กฎแห่งกรรมที่ประจักษ์ “กำลังใจ” “๕ ได้” ดีได้...ได้ดี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย pump - อภิเตโช, 27 ตุลาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    <TABLE class=MsoNormalTable cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top>กฎแห่งกรรมที่ประจักษ์
    กำลังใจ” “๕ ได้ดีได้...ได้ดี

    นพ.วิชัย เทียนถาวร<O:p</O:p


    ใจนำกายหรือกายนำใจเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันและเข้าใจยากแต่ว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจได้คือ“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” คนเรานั้นมีสมองเอาไว้คิดไตร่ตรองมีจิตใจเป็นจุดเริ่มต้นสั่งการทุกอย่างให้ “กาย” กระทำหรือปฏิบัติการทุกอย่างที่ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจได้สัมผัสรับรู้มาทางใดทางหนึ่งแสดงออกในเรื่องดีหรือชั่วหรือทั้งสองอย่างปนเปกันไปแต่การที่คนเราเป็นมนุษย์เป็นสัตว์ที่ประเสริฐจะต้องมีตัวควบคุมพิเศษคือ “สติ” จะเป็นตัวกลั่นกรองกล่อมเกลาให้ “กาย” ดำเนินตามต้นทุนพื้นฐานชีวิตจากพันธุกรรม (พ่อ แม่ปู่ ย่าตายาย)

    การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ครูอาจารย์อบรมสั่งสอน รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาด้วยการใช้ปัญญาสั่งให้ทำหรือปฏิบัติ ถ้าทำดีเรียกว่าได้ทำ “กรรมดี” ถ้าทำไม่ดีไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมเรียกว่าทำ “กรรมชั่ว” จะโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม

    แต่เมื่อลงมือทำแล้วก็จะถือได้ว่าได้ก่อกรรมไว้แล้วแต่อย่างไรก็ตามผลของการกระทำกรรมดีกรรมชั่วนั้นต่างกรรมต่างวาระลบล้างชดเชยกันไม่ได้ทุกคน ต้องรับกันไปตามฐานานุรูปในคำสอนของหลวงพ่อจรัญคือ “กฎแห่งกรรม” แล้วแต่ว่าถ้าทำกรรมดีมากกว่าชั่วก็ยังดีกว่าทำชั่วมากกว่าทำดี ยังมีโอกาสจะได้ขึ้นสวรรค์ หลวงพ่อจรัญจะ อบรมสั่งสอนเสมอๆให้ยึดกฎแห่งกรรม “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

    ถ้าใครมากราบหลวงพ่อที่กุฏิเก่าหรือใหม่จะเห็นคำสอน“๕ ได้” เป็นป้ายแดง ๆ ตั้งอยู่ที่ท่านนั่งเขียนไว้ว่า “รอได้ช้า ได้นิ่ง ได้ทน ได้ดีได้” เพื่อลูกศิษย์ หรือใครที่จะรอพบหลวงพ่ออาจต้องรอนาน บางคนบ่นว่าช้า บางคนหงุดหงิด บางคนอดทนรอไม่ได้ ท่านอยากจะบอกว่าถ้าทุกคนใช้ธรรมะ “๕ ได้” นี้แล้วจะดีได้และได้ดี

    ในที่สุดคือได้พบอริยสงฆ์คือ หลวงพ่อ และก็ได้ฟังธรรมเกิดความปีติเป็นมงคลกับชีวิตที่ได้มาวัดอัมพวันสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์พบหลวงพ่อ ซึ่งเป็นอริยสงฆ์และที่สำคัญที่สุดคือธรรมที่ท่านจะให้กับเราเพื่อเป็นสิริมงคลชีวิตและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพที่กล่าวมายาวหน่อยเพราะอยากสื่อให้เห็นว่าธรรมะนั้นเรานำมาใช้กับงานและชีวิตประจำวันได้อย่างดี

    ใครก็ตามที่ทำอะไรกับเราไว้ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ใจคิดชั่วกับเราด้วยวิถีใดก็ตามแต่ขอให้เราตั้งสติไตร่ตรองทบทวนว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหา-ถูกกระทำนั้นๆเราได้ทำชั่วจริงหรือเปล่าถ้าไม่ใช่และเราทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ให้ตั้งสติซื่อตรงมั่นคงอดทนต่อกระบวนการที่คิดร้ายต่อเราด้วยธรรมะ“๕ ได้” ต่อปัญหาต่างๆที่จะรุมเร้าทางจิตใจสารพัดเกิดทุกข์ทางใจทางกายแก่ตัวเราและองค์กรคนข้างเคียงลูกน้องผู้ร่วมงานญาติและครอบครัว

    ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่หลวงพ่อบอกเสมอว่า“เสียอะไรเสียได้แต่อย่าเสียกำลังใจ”เพราะกำลังใจสำคัญมากเป็นพลังภายในที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เราต่อสู้ด้วยสติปัญญาแก้ไขปัญหาต่างๆด้วยความสุขุมเยือกเย็นมั่นใจและให้ “รอได้ทนได้” รอเวลาความจริงปรากฏถึงครานั้นก็จะเกิดความภาคภูมิใจในเกียรติศักดิ์และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ตลอดจนชื่อเสียงครอบครัววงศ์ตระกูลสมกับได้ชื่อว่าเป็น “ลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ” ดังเรื่องราวตอนหนึ่งของชีวิตที่จะเล่าให้ทราบ

    ประมาณเกือบ ๓๐ ปีเศษ (พ.ศ. ๒๕๑๙ - ๒๕๒๐) ขณะเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลสิงห์บุรีคืนวันหนึ่งประมาณ ๔ ทุ่มได้ขับรถขึ้นไปทางอินทร์บุรีด้วยความเซ็งในชีวิตราชการตั้งใจจะลาออกจากราชการเนื่องจากขณะนั้นปัญหาในโรงพยาบาล มีมากมีการแบ่งแยกเชิงบริหาร

    ขณะขับรถนึกถึงหลวงพ่อจรัญขึ้นมาเลยหันรถกลับขับรถเข้าไปในวัดอัมพวันเกือบ ๕ ทุ่มแล้ว ตอนนั้นยังเป็นกุฏิเก่าอยู่เข้าไปที่กุฏิบอกลูกศิษย์หลวงพ่อว่า “หมอวิชัยมาพบ อยากปรึกษาหลวงพ่อ”

    ขณะนั้นหลวงพ่อขึ้นไปข้างบนเตรียมจำวัดแล้วลูกศิษย์ได้ไปบอกหลวงพ่อท่านก็เมตตาลงมาข้างล่างได้เล่าให้หลวงพ่อฟังถึงความรู้สึก-เหตุการณ์และอยากจะลาออกหลวงพ่อบอกทันทีว่า

    ขอบิณฑบาตอาตมารู้ว่า หมอเป็นคนดีมีคนอิจฉาเยอะให้ทนอยู่ไปจะดีเองอาตมารู้ว่าเป็นใครและขอไม่บอกชื่อ”

    ผมจึงไม่ได้ลาออกและปฏิบัติตามคำของหลวงพ่อทำงานต่อเนื่องมาจนกระทั่งปี ๒๕๓๐

    เมื่อประมาณ ๒๐ ปีเศษได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าส่วนราชการ (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด) ที่จังหวัดในภาคกลางด้วยความดีใจภูมิใจและตั้งใจที่จะปฏิบัติงานด้วยความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์สุจริต และจะบริหารงานริเริ่มสร้างสรรค์นำพาองค์กรให้มีชื่อเสียงเป็นที่ปรากฏและเป็นที่ยอมรับของจังหวัดและส่วนราชการต่างๆ

    ในการทำงานราชการนั้นแนวทางการดำเนินงานยึด“๓ บ”คือมีระบบมีระเบียบและบรรลุทำงานเป็นทีมและเป็นเอกภาพและดูแลบริหารคนผู้ร่วมงานทุกระดับด้วย

    - พรหมวิหาร ๔(ใจงามด้วยเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา)

    - สังคหวัตถุ ๔(ผูกใจด้วย ทาน ปิยวาจา อัตถจริยาสมานัตตตา)

    - ฆราวาสธรรม ๔(ครองใจด้วย สัจจะ ทมะ ขันติจาคะ)

    - อิทธิบาท๔ (ธรรมนำไปสู่ความสำเร็จคือฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสา)

    วันแรก ๆ ของการทำงานได้เชิญผู้บริหารระดับรองฯ หัวหน้ากลุ่มงานหัวหน้างานฯต่างๆ มาชี้แจงพูดคุยกันให้ทราบแนวคิดแนวทางในการทำงานตามเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้และพร้อมเปิดใจรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะทุกเรื่องเพื่อยืดหยุ่นปรับกระบวนการทำงาน

    เมื่อผู้ร่วมงานระดับหัวหน้าและทีมเจ้าหน้าที่ทราบทิศทางการงานทุกอย่างดำเนินอย่างราบรื่นไปได้๔-๕ เดือนเศษก็ปรากฏว่าเริ่มมีกระบวนการทำบัตรสนเท่ห์กล่าวหาผมในหลายๆ เรื่อง เช่น ไปอบรมแล้วกลับมาทำงานเบิกเบี้ยเลี้ยงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใช้รถส่วนตัวปฏิบัติราชการแล้วเติมน้ำมันหลวงใช้รถหลวงกลับบ้านพักทอดผ้าป่ายักยอกเงินเข้าส่วนตัวและ อื่น ๆ อีกหลายเรื่อง โดยส่งไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดรองผู้ว่าฯสำนักตรวจราชการปลัดกระทรวงฯรองปลัดกระทรวงฯรัฐมนตรีว่าการรัฐมนตรีช่วยฯสตง. ปปป. อื่นๆรวม ๑๕-๑๖ ฉบับ

    จนมีวันหนึ่งพบท่านผู้ว่าฯ (ท่านประกิต) ท่านทราบเรื่องทั้งหมดว่า มีกระบวนการทำลายเกียรติยศชื่อเสียงผมจนกระทั่งท่านผู้ว่าฯ เอ่ยปากถามผมว่า “คุณหมอทนอยู่ได้อย่างไร?” ผมก็ได้ตอบท่านผู้ว่าฯ ไปว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมรู้หมดครับท่านและข้อเท็จจริงต่างๆผมรู้ตัวผมเองว่าได้ทำอะไรไป (ขณะที่พูดก็นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อตลอดเวลา...) ดีชั่วอย่างไรก็รู้

    แต่ที่ผมทนอยู่ได้คือ มุมานะตั้งใจทำงานอย่างเดียวด้วยความบริสุทธิ์ใจอะไรจะเกิดก็ให้เกิด ผมยอมรับต่อสภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้เสมอ ขณะนั้นรู้สึกเครียดไหมตอบได้ว่า มีบ้างซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตของผมที่ต้องตั้งหิ้งพระบูชาจุดธูปเทียนสวดมนต์ตามบทสวดของหลวงพ่อทุกเช้าเมื่อขึ้นทำงาน

    แล้ววันแห่งความยุ่งยากก็เกิดขึ้นจริงๆสมตามที่เขาคิดทำลายล้างเราคือ ถูกย้ายจากจังหวัดใหญ่ไปจังหวัดเล็กทั้งที่เพิ่งทำงานได้ ๒ ปี ซึ่งผมเองเตรียมใจอยู่แล้วก็ยังอดทนไม่ได้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรารู้สึกน้อยใจ-เสียใจ-โกรธ-เสียความรู้สึกเสียกำลังใจที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุดไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมเลย ผมเคยเสนอท่านว่า ย้ายทั้งคู่เป็นการย้ายและแก้ปัญหาที่เป็นธรรม หากยังไม่ได้ข้อสรุป ท่านก็ไม่ฟัง เพราะท่านมีอำนาจ

    ในที่สุดต้องปฏิบัติตามคำสั่งเดินทางไปรับราชการที่จังหวัดเล็ก (บ้านเกิด) ขณะเดียวกันคิดว่าความก้าวหน้าคงจบแล้วคงต้องทำงานที่บ้านเกิดจนแก่และเกษียณที่นี่แน่ๆเวลาราชการเหลืออีก ๑๘ ปีรู้สึกโกรธแค้นคนที่ออกคำสั่งไม่เป็นธรรมกับเรา

    วันแรกที่ขึ้นทำงานที่สำนักงานแห่งใหม่ด้วยพลังอะไรไม่ทราบจึงได้ตั้งสติใคร่ครวญขึ้นมานึกถึงคำสอนของหลวงพ่อที่กล่าวมาข้างต้น “กฎแห่งกรรม” “อย่าเสียกำลังใจ” “๕ ได้” ดีได้เมื่อตั้งสติได้ทำให้เกิดกำลังใจมุ่งมั่นทำงานพัฒนาให้บ้านเกิดสิงห์บุรีของเราเต็มกำลังความสามารถให้ดีที่สุดเพื่อสนองคุณแผ่นดินถิ่นวีรชนบ้านเกิดของเราลืมอดีตให้หมดถืออดีตเป็นบทเรียนตั้งใจแน่วแน่ปรารถนาดีไม่โกรธไม่เคียดแค้นมุ่งทำงานสนองนโยบายผู้ว่าฯ(อุทัยใจหงษ์) ทุกอย่างทุกเรื่องประกอบกับผู้ร่วมงานทุกระดับทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีงานต่างๆ ที่ผู้ว่าฯ มอบหมายก็บรรลุผลตามเป้าหมายที่ท่านผู้ว่าฯ สั่งการโดยเฉพาะการแก้ปัญหาชุมชนเรื่องการเน่าเสียในแม่น้ำน้อยกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

    การทำงานดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของท่านผู้ว่าอุทัยใจหงษ์และทุกส่วนราชการในจังหวัดก็ยอมรับให้ความร่วมมืออย่างดีรวมถึงระดับภูมิภาคระดับประเทศจนเป็นเหตุให้ส่วนกลางนำไปใช้เป็นต้นแบบในการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันปัญหาแม่น้ำเน่าเสียทั่วประเทศทำงานอยู่ที่นี่๒ ปีผ่านไปเริ่มรู้สึกว่าต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และสร้างทางเลือกสร้างโอกาสให้ชีวิตจึงตั้งใจเรียน MBA ต่อและสอบได้ที่ NIDA ตั้งใจว่าเรียนจบแล้วจะทำธุรกิจส่วนตัวขยายกิจการที่มีอยู่ให้เจริญและลาออกจากราชการในที่สุด

    ได้ไปเรียนที่ NIDA ได้ ๑ เดือนเศษท่านอธิบดีกรมอนามัย (นายแพทย์ปรากรมวุฒิพงษ์) ได้ให้ความไว้วางใจ แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองอนามัยครอบครัวกรมอนามัย

    เมื่อไปทำงานที่กองฯ ได้๒เดือนการศึกษาที่ NIDA ไม่สะดวกเพราะจะต้องออกจากที่ทำงานบ่าย ๓ โมงครึ่งเพื่อที่จะไปเรียนให้ทัน๖โมงเย็นซึ่งเบียดเบียนเวลาราชการและจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกน้องจึงต้องยุติการศึกษาต่ออย่างสิ้นเชิง

    เวลาผ่านไป๔ ปีเศษที่ย้ายมาอยู่จังหวัดสิงห์บุรีและกองอนามัยครอบครัว ๒ ปีจึงปรากฏผลการสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวที่ทำให้ต้องถูกย้ายว่าไม่มีมูลตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

    ได้ทราบภายหลังว่าฝ่ายที่สร้างเรื่องกล่าวหานั้นได้รับกรรมตามสนองถ้วนทั่ว คือคนระดับรองฯ ได้ถูกออกจากราชการเนื่องจากถูกกล่าวหาทุจริตระดับหัวหน้างานครอบครัวแตกแยกระส่ำระสายถูกลดตำแหน่งบ้างก็ถูกโรคร้ายเล่นงานเช่นมะเร็งความดันเบาหวานเป็นต้นหัวหน้างานท่านหนึ่งได้มาพบและขอขมาผมได้ให้อภัยทุกเรื่องที่ผ่านมาและขอให้ลืมเรื่องเก่าๆ ทั้งหมดอโหสิกรรมต่อกันผมได้มอบหนังสือบทสวดมนต์ของหลวงพ่อพร้อมรูปหล่อสมเด็จโตพรหมรังสีของหลวงพ่อแพให้อีก ๑ องค์ต่อมาท่านผู้นี้ก็มีสุขภาพแข็งแรงหายป่วยและไปมาหาสู่กันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

    ผลของการปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อโดยเฉพาะ “๕ ได้” “อย่าเสียกำลังใจ” “เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม” ทำให้เกิดสติปัญญาด้วยการทำความเข้าใจตัวของเราให้ถ่องแท้ เมื่อเราไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ก็ให้ตัดประเด็นไม่ดีออกไปจากสมองและจิตใจเราจะเกิดความสงบนิ่งแล้วมุมานะทำงานให้ได้ผลงานเป็นที่ประจักษ์และยอมรับอานิสงส์ของการเชื่อและปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อเรื่องกฎแห่งกรรม อย่าเสียกำลังใจ๕ ได้รอได้ช้าได้นิ่งได้ทนได้ดีได้

    ผมขอต่อท้ายว่า จะ“ได้ดี”ในที่สุด แต่ต้องอดทนรอ เพราะความดีนั้นกว่าจะเกิดผลนั้นใช้เวลานานแต่เมื่อดีแล้วจะยั่งยืนภูมิใจในชีวิตของเรา (เปรียบเหมือนดอกกล้วยไม้กว่าจะออกดอกบานได้ใช้เวลานานแต่เมื่อออกแล้วจะทนอยู่ได้นาน) ซึ่งก็เป็นจริงตามที่หลวงพ่อกล่าวคือ “มารไม่มี บารมีไม่เกิด”

    จากการต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์สุจริตใจส่งผลให้การงานส่วนตัว และหน้าที่ราชการเจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับตามขั้นตอนที่พึงจะเป็นจากผู้อำนวยการกองก้าวขึ้นเรื่อยไปจนถึงตำแหน่งสูงสุด (ปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ในสายข้าราชการประจำและ

    สำคัญยิ่งคือ “ครอบครัว” ภรรยา (คุณสิริเนตร) มีความสุขลูก ๓ คนจบการศึกษาวิชาชีพแพทย์ ๒ คน (นายทะนงสรรค์นายทะนงเกียรติ) และลูกสาวคนเล็ก (นางสาว ธีรเนตร) ศึกษาคณะสถาปัตย์ฯจุฬา ปี ๓ ผมดีใจและภูมิใจในความสำเร็จของลูกซึ่งมีค่ายิ่งกว่ายศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้เสียอีก

    ที่เล่าเกร็ดชีวิตการต่อสู้การครองคนครองตนครองงานปัญหาอุปสรรคผิดหวังสมหวังทั้งหลายทั้งปวงนั้นเพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อว่า “ผมได้ทำตามคำสอนของหลวงพ่อด้วยแรงเคารพนับถือศรัทธาอย่างสูง” และอยากจะบอกแก่สาธุชนทั่วไปว่า “คำสอนของหลวงพ่อจรัญนั้นประเสริฐเป็นจริงประจักษ์แล้ว” ให้หยิบธรรมข้อใดข้อหนึ่งที่คิดว่าดีชอบเริ่มทำได้เลยตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องผลัดวัน

    ผมและครอบครัว ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยได้ประทานพรให้หลวงพ่อของเรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรสืบทอดเผยแพร่ธรรมของพระพุทธเจ้าให้คนสิงห์บุรีและคนไทยทั่วประเทศได้พึ่งพาและมีชีวิตอย่างปกติสุขสงบถ้วนทั่วกันนานเท่านาน

    แหล่งที่มา : จาก forward mail ส่วนตัว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2009
  2. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    อันว่าท้อง ถิ่นแคว้น แดนธรรมนี้


    เป็นถิ่นมี ที่สำคัญ ร่วมมั่นหมาย

    รวมพลัง สามัคคี ไม่มีคลาย

    สร้างถวาย แด่องค์ พระทรงธรรม
     
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านจขกท.ด้วยค่ะ

    กรุณาเพิ่มที่มาของกระทู้ได้มั๊ยคะ เพื่อจะตั้งเป็นกระทู้แนะนำค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...