ข้อความต่างมิติ-จะเกิดอะไรขึ้นถ้าความจริงแล้วเอกภพดำรงอยู่ภายในอนุภาคที่มีขนาดเล็กที่สุด

**จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าความจริงแล้วเอกภพซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด..กลับดำรงอยู่ภายในอนุภาคที่มีขนาดเล็กที่สุด?**


(Credit the picture from internet)

แต่ก่อนจำได้ว่าสมัยยังเป็นเด็ก ผมชอบคิดเรื่องพวกนี้นะครับ..คือสมัยเรียนมัธยมพอรู้เรื่องโครงสร้างของอะตอมที่ประกอบไปด้วยอิเล็กตรอนวิ่งรอบนิวเคลียสแล้ว ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมันถึง "บังเอิญ" คล้ายกับโครงสร้างของระบบสุริยะจักรวาลจัง ที่ดวงดาวต่างๆก็โคจรรอบจุดศูนย์กลางเดียวกัน ซึ่งก็คือดวงอาทิตย์เหมือนกัน?

แล้วผมก็ยังอดคิดต่อไปไม่ได้อีกว่า แล้วถ้าใหญ่กว่าระบบสุริยะของเรา จนไปถึงระดับกาแล็กซี่และจักรวาลหละ โครงสร้างของสิ่งต่างๆมันจะเป็นอย่างไร? ก็มาได้คำตอบว่า มันก็คล้ายๆกันนี่แหละ คือมีหลายสิ่งที่โคจรรอบจุดศูนย์กลางอันหนึ่งเหมือนกัน

แต่สมัยนั้น มันมีความคิดผุดขึ้นมาในหัวผมแบบท้าทายมากๆว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเดินทางออกไปนอกจักรวาลแล้ว ไปสู่สิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนถึงขนาดใหญ่ที่สุดเลย แต่เรากลับมาค้นพบว่าเรากำลังอยู่ในอนุภาคที่มีขนาดเล็กที่สุดอนุภาคหนึ่ง ที่เล็กกว่าอะตอมซะอีก!!

แล้วจากนั้น เมื่อเราขยายภาพใหญ่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เราก็จะมาพบว่าบัดนี้เราได้มาอยู่ในอะตอมๆหนึ่งแล้ว แล้วจากนั้น มันก็จะวนเวียนเป็นแบบนี้อีกไม่มีที่สิ้นสุด!

คือ..สรุปว่า..เอกภพที่ว่าใหญ่ที่สุดที่ว่านี้ กลับบรรจุอยู่ในอนุภาคที่เล็กที่สุดอนุภาคหนึ่งเท่านั้นเอง! ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคิดแบบเป็นเส้นตรงตามสไตน์ของมนุษย์โลกเราหละก็ มันก็จะไม่เข้าใจ และก็เป็นไปไม่ได้ด้วย

แต่อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้เมื่อหลายวันก่อนนั่นแหละครับว่า ตอนนี้มนุษย์โลกเริ่มมีความเข้าใจในความเป็นหลากมิติ และในเรื่องของ Quantum physics มากขึ้นแล้ว ดังนั้น เรื่องพวกนี้มันจึงสามารถอธิบายได้มากขึ้นแล้ว

ในหนังสือที่ผมกำลังอ่านอยู่นี้ (The Convoluted Universe-4 โดย Doroles) และข้อความจากต่างมิติที่ผมแปลมานานกว่า 10 ปีแล้วนั้น ได้พูดถึงประเด็นนี้ค่อนข้างตรงกันอย่างน่าทึ่งมากๆเลยนะครับว่า :

1).จักรวาลของเรา แท้ที่จริงแล้ว เป็นจักรวาลหลากมิติ ที่อยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลา เพราะว่าช่องว่างและกาลเวลานั้น เป็นแต่เพียง Software หรือ โปรแกรมตัวหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานกับมิติที่ 1-2-3-4 เท่านั้นเอง ส่วนมิติที่ 5 ขึ้นไปนั้น จะอยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลาทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เป็นของแท้และของจริงในจักรวาล จึงเป็นของหลากมิติทั้งหมดด้วย รวมถึงมนุษย์โลกเราก็ด้วย ก็เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติ ที่กำลังดำรงอยู่ในหลากหลายมิติ พร้อมๆกันหมด ณ.ที่นี่..และเดี๋ยวนี้

ส่วนมิติทางกายภาพ หรือมิติที่ 3 ที่ประกอบไปด้วย ความกว้าง, ความยาว, ความสูง และกาลเวลานี้ เป็นแค่มิติพิเศษ หรือมายาการ หรือภาพฉาย 3 มิติ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นสนามทดสอบ หรือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ของแต่ละจักรวาลเท่านั้นเอง

ดังนั้น แม้ว่าเราจะส่องกล้องออกไปเจอดวงดาวในเอกภพจำนวนมากมายมหาศาล จนนับไม่ไหวแค่ไหนก็ตามแต่ แต่นั่น ก็เป็นแค่ 3% ของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ทั้งหมด ของเอกภพนี้เท่านั้นเอง เพราะว่าของจริง-ของแท้ ที่ไม่ใช่มายาการที่มีอยู่ในเอกภพอีก 97% นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะพวกเขาอยู่ในมิติที่สูงกว่าเรา

2).รูปธรรมชีวิตจากมิติสูงๆทั้งหลาย เคยพูดเอาไว้ตรงกันอย่างน่าทึ่งว่า เรื่องของความเป็นหลากมิตินั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่สมองที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานอยู่ภายใต้กาลเวลาแบบเป็นเส้นตรงนี้ของเรา จะสามารถเข้าใจได้

คือ..มันไม่ใช่แค่ "ยากมาก ที่จะเข้าใจได้" นะครับ..แต่พวกเขาย้ำว่า..มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะเข้าใจได้..หรือเป็นเรื่อง "อจินไตย" นั่นเอง

แต่ก่อนผมเองก็เคยมีอคติกับคำว่า "อจินไตย" นะครับเลยชอบคิดไปว่า สงสัยตำราหรือครูบาอาจารย์ท่านอธิบายไม่ได้ หรือขี้เกียจอธิบายหละสิ ถึงหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่พวกเราสงสัยแบบนี้ คือโยนให้เป็นเรื่องของอจินไตย แต่ตอนนี้ผมคิดว่า ผมพอจะเข้าใจแล้ว

ลองคิดดูสิว่า..แม้แต่เรื่องธรรมชาติของจิตวิญญาณของมนุษย์เองนี่ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่สมองของเราจะเข้าใจได้ด้วยนะ อย่างเช่น เรื่องของการผสานรวมกันได้ หรือแยกย่อยออกมาอยู่ในรูปกายและร่างกายต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน

และก็ยังมีเรื่องของโลกคู่ขนาน และมิติคู่ขนานอีกนะ ที่เรามิอาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เพราะว่าสมองเราถูกออกแบบมาให้คิดเป็นแต่แบบเป็นเส้นตรงดังว่านั่นแหละครับ

3).ในกรณีของเอกภพและจักรวาล ซึ่งก็คือ "กายหยาบ" ที่อยู่ในมิติทางกายภาพของ "พระเจ้า" และ "พระผู้สร้าง" ทั้งหลายนั้น ก็เช่นเดียวกัน..ในข้อความจากต่างมิติ และในหนังสือที่ผมกล่าวถึงไปแล้วนั้น กล่าวเอาไว้ว่า..ใหญ่กว่าพระผู้สร้างขึ้นไปอีก ก็ยังจะมีพระผู้สร้างที่เหนือกว่า และยิ่งใหญ่กว่าขึ้นไปเรื่อยๆอีก แบบไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ว่าพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ กลับดำรงอยู่แม้ในอนุภาคที่มีขนาดเล็กที่สุด เท่าที่เราจะสามารถค้นพบได้!

คือ..มันเป็นอะไรที่..พวกเขาใช้คำศัพท์ว่า "ความขัดแย้งที่ลงตัวกันพอดี" และก็นี่แหละ..คือธรรมชาติ และเป็นปรากฎการณ์ที่ธรรมดาสามัญมากๆ เมื่อเราพูดถึงเรื่องราวที่เป็นหลากมิติหละครับ เพราะว่ามันจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเรา (ในแบบที่เป็นเส้นตรง) เสมอ

ดังนั้น หลายๆกรณี ที่ผมเคยพูดถึงไปบ้างแล้ว มันเลยมีทั้งถูกและผิดในเวลาเดียวกันด้วย..คือเรื่องเดียวนี่แหละ แต่จะบอกว่าผิดก็ได้ หรือถูกก็ได้ หรือบอกว่าถูกต้องทั้งคู่ก็ได้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะออกมาแนวๆถูกทั้งคู่นั่นแหละครับ

เช่น เรื่องพระเจ้าสร้างโลกตามตำนานของชาวคริสต์ vs ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาวิน นี่ก็ถูกทั้งคู่, แล้วก็เรื่องนรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่มีจริง..นี่ก็ถูกทั้งคู่, เรื่องวิถีปฏิบัติของชาวพุทธ 2 นิกาย คือมหายาน กับเถรวาท ว่าควรจะมุ่งบำเพ็ญเพื่อรับใช้โลกและมวลหมู่มนุษยชาติเป็นหลัก หรือว่าควรจะมุ่งบำเพ็ญเพื่อชำระล้างตัวเองให้หลุดพ้นเองก่อน มากกว่ากัน..อันนี้ก็ถูกทั้งคู่ เป็นต้น

เพราะว่า..ในแง่ของหลากมิติแล้ว ไม่ว่าเราจะเริ่มจากจุดไหนก็ตามแต่ สุดท้าย..ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมาเกี่ยวข้อง-สัมพันธ์ และบรรจบกันอยู่ดี เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือหนึ่งเดียวกัน เหมือนกับที่เรามองดูเหลี่ยมมุมแต่ละเหลี่ยมมุม ของเพชรที่เจียรไนยแล้วนั่นแหละครับ ซึ่งไม่ว่าจะเหลี่ยมมุมไหน มันก็อยู่บนเพชรก้อนเดียวกันอยู่ดี

จริงๆแล้ว ผมเขียนต่อได้เรื่อยๆนะเนี่ย ฮิฮิ เพียงแต่ว่า..มันจะยาวไป..พอแค่นี้ก่อนเนาะ..เดี๋ยวจะขี้เกียจอ่านครับ

Chayutt Naowarat
23/04/20
...............................
#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen

#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
#ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere

 

น่าคิด ๆ

 

ตัวอย่างสมมติ ชาวมิติที่ 4 กำลังเดินอยู่ในยานอวกาศรูปทรงบ้องข้าวหลาม ที่สามารถเดินทางโดยสาร,บรรทุก ระหว่างดวงดาว และบังเอิญว่าในขณะเดินทางข้ามดวงดาวนั้น มีผู้โดยสารรายหนึ่งได้เสียชีวิตระหว่างทาง โดยผู้นั้นได้มีบุญกุศลที่เพียงพอแก่การยกระดับจิตใจขึ้นสู่ มิติที่สูงกว่า
เมื่อเขาเสียชีวิต และดวงจิตได้ถูกยกขึ้นสู่มิติที่สูงกว่า เขาได้พบว่า จิตของเขา ได้ลอยออกมาจาก "ท่อรถมอเตอร์ไซด์" จากรถคันหนึ่ง.
# มิติซ้อนมิติ จักรวาลอวกาศ มันก็เป็นเช่นนี้แล