คน 2 วิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 7starshido, 4 พฤษภาคม 2012.

  1. 7starshido

    7starshido สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +7
    เราเกิดมาในภพใหม่นั้นเป็นคนร่างเดียวแต่มี 2 วิญญาณ(ในดวงเดียวกัน) หมายความว่า ไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้โดยเด็ดขาด(แยกเป็น 2 ดวง) แต่ก็รวมกันไม่ได้อย่างสมบูรณ์ในยามมีชีวิต แต่อาจจะถ่ายทอดให้กันได้บ้าง ซึ่งก็ตรงกันกับจิตวิทยาของฟรอยด์ จิตสำนึกและจิตไร้สำนึก ซึ่งจิตสำนึกก็คือวิญญาณชาติปัจจุบัน และจิตไร้สำนึกก็คือวิญญาณอดีตชาตินั่นเอง
    <O:p
    ขณะที่เรายังมีชีวิต วิญญาณของเราทั้ง 2 จะไม่สามารถรวมกันได้โดยสมบูรณ์ ในวาระสุดท้ายของชีวิตเท่านั้นวิญญาณทั้ง 2 ของเราถึงจะรวมกันได้โดยสมบูรณ์ และกลายเป็นวิญญาณอดีตชาติ เมื่อไปเกิดใหม่ในชาติถัดไป
    <O:p
    เพราะถ้าวิญญาณทั้ง 2 ของเรารวมกันได้ เราจะสามารถระลึกชาติได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า กรรมฐานสมาธิ

    ตัวอย่างก็คือ การที่เราทำในสิ่งที่เรียกกันว่า ละเมอ นั่นเอง เราจำไม่ได้เลยว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง เมื่ออยู่ในอาการนั้น นั่นก็เพราะว่า วิญญาณปัจจุบันของเราเข้าสู่ภวังค์ คือหลับ ซึ่งอาจจะลึกเกินระดับโดยทั่วไป และจิตวิญญาณอดีตชาติของเราเข้าควบคุมร่างกายปัจจุบันของเรา และทำอะไรไปตามนั้น เราจึงไม่รู้ และจำอะไรไม่ได้ เพราะเราซึ่งเป็นวิญญาณปัจจุบันไม่ใช่ผู้ควบคุมร่างกายให้กระทำ และสังเกตว่า ยามละเมอ เราก็ทำอะไรไม่มากนัก นั่นก็เพราะว่า จิตวิญญาณอดีตชาติของเราไม่มีแรงจูงใจให้กระทำ หรืออาจเป็นเพราะการเข้าควบคุมในช่วงเวลาสั้นๆก็เป็นได้


    <O:pyimm
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2012
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ผมไม่อาจวิเคราะห์จิตแบบเอาฟร์อย มาเทียบกับพุทธ
    แต่ความรู้ของผม...วิญญานที่สองนั้นคือ เจตภูติ...คือตัวจิตรู้ที่มาอาศัยรูปอยู่นั่นเอง...มันเป็นตัวเดียวกับวิญญานนี่แหละ จึงเกิดขันธ์5 ขึ้นมา เวียนว่ายตายเกิด
     
  3. 7starshido

    7starshido สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +7

    ลองดูพระสูตรข้างล่างนี้


    ๑. สีสปาสูตร

    เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น



    [๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ สีส-

    ปาวัน กรุงโกสัมพี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือใบประดู่ลาย

    ๒ - ๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย มาแล้วตรัส

    ถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็น

    ไฉน ใบประดู่ลาย ๒ - ๓ ใบที่เราถือด้วยผ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะ

    มากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบ

    ประดู่ลาย ๒ - ๓ ใบ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มี

    ประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.

    พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอก

    เธอทั้งหลายมีมาก ก็เพราะเหตุไร เราจึงไม่บอก. เพราะสิ่งนั้นไม่

    ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อ

    ความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง

    ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก

    [๑๗๑๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เรา

    ได้บอกแล้วว่า นี้ทุกข์...นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็เพราะเหตุไร เรา

    จึงบอก เพราะสิ่งนั้ น ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้อง

    ต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย... นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงการทำความ

    เพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่านี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.


    ดังนั้นอย่าไปหลงว่า สิ่งใดที่ไม่ได้มีในพระไตรปีฎกแล้ว สิ่งนั้นจะไม่ใช่ความจริง

    yimm
     
  4. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +301
    ธรรมดานะลูกพี่เรื่องที่ว่าคนมีสองวิญญาณ คือ อกุศลจิต กับกุศลจิต จบข่าว ลูกพี่นี่ตั้งมาแต่ละกระทู้ไร้สาระดีแท้หนอ...
     
  5. 7starshido

    7starshido สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +7

    ที่ผมพูดนี่เป็นใบประดู่ในป่า ไม่ใช่ไร้สาระแบบที่คุณพูด

    คุณต้องแยกให้ออกระหว่าง สาระ กับ การหลุดพ้น (ตามคติ)

    ถ้าเราทำงานแต่ในออฟฟิศ เราจะมองเห็นสาวในออฟฟิศสวย แต่เมื่อไรที่เราออกไปนอกออฟฟิศบ่อยๆ ได้เจอสาวๆนอกออฟฟิศ พอกลับเข้ามาในออฟฟิศ เราจะเห็นว่าสาวในออฟฟิศช่างหาความสวยไม่ค่อยมีกันเลย ฉันใดก็ฉันนั้น

    yimm
     
  6. ariyaidea

    ariyaidea Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +42
    ข้อนี้ถูกครับ เทียบอีกก็เหมือน กบในกะลาพอหลุดจากกะลาใบแรกก็เจอโลกที่กว้างกว่าเดิม แต่จริงๆแล้วเป็นกะลาอีกใบครอบอยู่ ออกจากกะลาใบใหม่ก็จะเจอกะลาใบที่ใหญ่กว่าไปเรื่อยๆตามธรรมดาของโลก

    เสริมในอีกแง่มุม ต่อให้ผู้หญิงนอกออฟฟิตสวยแค่ไหน แต่ผู้หญิงในออฟฟิตก็ยังสำคัญกว่า เพราะเป็นผู้หญิงที่เราคลุกคลีด้วย ทำงานด้วย
    เีทียบไปก็เหมือน ใบไม้ในป่ามีหลากสี แปลกตา เส้นใยละเอียดเรียบเนียนน่าสัมผัส แต่ใบไม้ในกำมือกลับเป็นใบไม้ที่เราควรให้ความสำคัญที่สุด เช่นเดียวกับผู้หญิงในออฟฟิต

    แลกเปลี่ยนมุมมองนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...