ชรา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 22 เมษายน 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    วิถีจิตบุญของคนชรา

    <!-- Main -->[SIZE=-1][​IMG]

    คนชราที่หมั่นฟังธรรมปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย ได้สั่งสมจิตใจให้รู้ซึ้งถึงกฏของธรรมชาติ
    ไม่ได้วางจิตใจให้ขัดแย้งกับกฏธรรมชาติ ครั้นความชราได้ปรากฏเห็นได้ชัดแก่สังขารของตน
    เขากลับได้เห็นแจ้งในหลักธรรมที่ประทานโดยพระพุทธองค์ ทำให้ซาบซึ้งถึงว่า
    สรีระของคนเราอันกรรมทำให้เป็นนครแห่งกระดูกทั้งหลายฉาบด้วยเนื้อและโลหิต ย่อมเป็นที่ตั้งของชราและมรณะ
    [/SIZE]
    ช่างก่อสร้าง เอาเหล็กผสมปูนตั้งเป็นเสาตึก เป็นโครงของตึก เป็นปูนฉาบทาด้วยปูนและสี ทำให้เป็นเรือนภายนอก กล่าวคือ นครอันมีที่สุด คือต้องผุผังไปฉันใด แม้สรีระนี้เป็นไปในภายในก็ฉันนี้น อันกรรมยังกระดูก 300 ท่อน ให้ยกขึ้นแล้ว ทำให้เป็นนคร อันเส้นเอ็นรึงรัดไว้ ฉาบทาด้วยเนื้อและโลหิต หุ้มห่อด้วยหนังอันมีที่สุด คือ ต้องชรา และมรณะ คนชราที่เข้าใจธรรมชาติของชรา กลับมีปัญญาเพิ่มพูนเต็มเปี่ยมในดวงจิต ทำให้เกิดความไม่ประมาทในชีวิต กลับมีกำลังใจ รับเจริญบุญกุศลต่อไป เพื่อเป็นเสบียงชีวิตในภายภาคหน้า

    การที่คนชรามีจิตเป็นกุศล ย่อมทำให้มีความเข้มแข็งที่จะเอาชนะกับความผิดปรกติที่เกิดขึ้นแก่สังขาร แม้จะมีโรคมารบกวนให้ทุกข์กาย แต่กลับมีจิตใจที่เยือกเย็น สุขสบาย เพราะมีปัญญาในธรรมนั่นเอง


    คนชราบางคนเมื่อร่างกายสมองซึมเซารู้จักออกกำลังสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของออกซิเจนไปสู่สมอง ทำให้สมองของเขาตื่นตัวขึ้น รู้จักควบคุมการทานอาหาร งดดื่มหรือทานอาหารที่เป็นพิษต่อร่างกาย

    การรักษาสุขภาพกายและจิตนี้ ก็เป็นวิถีจิตจำพวกกุศล จะเห็นว่า กุศลนี้เป็นที่พึ่งของตนเองอย่างแท้จริง แม้เวลาจวนตาย บุญกุศลก็พาเกิดในสุคติภูมิ ได้ปัญญา เมื่อความชราปรากฏ

    ต่อไปนี้ จะขอยกตัวอย่างของหญิงผู้หนึ่งในสมัยพุทธกาล ชื่อว่า นางอัมพปาลี ในอดีต
    เธอเป็นหญิงสาวสวยงามพริ้งเพริศมาก ครั้นวัยชรามาเยือนเธอได้เห็นความจริงของสังขารร่างกายเธอ จนได้พบสันติสุขในชีวิตเธอ เธอได้พิจารณาความจริงของสังขารร่างกาย ดังนี้

    1. เมื่อก่อน ผมของเรามีสีดำ คล้ายกับสีปีกแมลงภู่ มีปลายงอน เดี๋ยวนี้กลายเป็นเช่นปอเพราะชรา
    พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    2. เมื่อก่อนมวยผมของเรามีกลิ่นหอม ดุจอบด้วยดอกมะลิเป็นต้น เต็มไปด้วยดอกไม้ เดี๋ยวนี้มีกลิ่นเหมือนขนกระต่ายเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    3. เมื่อก่อน ผมของเรามีปลายอันงาม วิจิตรด้วยหวี และเครื่องปักผมเหมือนป่าไม้อันปลูกเป็นแถวงามสะพรั่ง เดี๋ยวนี้กลายเป็นผมโกร๋นในที่นั้นๆ พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    4. เมื่อก่อน ผมของเราประดับด้วยมวยผมอันงดงาม ดังประดับด้วยทองคำอันละเอียด มีกลิ่นหอม
    เดี๋ยวนี้ ล้านตลอดหัวเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    5. เมื่อก่อนคิ้วของเรางดงามคล้ายรอยเขียนอันนายช่างเขียนดีแล้ว เดี๋ยวนี้กลายเป็นคิ้วคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์ เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    6. เมื่อก่อนนัยน์ตาของเราดำขลับ เหมือนนิลมณีรุ่งเรืองงาม เดี๋ยวนี้ถูกชราขจัดแล้วไม่งามเลย
    พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    7. เมื่อเวลาเรายังรุ่นสาว จมูกของเราโด่งงาม เหมือนเกลียวหรดาล เดี๋ยวนี้ กลับห่อเหี่ยวไปเหมือนจมหายเข้าไปในศีรษะเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    8. เมื่อก่อนใบหูของเรางดงามเหมือนตุ้มหูที่ทำเสร็จเรียบร้อยดี เดี๋ยวนี้กลับหย่อนยานเหมือนเอาเถาวัลย์ห้อยไว้เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    9. เมื่อก่อน ฟันของเราขาวงามดีเหมือนสีดอกมะลิตูม เดี๋ยวนี้กลายเป็นฟันหักและมีสีเหลืองเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    10. เมื่อก่อน เราพูดเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกดุเหว่า อันมีปกติเที่ยวไปในไพรสณฑ์ร่ำร้องอยู่ในป่าใหญ่ฉะนั้น เดี๋ยวนี้คำพูดของเราพลาดไปทุกๆ คำเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    11. เมื่อก่อน คอของเรางดงามกลมเกลี้ยงเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว เดี๋ยวนี้ย่นเพราะชรา
    พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    12. เมื่อก่อน แขนทั้งสองของเรางดงามเปรียบดังกลอนเหล็กอันกลมฉะนั้น เดี๋ยวนี้ ลีบคดดุจฝักแคฝอย เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    13. เมื่อก่อน มือทั้งสองของเราประดับด้วยแหวนทองคำงดงาม เดี๋ยวนี้เป็นเหมือนเหง้ามันเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    14. เมื่อก่อน ถันทั้งคู่ของเราเต่งตั่งกลมกลึงชิดสนิทกัน และมีปลายงอนขึ้นงดงาม เดี๋ยวนี้กลับหย่อนเหมือนผลน้ำเต้าเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    15. เมื่อก่อน กายของเราเกลี้ยงเกลา งดงาม เหมือนแผ่นทองที่ขัดดีแล้ว เดี๋ยวนี้สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็นอันละเอียดเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    16. เมื่อก่อนขาอ่อนทั้งสองของเรางดงามเปรียบเหมือนงวงช้าง เดี๋ยวนี้เป็นปุ่มเป็นปม เหมือนข้อไม้ไผ่เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    17. เมื่อก่อนแข้งทั้งสองของเรา ประดับด้วยกำไลทองคำอันเกลี้ยงเกลางดงาม เดี๋ยวนี้กลับเหี่ยวแห้งเหมือนต้นงาเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    18. เมื่อก่อนเท้าทั้งสองของเรางดงามอุปมาเช่นกับปุยนุ่นเพราะความที่เท้าอ่อนนุ่ม เดี๋ยวนี้กลับแตกเป็นริ้วรอยงองุ้มดังเถาวัลย์เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    19. ร่างกายของเรานี้เนื่องด้วยความหย่อน เป็นที่อยู่แห่งทุกข์มาก เป็นสภาพตกไปจากเครื่องลูบไล้ เป็นดุจเรือนอันคร่ำคร่า พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น

    ( พระไตรปิฎก เล่มที่ 26 อัมพปาลีเถรีคาถา)

    ครั้นเมื่อนางอัมพปาลี ได้พิจารณาความไม่เที่ยงในอัตภาพของตน เห็นว่าทางที่จะพ้นจากความชรานี้ได้ คือ การเจริญวิปัสสนา นางจึงไปศึกษาวิธีเจริญวิปัสสนาและไปปฏิบัติวิปัสสนา จนพบสันติสุข ตัดความชราออกไปจากชีวิตในชาติต่อ ๆ ไปได้

    เรื่องจาก อ.บุษกร เมธางกูร ประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&month=04-2009&date=16&group=1&gblog=152

    ขอให้ทุกท่านเจริญยิ่งขึ้นไปในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสุปฏิปันโนทั้งหลายโดยดีงามน่ะครับ
    <!-- End main-->
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    สาธุๆๆ อนุโมทามิ แจ่มแจ้งนักๆ เหมือนเปิดของที่ปิด หงายของที่คว่ำฉะนั้น
     
  3. patcha2001

    patcha2001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +174
    ;39:z12 ขอบคุณที่เตือนล่วงหน้า
    ว่าในอนาคตทุกคนต้องชรา


    แต่วันนี้เรายังไม่ชรา เราคง


    ต้องเร่งสร้าง เตรียมความพร้อม ทุกด้าน เพื่อว่า

    เมื่อเราชราจะได้เป็นผู้สูงอายุที่เป็นภาระกับผู้อื่น

    น้อยที่สุด และมีกิจกรรมที่สุขใจ และยังสามารถ

    ช่วยเหลือสังคมและคนรอบข้าง เราก็จะเป็นผู้สูง

    อายุที่ดูดี ไม่น่าสงสาร ความชราไม่ใช่สิ่งที่ต้อง

    ทุกข์ เราควรเตรียมพร้อมรอรับการพักจากงานเมื่อ

    ชรา ไม่ประมาท การเตรียมการไว้ก่อนจะทำให้เรา

    ไม่น่าสงสาร และเราจะต้องเร่งทำความดี สร้างชื่อ

    เสียงที่ดี ไม่ทำร้ายใคร เราก็จะเป็นผู้สูงอายุที่คน

    ยกย่อง

    ไม่มีใครเรียกว่า ไอ้เฒ่า หรือ อีแก่ เพราะพฤติกรรม

    ไม่เหมาะสม ไม่ทำประโยชน์ให้กับสังคม

    ;aa57pig_ballet:z11;aa7;38
     
  4. patcha2001

    patcha2001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +174
    colour__oishi_


    ความชรา เป็นความจริงที่ทุกคนต้องเจอะเจอแต่ทุกคน

    ก็รู้สึกเจ็บปวด และไม่อยากเจอ

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ดารา สาวสาว สวยสวย

    ใช้เรือนร่าง สร้างรายได้

    ความสาว ความสวย อยู่ชั่วประเดี่ยวประด๋าว

    ความรู้ ความสามารถ ความคิดความอ่าน

    และความดีงาม อันนี้คงทน

    ทุกคนเมื่อเกิดก็ต้องดับ

    แต่สิ่งที่คงอยู่คือผลของการกระทำ

    เมื่อมีชีวิตอยู่

    คนดีฝากชื่อระบือไกล

    เมื่อสิ้นชีพทุกคนเสียดาย น่าจะอยู่ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน

    คนชั่วฝากไว้ซึ่งคำสาปแช่ง

    เมื่อตายไปทุกคนดีใจ ตายเสียได้ก็ดี แผ่นดินจะได้สูงขึ้น


    ;aa30sleeping_rbjaah
     

แชร์หน้านี้

Loading...