@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/0sqxJUCitww?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤศจิกายน 2015
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ศิษย์: กายเนื้อของเรา ดวงจิตสามารถเข้ามาอาศัยได้หรือเปล่า หรือเปลี่ยนไปแต่ละจิต

    หลวงตา: คือจิตเรานี่นะ เราอยู่ในธาตุเราอยู่ใช่มั้ย บังคับธาตุเราอยู่เนียะ ถ้าจิตเราไม่อยู่เนียะ มันบังคับไม่ได้ เราสังเกตคนตายซิ คนที่ไม่ได้ฝึกตาย ไม่ได้ฝึกนะ คือคนตายธรรมดาเนียะ ไม่ถึงกับเลวไม่ถึงกับดีเนียะ คือคนปรกติเนียะ ไม่ได้ฝึกสวดมนต์ไหว้พระทำกรรมฐานอะไรนะ แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าจะเลวนะไม่ใช่ ไปนั่งดูเวลาเค้าตายนะ เวลาธาตุ บางคนก็แก่ คือธาตุมันใช้ไม่ได้แล้ว บางคนก็โดนโรคกิน จิตเค้าจะบังคับ พอมันปวดมากเนียะ ธาตุมันจะผลักเค้าออกไป เค้าจะบังคับไม่ได้ฮะ เข้าๆ ออกๆ หลายรอบนะฮะ เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกหลายรอบ พอเข้าไปมันก็ปวด มันบังคับไม่ได้ก็ถอยออกมา เข้าไปแล้วถอย เข้าไปแล้วถอย หลายรอบ ก็รู้แล้ว บังคับไม่ได้แล้ว ก็มานั่งข้างๆ กันนะ แล้วก็มาร้องสะอีกสะอื้นอยู่ข้างๆ นั่นแหละ เค้าก็เอาไป ก็ตามไป ตามธาตุไป เวลาไปเผาก็กลับมาโรงพยาบาล บางคนบางวิญญาณ เพราะยังมีความเข้าใจว่าต้องให้หมอรักษาอยู่ มันถึงในโรงพยาบาล ถึงจะมี ไปนอนบางเตียง โดนฮะ โดนดึงขามั่ง เฮ้ย อย่ามานอนนี่เตียงของเราอะไรเนียะ นั่นนะ มันก็เหมือนสัตว์ที่มีพิษกัดต่อยที่มือเราเนียะ (หลวงตาชูนิ้วชี้ขวา) ใช่มั้ย ต่อยมือเราตรงเนียะ (จับไปที่นิ้วชี้) ถามว่าเราบังคับมันได้มั้ย ไม่ได้ มันปวด มันเป็นพิษไง เนี่ยบังคับไม่ได้เลย อยู่อย่างเนียะ เราเอายาไปทามันๆ เอาพิษมันหายแล้วบังคับได้ เหมือนกันนะ ถ้ามันเป็นพิษทั้งร่างกายละ จิตบังคับไม่ได้มันก็ออกมา เปลี่ยนร่างใหม่ เปลี่ยนใหม่ก็คือตาย เอาไปเผา นั่นนะ

    แต่ที่วิญญาณเค้าถามว่าเบียดเข้ามาได้ไหม อันนี้ได้นะฮะ โดยการน้อมรับในโลกของวิญญาณเหมือนคนรับขันธ์เหมือนคนทรง พอเค้ารับมาแล้วเนียะ พอน้อมเข้าไปวิญญาณก็เข้าแทน แทนตัวเองก็เบียดตัวเองออกไป ยังงั้นแหละ มันจะเข้าๆ ออกๆ ถ้าเรามองเห็นก็จะเห็นเป็นสองคน แฮะๆๆ เป็นสองคนในร่างเดียว เดี๋ยวไอ้คนนี้พูดไอ้คนนี้เปลี่ยนพูด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บางคนมีเยอะเลยฮะ เป็นลานบินเลย เดี๋ยวเข้าออก เดี๋ยวเป็นเด็กเดี๋ยวเป็นคนแก่มั่ง เดี๋ยวอะไรมั่ง นั่นนะ หยั่งงั้นนะ สนุกดีนะเวลาดู ฮึๆๆ มันเบียดได้ ฮึๆๆ เข้าใจนะคนถาม เหมือนเด็กผีเข้านั่นนะ ผีแถวบ้านสมัยก่อนนะ มันอยากกินอะไรมันก็เข้าคนแถวนั้นนะ ยังงั้นแหละ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้วฮะ

    โลกวิญญาณกับโลกคนมันอยู่ด้วยกัน คนที่ตายลักษณะไหนมันก็ไปอยู่ตรงนั้น มันอาศัยคนนะฮะ ขนาดเข้าในบาร์นี่มันยังเกาะคนเข้าไปนะฮะ คนกินมันก็เมาด้วยนะฮะ เฮอะๆ อาศัยซึ่งกันและกัน คนเราเนียะ

    ก็เหมือนเราสวดมนต์ ลองเราสวดจักรพรรดิดูเนียะ ก่อนจะสวดก็น้อมไปแถวๆ นั้น ญาติทั้งหลายวิญญาณโอปปาติกะมาสวดด้วยกัน สวดสบายๆ แล้วเราก็ได้ยินเสียงคนมาสวดกะเราเหมือนมีเสียง ความรู้สึกอะ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกันกับไอ้วิญญาณที่จะไปเที่ยวบาร์ เหมือนกันๆ คล้ายๆ กัน แต่กลัว อย่าไปกลัว เราเนียะ เป็นตัวสื่อในโลกวิญญาณดีที่สุดฮะ เราสามารถสื่อได้ มีรูปนาม พลังงานมาที่เราไปที่คนไปที่วิญญาณได้ ไปที่สัตว์ได้ ทั้งดีและไม่ดี ... แฮะๆๆ เฮอะๆ สนุกดีฮะ



    [​IMG]
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]


    วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2558 สวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิที่ถ้ำใหญ่ วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อีกทั้ง ทุกวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ถึงเวลา 7 โมงเช้าของวันอาทิตย์ มีการปฏิบัติยืน เดิน นั่ง นอนโดยตลอด และระหว่างที่พระภิกษุและญาติธรรมสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิบนถ้ำใหญ่นั้น หลวงตาท่านก็จะจารวัตถุมงคลต่างๆ ไปด้วย ท่านไม่เคยปล่อยให้มีเวลาว่างในทุกๆ วินาทีเลยนะ แล้วพวกเราล่ะ.... กราบสาธุ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ดังบ่ดี ดีบ่ดัง

    หลวงปู่ดู่เคยเล่าให้อาจารย์ศุภรัตน์ฟังว่า "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี" เรื่องนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาคนที่เก่งวิชาทางเหนือ สามารถแปลงกายได้โดยเรียนวิชากับอาจารย์ เจ้าเมืองทางนั้นจึงสั่งให้แปลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยน้ำมาที่กรุงศรีอยุธยาส่วนตัวอาจารย์ได้แต่บอกว่า ให้ระวังเพราะทางกรุงศรีอยุธยาเขาก็มีคนเก่งมิเช่นนั้นจะเสียท่า แต่ตัวลูกศิษย์กลับมั่นใจว่าทำได้ วันหนึ่งทางอยุธยาก็แตกตื่นเพราะมีพระลอยน้ำปรากฏที่ปัจจุบันเรียกว่า" เกาะลอย"จึงได้ทำพิธีอัญเชิญขึ้นจากน้ำมามีผู้คนไปกราบสักการบูชามาก เจ้าเมืองก็อยากไปกราบเพราะพระพุทธรูปมีลักษณะสวยงามอยู่ในลักษณะประนมมือถือดอกบัวเป็นที่อัศจรรย์ มีครอบครัวหนึ่งหัวหน้าครอบครัวไม่ไปแม้ลูกเมียจะชวน เรื่องนี้ทราบถึงเจ้าเมือง เกิดความสงสัยจึงให้คนไปตามมาเพื่อถามถึงสาเหตุ แกจึงอธิบายให้ฟังว่า ถ้าแม้นพระองค์เข้ากราบนมัสการขณะที่ก้มลงกราบ พระจะกลายเป็นคน มือที่ถือดอกบัวจะกลายเป็นดาบฟันทันที เจ้าเมืองยังแคลงสงสัยว่าจะเป็นจริงอย่างนั้นหรือ จึงได้เกิดการพิสูจน์ขึ้น โดยแกให้เอาท่อนซุงประกบกันเป็น2ท่อนมัดเข้ากับองค์พระแล้วลากลงไปในแม่น้ำ ตัวแกเองก็ต้องมีดีมีอาคมพอปล่อยลงไปในแม่น้ำ องค์พระก็กลายเป็นคนโดนท่อนซุงทับขาดใจตาย เจ้าเมืองเลยปูนบำเหน็จให้ อาจารย์ทางดหนือได้รับฟังข่าวเลยพูดขึ้นว่า ข้าเตือนแล้วว่ากรุงศรีอยุธยาก็มีดีระวังจะเสียท่า หลวงปู่ดู่เล่าจบแล้วท่านก็บอกกับอาจารย์ศุภรัตน์ว่า "ข้าก็มีนิทานมาประกอบให้แกฟังว่า เรื่องนี้มีมานมนานกาเลแล้วอย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คนเก่งกว่าเราก็มี เพียงแต่เขาจะแสดงหรือไม่ "ซึ่งตรงกับภาษิตที่ว่าไว้ "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้มักไม่จริง" หรือพระเกจิอีสานท่าหนึ่งพูดไว้ว่า "ดังบ่ดี ดีบ่ดัง"
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    คณะศิษย์ลูกหลานพุทธพรหมปัญโญ สวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิปฏิบัติภาวนา ยืน เดิน นั่ง นอน ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2558 ถวายเป็นกุศลแด่หลวงตา "มหาบุญ-มหากุศล-มหาบุญใหญ่" ในรอบปี 2558 เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หลวงตาม้า เจริญอายุครบ 72 ปี ในวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2558 ในเวลา 20.30 น. ขอเรียนเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมพิธีเททองหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ ขนาดหน้าตัก 40 นิ้ว จำนวน 1 องค์ และร่วมแสดงมุทิตาจิต และ ร่วมกิจกรรมงานบุญที่วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2015
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    เมื่อสัตว์โลกทั้งหลาย น้อมเอาความบริสุทธิ์
    คือ “พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ”
    ตลอดทั้ง “พระจักรพรรดิ รัตนะ๗”

    ซึ่งซ้อนอยู่ภายใน

    เราจะเห็นก็ตาม ไม่เห็นก็ตาม ... มีอยู่


    เข้ามาสู่ใจตนเช่นนั้น


    มีผลให้แต่ละสัตว์โลก ... สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป
    มีกำลังสูงขึ้น ในการที่จะบำเพ็ญบุญบารมีไปเพื่อ
    "มรรค ผล นิพพาน"

    เป็นบุญเป็นกุศล เเก่กล้าเป็น
    “บารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี” ยิ่งๆขึ้นไปแก่ตนเองผู้ปฏิบัติ



    ยิ่งเป็นเท่าไหร่ คือ บริสุทธิ์กาย วาจา ใจ
    เป็นบุญ เป็นบารมี ที่เราบำเพ็ญส่วนภายนอกเท่าไหร่ ... ยิ่งมีผลไปถึงภายใน


    ผลถึงภายในอย่างไร ?
    “จักรพรรดิ” นั่นแหละเขาจะ “เก็บเหตุ”
    ที่สัตว์โลกแต่ละสัตว์โลก บำเพ็ญคุณความดี
    ถ่ายทอดส่งกลับไปยัง “ต้นธาตุต้นธรรม” หรือ “เครื่องธาตุเครื่องธรรม”

    เพื่อ “ปรุงเป็นผล” เป็นวิบาก ส่งผ่านกลับเข้ามายัง ธาตุธรรมที่สุดละเอียดของกายหยาบ ตรงกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม
    ให้มีผลเจริญงอกงามไพบูลย์ ในบวรพระพุทธศาสนา
    สุข สมบูรณ์ บริบูรณ์
    ด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ในส่วนของกายเนื้อหรือกายหยาบ มีการส่งไปส่งมาอย่างนี้
    และในขณะเดียวกัน “กำลัง” หรือ “ความแก่กล้าของธาตุธรรม” ที่สัตว์โลกทั้งหลายกระทำ กาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์

    ไปถึงธาตุธรรม "เห็น จำ คิด รู้" สุดหยาบไปจนสุดละเอียด
    ก็ไปมีผลถึง “ต้นในต้น” ... ให้แก่กล้ายิ่งขึ้นด้วย
    เมื่อแก่กล้ายิ่งขึ้น ด้วยการสื่อเชื่อมต่อ “บุญกุศล” จากกายเนื้อซึ่งเป็นฐานของพระ ถ้าทำคุณความดี
    ผ่านเข้าไปจากกายแต่ละกาย ที่มีอยู่สุดกายหยาบกายละเอียด
    ผ่านไปทางภาคผู้เลี้ยง คือ “จักรพรรดิ” ฯลฯ
    ไปจนถึง “ต้นธาตุต้นธรรม”


    แล้วก็ทับทวีกลับเป็นวิบากกรรมมา ยิ่งใกล้ชิดเข้าไปมากเท่าไหร่ บุญบารมีในธาตุในธรรม สุดหยาบสุดละเอียดของท่าน ... ก็แก่กล้าไปตาม
    จนถึง”ต้นธาตุต้นธรรม” เพียงนั้น
    และเมื่อถึงที่สุดของความแก่กล้า คือ “ปรมัตถบารมี” นั้นแล้ว
    ท่านก็มีพลังที่จะบรรลุ "มรรค ผล นิพพาน" ตามส่วน
    พร้อมจะเรียกว่า “พระโพธิสัตว์”
    แปลว่า ผู้ที่ได้รับพยากรณ์แล้ว
    พระผู้บำเพ็ญบารมี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือผู้ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์ก็แล้วแต่ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากนั้น เมื่อองค์ใดได้มาบรรลุ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็จะยิ่งมีพลังสูง ที่จะช่วยสัตว์โลกได้มากเพียงนั้น



    [​IMG]




    นี่ในส่วนของการบุญการกุศล มันมีความละเอียดลึกซึ้งไปอย่างนี้
    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ ได้เปิดเผยเรื่อง “จักรพรรดิ”


    และ "จักรพรรดิ" นี่แหละ
    เมื่อมีมากขึ้น สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น
    ก็จะช่วยให้ผู้เข้าไปนมัสการกราบไหว้
    ปฏิบัติบูชา ... “ถึงธรรมะ” กันได้มาก
    เรียกว่า "กำลังต่อกำลัง" ทุนต่อทุนเลยทีเดียว
    หรือ บารมีต่อบารมี



    พระเทพญาณมงคล ( เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี)

    *****************************************************


    คำอธิษฐาน


    โดย


    พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล)


    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี




    ขอกุศลผลบุญ ที่ข้าพเจ้าได้ประกอบบำเพ็ญไว้ด้วยดีแล้ว
    มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
    และการอุทิศแผ่ส่วนกุศลนั้น แก่สรรพสัตว์โลกทั้งหลายเป็นต้นนี้
    ตั้งแต่อดีต จนตราบเท่าถึงปัจจุบัน
    จงเป็นตบะ เดชะ พลวปัจจัย
    ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ปราศจากกิเลสนิวรณ์ และวิปัสสนูปกิเลสทั้งหลาย
    ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญาอันเห็นชอบในพระอริยสัจทั้ง ๔ และได้ดวงตาเห็นธรรม
    ขอให้สิ้นอาสวกิเลส ตัณหา อุปาทาน
    และได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว
    และขอจงเป็นพลวปัจจัยเกื้อหนุนข้าพเจ้า


    ๑.ให้แตกฉานในพระไตรปิฎก
    มีพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และ พระอภิธรรมปิฎก


    ๒.ให้ถึงพร้อมด้วยจรณะ ๑๕ ธรรมเครื่องยังให้เกิดและเจริญ โพธิปักขิยธรรม
    องค์ธรรมเครื่องตรัสรู้ ๓๗ ประการ อันประกอบด้วย
    ทิพพจักขุ ทิพพโสต สมันตจักขุ ปัญญาจักขุ ธรรมจักขุ และพุทธจักขุ อันบริสุทธิ์
    พร้อมด้วยวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ และจตุปฏิสัมภิทาญาณ
    (สำหรับผู้ปรารถนา พุทธภูมิ พึงอธิษฐานเพิ่มว่า .....
    ให้เจริญด้วย อาสยานุสยญาณ และ อินทริยปโรปริยัตตญาณ ธรรมเครื่องช่วยในการโปรดสัตว์)


    ๓.ให้ได้เข้าถึง ได้รู้ เห็น และเป็นพระธรรมกายมรรค ผล และพระนิพพาน
    คือ ธรรมกายที่บรรลุพระอรหัตตผลแล้ว
    ทำให้แจ้งทั้งพระนิพพานถอดกาย และทั้งพระนิพพานเป็น โดยพลัน
    ให้ได้ตรัสรู้ในธรรมที่ควรรู้ ทั้งสังขตธาตุสังขตธรรม
    และอสังขตธาตุอสังขตธรรมทั้งหลาย ตามที่เป็นจริง
    ให้สามารถละธรรมที่ควรละ ให้สามารถเจริญในธรรมที่ควรเจริญ
    มุ่งตรงต่อมรรคผลนิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวง


    ๔.ขอให้ได้บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด เป็นทับทวี
    ตามศักดิ์แห่งบารมี และหน้าที่ทนายแห่งพระพุทธศาสนา


    ๕.ขอให้ข้าพเจ้าได้ชนะศัตรู คือ กิเลสมาร ขันธมาร มัจจุมาร
    และอุปาทานในอภิสังขารมาร ด้วยตัณหาและทิฏฐิ คือ ความหลงผิด
    และขอให้พญามารทั้งหลายและบริวาร จงอย่าได้ช่อง
    เข้าครอบงำ ขัดขวาง และทำลายการบำเพ็ญบารมีแห่งข้าพเจ้า
    ตลอดทั้งเพื่อนผู้ร่วมบำเพ็ญบารมีทั้งหลายของข้าพเจ้าได้


    ๖.ให้ได้รู้ถูก เห็นถูก ในธรรมที่ควรรู้และควรเห็น
    ให้เป็นผู้คิดถูก พูดถูก กระทำถูก นำผู้อื่นถูก
    และทรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาตลอดไป ในกาลทุกเมื่อ


    ๗.ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในอุบาย แห่งความเจริญและความเสื่อม
    เป็นผู้เฉียบแหลมในอรรถ และ ในธรรม


    ๘.ขอให้สุข สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยปัจจัย ๔ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย
    มียวดยานพาหนะ และเครื่องใช้สอยต่างๆ เป็นต้น
    ขึ้นชื่อว่าความขาดแคลนในสิ่งเหล่านี้ อย่าได้มี


    ๙.แม้ว่าข้าพเจ้าจะยังอาภัพอยู่ ยังจะต้องท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสาร
    ก็ขอให้ได้เกิดในฤกษ์สร้างบารมี บริบูรณ์ด้วยสมบัติ ๖ ประการ คือ
    กาลสมบัติ ชาติสมบัติ ตระกูลสมบัติ ประเทศสมบัติ ทิฏฐิสมบัติ และอุปธิสมบัติ
    ให้ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ตามแนวทางพระพุทธศาสนา
    และขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้
    ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่กระทำอกุศลกรรมอันจะนำไปสู่อบายภูมิอีก
    และถ้าหากยังมีเศษกรรมเหลืออยู่ ก็ขออย่าได้ถึงฐานะแห่งความอาภัพต่างๆ


    ๑๐.เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ก็ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์ เป็นชาย ให้ได้บรรพชาอุปสมบท
    เป็นผู้มีอายุยืนกว่าอายุขัยของมนุษย์ในกาลนั้นตามปรารถนา
    และแม้ว่าจะผ่านวัยกลางคน ก็ขอให้มีพลานามัยแข็งแรง
    อายตนะภายในดีเลิศ และสุขภาพจิตใจดีเลิศ


    ๑๑.ขอให้ข้าพเจ้าไม่พึงคบมิตรชั่ว ให้พึงคบแต่บัณฑิตในกาลทุกเมื่อ
    และขอให้ข้าพเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดี คือ
    เป็นผู้มีศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ ประกอบด้วยความเพียรและขันติ
    พึงเว้นจากเวรทั้ง ๕ ไม่เกาะเกี่ยวในกามคุณทั้ง ๕
    พึงเว้นจากเปือกตม คือ กาม

    พึงยินดีในการรักษาศีล เจริญสมาธิ ปัญญา
    วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ โดยสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว


    *** ที่มา
    หนังสือ ทางมรรคผลนิพพาน




    ************************************************


    <iframe width="640" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/baB_GWg5PEo?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    *************************************************


    <iframe width="440" height="540" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/BKG45weLl9I?&autoplay=
    1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤศจิกายน 2015
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    สำหรับผู้ปฏิบัติภาวนาได้ถึง “ธรรมกาย”
    และได้ฝึกเจริญ "สติปัฏฐาน ๔" พอสมควรแล้ว
    จะได้รับการฝึกเจริญภาวนา “วิชชาธรรมกายชั้นสูง”
    เพื่อชำระสะสางธาตุธรรมของตนเองให้บริสุทธิ์
    เพื่อความ "เข้าถึง" "รู้เห็น" และ "เป็น"
    ธาตุล้วนธรรมล้วน (วิราคธาตุ วิราคธรรม)
    อันเป็น “อมตธรรม”
    ได้ถึง “พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม”
    ซึ่งจะได้ผลถึงสัตว์โลกทั้งหลายอื่นด้วย
    เพราะธาตุธรรมเกี่ยวเนื่องถึงกันหมดทั้งภพ ๓
    คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
    ... หมดทั้งจักรวาล
    ผู้ที่มีบารมีธรรมแก่กล้า
    ก็จะช่วยสะสางธาตุธรรมของสัตว์โลก
    ที่อยู่ในสายธาตุธรรมเดียวกัน ที่บารมีอ่อนกว่า
    โดยดึงดูดธาตุธรรมนั้นๆเข้ามาสู่ "กระแสธรรม"
    - ทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
    - ศีล สมาธิ ปัญญา
    - อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
    - ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา
    - ธรรมกายโคตรภู
    - ธรรมกายพระโสดา
    - ธรรมกายพระสกิทาคา
    - ธรรมกายพระอนาคา
    - ธรรมกายพระอรหัต
    - ธรรมกายตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    ถึง "พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม"
    ... ตามศักดิ์แห่งบารมีธรรมของตนๆ
    เพื่อให้ได้เข้ามาศึกษา
    และปฏิบัติพระสัทธรรม
    ให้เป็นปฏิเวธธรรมต่อๆไป
    ... ตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้
    คือให้ปฏิบัติธรรมถึง "ธรรมกาย" ของพระพุทธเจ้า
    และเจริญภาวนา "วิชชาธรรมกายชั้นสูง"
    สะสางธาตุธรรมของตนเอง
    และช่วยเป็นพลังในการสะสางธาตุธรรมสัตว์โลกอื่นๆ
    เป็นการช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าสู่ "กระแสธรรม"
    เพื่อเข้าสู่พระนิพพานไปด้วยกัน
    กล่าวคือ ...
    ช่วยรวมธาตุธรรมของสัตว์ที่ยังอยู่ห่างกระแสธรรม
    ... ให้เข้ามาสู่กระแสธรรม
    เพื่อบำเพ็ญบารมีธรรมไปสู่ "มรรค ผล นิพพาน"
    ตามนโยบายและวัตถุประสงค์
    ในการบำเพ็ญบารมีธรรมของพระมหาโพธิสัตว์เจ้า
    ผู้กำลังบำเพ็ญบารมีธรรมเข้าสู่ “พุทธภูมิ” นั่นเอง !


    * หลวงป๋า



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤศจิกายน 2015
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ..ทันที ที่ประสพพบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง หรือ หวังอะไร ติดอะไร แล้วไม่ได้ดั่งใจ


    .....นั่น โอกาสการสร้างขันติบารมี มาแล้ว

    ดูสิ อดทนตั้งมั่นได้นานแค่ไหน


    นั่น ปัญญาบารมีเกิดได้แล้ว เมื่ออดทนดู เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    นั่น บารมีทั้งหลาย เกิดตามมาได้แล้ว เพราะ ขันติบารมี เหมือนดิน
    ที่เป็นที่ปลูกของต้นไม้แห่งความดี
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ถวายกระทง
    ขั้นตอนการถวายกระทงหลวงปู่ดู่
    1.ตั้งนะโม 3 จบ
    2.กล่าวสมาทานศีล
    ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
    อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
    กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
    มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
    สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
    3.นำถวาย และกล่าวคำถวาย
    4.ภาวนาไตรสรณคมณ์
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ปกติ คือวันเพ็ญเดือนสิบสอง จะมีการลอยกระทงตามแม่น้ำต่างๆ แต่คณะศิษย์ของ หลวงพ่อดู่ วัดสะแก จะนำกระทงมาถวายท่าน ซึ่งเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง เคยมีผู้สงสัยกราบเรียนหลวงพ่อว่า
    'เห็นมีผู้นำกระทงมาถวายหลวงพ่อมากมาย
    ทำไมหลวงพ่อไม่ลอยกระทงในน้ำหรือ'
    หลวงพ่อตอบว่า 'ลอยด้วยน้ำจิตน้ำใจของเราไงล่ะ'
    หลวงพ่อท่านให้สมาทานศีลเสียก่อน แล้วจึงนำถวาย เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จพวกเราจะประเคนแก่ท่าน หลังจากนั้นท่านจะให้ทุกคนภาวนาไตรสรณคมณ์สักครู่ แล้วท่านจะนำจิต นำกระทงไปถวายพระพุทธเจ้าที่วิมานแก้ว เมื่อพระพุทธเจ้ารับแล้ว หลวงพ่อจึงให้พร ผู้ที่มีจิตใจเป็นทิพย์หลายๆคนจะสามารถเห็นได้ว่าไปจริงๆ
    บุญที่ได้จึงมีทั้งบุญภายนอก คือ อามิสบูชา
    และบุญภายในคือ ปฎิบัติบูชา




    [​IMG]
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]


    "ทุกอิริยาบถ ถ้าเราเห็นพระได้ จิตของเราจะไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เคลื่อนจากความดี พระมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไหว้ตรงไหนก็เจอ"

    บางส่วนของคติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    สมาธิต้องทำทุกวัน ให้จิตมีอารมณ์ชิน
    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    คำว่า "สมาธิ" แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ถ้าทำทุกวัน อารมณ์จิตจะชิน หนัก ๆ ให้สังเกตว่า เวลานี้เราเคยเจริญสมาธิ จะนั่งก็ได้ จะนอนก็ได้ ตามชอบใจ บางคนนั่งไม่ถนัด ก็นอน นอนก็เอาจิตรู้ลมหายใจเข้าออก รู้คำภาวนา ถ้าทำอย่างนี้จนชิน ถึงเวลาไม่ได้ทำเกิดความรำคาญ ก็แสดงว่าสมาธิที่บรรดาท่านพุทธบริษัททำนั้น เกิดเป็นฌานแล้ว คือจิตมีการทรงตัว คำว่าฌานนี่ก็อารมณ์ชิน จิตมีการทรงตัวนั่นเอง ถ้าถึงเวลานั้น มันจะต้องทรงตัวของมัน เพราะหยุดจากกิเลส หยุดจากอารมณ์รัก
    ในเมื่อเกิดอารมณ์ชินแบบนั้นขึ้นมา ถ้าเวลาเราจะตาย ถึงแม้อารมณ์อย่างนั้นจะไม่ถึงก็ตาม แต่ทุกคนทำทุกวัน ถึงเวลานอนไป ก็นึกภาวนา นึกถึงลมหายใจเข้าออก ภาวนาว่าพุทโธก็ได้ อะไรก็ได้ ให้มันชินเป็นปกติทุกวัน จะใช้เวลามากหรือน้อยไม่สำคัญ นาที ๒ นาที ๓ นาที ก็ได้ตามสบาย ถ้าถึงอย่างนี้จิตจะมีอารมณ์ชิน ก่อนจะตายบรรดาท่านพุทธบริษัท บุญทั้งหลายทั้งหมดจะเข้ารวมตัว จะหาทางสกัดบาปอกุศลให้พ้นไปจากกำลังใจของเรา เมื่อบุญเข้าครอบงำ ถ้าจิตออกจากร่างกายเวลานั้น ก็ต้องไปสวรรค์เป็นอย่างน้อย




    [​IMG]



    https://www.facebook.com/BuddhaSatt...726110822792/1171029386259121/?type=3&theater
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]


    เครดิต กลุ่มวางลูกแก้วจักรพรรดิทั่วโลก สร้างโลกจักรพรรดิ
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    สูตรหลวงปู่ดู่ ใช้ชีวิตเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย



    ลืมตาปุ๊บ สวดเลย ๒-๓ จบ กราบพระ นั่งสมาธิ นึกถึงหลวงปู่ นั่งภาวนาไป ลืมตา หลับตาดูรูป

    ให้บันทึกกระแสจักรพรรดิที่จิตให้ได้ ถ้าสวดเมื่อไรแล้วเกิดปีติ ก็ใช้ได้ เข้าถึงกระแสจักรพรรดิ

    กระแสหลวงปู่ เดินไปเดินมาก็สวดไป ก่อนนอนก็กราบพระแล้วก็สวดจนหลับ
    หลายวันเข้าจิตก็จะแยกได้ว่าอันไหนสบายหรือไม่สบาย จิตก็จะแยกบันทึก
    บันทึกแต่สิ่งสบาย สิ่งไม่ดีก็จะลืม ช่วยให้กระแสกรรมในอดีตไม่เกิด
    เพราะจิตเราไปอยู่กับกระแสของจักรพรรดิ กระแสของหลวงปู่ดู่ เป็นประโยชน์มาก ปัญหาว่ามันจะทำหรือเปล่า ถ้าไม่ทำท่านก็ช่วยอะไรไม่ได้

    เรามีรูปและนาม เราเป็นตัวบุญ อย่ากลัว (วิญญาณ) ทำใจให้สบาย

    ทำบ่อยๆ (ภาวนา) กรรมในอดีตก็เข้ามาไม่ได้ ทำหลายวันเข้าก็จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ ไปเรื่อย

    น้อมพลังพระพุทธรูปที่เรากราบมาที่เรา หรือน้อมพลังงานหลวงปู่ไปที่พระองค์นั้น ฝากกระแสความระลึกถึงกัน ด้วยการโมทนาบุญซึ่งกันและกันตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราต้องเวียนว่ายตายเกิด พวกเราก็จะเยอะ

    ให้สวดไปและแผ่เมตตาไป ทำนานๆ เข้า เราก็จะเป็นที่อบอุ่นของมนุษย์และเทวดา สะสมไว้ตั้งแต่ตื่นยังหลับ ใช้เวลาหน่อย ก็สามารถมาเป็นประโยชน์ได้

    ความหมายของ อัคคีธานัง คือ ดับไฟข้างใน - ความเจ็บป่วย
    ดับไปข้างนอก - ความคับแค้นใจ ความเศร้าโศกเสียใจ

    เวลาสวดให้นึกถึงหลวงปู่ หรือจักรพรรดิก็ได้ สวดไปจิตก็สบาย เวลาเรานึกถึงหลวงปู่ดู่ นึกถึงจักรพรรดิ คือ การฝากกระแสไป นานเข้า ๒-๓ ปี ก็สามารถอธิษฐานอะไรก็ได้

    ใช้บทนี้บทเดียวคุ้ม ใช้ได้ทั้ง ๓ แดนโลกธาตุ

    ถ้าเราตั้งอธิษฐานแล้วทำไม่ได้ เราต้องเริ่มใหม่ และเพิ่มไปอีกเท่าตัว

    สวดมนต์ คือ การทำความเพียร

    จับภาพยังไงถึงเรียกว่าคล่อง เวลานึกทีไรก็มีความรู้สึกทุกที หรือถ้านึกอะไร ก็ได้ตามที่นึก ถือว่าใช้ได้ ถ้ายังทำไม่ได้ ให้ตั้งหลักสวดใหม่ หรือนึกถามอะไรที่เราไม่รู้ก็จะมีคำตอบ นี่แหละความคล่องหละ

    จะไปนิพพาน ตอนนี้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ มันอยู่ที่การกระทำ ความคิด การอธิษฐาน การวางแผน

    วันนี้ขาดทุน หรือกำไร

    แค่สวดจักรพรรดิแล้วนึกถึงหลวงปู่ดู่ได้ ก็กำไรแล้ว

    หลวงตาเจอหลวงปู่ ตอนอายุ ๓๔ ก็เริ่มสวดมาตั้งแต่ตอนนั้น

    บารมี คือ กำลังใจ ผู้มีความอดทน

    ผู้ที่หวังนิพพาน สวดจักรพรรดิไป พิจารณาไป ไม่มีอนาคต ปัจจุบันล้วนๆ อยู่แต่ปัจจุบัน

    พระอรหันต์ หรือพระปัจเจก ไม่มีอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ตัดกิเลสตัณหา ทำบารมี ๑๐ ให้เต็ม

    คติธรรมคำสอนโดย... พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่




    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...