้กล่าวแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คืนวันนี้ ในมัชฌิมยาม กาลเป็นที่ดับขันธปรินิพพานของเรา (ได้มาถึงแล้ว)”

    80 “ท่านทั้งหลายจงอย่าประมาท จงตั้งมั่นเพื่อความหลุดพ้น เอาใจใส่ในธรรมคำสอนของเรา พระชินเจ้ามหามุนีทั้งหลาย เป็นผู้ที่หายาก ต้องใช้เวลาหลายหมื่นโกฏิกัลป์กว่าจะอุบัติขึ้น

    81 พุทธบุตรจำนวนมาก เกิดความไม่สบายใจและทุกข์ใจยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำว่าพระตถาคตจะเสด็จดับขันธปรินิพพานในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นพระสุรเสียงของพระตถาคต (ผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์

    82 พระตถาคต ผู้เป็นนเรนทรราช ได้ทรงปลอบโยนสรรพสัตว์ทั้งหลายจำนวนมากหลายโกฏิ ที่คิดคำนวณไม่ได้เหล่านั้นว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่ากลัวไปเลย เมื่อเรานิพพานแล้ว ต่อจากเราไปจะมีพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่ง(อุบัติขึ้น)”

    83 พระศรีครรภโพธิสัตว์ผู้นี้ มีความรู้ บรรลุคติโนฌานอันปราศจากอาสวะแล้ว จักบรรลุพระโพธิญาณ อันประเสริฐสูงสุด และจักเป็นพระชินเจ้ามีพระนามว่า “วิมลาครเนตร”

    84 ในมัชฌิมยามของคืนนั้น พระตถาคตเจ้าก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน ดุจดวงประทีปที่ดับลงแล้ว เพราะสิ้นเหตุปัจจัยฉะนั้น พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ ได้รับการแบ่งปันกันไป และพระสถูปสำหรับพระบรมสารีริกธาตุมีอยู่ทั่วไปหลายหมื่นโกฏิ

    85 ภิกษุและภิกษุณีทั้งหลายจำนวนไม่น้อย ณ ที่นั้น เท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ได้ปฏิบัติตนอยู่ในธรรมคำสอนของพระสุคตพระองค์นั้น จนได้ถึงพระโพธิญาณอันประเสริฐและสูงสุด

    86 ภิกษุนามว่า วรประภา ผู้ประกาศธรรมและทรงจำธรรมไว้ ได้แสดงธรรมอันประเสริฐตามคำสอนของพระตถาคตนั้น เป็นเวลานานถึง 80 กัลป์บริบูรณ์

    87 ท่าน(วรประภา) มีศิษย์ 800 คน ซึ่งทุกคนท่านได้อบรมดีแล้ว ศิษย์ทั้งหมดนั้นได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าจำนวนมากหลายโกฏิและได้ทำการสักการะพระมหามุนีพุทธเจ้าเหล่านั้น

    88 ศิษย์ทั้งหลายเหล่านั้นได้ประพฤติธรรมตามลำดับ จนได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในหลายโลกธาตุ และท่านเหล่านั้นได้สอนธรรมเพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐแก่องค์อื่นๆต่อเนื่องกันตามลำดับ

    89 ก็โดยลำดับของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น พระทีปังกรพุทธเจ้า ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย พระองค์ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ทรงเป็นผู้ที่หมู่ฤษียกย่องบูชา ได้ทรงแนะนำพร่ำสอนสรรพสัตว์จำนวนหลายพันโกฏิ

    90 พระสุคตบุตร วรประภา ผู้สอนธรรมพระองค์นั้น ได้มีศิษย์คนหนึ่งซึ่งขี้เกียจโลเล และชอบแสวงหาลาภ พร้อมทั้งชื่อเสียงเกียรติยศ

    91 (ศิษย์คนนั้น) เป็นผู้ทะเยอทะยานในชื่อเสียงเกียรติยศ ถือตัว จะต้องเกิดอีกหลายชาติ คำสอนที่ได้ฟังและเรียนทั้งหมด ย่อมไม่ติดอยู่ในสมองเขาเลย (ไม่มีเพื่อกล่าว) ในขณะนั้น

    92 ศิษย์คนนั้นปรากฏชื่อทั่วไปในทุกทิศว่า “ยศัสกาม” เขาจึงได้มีชื่ออย่างนี้ เขาได้กระทำทั้งกรรมที่เป็นกุศลและอกุศลประปนกันไป

    93 เขา (ยศัสกาม) เลื่อมใสพระพุทธเจ้าหลายพันโกฏิพระองค์ และได้ทำการสักการะบูชาอย่างกว้างขวางต่อพระพุทธเจ้าเหล่านั้น เป็นผู้รอบรู้ มีความประพฤติคล้อยตามผู้ประเสริฐ และได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าศากยสิงหะนี้ด้วย

    94 เขา (ยศัสกาม) ผู้เกิดในไมเตรยะโคตรจะเป็นคนสุดท้าย ที่จะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า สั่งสอนสรรสัตว์จำนวนหลายพันโกฏิ

    95 เขา (ยศัสกาม) ผู้เป็นเช่นนี้ที่ถึงเกียจคร้านในคำสอนของพระสุคต ซึ่งเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว (ในกาลครั้งนั้น) คือท่าน (พระไมเตรยะ) ส่วนในขณะนี้ และพระวรประภา ผู้ประกาศธรรม (ในขณะนั้น คือข้าพเจ้า (พระมัญชุศรี)

    96 เพราะเหตุการณ์นี้ ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตอย่างนี้ ที่พระองค์ ผู้ทรงญาณแสดง จึงได้กล่าวถึงนิมิต ที่ข้าพเจ้าได้เห็นในครั้งแรก ณ ที่นั้นว่า

    97 แน่นอน พระตถาคตผู้เป็นจอมแห่งชินะ ผู้เป็นอธิราชแห่งศากยะ ผู้ทรงมีพระจักษุโดยรอบ (สมันตจักษุ) ผู้ทรงเห็นประโยชน์สูงสุด ปรารถนาจะแสดงธรรมบรรยายอันประเสริฐ ที่ข้าพเจ้าเคยฟังมาแล้ว

    98 วันนี้พระศากสิงหะกระทำนิมิตที่บริบูรณ์นี้นั่นแล ให้เป็นข้อกำหนดความฉลาดในอุบาย (อุปายโกศล) ของพระผู้นำแห่งโลกทั้งหลาย (ว่า) พระองค์จะประกาศสภาวธรรมที่สำคัญ

    99 ท่านทั้งหลายจงทำจิตให้สงบ ประคองอัญชลีไว้ พระองค์ผู้อนุเคราะห์ประโยชน์ต่อชาวโลก จักแสดงธรรมดุจสายฝนตกลงอย่างไม่ขาดสาย สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ดำรงอยู่เพื่อเหตุแห่งการตรัสรู้ จักได้เอิบอิ่ม

    100 บุตรตถาคตและพระโพธิสัตว์ที่ตั้งอยู่ในโพธิผู้ใด มีความสงสัย ข้องใจ ลังเลใจ ในเรื่องนี้ พระตถาคตผู้ทรงปัญญา ก็จะขจัดความสงสัยข้องใจ และความลังเลใจของผู้นั้นให้หมดไปได้

    บทที่1 นิทานปริวรรต ว่าด้วยบทนำ

    ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันประเสริฐมีเพียงเท่านี้
    *********************************************
    ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน อันสุดแสนประเสริญ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โลกร้อนปรอทแตก

    ยูเอ็นเผยโลกร้อนที่สุดในประวัติการณ์ น้ำทะเลเพิ่ม 2 เท่า คนตายเพราะความร้อนมากขึ้น

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปี 2553 โลกร้อนขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งอุณหภูมิบนพื้นดินและในทะเล โดยประเทศมากกว่า 94% ทั่วโลกได้บันทึกว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้อนที่สุด

    “ความเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิช่วง 10 ปี ระหว่างปี 2534 – 2543 และ 2544 – 2533 เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ” มิเชล จาร์ซาด เลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ ระบุในรายงาน พร้อมกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจะกำลังเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งจะส่งผลกับสิ่งแวดล้อมและน้ำในมหาสมุทร

    นอกจากนี้ในรายงานระบุว่า พื้นผิวโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันธนาคารโลกยังได้ประเมินว่า โลกจะร้อนขึ้น 4 องศาเซลเซียสภายในปี 2643 เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ทั้งนี้ ดับเบิลยูเอ็มโอ ยังระบุอีกด้วยว่า ในช่วง 10 ปี มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนทั่วโลกถึง 1.36 แสนคน ซึ่งมากกว่าช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ที่มีผู้เสียชีวิตเพียง 6,000 คนเท่านั้น

    อ้างอิง:หนังสือพิมพ์โพสทูเดย์

    04/07/56
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลจาก อาจารย์ปิยะชีพ ตัวอย่างการทดลองคำนวนรายการดาวเรียงตัวและจุดกระทบ

    ตัวอย่างการทดลองคำนวนรายการดาวเรียงตัวและจุดกระทบ
    ข้อมูลดังต่อไปนี้ เป็นข้อมูลในการทดลอง ศึกษา วิจัย
    ความสัมพันธ์ปรากฏการณ์ดาวเรียงตัว กับปฏิกิริยาดวงอาทิตย์ และพิบัติภัย
    อ่านตามลำดับ คือ ค.ศ. เดือน วันที่ และเวลา
    ตามด้วยชื่อดาว องศา และตำแหน่งที่ตรงกับโลก

    ท่านลองดูว่าในวันเวลาดังกล่าว หรือ ใกล้เคียงวันเวลาดังกล่าว
    ดวงอาทิตย์เกิดปฏิกิริยาไหม?
    โลกเกิดพิบัติภัยไหม? แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ ระเบิด
    การเกิดพายุ อากาศวิปริตเฉียบพลัน

    สังเกตุการร่วมกัน เก็บข้อมูลร่วมกัน
    เป็นการสังเกตุการเบื้องต้น
    เพราะการคาดการณ์พิบัติภัยใช้ข้อมูลหลายแหล่งหลายปรากฏการณ์มากกว่านี้

    แต่ข้อมูลนี้ท่านสามารถนำไปเทียบเคียงปรากฏการณ์พิบัติภัยที่เกิดขึ้น
    เพื่อช่วยเรานำไปใช้คาดการณ์ในอนาคตได้นะครับ


    มาช่วยกันทำวัจัย เพื่อประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์กันนะครับ



    --------------------------------------------------------------------------------





    #1 2013/02/03:07hr conj [Mars -26.629181°] [Neptune -25.641663°] (RAΔ 0.987518°)

    #2 2013/02/03:08hr conj [Mars -26.595825°] [Neptune -25.641663°] (RAΔ 0.954163°)

    #3 conj [Moon -141.283340°] [Saturn -140.329163°] (RAΔ 0.954178°)

    4 hr alignment (2 2)

    #10 2013/02/03:12hr conj [Mars -26.470856°] [Neptune -25.637512°] (RAΔ 0.833344°)

    37 hr alignment (2 1)

    #47 2013/02/05:01hr oppo [Moon -116.245819°] [Jupiter 64.620834°] (RAΔ 0.866653°)

    #48 conj [Neptune -25.583313°] [Mars -25.312500°] (RAΔ 0.270813°)

    3 hr alignment (2 2)

    #53 2013/02/05:04hr conj ±90° [Neptune -25.579163°] [Mars -25.220825°] [Moon -114.349991°] (±90°) (RAΔ 0.358337°)

    #54 2013/02/05:05hr conj [Neptune -25.575012°] [Mars -25.187500°] (RAΔ 0.387512°)

    21 hr alignment (1 4)

    #75 2013/02/06:05hr conj [Mercury -26.541656°] [Neptune -25.541656°] (RAΔ 1.000000°)

    29 hr alignment (2 1)

    #104 2013/02/07:10hr conj [Moon -79.691681°] [Pluto -78.974976°] (RAΔ 0.716705°)

    #105 conj [Neptune -25.495850°] [Mercury -24.654175°] (RAΔ 0.841675°)

    3 hr alignment (1 2)

    #110 2013/02/07:14hr conj [Mercury -24.399994°] [Mars -23.412506°] (RAΔ 0.987488°)

    46 hr alignment (2 1)

    #156 2013/02/09:12hr conj [Moon -48.800018°] [Venus -48.070831°] (RAΔ 0.729187°)

    #157 conj [Mars -21.983337°] [Mercury -21.541687°] (RAΔ 0.441650°)

    4 hr alignment (2 2)

    #164 2013/02/09:16hr conj [Mars -21.858337°] [Mercury -21.299988°] (RAΔ 0.558350°)

    16 hr alignment (1 2)

    #180 2013/02/10:09hr conj [Moon -36.612518°] [Sun -35.849976°] (RAΔ 0.762543°)

    4 hr alignment (1 16)

    #184 2013/02/11:04hr conj [Moon -25.987488°] [Neptune -25.362518°] (RAΔ 0.624969°)

    3 hr alignment (1 7)

    #187 2013/02/11:13hr conj [Moon -21.070831°] [Mars -20.466675°] (RAΔ 0.604156°)

    4 hr alignment (4 1)

    #191 2013/02/11:17hr conj [Moon -18.908325°] [Mercury -18.491669°] (RAΔ 0.416656°)

    3 hr alignment (1 44)

    #194 2013/02/13:15hr conj [Moon 5.216667°] [Uranus 5.929166°] (RAΔ 0.712499°)

    4 hr alignment (1 63)

    #198 2013/02/16:09hr oppo [Saturn -140.116669°] [Moon 38.949997°] (RAΔ 0.933334°)

    4 hr alignment (1 46)

    #202 2013/02/18:10hr conj [Moon 64.341667°] [Jupiter 65.187500°] (RAΔ 0.845833°)

    4 hr alignment (1 47)

    #206 2013/02/20:12hr conj [Sun -26.000000°] [Neptune -25.029175°] (RAΔ 0.970825°)

    19 hr alignment (2 1)

    #225 2013/02/21:07hr oppo [Pluto -78.579163°] [Moon 100.645828°] (RAΔ 0.775009°)

    #226 conj [Sun -25.241669°] [Neptune -25.000000°] (RAΔ 0.241669°)

    4 hr alignment (2 2)

    #233 2013/02/21:11hr conj [Sun -25.083344°] [Neptune -24.991669°] (RAΔ 0.091675°)

    29 hr alignment (1 31)

    #262 2013/02/23:22hr conj [Mars -11.412506°] [Mercury -10.433319°] (RAΔ 0.979187°)

    34 hr alignment (2 1)

    #296 2013/02/25:08hr conj [Mercury -10.808350°] [Mars -10.387482°] (RAΔ 0.420868°)

    #297 oppo [Venus -28.354156°] [Moon 150.904175°] (RAΔ 0.741669°)

    4 hr alignment (2 2)

    #304 2013/02/25:12hr conj [Mercury -10.870819°] [Mars -10.270844°] (RAΔ 0.599975°)

    3 hr alignment (2 1)

    #307 2013/02/25:15hr conj [Mercury -10.916656°] [Mars -10.179169°] (RAΔ 0.737487°)

    #308 oppo [Neptune -24.841675°] [Moon 154.504166°] (RAΔ 0.654160°)

    4 hr alignment (2 2)

    #315 2013/02/25:19hr conj [Mercury -10.987488°] [Mars -10.058319°] (RAΔ 0.929169°)

    2 hr alignment (1 3)

    #317 2013/02/25:23hr oppo [Sun -20.808350°] [Moon 158.620834°] (RAΔ 0.570816°)

    4 hr alignment (1 15)

    #321 2013/02/26:17hr oppo [Mercury -11.429169°] [Moon 167.945831°] (RAΔ 0.625000°)

    3 hr alignment (1 2)

    #324 2013/02/26:21hr oppo [Mars -9.279144°] [Moon 170.029160°] (RAΔ 0.691696°)

    4 hr alignment (1 12)

    #328 2013/02/27:12hr conj [Venus -25.750000°] [Neptune -24.774994°] (RAΔ 0.975006°)

    15 hr alignment (2 1)

    #343 2013/02/28:03hr conj [Venus -25.000000°] [Neptune -24.754181°] (RAΔ 0.245819°)

    #344 oppo [Moon -174.074997°] [Uranus 6.583333°] (RAΔ 0.658325°)

    4 hr alignment (2 2)

    #351 2013/02/28:07hr conj [Venus -24.800018°] [Neptune -24.745850°] (RAΔ 0.054169°)

    16 hr alignment (1 73)

    #367 2013/02/31:23hr conj [Neptune -24.720825°] [Venus -24.004150°] (RAΔ 0.716675°)

    6 hr alignment (1 34)

    #373 2013/03/02:14hr conj [Moon -140.824997°] [Saturn -140.212494°] (RAΔ 0.612503°)

    3 hr alignment (1 14)

    #376 2013/03/03:06hr conj [Sun -15.845825°] [Mercury -14.862488°] (RAΔ 0.983337°)

    26 hr alignment (1 3)

    #402 2013/03/04:10hr oppo [Moon -114.025009°] [Jupiter 66.412498°] (RAΔ 0.437500°)

    3 hr alignment (1 32)

    #405 2013/03/05:20hr conj [Venus -18.237518°] [Mercury -17.250000°] (RAΔ 0.987518°)

    22 hr alignment (2 1)

    #427 2013/03/06:18hr conj [Moon -78.933350°] [Pluto -78.275024°] (RAΔ 0.658325°)

    #428 conj [Mercury -18.079163°] [Venus -17.162506°] (RAΔ 0.916656°)

    #429 2013/03/06:19hr conj [Moon -78.316681°] [Pluto -78.270844°] (RAΔ 0.045837°)

    2 hr alignment (1 91)

    #431 2013/03/10:15hr conj [Moon -24.958344°] [Neptune -24.379181°] (RAΔ 0.579163°)

    3 hr alignment (1 4)

    #434 2013/03/10:21hr conj [Moon -21.720825°] [Mercury -21.220825°] (RAΔ 0.500000°)

    3 hr alignment (1 16)

    #437 2013/03/11:15hr conj [Moon -12.145844°] [Venus -11.491669°] (RAΔ 0.654176°)

    4 hr alignment (1 4)

    #441 2013/03/11:22hr conj [Moon -8.466644°] [Sun -7.825012°] (RAΔ 0.641632°)

    4 hr alignment (1 13)

    #445 2013/03/12:14hr conj [Moon -0.116669°] [Mars 0.520833°] (RAΔ 0.637502°)

    4 hr alignment (1 10)

    #449 2013/03/13:03hr conj [Moon 6.616667°] [Uranus 7.229167°] (RAΔ 0.612500°)

    4 hr alignment (1 59)

    #453 2013/03/15:17hr oppo [Saturn -140.595825°] [Moon 38.645832°] (RAΔ 0.758347°)

    4 hr alignment (1 52)

    #457 2013/03/18:00hr conj [Moon 67.420837°] [Jupiter 68.137497°] (RAΔ 0.716660°)

    4 hr alignment (1 61)

    #461 2013/03/20:16hr oppo [Pluto -78.049988°] [Moon 101.000000°] (RAΔ 0.950012°)

    4 hr alignment (1 11)

    #465 2013/03/21:06hr conj [Mars 6.658334°] [Uranus 7.650000°] (RAΔ 0.991666°)

    18 hr alignment (2 1)

    #483 2013/03/22:00hr conj [Venus 0.404167°] [Sun 1.395833°] (RAΔ 0.991666°)

    #484 conj [Mars 7.187500°] [Uranus 7.691667°] (RAΔ 0.504167°)

    56 hr alignment (2 2)

    #595 2013/03/24:08hr conj [Venus 3.058333°] [Sun 3.520833°] (RAΔ 0.462500°)

    18 hr alignment (2 1)

    #613 2013/03/25:02hr oppo [Neptune -23.891663°] [Moon 155.545837°] (RAΔ 0.562500°)

    #614 conj [Venus 3.908334°] [Sun 4.200000°] (RAΔ 0.291666°)

    4 hr alignment (2 2)

    #621 2013/03/25:06hr conj [Venus 4.100000°] [Sun 4.354167°] (RAΔ 0.254167°)

    3 hr alignment (2 1)

    #624 2013/03/25:09hr oppo [Mercury -19.979156°] [Moon 159.170837°] (RAΔ 0.850006°)

    #625 conj [Venus 4.241667°] [Sun 4.466667°] (RAΔ 0.225000°)

    4 hr alignment (2 2)

    #632 2013/03/25:13hr conj [Venus 4.429167°] [Sun 4.616667°] (RAΔ 0.187500°)

    46 hr alignment (3 2)

    #678 2013/03/27:11hr oppo [Moon -174.191666°] [Sun 6.362500°] [Venus 6.608333°] (RAΔ 0.800003°)

    4 hr alignment (2 1)

    #682 2013/03/27:15hr oppo [Moon -171.983322°] [Uranus 7.983333°] (RAΔ 0.033340°)

    #683 conj [Sun 6.512500°] [Venus 6.795834°] (RAΔ 0.283334°)

    2 hr alignment (2 2)

    #686 2013/03/27:17hr conj [Sun 6.587500°] [Venus 6.891666°] (RAΔ 0.304166°)

    3 hr alignment (2 1)

    #689 2013/03/27:20hr conj [Venus 7.033333°] [Uranus 7.995833°] (RAΔ 0.962500°)

    #690 oppo [Moon -169.204178°] [Mars 11.304167°] (RAΔ 0.508347°)

    8 hr alignment (2 2)

    #705 2013/03/28:04hr conj [Sun 7.008333°] [Venus 7.412500°] (RAΔ 0.404167°)

    #706 2013/03/28:05hr conj [Venus 7.458333°] [Uranus 8.016666°] [Sun 7.045833°] (RAΔ 0.970833°)

    35 hr alignment (2 1)

    #741 2013/03/29:16hr conj [Sun 8.370833°] [Venus 9.116667°] (RAΔ 0.745833°)

    #742 conj [Uranus 8.091667°] [Sun 8.370833°] (RAΔ 0.279166°)

    2 hr alignment (2 2)

    #745 2013/03/29:18hr conj [Uranus 8.095833°] [Sun 8.445833°] (RAΔ 0.350000°)

    #746 2013/03/29:19hr conj [Moon -141.866669°] [Saturn -141.274994°] (RAΔ 0.591675°)

    #747 conj [Sun 8.483334°] [Venus 9.258334°] (RAΔ 0.775001°)

    #748 2013/03/29:20hr conj [Saturn -141.274994°] [Moon -141.262497°] (RAΔ 0.012497°)

    #749 conj [Sun 8.520834°] [Venus 9.308333°] (RAΔ 0.787499°)

    #750 conj [Uranus 8.100000°] [Sun 8.520834°] (RAΔ 0.420834°)

    #751 2013/03/29:21hr conj [Sun 8.562500°] [Venus 9.354166°] (RAΔ 0.791666°)

    #752 conj [Saturn -141.279175°] [Moon -140.658325°] (RAΔ 0.620850°)

    3 hr alignment (2 2)

    #757 2013/03/30:00hr conj [Sun 8.675000°] [Venus 9.495833°] (RAΔ 0.820833°)

    #758 2013/03/30:01hr conj [Uranus 8.112500°] [Sun 8.712500°] (RAΔ 0.599999°)

    3 hr alignment (2 1)

    #761 2013/03/30:04hr conj [Sun 8.825000°] [Venus 9.687500°] (RAΔ 0.862500°)

    #762 conj [Uranus 8.116667°] [Sun 8.825000°] (RAΔ 0.708333°)

    2 hr alignment (2 2)

    #765 2013/03/30:06hr conj [Sun 8.900000°] [Venus 9.783333°] (RAΔ 0.883333°)

    3 hr alignment (2 1)

    #768 2013/03/30:09hr conj [Uranus 8.129167°] [Sun 9.016666°] (RAΔ 0.887500°)

    #769 conj [Sun 9.016666°] [Venus 9.925000°] (RAΔ 0.908334°)

    #770 2013/03/30:10hr conj [Sun 9.054167°] [Venus 9.970833°] (RAΔ 0.916666°)

    10 hr alignment (1 27)

    #780 2013/03/31:22hr oppo [Moon -110.045837°] [Jupiter 70.375000°] (RAΔ 0.420837°)
    - See more at: ตัวอย่างการทดลองคำนวนรายการดาวเรียงตัวและจุดกระทบ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จับภาพ “สปาร์กเคิล” ปรากฏการณ์ใหม่บนดวงอาทิตย์
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2556 22:54 น.

    1.jpg
    "สปาร์กเคิล" จุดสว่างจ้าบนดวงอาทิตย์ที่ปลดปล่อยพลังงานออกมามากถึง 1 ล้านล้านล้านล้านจูล (บีบีซีนิวส์)


    นักวิทยาศาสตร์ได้ภาพบรรยากาศดวงอาทิตย์ที่คมชัดที่สุดเท่าที่เคยมี จากกล้องอวกาศที่ทำงานได้เพียง 5 นาที แต่เผยให้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า “สปาร์กเคิล” ซึ่งจะไขปริศนานานนับทศวรรษว่าเหตุใดบรรยากาศของดาวดวงนี้จึงร้อนแรงกว่าอุณหภูมิที่พื้นผิว

    ภาพปรากฏการณ์ใหม่ดังกล่าวได้จากกล้องยานอวกาศบันทึกภาพโคโรนารายละเอียดสูง (High Resolution Coronal Imager) หรือกล้องไฮ-ซี (Hi-C) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา)ซึ่งส่งข้อมูลกลับโลกมาได้เพียง 5 นาที แต่ก็เพียงพอให้นักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียนว่า “สปาร์กเคิล” (sparkles) อ้างตามรายงานของบีบีซีนิวส์

    2.jpg

    ภาพเผยให้เห็น "สปาร์กเคิล" จุดสว่างในบริเวณฟิลาเมนต์ของดวงอาทิตย์ (สี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กและใหญ่) และพลาสมาที่เคลื่อนสวนกันไปจามเส้นสนามแม่เหล็ก (กรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กและใหญ่)


    การค้นพบดังกล่าวได้รายงานภายในการประชุมดาราศาสตร์ของอังกฤษ ซึ่งปรากฏการณ์ที่เห็นเป็นจุดสว่างจ้านี้ปรากฏอยู่ท่ามกลางเส้นสนามแม่เหล็ก ซึ่งมีพลังงานปริมาณถูกปลดปล่อยออกมา โดยคำนวณได้ว่าแต่ละจุดปล่อยพลังงานออกมาอย่างน้อย 1 ล้านล้านล้านล้านจูล และนักดาราศาสตร์คาดว่าจะช่วยอธิบายได้ว่า บรรยากาศนอกสุดหรือโคโรนา (corona) ของดวงอาทิตย์นั้น ร้อนกว่าชั้นโฟโตสเฟียร์ (photosphere) ซึ่งเป็นพื้นผิวของดาวได้อย่างไร

    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/Ph0yLc2W3ZU?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ศ.โรเบิร์ต วอลช์ (Prof Robert Walsh) จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลแลนคาเชอร์ (University of Central Lancashire) สหราชอาณาจักร กล่าวว่า ชั้นโคโรนานั้นร้อนกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์เป็นล้านๆ องศา และเป็นที่ข้องใจมานานนับทศวรรษ ส่วนสปาร์กเคิลนั้นเป็นชื่อที่พวกเขาเรียกจุดรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความเข้มสูง และเชื่อว่าเป็นสิ่งบ่งบอกถึงพลังงานที่อยู่ประจำที่แต่ปลดปล่อยออกมาถี่ ทำให้เกิดเป็นโคโรนาที่ร้อนจัดอย่างง่ายดาย

    นอกจากนี้ข้อมูลจากยานไฮซียังเผยให้เห็นกลุ่มพลาสมาหรือก๊าซมีประจุที่แข่งกันพวยพุ่งออกมาตาม “ทางด่วน” ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ซึ่งอนุภาคที่มีความเร็วสูงนี้เคลื่อนที่เข้าไปใน “โซลาร์ฟิลาเมนท์” (solar filament) ซึ่งเป็นพลาสมาอันหนาแน่นที่ยื่นออกมา และบางครั้งพลาสมาเหล่านี้อาจหลุดออกไปจากดวงอาทิตย์ได้

    ศ.วาลช์อธิบายว่าพลาสมาเหล่านี้เคลื่อนที่สวนกันไปมาเหมือนรถยนต์บนทางด่วน ส่วนสปาร์กเคิลนั้นอยู่ในฟิลาเมนท์บริเวณที่มีเส้นสนามแม่เหล็กหมุนเกลียว และปรากฏเพียง 25 วินาที แต่ถึงจะเป็นจุดเล็กๆ เมื่อเทียบกับขนาดมหึมาของดวงอาทิตย์ แต่ก็มีความกว้างพอๆ กับอังกฤษ

    สำหรับยานไฮ-ซีนั้นเป็นยานลำเล็กๆ รุ่นทดสอบของยานรุ่นใหม่ ซึ่งถูกนำส่งขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดลำเลียงสัมภาระได้ไม่กี่นาทีก่อนจะตกกลับลงมา โดยเป้าหมายในการพัฒนายานลำนี้คือเพื่อทดสอบแนวคิดการออกแบบและสมรรถนะของยานไฮซีว่าสามารถเดินหน้าในการพัฒนาสู่ยานโคจรในอนาคตได้หรือไม่
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    2 ดวงจันทร์ใหม่ของพลูโตได้ชื่อ “สติกซ์” และ “เคอร์เบอรอส”โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์3 กรกฎาคม 2556 18:03 น.

    1.jpg


    2 ดวงจันทร์ใหม่ของ “พลูโต” ที่ถูกเรียกว่า “พี4” และ “พี5” ไปพลางๆ ก่อนหน้านี้ ได้รับการตั้งชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า “สติกซ์” และ “เคอร์เบอรอส”

    สหพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติ (International Astronomical Union) หรือไอเอยู (IAU) องค์กรที่รับผิดชอบในการตั้งชื่อวัตถุท้องฟ้า ประกาศชื่อเรียกขานอย่างเป็นทางการสำหรับดวงจันทร์ใหม่ 2 ดวงของดาวเคราะห์แคระพลูโต 2 ดวง คือ “สติกซ์” (Styx) และ “เคอร์เบอรอส” (Kerberos) ซึ่งก่อหน้านี้เคยเรียกกันพลางๆ ว่า “พี4” (P4) และ “พี5” (P5)

    สเปซด็อทคอมระบุว่า การคัดเลือกชื่อดวงจันทร์ของดาวพลูโตอ้างอิงผลสำรวจคะแนนเสียงทางอินเทอร์เน็ตที่ดำเนินการโดยสถาบันค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก (Search for Extraterrestrial Intelligence) หรือเซติ (SETI) แต่ชื่อที่ได้รับผลโหวตมากที่สุดคือ “วัลแคน” (Vulcan) ชื่อดาวเคราะห์ของชาววัลแคนในซีรีส์เรื่อง “สตาร์เทร็ค” (Star Trek) ซึ่งได้รับการโหวตถึง 170,000 คะแนน จากเสียงโหวตทั้งหมดเกือบ 500,000 คะแนน

    ทางเซติได้อธิบายถึงเหตุผลที่ชื่อดังกล่าวซึ่งเป็นชื่อเทพแห่งภูเขาไฟของโรมันไม่ได้รับเลือกว่า ชื่อดังกล่าวถึงถูกนำไปในใช้ในวงการดาราศาสตร์แล้ว อีกทั้งเทพเจ้าของโรมันองค์ดังกล่าวก็ไม่มีสิ่งใดที่สัมพันธ์กับพลูโต

    ตามกฎของไอเอยูนั้นดวงจันทร์ของพลูโตจะต้องเป็นชื่อของตัวละครในเทพนิยายกรีกหรือโรมัน โดยชื่อพลูโตนั้นเป็นชื่อของผู้รักษากฎแห่งโลกบาดาล

    สำหรับชื่อ “เซอร์เบอรัส” เป็นชื่อสุนัข 3 หัวในเทพนิยายโรมัน ซึ่งได้รับเสียงโหวตเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนเกือบๆ 100,000 คะแนน แต่ทางไอเอยูได้ปรับชื่อดังกล่าวเล็กน้อยเป็น “เคอร์เบอรอส” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันในตำนานของเทพนิยายกรีก ส่วนสติกซ์เป็นชื่อแม่น้ำที่แยกระหว่างความเป็นและความตายตามเทพนิยาย ซึ่งได้รับเสียงโหวตเป็นอันดับ 3 อยู่ราว 88,000 คะแนน

    เมื่อปี 2012 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดวงจันทร์สติกซ์จากภาพถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) และภาพถ่ายจากกล้องตัวเดียวกันนี้ยังช่วยในการค้นพบดวงจันทร์เคอร์เบอรอสเมื่อปี 2011 โดยสเปซด็อทคอมให้ข้อมูลว่าดวงจันทร์ทั้งสองมีเส้นผ่านศูนยืกลางประมาณ 20-30 กิโลเมตร

    ตอนนี้มีดวงจันทร์ของพลูโตที่ถูกค้นพบทั้งหมด 5 ดวง โดยที่เหลือคือ ชารอน (Charon) มีขนาดใหญ่ที่สุดและถูกค้นพบเมื่อปี 1978 และนิกซ์ (Nix) กับไฮดรา (Hydra) ซึ่งถูกพบด้วยกล้องฮับเบิลเมื่อปี 2005

    ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) จะศึกษาดวงจันทร์ใหม่ของพลูโต 2 ดวงล่าสุดนี้และระบบของดาวเคราะห์แคระดวงนี้ทั้งหมดได้อย่างใกล้ชิดขึ้น เมื่อยานอวกาศนิวฮอไรซอนส์ (New Horizons) บินไปถึงในปี 2015 หลังจากที่ถูกส่งขึ้นไปตั้งแต่ปี 2007 และอาจจะค้นพบดวงจันทร์ดวงอื่นๆ ที่ฮับเบิลไม่สามารถตรวจจับได้ แล้วจะเดินทางต่อไปถึงแถบไคเปอร์ (Kuiper Belt) ซึ่งเป็นแถบที่มีมวลของวัตถุน้ำแข็งจำนวนมากเหลือจากการก่อกำเนิดของระบบสุริยะ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมอ่านข่าวหลวงปู่เณรคำ แล้ว ก็รู้สึกสงสารท่าน คิดบ้างไหมครับมีแต่คนพยายามจะยึดทรัพย์ท่านให้หมดตัว และถ้าท่านไม่มีเงินคนที่ท่านอุปการะอยู่จะทำยังไง จะมีใครมาอุปการะแทนไหมครับ ทำไมพระที่ตอนนี้มีความเป็นอยู่แบบ ไฮโซ ไม่เสนอยึดทรัพย์
    บ้าง ผมว่าเป็นพระไม่ควรเก็บลาภสักการะไว้เป็นของตัวเองน่ะครับ


    สาวโผล่แฉ “หลวงปู่เณรคำ“ มีสัมพันธ์ตอน ม.2 ลูก 1

    4 ก.ค. 56 08.25 น. |

    สาว 26 ออกโรงแฉบ้าง! อ้างมีเพศสัมพันธ์กับหลวงปู่เณรคำ ตั้งแต่ ม.2 และมีลูกชาย 1 คน ร้องขอค่าเลี้ยงดู

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (3 ก.ค.) น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ต่อหน้า พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ ผกก.สภ.น้ำเกลี้ยง อ้างว่า ตนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระวิระพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 ที่ จ.ศรีสะเกษ โดยเปิดเผยว่า ตนเป็นเด็กกำพร้าอยู่กับยาย มีพระรูปหนึ่งมาปักกลดที่บริเวณป่าละเมาะใกล้หมู่บ้าน ซึ่งยายพาไปถวายภัตตาหารทุกวัน จากนั้นพระรูปดังกล่าวก็เอารถมารับที่โรงเรียน และพาไปมีเพศสัมพันธ์กัน จนตนตั้งท้องตอนอยู่ ม.3 และคลอดลูกที่โรงพยาบาลใน จ.อุบลราชธานี

    น.ส.เก๋ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตนมีสามีใหม่แล้ว แต่ที่ออกมาพูดเพราะต้องการให้หลวงปู่เณรคำรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูบุตร เพราะที่ผ่านมาเคยได้เดือนละ 5,000-10,000 บาท และบุตรชายก็โตขึ้นเรื่อยๆ ต้องการให้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูหรือจ่ายเงินมาก้อนนึงแล้วจบกันไป

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดให้มีการดูแลความปลอดภัยให้กับ น.ส.เก๋ และครอบครัวแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประวัติโดยสังเขป ของพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก **อาจจะยาวไปนิดนึงนะ**

    พระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ มีนามเดิมว่า “วิรพล สุขผล” ถือกำเนิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 เป็นบุตรคนที่ 4 ของคุณพ่อรัตน์ สุขผล และคุณแม่ สุดใจ สุขผล มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นผู้ชายหมด เมื่อองค์หลวงปู่เณรคำบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนา ว่า “ฉัตติโก”
    “พระอาจารย์ วิรพล ฉัตติโก”
    พระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้มีปฎิปทาตั้งมั่นตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กอายุ 6 ขวบ ได้มีศรัทธาในการปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐานมาโดยตลอด ทุกวันพระจะหยุดเรียน และนุ่งขาวห่มขาวเข้าไปถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจะมีอิริยาบถแห่งการปฏิบัติธรรมอยู่ตลอด ไม่มีด่างพร้อย ไม่มีการพลั้งเผลอแม้แต่น้อย ทั้งวันจะเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร ช่วงกลางวันจะไปนอนในป่าช้า ตรงที่เป็นโบกปูนใช้สำหรับเผาผี โดยไม่เคยมีความกลัวหรือหวั่นวิตกอะไร จิตนั้นนิ่งโดยตลอด ทั้งๆ ที่ไม่เคยบำเพ็ญมาก่อนในชาตินี้ ในปัจจุบันชาติเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ผลของการปฏิบัติมันก็เกิดขึ้นทันที นี่เป็นสัญญาณบ่งบอก เป็นหมายเหตุบอกถึงความจริงในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละคนว่า “แม้เราบำเพ็ญในชาตินี้หรือว่าชาติไหนๆ ผลของการปฏิบัติบำเพ็ญนั้นมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมไปไหน” วันธรรมดาก็ไปโรงเรียน พอพักเที่ยงจะไปนั่งสมาธิใต้ร่มไม้ เลิกเรียนจะเข้าไปไหว้พระก่อนกลับจากโรงเรียน และเดินจงกรมกลับบ้านทุกวันเป็นกิจภายใน ที่ไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวเอง
    พอเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา ท่านคิดอยู่เสมอว่า “ถ้าเสร็จจาก ภารกิจทางโลกแล้ว เราจะไม่กลับมา ทางโลกอีก เราคงเคยเกิดมาหลายชาติแล้ว เราคงพอแก่การเกิดได้แล้วในชาตินี้ เห็นอะไรก็เกิดความสลดสังเวชไปหมด จึงเป็นแนวทางทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า เรารู้มาก่อน เห็นมาก่อน ตั้งแต่อดีตชาติ เหมือนกับเราจะได้ต่อเติมเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมการบำเพ็ญเพียรเพื่อให้ หลุดพ้น” เลิกเรียนจึงไปปักกลด นั่งบำเพ็ญภาวนาที่อยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทุกวัน วันพระจะถือกลดไปโรงเรียนด้วย พอเลิกเรียนจะเข้าไปปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่วัด บางครั้งก็ไปปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนา อยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทั้งคืนจนสว่าง ปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตร
    จากการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องมาตลอด จนกระทั่งอายุได้ 13 ขวบ ครั้งหนึ่งขณะนั่งบำเพ็ญภาวนาที่กระต๊อบกลางน้ำนั้น ตัวของท่านลอยขึ้น พอมาเดินจงกรมอยู่บนคันนา ก็เดินเหนือพื้นดินโดยเท้าไม่ได้แตะพื้นดินเลย และอีกครั้งหนึ่งท่านได้นั่งบำเพ็ญภาวนานานติดต่อถึง 5 ชั่วโมง จนถึงเวลาประมาณ ตี 2 จะไปอาบน้ำในบ่อน้ำ พอลุกจากที่นั่งภาวนาตัวเบา……….หวิว เหมือนกับว่าเท้าไม่ได้แตะฝุ่นละอองบนพื้นเลย เดินลงไปในบ่อน้ำก็ไม่จมน้ำ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์ เกิดกำลังใจ ยิ่งทำให้เร่งความเพียรหนักขึ้น และเป็นหนทางให้ออกบวช
    ครั้นอายุได้ 15 ปี ท่านได้ออกบวชเป็นสามเณร ที่วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีท่านหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นอุปัชฌาย์ บรรพชาเสร็จแล้ว ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ระยะหนึ่ง
    จากนั้นเดินทางจาริกธุดงค์ ปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ขณะนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้น มีงูเหลือมตัวหนึ่งเลื้อยมาพาดขา พาดตักบ้าง บางคืนนอนอยู่ งูเหลือมจะเลื้อยมาขดอยู่บนหน้าอก หนักมาก แต่จิตไม่มีการวิตกกังวลหรือกลัวอันใดเลย เพราะชีวิตนี้บูชาคุณพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ที่สุด พระธรรมเป็นใหญ่ที่สุด
    พระอริยสงฆ์เป็นใหญ่ที่สุด ตอนนั้นคิดแต่ว่า เราต้องทำหน้าที่ให้ถึงพระพุทธเจ้า ทำให้ถึงพระธรรม ทำให้ถึงซึ่งความเป็นพระอริยสงฆ์ ความกลัวทั้งหลายจึงไม่มี และได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้นคนเดียวนานถึง 3 เดือน
    ต่อจากนั้นก็ลงจากถ้ำภูตึกไป และจาริกธุดงค์ไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าเริ่มเห็นสิ่งอัศจรรย์เยอะแยะมากมายเกิดขึ้น เช่น สิ่งลี้ลับต่างๆ ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น มองเห็นมุมโลกสองมุม คือ มุมมืดและมุมสว่างแห่งการเวียนว่ายตายเกิด มองเห็นสวรรค์ มองเห็นอบายภูมิ ประกอบด้วยนรก เปรตและอสุรกาย และเริ่มออกทำการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

    อยากให้พระองค์นี้คิดถึง คุณความดีที่พยายามทำมาตั้งแต่ยังเด็ก
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา
    ความรู้อุตุนิยมวิทยา


    การพยากรณ์อากาศ
    หมายถึง การคาดหมายสภาพลมฟ้าอากาศในอนาคต การที่จะพยากรณ์อากาศได้ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกคือความรู้ความเข้าใจในปรากฏการณ์และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ ประการที่ สองคือสภาวะอากาศปัจจุบัน และประการสุดท้ายคือความสามารถที่จะผสมผสานองค์ประกอบทั้งสองข้างต้น เข้าด้วยกันเพื่อคาดหมายการ เปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ความรู้ความเข้าใจในปรากฏการณ์และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ ได้มาจากเฝ้าสังเกตและบันทึกไว้ มนุษย์ได้มีการสังเกตลมฟ้าอากาศมานานแล้ว เพราะมนุษย์อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมฟ้าอากาศโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องทราบลักษณะลมฟ้าอากาศที่เป็นประโยชน์และลักษณะอากาศที่เป็นภัย การสังเกตทำให้สามารถอธิบายถึงสาเหตุของการเกิดลักษณะอากาศแบบต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศนั้นยังมีอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับปรากฎการณ์ของบรรยากาศที่มนุษย์ยังไม่มีความเข้าใจอย่างเพียงพอ ทั้งนี้เพราะอุตุนิยมวิทยาซึ่งเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับบรรยากาศและปรากฎการณ์ที่เกี่ยวข้องนั้น มีการพัฒนาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาได้ไม่นานนัก โดยก่อนหน้านี้มนุษย์เชื่อว่าลมฟ้าอากาศอยู่มากมาย สภาวะอากาศปัจจุบันที่ต้องใช้เป็นข้อมูลเริ่มต้นสำหรับการพยากรณ์อากาศนั้น ได้มาจากการตรวจอากาศ ซึ่งมีทั้งการตรวจอากาศผิวพื้น การตรวจอากาศชั้นบนในระดับความสูงต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่ต้องทำการตรวจเพื่อพยากรณ์อากาศได้แก่ อุณหภูมิ ความกดอากาศ ความชื้น ลม เมฆ และฝน การที่จะพยากรณ์อากาศในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ต้องใช้ข้อมูลผลการตรวจอากาศในบริเวณนั้นร่วมกับผลการตรวจอากาศจากบริเวณที่อยู่โดยรอบด้วย เพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากพื้นที่การพยากรณ์อาจเคลื่อนตัวมามีผลต่อสภาพอากาศในบริเวณที่จะพยากรณ์ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจอากาศระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อมูลเพียงพอสำหรับการพยากรณ์อากาศ นอกเหนือจากกการตรวจอากาศผิวพื้นทั้งบนพื้นดิน พื้นน้ำ และการตรวจอากาศชั้นบนแล้ว ปัจจุบันการตรวจอากาศที่ช่วยให้การพยากรณ์แม่นยำยิ่งขึ้นคือ การตรวจอากาศด้วยเรดาร์และดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวของลมฟ้าอากาศ และมีข้อมูลผลการตรวจอากาศแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้สามารถพยากรณ์อากาศได้ คือการวิเคราะห์ข้อมูลผลการตรวจอากาศเพื่อให้ทราบลักษณะอากาศปัจจุบัน และการคาดหมายการเปลี่ยนแปลงของลักษณะอากาศที่กำลังเกิดขั้นนั้นว่า
    จะมีทิศทางและความเร็วในการเคลื่อนที่อย่างไร และความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเพียงใด นั่นคือคาดหมายว่าบริเวณที่จะพยากรณ์นั้นจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของปรากฏการณ์แบบใด แล้วจึงจัดทำคำพยากรณ์อากาศโดยพิจารณาจากลักษณะลมฟ้าอากาศที่สัมพันธ์กับปรากฏการณ์นั้น ๆ ต่อไป

    ขั้นตอนในการพยากรณ์อากาศ
    ขั้นตอนที่สำคัญสามขั้นตอนในการพยากรณ์อากาศได้แก่ การตรวจอากาศเพื่อให้ทราบสภาวะอากาศปัจจุบัน การสื่อสารเพื่อรวบรวมข้อมูลผลการตรวจอากาศ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการคาดหมาย ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น สามารถแบ่งขั้นตอนออกไปได้อีกคือ ขั้นตอนแรกเป็นการบันทึกผลการตรวจอากาศที่ได้รับทั้งหมด ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ ลงบนแผนที่หรือแผนภูมิทางอุตุนิยมวิทยาชนิดต่าง ๆ เช่น แผนที่อากาศผิวพื้น แผนที่อากาศชั้นบน แผนภูมิการหยั่งอากาศ ด้วยสัญลักษณ์มาตรฐานทางอุตุนิยมวิทยา ขั้นตอนที่สองคือการวิเคราะห์ผลการตรวจอากาศที่ได้จากขั้นตอนแรก โดยการลากเส้นแสดงค่าองค์ประกอบทางอุตุนิยามวิทยา เช่น เส้นความกดอากาศเท่าที่ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยเพื่อแสดงตำแหน่ง และความรุนแรงของระบบลมฟ้าอากาศเส้นทิศทางและความเร็วลมในระดับความสูงต่าง ๆ เพื่อแสดงลักษณะอากาศในระดับบน และเส้นแสดงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิตามความสูงเพื่อแสดงเสถียรภาพของบรรยากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดเมฆและฝน ขั้นตอนที่สามคือการคาดหมายการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนที่ของตัวระบบลมฟ้าอากาศที่วิเคราะห์ได้ในขั้นตอนที่สอง โดยใช้วิธีการพยากรณ์อากาศแบบต่าง ๆ ขั้นตอนที่สี่คือการออกคำพยากรณ์ ณ ช่วงเวลาและบริเวณที่ต้องการ โดยพิจารณาจากตำแหน่งและความรุนแรงของระบบลมฟ้าอากาศที่ได้ดำเนินการไว้แล้วในขั้นตอนที่สาม ส่วนขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งคำพยากรณ์อากาศไปยังสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อไปสู่ประชาชน และส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ตามความเหมาะสม เช่นการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ


    ระยะเวลาของการพยากรณ์อากาศ
    การพยากรณ์อากาศอาจเป็นการคาดหมายสำหรับช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จนถึงการคาดหมายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีจากปัจจุบัน สามารถแบ่งชนิดของการพยากรณ์อากาศตามระยะเวลาที่คาดหมายได้ดังนี้
    1 การพยากรณ์ปัจจุบัน (nowcast) หมายถึงการรายงานสภาวะอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
    และการคาดหมายสภาพลมฟ้าอากาศสำหรับช่วงเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
    2 การพยากรณ์ระยะสั้นมาก คือการพยากรณ์สำหรับช่วงเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง
    3 การพยากรณ์ระยะสั้น หมายถึง การพยากรณ์สำหรับระยะเวลาเกินกว่า 12 ชั่วโมงขึ้นไปจนถึง 3 วัน
    4 การพยากรณ์อากาศระยะปานกลาง คือ การพยากรณ์สำหรับช่วงเวลาที่เกินกว่า 3 วันขึ้น
    ไปจนถึง 10 วัน
    5 การพยากรณ์ระยะยาว คือการพยากรณ์สำหรับช่วงเวลาระหว่าง 10 ถึง 30 วัน
    โดยปกติมักเป็นการพยากรณ์ว่าค่าเฉลี่ยของตัวแปรทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงเวลานั้น
    จะแตกต่างไปจากค่าเฉลี่ยทางภูมิอากาศอย่างไร
    6 การพยากรณ์ระยะนาน คือการพยากรณ์ตั้งแต่ 30 วัน จนถึง 2 ปี ซึ่งยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 ชนิด คือ
    6.1 การคาดหมายรายเดือน คือการคาดหมายว่าค่าเฉลี่ยของตัวแปรทางอุตุนิยมวิทยา
    ในช่วงนั้น จะเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยทางภูมิกาศอย่างไร
    6.2 การคาดหมายรายสามเดือน คือการคาดหมายค่าว่าเฉลี่ยของตัวแปรทางอุตุนิยม
    วิทยาในช่วงนั้น จะเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยทางภูมิอากาศอย่างไร
    6.3 การคาดหมายรายฤดู คือการพยากรณ์ค่าเฉลี่ยของฤดูนั้นว่าจะแตกต่างไปจากค่า
    เฉลี่ยทางภูมิอากาศอย่างไร
    7 การพยากรณ์ภูมิอากาศ คือการพยากรณ์สำหรับช่วงเวลามากกว่า 2 ปีขึ้นไป โดยแบ่งเป็น
    7.1 การพยากรณ์การผันแปรของภูมิอากาศ คือการพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผันแปร
    ไปจากค่าปกติเป็นรายปีจนถึงหลายสิบปี
    7.2 การพยากรณ์ภูมิอากาศคือการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศในอนาคต
    โดยพิจารณาทั้ง สาเหตุจากธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์


    วิธีการพยากรณ์อากาศ
    วิธีแนวโน้ม เป็นการพยากรณ์อากาศโดยใช้ทิศทางและความเร็วในการเคลื่อนที่ของระบบลมฟ้าอากาศที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อคาดหมายว่าในอนาคตระบบดังกล่าวจะเคลื่อนที่ไปอยู่ ณ ตำแหน่งใด วิธีใช้ได้ดีกับระบบลมฟ้าอากาศที่ไม่มีการเปลี่ยนความเร็ว ทิศทาง และความรุนแรง มักใช้วิธีนี้สำหรับการพยากรณ์ฝนในระยะเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง การพยากรณ์ด้วยวิธีภูมิอากาศคือการคาดหมายโดยใช้ค่าเฉลี่ยจากสถิตภูมิอากาศหลายๆ ปี วิธีนี้ใช้ได้ดีเมื่อลักษณะของลมฟ้าอากาศมีสภาพใกล้เคียงกับสภาวะปกติของช่วงฤดูกาลนั้น ๆ มักใช้สำหรับการพยากรณ์ระยะนาน การพยากรณ์อากาศด้วยคอมพิวเตอร์เป็นการใช้คอมพิวเตอร์คำนวณการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรที่เกี่ยวข้อง กับสภาวะของลมฟ้าอากาศ โดยใช้แบบจำลองเชิงตัวเลข (numerical model) ซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศและพื้นโลก ด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนข้อจำกัดของวิธีนี้คือแบบจำลอง ไม่มีรายละเอียดครบถ้วนเหมือนธรรมชาติจริง ในทางปฏิบัติ นักพยากรณ์อากาศมักใช้วิธีการพยากรณ์อากาศหลายวิธีร่วมกันตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลการพยากรณ์ที่ถูกต้องแม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้


    ความผิดพลาดในการพยากรณ์อากาศ แม้ว่าในปัจจุบันการพยากรณ์อากาศจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่การพยากรณ์อากาศ ให้ถูกต้องสมบูรณ์โดยไม่มีความผิดพลาดนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำได้ สาเหตุสำคัญสามประการของความผิดพลาดในการพยากรณ์อากาศได้แก่ ประการแรก ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางอุตุนิยมวิทยายังไม่สมบูรณ์ ประการที่สอง บรรยากาศเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่สถานีตรวจอากาศมีจำนวนน้อยและอยู่ห่างกันมาก รวมทั้งทำการตรวจเพียงบางเวลาเท่านั้น เช่น ทุก 3 ชั่วโมง ทำให้ไม่อาจทราบสภาวะที่แท้จริงของบรรยากาศได้ เมื่อไม่ทราบสภาวะอากาศที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพยากรณ์อากาศให้มีรายละเอียดครบถ้วนถูกต้อง ประการสุดท้าย ธรรมชาติของกระบวนการที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์ซึ่งมีขนาดเล็กหรือเกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ และไม่อาจตรวจพบได้จาการตรวจอากาศ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพลมฟ้าอากาศเป็นอย่างมากในระยะเวลาต่อมา ซึ่งจะทำให้ผลการพยากรณ์อากาศผิดพลาดไปได้อย่างมาก สาเหตุประการสุดท้ายนี้เป็นข้อจำกัดอย่างยิ่งในการพยากรณ์อากาศ เพราะเป็นเหตุให้การพยากรณ์อากาศจะมีความถูกต้องลดลงตามระ เวลานั่นคือการพยากรณ์สำหรับช่วงเวลาที่สั้นจะมีความถูกต้องมากกว่าการพยากรณ์สำหรับช่วงเวลาที่นานกว่า การพยากรณ์อากาศบริเวณเขตร้อนของโลกเช่นประเทศไทย จะยากกว่าการพยากรณ์ในเขตอบอุ่นและเขตหนาวเนื่องจากจากเหตุผลหลัก 3 ประการ
    ประการแรก ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาเขตร้อนยังไม่ก้าวหน้าทัดเทียมกับอุตุนิยมวิทยาในเขตละติจูดสูง
    เพราะการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาในเขตร้อนมีน้อยกว่ามาก
    ประการที่สอง สถานีตรวจอากาศในเขตร้อนมีจำนวนน้อยกว่าในเขตอบอุ่นและเขตหนาว
    ทำให้ผลการตรวจอากาศมีน้อยกว่า
    ประการที่สาม ลมฟ้าอากาศในบริเวณละติจูดสูงส่วนมากเป็นระบบขนาดใหญ่
    ซึ่งเกิดจากมวลอากาศที่แตกต่างกันมาพบกัน ทำให้ตรวจพบได้โดยง่าย
    เช่นฝนที่เกิดจากแนวปะทะอากาศมีความยาวมากกว่า 1,000 กิโลเมตร
    ในขณะทีระบบลมฟ้าอากาศในเขตร้อนส่วนมากมีขนาดเล็ก เพราะไม่ได้เกิดจากความ
    แตกต่างของมวลอากาศ เช่นฝนที่ตกเป็นบริเวณแคบ ๆ

    ..... โดย คร.ดุษฎี ศุขวัฒน์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลจาก อาจารย์ปิยะชีพ
    Prediction Center's photo.

    27 minutes ago.

    1001137_576590439058856_2003414509_n.jpg

    อีก ๒ ชั่วโมงกว่าจุดนี้ 1785 จะระเบิด มาลุ้นกันนะครับ

    (ตอนนี้ 22:03 น. อีก 2 ชั่วโมงก็ประมาณ 00.03 ซึ่งเวลานี้ผมไม่รวมที่ผ่านมาแล้ว 27 นาที เหตุการณ์เกิดขึ้นเอง ไม่มีใครไปกำหนดได้ ได้ก็แค่คาดการณ์ ถึงความน่าจะเป็นว่าจะเกิด 100 % แต่เวลาก็ไปกำหนดเองไม่ได้)




    It's a holiday, so you know what that means?! Chances are good we will see some sort of storm! While there are no guarantees, the chances of larger X-ray flares have increased due to the magnetic complexity of Regions 1785 and 1787. The image below shows two images from our SDO friends, overlayed on each other. The HMI Magnetogram shows the magnetic complexity (black indicates negative polarity/white indicates positive) of the regions, while the HMI Intensitygram indicates where the (relatively) cooler sunspots are. When we overlay the images, we can see which spots are associated with which polarity and if there is any significant mixing between the two. When mixing occurrs, the probabilities for flares increases.

    Keep your eyes open and watch your emails (if you are a pss subscriber) for the R1 or greater Alerts that may be issued if a M5 or greater flare errupts! Like I said though, there are no guarantees one will occurr.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลจาก sunToday วันนี้ปฏิกิริยาต่างๆ บนดวงอาทิตย์ช่างเยอะเหลือเกินครับ
    Capture.JPG

    และส่วนใหญ่เกิดจาก 1785 และ 1787 ครับ แต่ทั้ง 2 จุดดับไม่ได้ทำให้เกิดการประทุขนาด M 1.5 น่ะ ครับ
    Flare of class M1.5
    Active region 0
    Begin, UT 07:00:00
    Max, UT 07:08:00
    End, UT 07:18:00

    มีโอกาสจะเกิด x class จากพื้นที่ no name ก็ได้น่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปตท.ลงโทษโรงบรรจุก๊าซลักลอบจำหน่ายผิดประเภท
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2556 19:29 น.

    บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผ่านเอกสารเผยแพร่ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน ตรวจพบบริษัทซิตี้เซอร์วิส แอนด์ โซลูชันส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายโรงบรรจุก๊าซแอลพีจีของ ปตท. ลักลอบจำหน่ายก๊าซแอลพีจีข้ามประเภทว่า เป็นการกระผิดโดยลำพังของลูกค้ารายนี้ และรถบรรทุกที่ขนส่งน้ำก๊าซเป็นรถของลูกค้าเอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ ปตท. บริษัทดังกล่าวได้รับโควต้าเดือนละ 2,246,400 กิโลกรัม และมียอดซื้อก๊าซแอลพีจีจาก ปตท. ประมาณเดือนละ 1,920,000 กิโลกรัม ซึ่ง ปตท.ได้จ่ายก๊าซฯ ให้ลูกค้า ณ คลังก๊าซบางจากอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
    ดังนั้นแม้จะยังไม่มีการตัดสินระบุความผิดชัดเจนอย่างเป็นทางการ แต่ ปตท. ได้มีบทลงโทษในทันที โดยหยุดการจ่ายโอนน้ำก๊าซเป็นเวลา 1 เดือน พร้อมทั้งตัดปริมาณการจ่ายโอนน้ำก๊าซ และปรับลดอัตราการจ่ายส่วนลดลงจากเดิมในเดือนถัดไป เพื่อเป็นมาตรการลงโทษและป้องปราม พร้อมทั้งมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ หากมีการระบุความผิด ซึ่งจะต้องมีบทลงโทษตามกฎหมายต่อไป
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 เวลา 22.43 น ค่า electron flux 6,030 ขึ้นกระฉูด
    Capture.JPG

    และค่าสนามแม่เหล็กเบี่ยงใต้ที่ - 2.4 ซึ่งถ้าค่าสนามแม่เหล็กเบี่ยงใต้ยิ่งมาก ก็เป็นการเปืดประตูให้พลังงานจากลมสุริยะเข้ามาชั้นบรรยากาศโลกได้มากขึ้น และยิ่งค่า electron flux 6030 บอกไม่ถูกเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...