ความจริงไม่มีใครทุกข์: หลักปฏิจจสมุปบาทของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สิงหนวัติ, 30 สิงหาคม 2010.

  1. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    [VDO]http://palungjit.org/attachments/a.1113969/[/VDO]


    ดาวน์โหลด VDO: http://phasornkaew.org/download/VDO/enlighten/special/aTruth-nobodyHasnotSuffer_stereo.flv

    http://palungjit.org/attachments/a.1113969/



    ความจริงไม่มีใครทุกข์

    พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

    "ความทุกข์มาจากไหน..?"

    คนส่วนใหญ่ไม่รู้ที่มาของความทุกข์ จึงคิดว่าทุกข์มาจากผู้อื่นกระทำ บางคนก็คิดว่า ทุกข์มาจากเราทำเอง

    "ทุกข์มาจากความไม่รู้ ตามความเป็นจริง"

    "ชีวิตคืออะไร..?"

    หากเรารู้ว่าชีวิตคืออะไร? เราจะปฏิบัติต่อชีวิตอย่างถูกวิธี
    ความจริงในธรรมชาติของจักรวาล มีแค่รูปและนาม เพราะรูปคือมวลสารต่างๆ ที่หมุนรอบตัวเองในที่ว่าง จึงเกิดสนามพลังของนามธรรม อยู่รอบรูปธรรมนั้น สมมุติเรียกว่า "จิต" คือธรรมชาติแห่งการรับรู้

    เพราะธาตุต่างๆ ที่รวมตัวอยู่ด้วยกันไม่คงที่ ความรับรู้ที่เกิดขึ้นในช่องว่าง รู้สึกถึงการจะแตกสลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเติมเต็ม (โลภะ)
    เกิดความรู้สึกขัดขวาง (โทสะ)
    เกิดความไม่รู้ที่แฝงตัวมา (โมหะ)

    เมื่อมันมาก่อตัวกันเข้า เป็นโครงสร้างของรหัสดีเอ็นเอ ที่จะสมานตัวให้ทรงตัวอยู่ได้ จึงพยายามที่จะรักษาสถานภาพนั้น ด้วยการแสวงหาสิ่งที่จะมาเติมเต็ม แก้ปัญหาความพร่องของธาตุสี่ เกิดสภาวะการดิ้นรนของนามธรรม ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้

    สิ่งทั้งหลายไม่มีอยู่โดยตัวของมันเอง ไม่มีความคงที่อยู่อย่างเดิม แม้แต่ขณะเดียว จึงเป็นสภาวะที่พร้อมจะก่อให้เกิดทุกข์แก่ผู้ไม่รู้เท่าทัน

    (ปฏิจจสมุปบาท)


    สิ่งต่างไม่มีตัวตนด้วยตนเอง อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น (อวิชชา)
    เพราะความไม่รู้ตามความเป็นจริง จึงเกิดความคิดปรุงแต่ง (สังขาร)

    เพราะเกิดความคิดปรุงแต่ง จึงรับรู้ถึงความรู้สึก ( วิญญาณ)

    เพราะการรับรู้ถึงความคิดนั้น จึงส่งผลถึงอารมณ์และบุคลิกภาพ (นามรูป)

    บุคลิกภาพนั้น ส่งต่อให้เครื่องมือการรับรู้ทำงาน (สฬายตนะ)

    เพราะการรับรู้ทำงาน จึงเกิดการกระทบระหว่างภายในภายนอก (ผัสสะ)

    เพราะการกระทบ จึงทำให้เกิดอารมณ์สุข-ทุกข์ และเฉยๆ (เวทนา)

    อารมณ์ที่สุขก็อยากได้ อารมณ์ที่ทุกข์ก็อยากผลักไส (ตัณหา)
    เพราะความอยาก จึงเข้าไปยึดกับสิ่งที่ต้องการ (อุปาทาน)

    เพราะยึดกับสิ่งที่ต้องการ จึงลงมือก่อพฤติกรรม (ภพ)

    เมื่อก่อพฤติกรรมดีหรือเลว จึงเกิดคำว่า “เราดีหรือเลว” ขึ้นในใจ (ชาติ)

    แต่สิ่งเหล่านั้นก็เสื่อมสลายไปตามเหตุปัจจัย (ชรา มรณะ)

    แต่เพราะความไม่รู้ก็หลงปรุงแต่ง แสวงหาสิ่งเหล่านั้น วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า (อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ)

    *๑๒ อาการแห่งทุกข์ ที่คนส่วนใหญ่ยังยึดติด ยังหาทางออกไม่พบ และประสบกับปัญหาเพิ่มขึ้น ความไม่เข้าใจเหตุปัจจัย ที่เป็นองค์ประกอบในสายใยของธรรมชาติ

    หากเข้าใจ ปฏิจจสมุปบาท จะไม่สงสัยต่ออดีต ปัจจุบัน อนาคต ว่าเรามีหรือไม่อย่างไร
    เพราะสิ่งต่างๆ อาศัยสิ่งอื่นๆ เกิดขึ้น จึงคงที่อยู่ไม่ได้ เรียกว่า "ทุกขลักษณะ" แต่ไม่มีผู้ทุกข์ (ความสุขมีอยู่ก่อนแล้ว)

    การเคลื่อนไหวในกระแสของธรรมชาตินั้น มีความสัมพันธ์ส่งผลต่อกันอย่างละเอียดซับซ้อน ด้วยปัจจัยอันหลากหลาย กระทบกระทั่งเชื่อมต่อกันเป็นแพรัศมี สู่ผลอันหลากหลาย

    "ผลอันหลากหลาย เกิดจากเหตุปัจจัยอันหลากหลาย" พุทธพจน์

    เมื่อมีสติตามสังเกตการทำงานของกายและใจ จะสามารถใช้เหตุปัจจัยอย่างถูกวิธี

    (วิสุทธิ ๗)

    เพราะไม่มีใครหนีผัสสะทางอายตนะต่างๆ ได้ เมื่อเกิดการกระทบรู้เท่าทัน ใจก็ปกติ เรียกว่า "สีลวิสุทธิ"
    จิตจึงตั้งมั่นไม่ถูกครอบงำด้วยอกุศลเรียกว่า "จิตตวิสุทธิ"
    จึงเกิดความเห็นถูกของรูปนามตามความเป็นจริง เรียกว่า "ทิฏฐิวิสุทธิ"
    และเห็นปัจจัยของรูปและนาม จนหายสงสัย เรียกว่า "กังขาวิตรณวิสุทธิ"
    สามารถเลือกมุมมองอย่างถูกวิธี ของสิ่งที่เกิดขึ้นกับรูปและนาม เรียกว่า "มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ"
    เห็นลักษณะความเกิดดับในขันธ์ ๕ ยอมรับความเป็นจริงด้วยใจเป็นกลาง เรียกว่า "ปฏิปทาญาณทัสสวิสุทธิ"
    จิตจึงไม่ปนเปื้อนด้วยตัณหาและการหลงคิดปรุงแต่ง ทวนเข้าสู่กระแสธรรมชาติเดิมที่บริสุทธิ์ ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว คือความสุขหรือพระนิพพาน เรียกว่า "ญาณทัสสนวิสุทธิ"
    เพราะสิ่งต่างๆ อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น หากผู้ขาดปัญญาไม่รู้ ก็หลงผิดสร้างเหตุปัจจัยแห่งความทุกข์

    (ได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ คือ ทุกข์ใจ - เสียในสิ่งที่ไม่ควรเสีย คือ สันติสุข)

    หากผู้มีสติปัญญารู้ จึงเลือกสร้างเหตุปัจจัยแห่งความสุข....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...