ชักสงสัย "ร่องรอยน้ำไหล" บนดาวแดง อาจเป็นแค่ทางของกรวดทราย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คนไม่พิเศษ, 9 มีนาคม 2008.

  1. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชักสงสัย "ร่องรอยน้ำไหล" บนดาวแดง อาจเป็นแค่ทางของกรวดทราย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 มีนาคม 2551 11:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000026407
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพถ่ายแสดงภูมิประเทศส่วนหนึ่งทางตอนใต้ดาวอังจากกล้องไฮไรส์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าอาจเป็นร่องรอยของธารน้ำในอดีต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ด้านซ้ายแสดงภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารบริเวณเซนทูรี มองเตส จากกล้องไฮไรส์ ภาพกลางแสดงการไหลของน้ำ และภาพขวาแสดงการไหลของเม็ดดินทรายหรือก้อนกรวดแห้ง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเยนซี/ไซน์เดลี - นาซาเผยภาพร่องรอยคล้ายน้ำไหลบนดาวอังคารทีไรเป็นได้ฮือฮาทุกครั้ง แต่นักธรณีวิทยาก็อดสงไม่ได้ว่าร่องรอยที่เห็นจะเป็นทางเดินของน้ำอย่างที่คิดหรือไม่ เลยหาทางพิสูจน์ด้วยการสร้างแบบจำลองแสดงการไหลของเม็ดดินทรายเปรียบเทียบ ปรากฏว่าร่องรอยที่ตื่นเต้นช่างคล้ายกับเม็ดดินทรายที่ไหลทะลักจากที่สูงลงที่ต่ำมากกว่าจะเป็นธารน้ำอย่างที่เชื่อกัน

    ทีมนักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (University of Arizona) สหรัฐอเมริกา เผยถึงผลการศึกษาจำลองการก่อเกิดร่องรอยบนพื้นผิวดาวอังคารอันเนื่องมาจากของเหลวและของแข็งในคอมพิวเตอร์เทียบกับภาพถ่ายขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ที่ระบุว่าเป็นร่องรอยของสายน้ำที่เคยไหลอยู่บนดาวอังคารในอดีตว่า ร่องรอยดังกล่าวไม่น่าจะเกิดจากทางน้ำไหลอย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นการไหลของสิ่งที่เต็มไปด้วยเม็ดหินดินทรายมากกว่า

    เมื่อเดือน ธ.ค. 2549 นาซาได้สร้างความฮือฮาในวงการสำรวจอวกาศอีกครั้งจากการเปิดเผยภาพถ่ายภูมิประเทศบนดาวอังคารบริเวณเซนทูรี มองเตส (Centauri Montes) ที่ดูคล้ายกับว่าเคยมีน้ำไหลผ่านมาบริเวณนั้นมาก่อนเมื่อหลายสิบปีก่อน และเป็นหลักฐานที่ชี้ได้ว่าเคยมีน้ำอยู่บนดาวอังคารเมื่อในอดีต

    ผลการศึกษาดังกล่าวได้ตีพิมพ์ลงในวารสารไซน์ (Science) โดยไมเคิล มาลิน (Michael Malin) ซึ่งภาพที่เห็นได้จากกล้องมอก (Mars Orbital Camera: MOC) ของยานมาร์ส โกลบอล เซอร์เวเยอร์ (Mars Global Surveyor) เมื่อปี 2542 และได้รับการยืนยันอีกครั้งจากภาพถ่ายในปี 2549 ที่ได้จากกล้องไฮไรส์ (High Resolution Imaging Science Experiment: HiRISE) ของยานมารส์ รีคอนเนซซอง ออร์บิเตอร์ (Mars Reconnaissance Orbiter) ที่ให้รายละเอียดของภาพถ่ายบนดาวอังคารมากกว่าการสำรวจครั้งก่อนๆ

    จากความรู้พื้นฐานทางด้านฟิสิกส์ที่ว่าการไหลของของเหลวและของแข็งต่างกัน ทีมนักวิจัยที่นำโดยจอน ดี เพลเลเทียร์ (Jon D. Pellet) จึงทดลองสร้างภาพ 3 มิติ ในคอมพิวเตอร์ด้วยแบบจำลองภูมิประเทศเชิงเลข (digital elevation model: DEM) จำลองภูมิประเทศบนดาวอังคารและทดสอบการไหลของน้ำ (liquid water) เปรียบเทียบกับการไหลของเม็ดดินทราย (dry granular) ภายใต้สภาวะบนดาวอังคาร

    "แบบจำลองการไหลของวัสดุแห้งที่อาจเป็นเม็ดทรายหรือก้อนกรวดคล้ายกับที่ปรากฏในภาพถ่ายจากไฮไรส์มากกว่าจะเป็นน้ำ ทำเอาผมประหลาดใจมาก เพราะทีแรกพวกเราตั้งใจจะพิสูจน์ให้ได้ว่ามันคือร่องรอยน้ำไหลจริงๆ" เพลเลเทียร์ เผยผลการทดสอบ

    "พวกเราหวังว่าผลการทดสอบจะไม่ชี้ออกมาว่าเป็นการไหลของก้อนกรวดแห้งๆ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เราคาดไว้" คำกล่าวของอัลเฟรด เอส แมคอีเวน (Alfred S. McEwen) ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการวิจัยภาพถ่ายดาวเคราะห์ (Planetary Image Research Laboratory) ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา และหนึ่งในผู้สำรวจหลักของไฮไรส์

    จากผลการทดสอบ ทีมวิจัยได้ข้อสรุปว่า ร่องรอยในภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารดังกล่าวมิได้เกิดจากน้ำไหล แต่น่าจะเกิดจากการไหลทะลักของเม็ดดินทรายแห้งๆ มากกว่า หรืออาจเกิดจากการไหลของดินโคลนที่มีตะกอนเป็นองค์ประกอบอยู่ 50-60% หรือของเหนียวข้นหนืดคล้ายกากน้ำตาล เช่น ลาวา ก็เป็นได้

    สำหรับผลการศึกษานี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารจีโอโลจี (Geology) ฉบับเดือน มี.ค. 2551 ในชื่อหัวข้อว่า "Recent bright gully deposits on Mars: wet or dry flow?"


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...