ชนะความอยากแบบพระอรหันต์

เคยไหม เวลาเห็น โทรศัพท์รุ่นใหม่ รองเท้าสวยๆ กระเป๋าแบรนด์เนม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่จำเป็น ไม่ต้องมี ไม่ต้องใช้ แต่ก็อดใจไม่ไหวซื้อมาจนได้ ซื้อมาทันที จนไม่มีที่เก็บ จนบางเดือนเงิน

หมดไม่รู้ตัว แล้วก็มานั่งมองว่าตรูซื้อมาทำ(ซาก) อะไรฟระ
สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่า " ความอยาก" ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ถ้าความอยากมีในระดับที่พอดี จะเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า แต่ถ้าความอยากมันเกินพอดีมันก็ทำ

เราให้เกิดทุกข์ หนังสือลงข่าวเจ้าหนี้ทวงหนี้โหดอยู่ร่ำไป
แล้วเราจะเอาชนะ"ความอยาก"อย่างไร

ในสมัยพุทธกาลพระปิโลติกะเดิมท่านเป็นขอทานผู้น่าสงสาร พระอานนท์เห็นแล้วเกิดเวทนาจึงบวชเป็นพระให้ ตอนบวชเสร็จพระอานนท์เอาผ้าเก่าๆขาดๆสมัยเป็นขอทานของพระปิโลติกะไปทิ้งไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง พระปิโลติกะเมื่อบวชเป็นพระก็ได้กินแต่ของดี ๆ นุ่งผ้าดี ๆ กินดีอยู่ดีจนร่างกายอ้วนถ้วนสมบูรณ์แล้วเกิดกิเลสอยากจะสึกขึ้นมา ท่านก็เลยไปที่ต้นไม้ที่ทิ้งผ้าเก่าๆสมัยขอทานของท่านเพื่อจะสึก แต่เผอิญสติที่ฝึกมาดีแล้วท่านกลับคิดได้ว่า "เจ้าผู้ไม่มีหิริ หมดยางอาย เจ้ายังปรารถนาเพื่อจะละฐานะ คือการนุ่งห่มผ้าทั้งหลายเห็นปานนั้น (กลับไป) นุ่งผ้าท่อนเก่านี้ มีมือถือกระเบื้องเที่ยวขอทาน อีกหรือ" พอท่านสอนตนเองเตือนตนเองแบบนี้กิเลสก็หายหมดความอยากจะสึกทันที พอกิเลสฟุ้งขึ้นอีกท่านก็มาที่ต้นไม้แล้วพูดเตือนตนแบบนั้นอีก ทำบ่อย ๆ เข้าท่านก็บรรลุพระอรหันต์หมดกิเลส ไม่จำเป็นต้องไปที่ต้นไม้อีกเลย

จะเห็นได้ว่าการเอาชนะความอยากได้นั้น ต้องเริ่มจากมีสติก่อน คิดทบทวนเหมือนพระปิโลติกะที่ไม่อยากกลับไปเป็นขอทาน เช่น อยากได้ รองเท้า YSL shoes จะแย่ แต่คิดได้ว่า หาของที่
ราคาถูก และคุณภาพใกล้เคียงดีกว่า หรือ แยกว่าอันไหนเป็นความจำเป็นหรือความอยาก เช่น เวลาจะใช้เงินให้นึกถึงหน้าพ่อแม่ เก็บเงินไว้รักษาท่านเมื่อยามป่วย ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ความ
อยากมันก็หาย เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ แล้วเราจะพบความสุขที่ไม่ต้องเป็นหนี้เพราะรูดบัตรเครดิตเกินวงเงินครับ

เรื่องพระปิโลติกเถระ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=20&p=10