"พระเจ้าจักรพรรดิราช"

"พระเจ้าจักรพรรดิราช" ได้ลงมาเกิดแล้ว แต่พวกท่านจะรู้ได้อย่างไร

ขออนุญาตครับ

ผมไม่ทราบ และ ผมไม่สนว่าพวกท่านจะไปเอาข้อมูลมาจากไหนกันบ้าง
แต่เมื่อครูบาอาจารย์ของผมท่านมีตัวมีตนจริงๆ
ผมจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเสาะหาข้อมูลจากที่ต่างๆเหมือนพวกท่าน
ผมได้พบและติดตามท่านอาจารย์มาตั้งแต่ วันมาฆบูชาปี ๒๕๕๑
เฉพาะ คลิปวีดีโอ ที่ผมถ่ายไว้ ก็ประมาณ ร้อยกว่างานแล้ว
ผมก็เลยกลายเป็นคนที่คุ้นเคยกับท่านอาจารย์มากที่สุด

ข้อมูลที่ผิดพลาดของพวกท่านก็คือ

"พระเจ้าจักรพรรดิราช" คือ องค์พระศรีอริยะเมตไตย

ที่ผมว่าท่านผิดเพราะ

๑.องค์พระศรีอริยะเมตไตยนั้น องค์ท่านจะมาจุติเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป
นั่นแสดงว่า องค์ท่านต้องมีพระบารมีเต็มครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
องค์ท่านจึงไม่มีความจำเป็นต้องมาสร้างบารมีอะไรอีก

๒.เมื่อกาลปัจจุบันอยู่ในกาลของพระโคตมพุทธเจ้าแล้ว องค์ศรีอริยะเมตไตย
ท่านจะลงมาทำไม ในเมื่อไม่ใช่ยุคไม่ใช่กาลของท่าน

๓.องค์ศรีอริยะท่านก็บอก ครูบาอาจารย์ของผมเองว่า "ยังไม่ถึงกาลของเรา"

๔.องค์ "พระเจ้าจักรพรรดิราช" ก็คือ ช้างป่า "ปาลิไลยกะ" ในสมัยพุทธกาล
และคือ ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ในปัจจุบัน
และ ท่านก็คือ พระพุทธเจ้าพระองค์ที่๑๐ พระนาม "สุมังคละ" นั่นเอง

ท่านอาจารย์เคยบอกเอาไว้ตั้งแต่วันงานทอดผ้าป่าเพื่อซื้อที่ดินสร้าง "พุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ" ว่า

"วันที่พระใหญ่สร้างเสร็จ จะมีการเปิดโลกครั้งยิ่งใหญ่

จะเป็นวันที่ ทั้งไตรโลกจะมองเห็นกันหมด"

"จะเป็นวันที่พวกเราจะได้ทราบว่า

เราเป็นอะไรกัน เรามีความสัมพันธ์กันอย่างไร"​

ส่วนข้อมูลที่ถูกของท่านก็มีคือ ครูบาอาจารย์ของผมท่านบอกออกเป็นสองนัยคือ การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ตามพระบัญชาขององค์พระโคตมพุทธเจ้านั้นสร้างเพื่อปกป้องภัยพิบัติทั้งสี่

(พูดให้เข้าใจง่ายๆที่สุดคือ ป้องกันโลกแตก)

ท่านอาจารย์บอกว่า

นัยที่๑ สร้างให้แล้วเสร็จภายใน ๗ ปี

นัยที่๒ ใช้เวลาสร้างเสาร์เข็มฐานราก ๒ ปี (๒๕๕๔-๒๕๕๕)

และใช้เวลาสร้างองค์พระใหญ่ชัยภูมิอีก๗ปี ก็คือปี ๒๕๖๒

ตามข้อมูลที่ท่านว่าไว้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม ตามคุณสมบัติแปดข้อของพระโพธิสัตว์ ต่อให้ท่านผู้ใดไปถามท่าน ท่านก็คงตอบตรงๆไม่ได้

แล้วในโลกมนุษย์ปัจจุบันยังจะมีท่านผู้ใดมีบุญบารมีสูงส่งพอจะบอกได้บ้าง
ที่เห็นบอกก็มีแต่กระซิบบอกในกลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิดสายพระโพธิสัตว์เท่านั้นละครับ

ความที่ผมรู้มากเห็นมาก ผ่านการมีครูบาอาจารย์หลายสายมากๆ ทำให้ผมเห็นความแตกต่างได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านก็ได้อธิฐานเอาไว้แล้วว่า

"ผู้ที่มีบุญ ขอให้ได้มาร่วมบุญมาร่วมสร้างพระใหญ่"
"ผู้ที่ไม่มีบุญขออย่าให้ได้มา แม้ได้ยินได้ฟังก็อย่าให้ได้เชื่อ"​

ผมก็ไม่ทราบว่าหลายๆท่าน จะฝ่าฟันคำำอธิฐานนี้เข้ามาได้อย่างไร

แม้ผมจะรู้ว่าท่านอาจารย์ได้พูดอะไรไว้เมื่อไร ผมก็จะไม่ขอสรุปให้
แต่ผมจะให้พวกท่านไปเปิด คลิปวีดีโอ ดูเอาเอง

จากกิจกรรมพระใหญ่ชัยภูมิตามเว็บลิงค์ข้างล่าง

YouTube - ‪ช่องของ Pootarach‬‏

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
ขออนุโมทนา
ขอขอบพระคุณครับ
ลุงมหา

 

ผมรู้จักคนที่มีเรื่องคล้าย ๆ กันนี้อยู่ เขาบอกว่า ตอนแม่อยู่โรงพยาบาล แม่เขาฝันว่าหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านเอาแหวนมาให้ (เกิด 2527 หลวงปู่แหวนท่านมรณภาพ พ.ศ. 2528)พอตื่นขึ้นมาแล้วเอามือคลำลงไปใต้หมอนแล้ว ก็เจอแหวนหลวงปู่แหวนจริง ๆ แต่ปัจจุบันแหวนวงนั้นหายไปแล้ว ผิดกันแค่แม่เขาไม่ได้ตั้งชื่อเขาว่าเทพ แต่แม่เขาตั้งชื่อโดยเอาชื่อสามี และชื่อตัวเองรวมกัน ถ้าเอาตามความหมายที่เอาชื่อรวมกัน จะได้ชื่อความหมายว่า "พระพุทธผู้งามสง่า"

 

พระจักรพรรดิ์ราช พระโพธิ์สัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล จะมาทำอะไรกัน?

ขออนุญาตครับ

ขอนำคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ยกมาให้ดูอีกที

ขออนุญาตครับ
จากข้างบนแสดงว่า หลายท่านยังคงมีชีวิตอยู่ ในยุคปัจจุบัน
ว่างๆจะมาเติมรายละเอียดให้
เพราะมารดาของท่านนั้น ทำหน้าที่ให้กำเนิดเท่านั้น
ท่านไม่ได้มีบุญบารมีทางธรรม แตกต่างจากชาวบ้านทั่วๆไป
เรื่องบางเรื่อง ถ้าท่านออกหน้ามาก จะเป็นการบั่นทอนอายุขัยของท่านก็ได้

ส่วนที่ท่าน จขกท อ้างมาว่า

ขอแสดงความเห็นนะครับ

ตามที่รับฟังจากครูบาอาจารย์มา

"การจุติของพระพุทธองค์ ลงมาบนโลกก็ดี"
"การจุติของพระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรแล้ว ลงมาบนโลกก็ดี"
"ล้วนต้องผ่านการเห็นชอบของ ธรรมสภา เช่นเดียวกัน"

เมื่อต้องผ่าน "ธรรมสภา" ก็คงต้องถาม องค์อมรินทร์(พระอินทร์) ว่า ท่านใดเป็นท่านใด ก็จะรู้ได้แน่ๆ

และแม้กระทั่งสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ ยังคงไม่สามารถเผยแผ่พระศาสนาไปให้ทั่วถึงทั้งโลกได้

ดังนั้น ที่ท่านบอกว่า

จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสัตว์โลกต่างก็มีกรรมเป็นของๆตน
จะให้คนทั้งโลกมานับถือศาสนาพุทธ คงจะเป็นไปไม่ได้

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ในตอนนี้ไม่ว่าใครจะลงมาจุติหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ รับทราบและรับรู้และได้เห็นก็เพียงว่า
ประเทศสยามของเรานั้น ณ ก่อนหน้านี้ตอนนี้เวลานี้และเวลาต่อไปเรามีพระเจ้าอยู่หัวซึ่งพระองค์ท่านทรงเป็นจุดศูนย์รวมของปวงชนชาวไทย ประเทศชาติอยู่ได้จนถึงวันนี้ก็เพราะพระองค์ท่านครับ เราต้องหันกลับมามองความเป็นจริงในปัจจุบันและช่วยกันประคองประเทศชาติให้กลับมาสงบช่วยกันสวดมรต์ภาวนาให้พระองค์ท่านมีพระวรกายที่แข็งแรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน
ผมไม่ได้เข้ามาโพสปรามาสหรือบิดเบือนความเชื่อของใครแต่ผมอยากให้ประชาชนคนไทยมองที่ความเป็นจริง อนาคตไม่มีใครกำหนดได้แต่ปัจจุบันเราทำดีได้ทำดีเพื่อพ่อหลวงครับ

 

ผมไม่ได้บอกว่าคนคนนั้นเป็นพระจักรพรรดิได้สักหน่อย เพียงแต่บอกว่าเจอเรื่องแบบนี้มาแล้วมันก็ดันไปคล้ายกับเรื่องของคนคนนั้นเลยเอามาเล่า ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ในเรื่องว่าที่พวกท่านว่ากันว่า หลวงพ่อฤาษีเป็นคนพูดนั้น จริงเท็จหรือไม่ประการใด แล้วถ้าจะจริงไม่จริง เรื่องมันจะออกคล้าย ๆ หรือเหมือนเป๊ะ ๆ หรือไม่ประการใด แต่ผมก็ตั้งธงไว้ว่าคนคนนั้น(ที่ผมรู้จัก)คงไม่ใช่ เพราะินิสัยและนิสัยที่แก้ไม่หายของคนคนนั้นถึงแม้ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่อุปนิสัยของคนที่จะเป็นพระจักรพรรดิ์ได้เลย

อ่อ อีกอย่างจากที่ผมค้นคว้าเรื่องพระจักรพรรดิมา สิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดน่าจะเป็น อีกไม่เกิน 50 ปี โลกจะทะยอยเกิดภัยพิบัติ คนจะทะยอยตาย ๆ ไป แต่ไม่รู้จะจริงเท็จประการใด ฉะนั้นตอนนี้อยู่กับปัจจุบันกันไปเถอะท่านทั้งหลาย อย่าไปหวังรอพระจักรพรรดิ์ท่านจะมาช่วยแก้ไปหาให้เราเลย ปัญหาที่เรา ๆ ท่าน ๆ เจอกันอยู่ทุกวันนี้ หาทางออกดี ๆ มันก็ยังจะพอมีทางออกอยู่

 

ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่นับถือพุทธศาสนา ในหลายๆประเทศ ก็มีพุทธทำนายเหมือนกัน แต่เรื่องที่เหมือนกันคงมีไม่กี่เรื่อง แต่ที่แน่ๆคือ การทำนายเกี่ยวกับ พระศรีอริยเมตไตรย์ ในแต่ละประเทศก็จะมีข่าวคราวเกี่ยวกับการมาปรากฏตัวของพระศรีอริยเมตไตรย์ในประเทศนั้นๆด้วย แต่จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีที่ไหนที่สามารถยืนยันได้ว่า เป็นพระองค์จริง




Asian Prophecy - 1. Buddhist Prophecy ~

Buddhist - Prophecies - Mission of Maitreya

.

 

ใครที่คิดว่ายังไม่เคยกราบ พระเจ้าจักรพรรดิราช ให้ไปซะนะ

หลวงปู่จามท่านเขียนไว้ในหนังสือว่าท่านเคยเป็น มา๗ครั้งแล้ว

พรุ่งนี้เป็นวัน พระราชทานเพลิงองค์หลวงปู่ท่าน

เห็นถามหากัน นะครับ

 

อยู่กับปัจจุบันกันครับ
ในอดีตชาติเราก็อาจเคยผ่านมาบ้างแล้วก็ได้

 

ผมเองแหละ เด็กในคำทำนาย คนอิสานเป็นคนลาวทั้งนั้นโดยเชื้อชาติก่อนที่ไทยจะยกลาวให้ฝรั่งเศษอ่านะ ในอีกแง่ คนลาวเอง ก็เป็นคนไทยที่ถูกแยกออกไปให้เป็นคนประเทศลาว
ไม่เหมือนนิดเดียว
หลวงปู่แหวนเอาแหวนมาให้แม่ผม
ชื่อแรกที่แม่ผมตั้งชื่อให้ผม มีความหมายว่า พระพุทธผู้งามสง่า ซึ่ีงถ้าพระพุทธเจ้าเป็นครูของผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ก็คงเรียกได้ว่าเป็น เทวดาผู้อยู่เหนือเทวดา ซึ่งก็คือ เทพ ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?


ตอบกระทู้ข้างล่าง ผมเลิกไม่ได้เพราะผมไม่ได้เป็นครับ เพียงแต่ผมสัยว่าจะใช่ตัวเองหรือเปล่าก็เท่านั้น

 

ยินดีด้วยนะ .. Zalievan

ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นเมื่อไรช่วยบอกด้วยนะ ..
และก็ ถ้ารู้ตัวว่าเลิกเป็นเมื่อไรก็ฝากบอกด้วยอีกเช่นกันนะ ^^

 

เช่นกันครับ ติดตามเรื่องนี้มานานด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงตามตำนานที่มีคนกล่าวถึงและโพสไว้ในที่ต่างต่างหรือไม่ แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งแย้งถึงที่มาว่าเริ่มต้นมาจากตรงไหน จะเชื่อถือได้หรือไม่ จนเกิดคำถามและข้อสงสัยมากมาย แม้จะมีครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายองค์เคยกล่าวยืนยันไว้ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ก็เลยคาดเดากันไป มีหลายท่านที่พยายามจะเชื่อมโยงให้เข้าไปใกล้ชิดตัวเองหรือคนที่ตนนับถือว่าเป็นพระยาธรรมบ้าง พระยาธรรมมิกราชบ้าง บางท่านก็ประกาศตัวเองแบบเปิดเผยล่วงหน้ามาหลายปีก่อนกำหนด เพราะชื่อนี้ถือเป็นผู้มีบารมีมากที่มาเกิดในยุคใกล้เคียงที่ชีวิตพวกเราจะได้มีโอกาสได้สัมผ้สแบบกายเนื้อ ทำให้หลายท่านที่คิดว่าพอจะมีอภิญญาหรือปฎิบัติธรรมได้ในระดับหนึ่งก็คาดเดาว่าน่าจะใช่ท่านนั้น ท่านนี้ ตรงกับที่หลายท่านเคยกล่าวไว้ว่าเมืองไทยมีพระโพธิสัตว์หลายองค์ที่ลงมาเกิดในระยะนี้ ก็ไม่ใช่จะเป็นพระยาธรรมมิกราชได้ พระโพธิสัตว์ที่ถูกกำหนดแล้วก็มิได้หมายความว่าจะต้องเป็นพระยาธรรมมิกราช การคาดเดาหรือปรุงแต่งเองอาจคลาดเคลื่อน รอเวลาอีกแป็ปเดียวเองครับ

 

เก่าแล้ว ไม่น่าขุด น่าอาย ๆ 555
ตอนนั้นผมบ้ามากอยู่ แต่ ตอนนี้ก็ยังไม่หายสงสัยครับ

 

หลายๆคนที่อ่านนี่ก็มีคุณสมบัติในนั้นหมดล่ะครับ อยู่ที่จะคิดว่าตัวเองเป็นไม่เป็น ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็น ก็เหนื่อยหน่อยนะครับ ผมเองมองว่าอย่าไปเป้นดีกว่า มันเหนื่อย ถ้าคุณไม่เหนื่อยมีอยู่ประการเดียว คือ รัก รักมาก จนยอมเหนื่อย เพื่อ ? อันนี้ไม่กล้าตอบแทนใคร และไม่กล้าฟันธงเหมือนหมอดู แต่ถ้า แค่ คำว่า สละ สงสาร เมตตา หลุดโลก คงไม่ ทำเพื่อคนอื่น ขนาดนั้นนะ เมตตา ทำก็ได้ หรืออาจไม่ทำ สละ คือ ทำ แต่ไม่ตลอด มั้ง เนาะ หรือ ป่าว หลุดโลกนี่ ไม่รู้ไปโลกไหน ดาวอะไร แต่หลุดไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้นิ ก็เหลือเรื่องเดียว ความรัก ที่สร้าง พลัง สร้างอีกหลายอย่าง เพื่อที่จะทำ ทำไปเรื่อยๆ ไปตลอด ไม่ตั้งเงื่อนไข ไม่เหนื่อยหน่าย ไม่สุขไม่ทุกข์

 

พระเจ้าจักรพรรดิราช
จะต้อง เปลื่ยนแปลงโลกได้ ควบคุมการเปลื่ยนไปของโลกได้ กำหนดพิกัด ความเป็นไปของโลกได้ ไม่ใช่ใครๆ ก็เป็นได้ พระเจ้าจักรพรรดิราช คือ คนทั้งโลกจะต้องยอมรับ คนที่ทำได้ คือ พระเจ้าจักรพรรดิ
จำนวนประชากร อากาศ ควบคุม ดิน น้ำ ลมไฟ ได้ ควบคุม วิญญาณต่างๆได้ แม้แต่ พื้นดิน พื้นน้ำ ต้องอยู่ในการควบคุมได้ ของพระเจ้าจักรพรรดิ นั้น แม้กระทั่งประชาชนทั้งโลก ต้องสั่งสอน ต้องบอกกล่าวได้ทั้งหมด ไม่ใช่ทำได้เฉพราะกลุ่ม เฉพราะคน ต้องทั้งโลก เลยทีเดียว

ส่วนพระยาธรรมิกราช คือ พระยาธรรม ต้องมาสั้งสอนธรรมะ ให้เป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลกได้ ไม่ใช่เฉพราะกลุ่ม เฉพราะคน และที่สำคัญ คือ การรวมอย่างน้อยสามร่มโพธิศรี( สามศาสนา เข้าด้วยกัน)หรือการช่วยชี้แนะศาสนาทั้งหลายให้ผู้คนเข้าใจได้ แล้วให้คนทั้งโลกยอมรับได้ แล้วคนๆนั้นก็จะได้ เป็น พระยาธรรม แน่นอน ไม่ต้อง มีใครมาบอก ไม่ต้องยกย่องตนเองใดๆทั้งสิ้น ของจริง คือ ของจริง ไม่มีมโน ครับไม่มีคิด ทุกคนจะรู้และเห็นด้วยตัวเอง ยอมรับโดย ตนเอง

 

การรวมสามศาสนาทำไม่ได้หรอก
พุทธ อิสลาม คริสต์
ที่จริงน่าจะ (พุทธ) (อิสลาม คริส เพราะพระเจ้าองค์เดียวกัน) (พราหมณ์) มากกว่า
เพราะจุดประสงค์สูงสุดของศาสนานาทั้ง สาม ต่างกัน ถ้าจะรวมมันรวมได้แค่หลักปฏิบัติ
ยิ่งศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ เห็นเทพเป็นเพื่อนร่วมสังสารวัฏนี่ เอาไปรวมกับศาสนาอื่น ที่นับถือเทพ นับถือพระเจ้ามีแต่จะได้ตีกันตาย
คนที่ให้แนวคิดมาไม่น่าจะเป็นคนพุทธหรอก น่าจะเป็นคนศาสนาอื่นมากกว่า ที่อยากให้ คนที่มา รวมศาสนาอื่น เข้ากับศาสนาตน เพราะเขาเชื่อว่าศาสนาของเขาดีที่สุด ผมว่าแนวคิดนี้ ต้องมาจากฝั่งเทวนิยม ได้ยิน ข่าวลือ (อาจจะไม่ใช่ความจริง)แว่ว ๆ ว่า แนวคิดนี้มาจากฝั่งคริสตจักร หรือไม่ก็พวก อิลลูมินาติ

พี่เขามองศาสนาของตนเป็นใหญ่ ดีที่สุด และไม่เข้าใจศาสนาอื่น

พระจักรพรรดิ์ ถ้าเป็นพระจักรพรรดิ์จริง ๆ บารมีต้องแบบ ปกครองได้ถึงสวรรค์ โน่นแหละ แต่ พระจักรพรรดิ์พอใจจะปกครองแค่ไหนก็ตงต้องตามใจผู้ที่จะเป็นเขาโน่น โลกกี่ส่วนหรือทั้งใบ พ่วงบาดาล สวรรค์ก็ว่าไป
ภาระงาน ก็คงเป็นสรางกฏระเบียบให้โลก กับสอนธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ
กรณีขอบขยายดินแดนก็คงขยายขอบเขตุการปกครองไปเรื่อง ๆ ตามที่พอใจ

ได้ยินมาว่าเคยมีพระจักรพรรดิ์พระองค์หนึ่ง สามารถ ปกครองสวรรค์ช่ั้นดาวดึงส์ได้ครึ่งหนึ่งด้วย

พระธรรมิกราช ตามคำพยากรณ์คือคนในศาสนาพุทธ บารมีตอนนี้ไม่ใหญ่เท่าพระพุทธเจ้าแน่นอน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พระธรรมิกราชจะสามารถสอนได้ทั้งโลก

เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนทั้งโลก(ทั้งหมด)เหมือนกัน ท่านสอนเฉพาะคนที่สอนได้ และท่านก็ไม่ได้รวมนิกายหรือศาสนาอื่นที่มีในยุคของท่านมาไว้ในศาสนาของท่าน เพราะท่านรู้ว่าใครสอนได้สอนไม่ได้ครับ
ครับ ดังนั้น พระยาธรรมก็คงจะสอนแค่คนที่สอนได้ และมีใจฝักใฝ่ในศาสนาพุทธ ตามรอยพระพุทธเจ้าท่านน่ะแหละ ส่วนใครจะได้ยินธรรมมะของพระยาธรรมแล้ว มีใจเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาพุทธฑก็คงแล้วแต่วาสนาของเขาล่ะนะ

พระยาธรรมท่านคงรู้แหละ ว่า บัวสี่เหล่ามันมีอยู่ในโลก ท่านคงจะไม่เปลืองแรงสอนทั้งโลกเปล่า ๆ หรอก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ผมว่า ความเชื่อที่ ขัดกับ ความธรรมดา เป็นความเชื่อที่ผิดนะ

จะว่าไป แนวคิด 1 โลก 1 ศาสนานี่ เป็นแนวคิดของอิลลูมิเนตินะ ได้ยินมาว่างั้น

 

พระเจ้าจักรพรรดิ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



พระเจ้าจักรพรรดิ (บาลี: จกฺกวตฺติ) คือจักรพรรดิผู้ปกครองทวีปทั้ง 4 ในความเชื่อของพระพุทธศาสนา เป็นผู้รักษาศีล เป็นธรรมราชา ปกครองด้วยทศพิธราชธรรม มีพระโอรสนับพัน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ปรารถนาสงคราม ไม่ประสงค์เครื่องบรรณาการ พระเจ้าจักรพรรดิมีแต่ผู้เคารพนับถือ พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้มีบุญญาธิการมาก พระเจ้าจักรพรรดิมีลักษณะของมหาบุรุษเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า แต่ทรงเลือกปกครองแผ่นดิน

ยามใดที่มีพระพุทธศาสนา พระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงบำรุงอุปัฎฐากพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก ช่วยเผยแพร่พระธรรม แต่ยามใดที่ไม่มีพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ทรงรวบรวมผืนแผ่นดิน ผู้คนให้เป็นปึกแผ่น ทรงปกครองโดยธรรม สั่งสอนประชาชนทั้งมวล พระเจ้าจักรพรรดิทรงขยันในการสร้างบารมีมาก ถึงแม้จะเป็นพระมหาจักรพรรดิก็ยังทรงสร้างพระบารมีไม่หยุดหย่อน

ความพิเศษของพระเจ้าจักรพรรดิ

1. พระเจ้าจักรพรรดิมีพระวรกายงดงามยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆ
2. พระเจ้าจักรพรรดิมีอายุยืนกว่ามนุษย์ใดๆ
3. พระเจ้าจักรพรรดิมีอาพาธน้อย และเจ็บป่วยได้ยากกว่าคนทั่วไป
4. พระเจ้าจักรพรรดิเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา แม้แต่เทวดาก็ยังเกรงใจ

แก้ว 7 ประการ

พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ อันได้แก่

จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ)

เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงไม่รับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้
ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ)
ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ)
ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ)
มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้เกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน
นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ)
นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาสุภาพ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยรับฟังคำสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ
ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ)
คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหนก็เห็นไปหมด
ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ)
ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ

อานิสงส์ผลบุญที่ทำให้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

1. ทำบุญทำทานด้วยจิตใจงดงาม
2. เป็นเจ้าในงานทอดกฐิน หรือเป็นเจ้าภาพในการสร้างวัด พระอุโบสถ พระวิหาร พระพุทธรูป ฯลฯ
3. เป็นประธานในการเทศนาธรรม การสังคายนาพระไตรปิฏก ฯลฯ
4. บูชาเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
5. เจริญเมตตาจิตตลอด 7 ปี

ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจ้าจักรพรรดิ

 

งงข้อมูลไหม่เป็นไงบ้างครับ

 

ขณะที่ดวงจิตเป็นไปอยู่อย่างนี้ ทั้งมีความเพ่งพินิจหน่วงองค์พระพุทธเจ้าเข้าไว้เป็นอารมณ์ จนหมดสิ้นไม่มีอารมณ์อะไรอื่นเหลืออยู่ ประกอบทั้งรูปธรรมก็นำเอาตารกธาตุที่อยู่รอบตน เข้าไปรวมเนื้ออยู่ด้วยทวีขึ้น จนสิ่งที่เหลืออยู่โปร่งบางไปหมด ครั้นแล้วความมืดแห่งวิศวราตรีก็ปรากฏมี เป็นสีน้ำเงินอันงามแล้วก็เข้มขึ้นทุกที ขอท่านช่วยนำสารนี้ถึงองค์เอทัตคะแห่งสมณะโคดม

 

แม่ชีจิตยิ้มเห็นแสงเข็มขึ้นทุกวันหรอครับโมทนาสาธุนะครับ

 

พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าจักรพรรดิ์ มาเกิดในช่วงเวลาเดียวกันได้ครับ

ข้อมูลจากพระไตรปิฏก

ครั้งนั้นพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าได้อุบัติในโลกแล้ว ก็ได้รับฟังพระธรรมคำสอนจากพระสุชาตพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายทวีปทั้ง ๔ และ รัตนะ ๗ ประการ แก่คณะพระภิกษุอันมีพระพุทธเจ้าเป็นประทาน และได้บวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ครั้งนั้น พระสุชาตสัมพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า

"ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า ในที่สุดสามหมื่นกัป ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า"

พระภิกษุจักรพรรดิได้ฟังดังนั้น จึงตั้งมั่นในความเพียร ศึกษาคำสั่งสอนของพระศาสดาจนสิ้นอายุขัย

ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/พระสุชาตพุทธเจ้า