ติดตามสถานะการณ์

#Science
// ดินแดนต้องคำสาป ทะเลสาบแห่งสายฟ้า ทะเลสาบมาราไคโบ ( Lake Maracaibo) ..//

ที่ห่างไกล เขตปากแม่น้ำคาตาตัมโบ (‪Catatumbo) ‬รอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) ประเทศเวเนซูเอลา เป็นทะเลสาบที่เกิดฟ้าแลบหรือฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก
มักจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าแลบในสถานที่และเวลาเดิมเป๊ะๆ
ราว 265 วันต่อปี มันถูกเรียกว่า "ไฟสัญญาณแห่งทะเลสาบมาราไคโบ"
มันช่วยนำทางชาวเรือ มาหลายศตวรรษ

ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ( Venezuela’s Catatumbo Lightning phenomenon )

"ถ้ามีเมฆกับ ดวงอาทิตย์ หรือ ดวงอาทิตย์2ดวง ที่จะทำให้มันอุณหภูมิสูงขึ้น ก็จะทำให้เกิดสายฟ้า" จากซีรี่ lost in space

ก่อนหน้านี้ก็มีการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็นจุดที่มีอันตรายเกี่ยวกับไฟฟ้ามากที่สุดในโลก
ราเชล อัลเบรทแห่งมหาวิทยาลัยเซาเปาโล สามารถชี้ตำแหน่งที่แม่นยำซึ่งดึงดูดสายฟ้าฟาดปริมาณมหาศาลในทะเลสาบ โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมที่บันทึกโดยอุปกรณ์บันทึกภาพซึ่งไวต่อแสง (Light Imaging Sensor หรือ LIS) จากดาวเทียม “อัลเบรชท์” ของนาซ่า สามารถที่จะกำหนดตำแหน่งของฟ้าผ่าที่มีความแม่นยำมากขึ้นกว่าที่เคย ดาวเทียมนี้โคจรรอบโลกที่ความสูง 402 กิโลเมตร (250 ไมล์) อุปกรณ์บันทึกภาพของดาวเทียมที่มีความสามารถในการบันทึกภาพความละเอียดสูงที่มีความถูกต้องภายใน 0.1 องศาละติจูด

การวิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกไว้โดยอุปกรณ์บันทึกภาพซึ่งไวต่อแสงระหว่างปี 1998 และ 2013 ที่ดาวเทียมอัลเบรทและทีมงานประจำดาวเทียมก็สามารถระบุได้ว่าจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบมาราไคโบไปยังแม่น้ำคาตาตัมโบเป็นจุดที่ฟ้าผ่าได้ง่ายมากที่สุดในโลก

เหตุผลที่เกิดสภาพภูมิอากาศแปรปรวนนี้สามารถอธิบายว่า เนื่องจากภูมิประเทศของเนซูเอลาพื้นที่โดยรอบบริเวณนั้น การตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีส และยังอยู่ใกล้กับทะเลแคริบเบียน ทำให้ทะเลสาบนี้ได้รับอิทธิพลทั้งจากสายลมอบอุ่นจากทะเลและอากาศเย็นจากภูเขา ซึ่งเมื่อสองสิ่งนี้มาปะทะกัน ก็จะทำให้อากาศแปรปรวนจนเกิดพายุเป็นผลให้ทะเลสาบมีแนวโน้มที่จะได้สัมผัสกับฟ้าผ่าอันน่าสะพรึงจำนวนหลายครั้ง และการเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone)ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone
in the world.)

ขยายปฏิกิริยา..
น้ำในทะเลสาบไหลผ่านตมในที่ลุ่มจำนวนมาก ซึ่งพวกตมโคลนเหล่านั้นประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ที่กำลังสลายตัว ก่อให้เกิดกาซมีเทนลอยตัวขึ้นที่สูง เมื่อก๊าซมีเทนเจอการเสียดสีจากลมร้อนที่ถูกพัดมาจากทะเลแคริบเบียน และลมที่พัดมาจากฝั่งเทือกเขาแอนดีส จึงเกิดความร้อน และเกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าในอากาศจำนวนมหาศาล ส่งผลให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อสะสมไว้มากจนเกินไปก็ต้องมีการปลดปล่อย และเมื่ออากาศไปปล่อยประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆกับพื้นโลก มันก็ส่งผลให้เกิดฟ้าผ่าขึ้น

ว่ากันว่า.. ทะเลสาบแห่งนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าวันละกว่า 10 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 280 ครั้ง หนึ่งชั่วโมงมี 60 นาที นาทีละ 4 ครั้ง หรือทุก 15 วินาทีโดยเฉลี่ย
ฟ้าผ่าเฉลี่ย 28 ครั้ง/นาที

แต่จำนวนครั้งของฟ้าผ่า อาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ตัวอย่างเช่น มันหยุดกิจกรรมนี้ไประหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2010 เนื่องจากเผชิญปัญหาความแห้งแล้ง

‪CR: ‬
https://travel.mthai.com/world-travel/84040.html

http://11onlines.blogspot.com/2017/03/lake-maracaibo.html

https://www.blockdit.com/posts/5c84ea684822e11f39ad22f4

#Watchers

 

UPDATE : 18.00 น.วันที่ 10 เมษายน 2563
สถานการณ์ไวรัส COVID-19 จังหวัดภาคใต้ วันนี้ (9 เม.ย.63) ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด

จ.ภูเก็ต ยังคงใช้วิธีการตรวจหาเชื้อเชิงรุก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 คน ยอดสะสม 170 คน รอผลตรวจ 42 คนรักษาตัวอยู่ รพ. 119 คน
จ.ยะลา พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6 คน ยอดสะสม 77 คน เสียชีวิต 2 คน รักษาหายกลับบ้าน 26 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 49 คน
จ.ปัตตานี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ติดเชื้อสะสม 67 คน เสียชีวิต 1 คน รักษาหายกลับบ้าน 26 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 40 คน
จ.สงขลา กลุ่มดาวะห์ ที่กักตัวในพื้นที่ติดเชื้อเพิ่ม 8 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมรวม 56 คน รักษาหายกลับบ้าน 21 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 35 คน
จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ยอดติดเชื้อสะสม 26 คน เสียชีวิต 1 คน รักษาหายกลับบ้าน 8 คน รักษาตัว รพ.17 คน
จ.พัทลุง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในพื้นที่ อ.กงหราอีก 1 คน ยอดติดเชื้อสะสม 14 คน รักษาหายกลับบ้าน 6 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 8 คน
จ.สุราษฎร์ธานี พบผู้ติดเชื้อที่เกาะสมุยอีก 1 คน ยอดติดเชื้อสะสม 18 คน รอผลตรวจ 3 คน รักษาหายกลับบ้าน 10 คน รักษาตัว รพ. 8 คน
จ.นครศรีธรรมราช พบติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ติดเชื้อสะสม 7 คน
จ.ชุมพร พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 คน ติดเชื้อสะสม 3 คน รอผลตรวจ 24 คน
ส่วนจังหวัดอื่นๆ ณ เวลา 18.00 น. (10 เม.ย.63) ยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม

#ThaiPBSศูนย์ข่าวภาคใต้ รวบรวมจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ใน 13 จังหวัดทั่วภาคใต้ ณ วันที่ 10 เมษายน 2563 มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยอดสะสม 477 คน เสียชีวิต 4 คน ประกอบด้วย

จ.ภูเก็ต ติดเชื้อสะสม 170 คน รอผลตรวจ 42 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 119 คน
จ.ยะลา ติดเชื้อสะสม 77 คน เสียชีวิต 2 คน รักษาหายกลับบ้าน 26 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 49 คน
จ.ปัตตานี ติดเชื้อสะสม 67 คน เสียชีวิต 1 คน รักษาหายกลับบ้าน 26 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 40 คน
จ.สงขลา ติดเชื้อสะสม 56 คน รักษาหายกลับบ้าน 21 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 35 คน
จ.นราธิวาส ติดเชื้อสะสม 26 คน เสียชีวิต 1 คน รักษาหายกลับบ้าน 8 คน รักษาตัว รพ.17 คน
จ.สุราษฎร์ธานี ติดเชื้อสะสม 18 คน รอผลตรวจ 3 คน รักษาหายกลับบ้าน 10 คนรักษาตัว รพ. 8 คน
จ.กระบี่ ติดเชื้อสะสม 16 คน รอผลการตรวจ 21 คน รักษาหายกลับบ้าน 7 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 9 คน
จ.พัทลุง ติดเชื้อสะสม 14 คน รักษาหายกลับบ้าน 6 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 8 คน
จ.นครศรีธรรมราช ติดเชื้อสะสม 7 คน
จ.ตรัง ติดเชื้อสะสม 7 คน รอผลตรวจยืนยันอีก 7 คน
จ.ชุมพร ติดเชื้อสะสม 3 คน รอผลตรวจ 24 คน
จ.พังงา ติดเชื้อสะสม 1 คน

UPDATE : 18.00 น. วันที่ 10 เมษายน 2563

Cr. thai pbs ศูนย์ข่าวภาคใต้

 

#สนามบินอุบลฯไม่ปิด #ญาติไม่ต้องมารับ #เดินทางลงสนามบินอุบลฯกักตัวทันที

มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19)

ลงสนามบินปุ๊บ มีมาตรการวัดอุณหภูมิ ผู้โดยสารทุกคน

ผู้โดยสารบันทึกข้อมูลเดินทางกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี

บันทึกข้อมูลแล้ว ศูนย์ดำรงธรรมจะส่งผู้โดยสารที่จะมาพำนักที่อุบลฯ โดยรถตู้ที่เตรียมไว้ ไปยังสถานที่กักตัว ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี วิทยาเขตบ้านยางน้อย ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเวลา 14 วัน

ผู้โดยสารจังหวัดใกล้เคียง จะมีรถตู้ไปส่งให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนั้นๆ หรือประสานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนั้นๆ ประสานรับข้อมูลต่อเพื่อนำผู้เดินทางเข้าสู่กระบวนการกักตัวของจังหวัดตนเองต่อไป

ขณะนี้มีผู้โดยสารจากหลายจังหวัดที่ใช้บริการสนามบินอุบลฯ และจังหวัดนั้นๆได้ปิดจังหวัดไปแล้ว อาจจะส่งผลถึงการเดินทางต่อของผู้โดยสาร เช่น ร้อยเอ็ด มุกดาหาร หากไม่จำเป็น แนะนำให้งดการเดินทางในช่วงนี้

 

#อัพเดทผู้ติดเชื้อ ญี่ปุ่นติดเชื้อทะลุ 6,000 คนเรียบร้อยแล้วโดยเพิ่มจากเมื่อวานอีก 523 คน

(วันนี้ 10 เม.ย 2020) ตัวเลขผู้ติดเชื้อดูเหมือนจะลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อวานแต่ก็ยังเป็นจำนวนที่เยอะอยู่ดีในวันนี้ โดยผู้ติดเชื้อในโตเกียวจังหวัดเดียวทะลุถึง 189 คน ถือว่าทำลายสถิติสูงที่สุดทั้งหมด

และมีร้านอาหารรวมถึงกิจการต่างๆเริ่มปิดกิจการแล้วเนื่องจากขาดทุนอย่างหนักในวิกฤตครั้งนี้

กดติดตามเพจเรา "คนไทยในญี่ปุ่น" เพื่อรับข่าวสารระหว่างไทยและญี่ปุ่น

อ้างอิง : News Digest

 

ข้อกำหนดเพิ่มตาม #พรกฉุกเฉินฯ ฉ.3 มีผลวันนี้(10เม.ย)

ให้ยกเว้นบางอาชีพช่วง #เคอร์ฟิว

⛔️ จนท.-ผช.จนท.
⛔️ ผู้ป่วย
⛔️ ขนส่งสินค้า
⛔️ ขนย้ายปชช.ไปสถานที่กักกัน
⛔️ งานบริการปชช. เก็บขยะ ช่วยอุบัติเหตุ
⛔️ เข้าเวร รปภ.,ประมง,กรีดยาง,รักษาสัตว์

#COVID19 #โควิด19
#COVIDー19
#Thailand

Cr : Chu_OnlineNew

 

#บทความ คนส่วนมากอาจจะคิดว่า "มัทฉะ" กับ "ชาเขียว" นั้นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่อย่างนั้น

ชาเขียว กับ มัทฉะมีความแตกต่างกัน จริงๆ แล้วชาเขียว 2 ชนิดนี้มีที่ มาจากประเทศญี่ปุน เหมือนกัน ชาเขียวก็คือ (green tea) ไม่ว่าจะเปนรูปแบบใบชา มาเปนซองหรือผง เราก็เรียกว่า ชาเขียวทั้งหมด เพียงแต่ว่าชาเขียวทีผลิตออกมาต่างรูปแบบ มีชือเรียกทีแตกต่างกัน
.

สําหรับชาเขียวทีคนทั่วไปเรียกว่ากรีนทีนั้นแท้จริงแล้วชื่อเรียกดังเดิมของมันคือ "เซนฉะ" นั้นเป็นชาเขียวทีมีลักษณะเป็นใบๆ เวลากิน ชงกับนํ้าร้อนกินแต่นํ้าชาแต่ส่วนใบชานั้นกรองออก
.

ส่วนชาเขียวทีเราเรียกว่า มัทฉะ มีลักษณะเปนผงชาเขียวที่นําใบชามาบดจนละเอียด และผงชาไปผสมกับนํ้าร้อน คนให้เข้ากันแล้วดื่มได้ทั้งหมด ไม่ต้องกรองส่วนใดออกเลย โดยจะมีรสชาติที่เข้มข้นมาก เอาง่ายๆคือกินทั้งใบนั่นเอง

กดติดตามเพจเรา "คนไทยในญี่ปุ่น" เพื่อรับข่าวสารบทความระหว่างไทยและญี่ปุ่น

 

อินโดนีเซียมีผู้ติดไวรัสโคโรนา 3,512 ราย เสียชีวิต 306 ราย ข้อมูล วันที่ 10 เมษายน 2563 เวลา20.26 น.

https://www.posttoday.com/world/614645

 

ลูกเรือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS ธีโอดอร์โรสเวลต์ที่มีผลการติดเชื้อไวรัสโคโรนานายหนึ่งพบหมดสติ และถูกนำตัวส่งเข้าห้องไอซียูโรงพยาบาลกองทัพเรือสหรัฐฯบนเกาะกวมในวันพฤหัสบดี(9เม.ย) พบในวันพุธ(8)มีลูกเรือได้รับการตรวจโรคโควิด-19ไปแล้ว 97% มีลูกเรือติดเชื้อทั้งหมด 416 นาย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000037113
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

#กว่าจะรู้ว่าติดโควิด

น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ! สาวฉะเชิงเทราเล่ากว่าจะรู้ว่าติดโควิด-19 ผ่านไป 21 วัน นับจากสามีติดเชื้อ ทั้งทีก่อนหน้าซ้ำหลายรอบแต่ก็ไม่พบ เผยแทบไม่มีอาการผิดปกติ

อย่าลืมกดติดดาว ⭐️ เพจด้วยนะ
จะได้ไม่พลาดโพสต์ของเรา
.................................................
ติดตามข่าวอื่นๆ ได้ใน www.ejan.co

อีจันอินบ็อกซ์ เรื่องสุข ทุกข์ ร้องเรียน คลิกที่ลิงค์นี้ http://nav.cx/h9ppIoQ

อีจันตลาดเเตก ซื้อ-ขายสินค้ากับเรา
คลิกที่ลิงค์นี้ http://nav.cx/dKVukwO

 

ทำไมไต้หวันคุมโคโรนาในประเทศได้อยู่หมัด?? อยากรู้ไหม “หลบหนีกักตัว” ค่าปรับคิดแบบไหน❓❓เค้าคิดเหมือนค่าจอดรถเลยนะจะบอกให้

เรื่องตื่นตัวก่อนใครในโลกยกให้ไต้หวัน เพราะตั้งแต่เรื่องมีข่าวว่ามีโรคแปลกๆและคนจีนเริ่มเสียชีวิต ไต้หวันใส่หน้ากาก และกันคนจีนก่อนเลยจ้ะ และนอกจากนั้นยังมีมาตรการสุดโหดออกกฎทุกวันคุมคนไร้ระเบียบในประเทศ

วันนี้มานำเสนอโทษปรับสุดโหดของไต้หวัน‼️
ที่ออกมาบังคับเพื่อป้องกันแพร่กระจายโรค แอดรวมมาให้แล้ว

⚠️โทษสำหรับหลบหนีกักตัว 14 วัน

ตั้งแต่19มีนาคม20 ที่กรมควบคุมโรคประกาศว่าทุกคนที่เดินทางเข้าไต้หวัน(รวมคนไต้หวันด้วย) จะต้องกักตัวเอง14วัน
ไต้หวันรู้นิสัยคนดีจ้า สั่งให้ร่วมมือย่อมมีคนไม่ทำตาม ไม่รอให้หนีก่อน คาดโทษก่อนเลยดังนี้

คาดโทษปรับจากหมื่นเปลี่ยนเป็น 100,000-1,000,000ntd
และมีโทษหนักติดคุก‼️

(1) หลบหนี 0-2ชั่วโมง ปรับ100,000
(2) 2-6 ชั่วโมง ปรับ200,000
(3) 6-24ชั่วโมง ปรับ300,000
(4) 24-72ชั่วโมง ปรับ 600,000
(5) 72ชั่วโมงขึ้นไป 1,000,000
(6) หลบหนี 1 ครั้ง ถูกจับส่งสถานกักกันทันที (ไม่ต้องกักเองที่บ้านละ)
** อันนี้แค่ประเมิณคร่าวๆ มีเปลี่ยนเพิ่มโทษตลอดเวลา อันนี้แอดเอามาจากข่าวให้พอเห็นการคำนวน

แต่การคำนวนนี้ยังขึ้นกับ
(1) จงใจให้ข้อมูลเท็จแต่แรกไหม เช่น ชื่อ เบอร์ติดต่อ
(2) ช่วงที่หลบหนี มีการเสี่ยงต่อชุมชนระดับไหน (เช่นหนีไปบ้านแม่แค่นั้น หรือหนีไปเที่ยวในย่ายคนเยอะๆ โทษต่างกัน)

อ่านสาวไทยหลบหนีเจอปรับล้าน‼️


อ่าน”แค่หนีไปซื้อโยเกิร์ต 5นาทีปรับแสน


และปัจจุบันเปลี่ยนอีกเป็นขั้นต่ำ 200,000-1,000,000 แล้ว

มาถึงเรื่องหน้ากากอนามัยที่รัฐออกกฎว่าให้สวมใส่ในที่ชุมชนโดยเฉพาะเวลาเข้าใช้บริการขนส่งสาธารณะเช่น รถแท๊กซี่ รถประจำทาง สถานีรถไฟ รถไฟฟ้า โรงพยาบาล เป็นต้น หากฝ่าฝืน
ปรับ 3,000-15,000
(มีคนประเดิมแล้ว 15,000 สาวไต้หวันไม่ยอมใส่หน้ากากเข้าสถานีรถไฟฟ้า แถมเต้าหน้าที่เตือนนางกลับวิ่งหนี วิ่งขึ้นรถไฟฟ้าที่มาพอดี ตำรวจสกัดจับเลย ปรับทันที15,000)

กฎใหม่เพิ่มสำหรับคนหัวหมอ‼️

โดนกักตัวไม่ออกจากบ้าน แต่ดันนัดเพื่อนๆมาปาร์ตี้ที่บ้าน เข้า-ออกสนุกสนาน

ต่อไปนี้ใครอยู่ในช่วงกักตัว ไม่กักดี ยังนัดชุมนุมปาร์ตี้ พบปะสังสรรค์ เข้าๆ-ออกๆ
เจอปรับ 200,000-300,000 จ้า
อ่านเพิ่ม

และล่าสุดออกกฎใหม่มาอีก‼️
หลบหนีกักตัว14วัน แถมแอบใช้รถไฟฟ้า หรือไปในที่ผู้คนแออัดก็ให้เกิดความเสี่ยงต่อส่วนรวมสูง เจอโทษปรับ 2,000,000 หรือติดคุกสูงสุด 2ปีนะจ้ะ

#หนีห่าวไต้หวันฉันมาแล้ว #โคโรนา #มาตรการป้องกันโคโรนา #ไต้หวัน #ควบคุมโรค

Ref: https://www.msn.com/zh-tw/news/national/【全民防疫】居家隔離還搭捷運趴趴走-將吃刑責最高關2年或罰200萬/ar-BB10bNY6
https://health.gov.taipei/News_Cont...CA260&sms=72544237BBE4C5F6&s=32C4438C6D16E20B

 

ตะลึง พบเชื้อโควิด กลายพันธุ์เป็น 3 สายพันธุ์แล้ว หวังเอาชนะภูมิคุ้มกันมนุษย์

เว็บไซต์เดอะซัน สื่อในอังกฤษรายงาน นักวิจัยในอังกฤษ ที่พยายามศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 นับตั้งแต่เริ่มมีการพบผู้ติดเชื้อและระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อปลายเดือนธันวาคม 62 พบว่า ขณะนี้ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้มีการกลายพันธ์ุ เป็น 3 สายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกันแล้ว ซึ่งถือเป็นการกลายพันธุ์ที่เร็วมาก ขณะเชื้อโควิดกำลังระบาดใหญ่ทั่วโลก

การกลายพันธุ์ของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ได้มีการกลายพันธุ์ เป็นชนิด A และ ชนิด B ซึ่งถือเป็นพี่น้องกัน และขณะนี้เชื้อได้มีการกลายพันธุ์มาสู่รุ่นลูก คือ ชนิด C โดยเชื้อโควิด-19 ชนิด A มีลักษณะสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับเชื้อไวรัสโคโรนา ที่พบในค้างคาวและตัวนิ่มอย่างมาก จนมีการพิจารณากันว่า สัตว์ทั้งสองชนิดคือต้นตอของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่


เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19
จากการวิเคราะห์จีโนม ของเชื้อไวรัสครั้งแรก 160 ชนิดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งนำมาจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ นักวิทยาศาสตร์พบว่า เชื้อโควิดที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับค้างคาวพบในผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ไม่ใช่ในเมืองอู่ฮั่น

นายแพทย์ปีเตอร์ ฟอสเตอร์ นักพันธุกรรมศาสตร์และหัวหน้าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในอังกฤษ กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนยากต่อการติดตามแผนภูมิครอบครัวของเชื้อ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่า เชื้อไวรัสโคโรนา ที่เรียกว่า Sars-CoV- 2 มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังเอาชนะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของมนุษย์ในพื้นที่ที่ประชากรแตกต่างกัน โดยจากการใช้ข้อมูลตัวอย่างที่นำมาจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั่วโลกในครั้งนี้ มีการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2562 จนถึง 4 มีนาคม 2563

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1817541

 

10/04/63_19.30 น. ช่วงค่ำที่ผ่านมา
หลังพายุฤดูร้อน พัดผ่านไป ที่
อำเภออินทร์บุรี สิงห์บุรี ได้รับผลกระทบ
หลายพื้นที่ ซึ่งมีทั้ง ซุ้มพัง กิ่งไม้หัก ขวางถนน
เต็นท์จุดตรวจ คัดกรอง ไวรัสโควิด ล้ม
ปลิวกระจาย และน้ำขังที่อุโมงค์ทาง เข้าทองเอน
ขอบคุณภาพ จากเพือนสมาชิก

 

เตือนแล้วนะ
.
หน่วยงานข่าวกรองทางทหารของสหรัฐฯได้รายงานให้ทำเนียบขาวทราบหลายครั้งเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงในเมืองอู่ฮั่นของประเทศจีนตั้งแต่เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเตือนว่าอาจจะทำให้ทหารอเมริกันที่ประจำอยู่ในเอเชียเจ็บป่วยแล้วนำเชื้อเข้าไปแพร่ในอเมริกาได้

แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ตระหนักถึงภัยร้ายดังกล่าว จนทำให้ตอนนี้อเมริกามีผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 เกิน 430,000 รายและเสียชีวิตไปแล้วกว่า 14,000 คน

 

#โควิด หายแน่! ถ้าลดติดเชื้อ 5%ต่อวัน
-ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ มธ. คาดผู้ติดเชื้อ #โควิด19 #COVID19 รายใหม่มีแนวโน้มเป็น "ศูนย์" สิ้นเดือน มิ.ย.นี้
-หากลดการติดเชื้อ 5% ของยอดผู้ติดเชื้อวันก่อนหน้า
-ย้ำการคาดการณ์เป็นจริงหากทุกคน #หยุดเชื้อเพื่อชาติ

 

แบ่งปันจาก Sayan Rugiramora

Global Research
Coronavirus Pandemic Will Inevitably Cause Food Crisis
วิกฤตอาหารของโลกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

By Lucas Leiroz de Almeida... April 5, 2020

วิกฤตโคโรน่าไวรัสคงจะไม่หยุดง่ายในเร็ววันนี้ วันแล้ววันเล่า ข่าวร้ายมีแต่เพิ่มขึ้นสร้างความหวาดกลัว ...ตัวเลขที่เห็นน่ะ ไม่ได้แสดงเลยว่าจะถึงเวลาสงบศึกแล้ว เราคงยังไม่ได้เห็นความสงบในเร็ววันนี้หรอก ....วิกฤตครั้งนี้มันจะส่งผลกระทบทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษาตลอดถึงทุกอย่างในโลกศิวิไลส์ ต่างก็พังทลายหมด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่สำคัญจากโรคระบาดนี้....ไปอยู่ที่ปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ : อาหาร

แน่นอนเลยว่า การผลิตอาหารของโลกจะต้องเกิดวิกฤต

มีการคาดการณ์ในเรื่องนี้แล้วจากนักวิเคราะห์เกือบทุกแห่งทั่วโลก ....ความเสี่ยงของการขาดแคลนอาหารในตลาดโลกจากวิกฤตไวรัส Covid-19 มันค่อนข้างชัด ...ผู้นำทั้งสองของ UN และ WTO ต่างก็ออกมาเตือนว่า การค้าของโลกและ supply chains จะเกิดการ disruptions แน่นอน ...การขาดแคลนจะมีสาเหตุมาจากการลดการส่งออกซึ่งจะเกิดต่อเนื่อง จนทำให้วงจรการหมุนเวียนของ food supply ของโลกลดลงอย่างรุนแรง

ในคำแถลงของ ผู้อำนวยการ FAO ของสหประชาติ นาย ฉูตงหยู ..นาย Tedros Adhanom Ghebreyesus เลขาธิการฯ WHO ..และนาย Roberto Azevêdo เลขาธิการฯ WTO ....มีการเตือนถึงวิกฤตที่กำลังจะมาและพูดถึงความสำคัญของการค้าโลก โดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนอาหาร

นอกจากนี้ ทั้งสามองค์กรได้เตือนถึงเรื่องการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการเกษตรของฟาร์มตะวันตก รวมถึงปัญหาการล่าช้าของชายแดนระหว่างประเทศที่ทำให้ผลผลิตเกิดการเน่าเสียระหว่างขนส่ง

คำเตือนจากทั้งสามองค์กร ยืนยันถึงความสำคัญของการปกป้องแรงงานการเกษตรเพื่อรักษา supply chains อาหาร

"ทุกประเทศต้องมั่นใจว่ามาตรการทางการค้าจะไม่ทำความเสียหายต่อ food supply network ...ในยามนี้ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญมาก ...เราต้องมั่นใจว่า ผลจากโรคระบาด Covid-19 จะไม่สร้างการขาดแคลนอาหารอย่างไม่เป็นธรรม จนก่อให้เกิดความอดอยากรุนแรง และทุพภิกขภัยต่อโลก"

ในทางหนึ่ง..คำเตือนนี้มีความสำคัญในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ...แต่ในอีกทางหนึ่ง..มันเหมือนกับจะไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกเลย เมื่อเกิดโรคระบาดและการขาดแคลน ...แต่ละประเทศอาจต้องเพิ่มข้อจำกัดในการปกป้องประเทศตนเพื่อความมั่นคงของประชาชนของตนเอง แทนที่จะแชร์ทรัพยากรของตนเพื่อประโยชน์ของชาวโลก .....พูดอีกอย่างหนึ่ง โคโรน่าไวรัสเข้าไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลกาภิวัฒน์ ทำให้แต่ละประเทศแสดงจุดอ่อนของตน ที่มีต่อองค์กรระหว่างประเทศ และต่อความร่วมมือกันในระบบของโลก

องค์กรระหว่างประเทศเริ่มมีปฏิกิริยา ต่อการฟื้นตัวของประเทศต่าง ๆ โดยใช้แนวทางของโกลบอลิสต์ ...มีการวิงวอนในเรื่องของผลผลิต..ในบริบทของช่วงที่มีการระบาดของโรค

Maximo Torero ...Chief Economist ของ FAO ให้ข่าวกับ The Guardian:

"สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ รัฐบาลมีการห้ามการส่งออกอาหาร ..มีมาตรการต่อต้านการค้าเสรีที่จะไม่เป็นผลดีเลย เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาออกข้อจำกัดหรือการกีดกัน เวลานี้ควรจะต้องช่วยปกป้องให้มีการกระจายอาหารไปทั่วโลก ...การกีดกันมีแต่จะสร้างความผันผวนแบบสุด ๆ ที่มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ...นี่คือสิ่งที่เราสังเกตุเห็นในวิกฤตอาหาร"

ในทางปฏิบัติ เราหวังจะให้ทุกประเทศรักษาแนวทางการค้าอย่างที่เราต้องการได้ยังไง..ในขณะที่ประชาชนในประเทศเขาเสียชีวิตจากการระบาดครั้งนี้ บางทีการค้าเสรีเป็นเพียงแค่ความหวังของพวก Utopia ...โลกาภิวัฒน์อาจมีจุดอ่อนที่เมื่อมีวิกฤต ผลของมันก็สร้างความเลวร้ายอยู่ดี ....การค้ายังคงดำเนินต่อไป การระบาดก็ยังคงทำลายชีวิตคนมากขึ้นต่อไป การค้าอาจมีมาตรการกีดกัน แต่หลาย ๆ คนก็เสียชีวิตจากความอดอยาก

บทเรียนยิ่งใหญ่ที่เรียนรู้ได้จากวิกฤตครั้งนี้คือ โลกาภิวัฒน์ที่อิงอยู่กับการเงินแบบทุนนิยมและพวกลิเบอรัลใหม่เป็นสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรง ...แนวคิดพื้นฐานการอยู่ร่วมกันถูกทำลาย เมื่อเกิดโรคระบาด

องค์กรโลกหลายแห่งเริ่มมีมาตรการที่แข็งกร้าวขึ้น และเตือนถึงความจำเป็นต้องปกป้องการค้าของโลก ในขณะที่แต่ละประเทศก็มีนโยบายความมั่นคงของตน ลดความสำคัญของการค้าและการลงทุนไปก่อน

เราจะได้เห็นการเกิดใหม่ของโลกาภิวัฒน์อีกไหมนี่ ...สิ่งที่แน่นอนคือ โลกหลังโรคระบาด จะแตกต่างจากโลกก่อนหน้านี้ที่เรารู้จักกัน..อย่างหน้ามือกับหลังมือ

บางที สิ่งดีที่สุดที่เราจะหวังจากโลกนี้ได้คือ การเข้าถึงอาหารของชาวโลกจะมีความเสมอภาคในระหว่างทุกประเทศทั่วโลก

***รัฐบาลไทยมองข้ามช้อตไวรัส..ภัยแล้ง..ไปหรือยัง***

Note to readers: please click the share buttons above or below. Forward this article to your email lists. Crosspost on your blog site, internet forums. etc.

This article was originally published on InfoBrics.

Lucas Leiroz is a research fellow in international law at the Federal University of Rio de Janeiro.

*************************

Coronavirus Pandemic Will Inevitably Cause Food Crisis - Global Research

By Lucas Leiroz de Almeida April 5, 2020

The coronavirus crisis will not end anytime soon. Day after day, news about the catastrophe becomes increasingly frightening and alarming. The numbers do not indicate any sign of a truce and we cannot see improvements in the world scenario in the near future. The crisis will affect all sectors of society, damaging politics, economy, education and all branches of civilized life. However, what is most noteworthy is the impact that the pandemic will have on the most basic item of human life: food.

There will undoubtedly be a global food production and supply crisis. This fact was already expected by all analysts. But everything indicates that the crisis will be even more profound: there is an imminent risk of “food shortages” on the world market due to Covid-19 disruptions in international trade and supply chains, warned the leaders of two UN agencies and WTO. This scarcity will be generated by the growing wave of restrictions on exports, which, in the context of contemporary global society, will invariably cause a drastic decrease in the world circulation of food.

In an unusual statement, Chinese Qu Dongyu, who heads the Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO), Ethiopian Tedros Adhanom Ghebreyesus, director general of the World Health Organization (WHO), and Brazilian Roberto Azevêdo, director General of the World Trade Organization (WTO) published a text warning about the coming crisis and saying that it is important for all nations to maintain their international business, “in particular to avoid food shortages”. In addition, these three international organizations have issued important warnings about the slowdown in the movement of workers in the agricultural industry, which blocks several Western farmers, and with “border delays for containers of goods”, generating “a waste of perishable products”.

The alert issued jointly by the FAO, WHO and the WTO also affirms the need to protect workers in the food sector in order to “minimize the spread of the virus in the sector and maintain the food supply chains”. Finally, concludes:

“By protecting the health and well-being of citizens, countries must ensure that the set of trade measures does not disturb the food supply network (…) In periods like this, international cooperation is essential (…) We must ensure that our response to the covid-19 pandemic does not involuntarily create an unjustified shortage of essential products and exacerbates hunger and malnutrition”.

If, on one hand, the alert is of paramount importance in the current global context, on the other, there does not seem to be any alternative between the pandemic and the scarcity. In order to minimize the effects of the new coronavirus in their territories, States are adhering to more restrictive and protectionist measures, overlapping the security of their population to the global need for the circulation of people and resources. In other words, the coronavirus is changing the history of globalization, increasing the role of the States and revealing flaws and deep deficiencies in international organizations and in the global system of interdependence.

As an immediate reaction to the resurgence of the State as the main international agent, international organizations are beginning to respond with even more globalist speeches, imploring the maintenance of the free movement of products in the context of the pandemic. Maximo Torero, Chief Economist of the UN Food and Agriculture Organization, told The Guardian:

“The worst that can happen is that governments restrict the flow of food (…) All measures against free trade will be counterproductive. Now is not the time for restrictions or putting in place trade barriers. Now is the time to protect the flow of food around the world (…) Trade barriers will create extreme volatility, (…) [They] will make the situation worse. That’s what we observe in food crises.”

In practice, how can we expect governments reacting in any other way than what they are currently doing? How can we expect all nations to keep their trade relations intact while their populations die infected by a devastating disease? Perhaps dreaming of free international trade in the present circumstances is the most utopian globalist wish. In fact, the agents of these international organizations are so ideologically committed to the globalist agenda that they are unable to analyze the case concretely and see the simplest: the whole structure of globalization is flawed and in a context of crisis its effects will be devastating anyway. Perhaps trade will continue and the pandemic will kill even more; perhaps trade is restricted and many die of hunger.

The biggest lesson to be learned from the current crisis is that globalization based on financial capitalism and neoliberalism was a very serious mistake. The foundations of the contemporary world are breaking and the discourses on solutions to the problems presented by the pandemic are beginning to increase everywhere. International organizations harden their globalist discourse and warn on the need to protect international trade, while States are stepping up security measures and downplaying the importance of the circulation of products and capital. Finally, what will be the winning speech? Will we see a return to state leadership or the birth of a new globalization? The only certainty so far is that the post-pandemic world will be very different from the previous one. Perhaps, the best thing to do is thinking about a world with greater food sovereignty and less inequality between nations.

*

Note to readers: please click the share buttons above or below. Forward this article to your email lists. Crosspost on your blog site, internet forums. etc.

This article was originally published on InfoBrics.

Lucas Leiroz is a research fellow in international law at the Federal University of Rio de Janeiro.

Featured image is from InfoBrics

 

สิงคโปร์สั่งห้ามครู-อาจารย์สอนผ่านแอปพลิเคชัน Zoom หลังพบความไม่ปลอดภัย-ไม่เป็นส่วนตัว
กองบรรณาธิการ TCIJ: 10 เม.ย. 2563 |



กระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์สั่งห้ามไม่ให้ครูและอาจารย์สอนหนังสือผ่านแอปพลิเคชัน Zoom หลังพบว่ามีผู้เผยแพร่ภาพอนาจารและมีชายแปลกหน้าแอบเข้าคลาสเรียนออนไลน์ รวมถึงถ้อยคำที่ล่วงเกินทางเพศกับเด็กนักเรียนหญิงในคลาสนั้น โดยคาดว่าเพราะลิงก์เข้าคลาสดังกล่าวนั้นหลุดออกไป ด้านนาย Aaron Loh ผู้อำนวยการกรมเทคโนโลยีการศึกษาของสิงคโปร์ เผยว่าทางการสิงคโปร์กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำให้ครูผู้สอนกำหนดให้นักเรียนต้องล็อกอินอย่างปลอดภัยทุกครั้งก่อนเข้าคลาส และห้ามแชร์ลิงก์เข้าคลาสกับคนที่ไม่ใช่นักเรียนคลาสนั้นๆ

ที่ผ่านมาแอปพลิเคชันดังกล่าว ถูกกระแสต่อต้านหลังพบว่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยประเทศไต้หวันและเยอรมนีได้สั่งห้ามใช้แอปพลิเคชั่น Zoom ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยเหตุการณ์ในสิงคโปร์เกิดขึ้นหลังจากที่รกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้โรงเรียนต่าง ๆ ทำการเรียนการสอนที่บ้านทั้งหมด ส่งผลให้โรงเรียนหลายแห่งเลือกสอนหนังสือผ่านแอปพลิเคชัน Zoom แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงศึกษายังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าครูผู้สอนควรจะใช้แอปพลิเคชันใดในการสร้างห้องเรียน

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Reuters, 10/4/2020

https://www.tcijthai.com/news/2020/4/asean/10132

 

แบ่งปันจาก Watchers

#Rare #FireRainbow ⚠️
// ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูยากชนิดนี้เรียกว่ารุ้งแนวราบหรือรุ้งไฟ//
10/04/20

#ในที่สุด มันก็เกิดแบบนี้
เมื่อ 2วันที่ผ่านมา ภาพนี้ ถ่ายได้ล่าสุดที่ทะเลสาบ #Sammamish รัฐวอชิงตัน อเมริกา โดย Cessna Kutz

รุ้งไฟ (circumhorizontal arcs) มักเกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ในผลึกน้ำแข็งชั้นเมฆเซอรัส (เมฆในระดับสูง มีลักษณะเป็นแผ่นฝอยบางเหมือนขนนก ทำให้แสงสามารถผ่านได้ง่าย)
ส่วนใหญ่จะเกิดในพื้นที่เหนือเส้นละติจูดเหนือที่ 55 หรือพื้นที่ต่ำกว่าเส้นละติจูดใต้ที่ 55
ปรกติ รุ้งไฟ มักมีลักษณะเป็นเส้นๆเหมือนขนนก ไม่เต็มทั่วเช่นนี้ ในโลกที่น้ำแข็งละลายเช่นนี้ ในที่สุดสิ่งนี้ก็มาถึง .. สัญญาณจากฟากฟ้า
Image CR: Cessna Kutz
https://www.boredpanda.com/fire-rainbow-illusion-cessna-kutz/
#Watchers

 

การรั่วไหลของน้ำ ปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หนึ่งในสองเครื่องที่สถานีพลังงาน North Anna
(11 เมษายน 2563)

https://www.richmond.com/business/w...cle_d7439a90-fe91-5c9b-83bd-97d102fff2e2.html

 

Setiawan

การปะทุภูเขาไฟ # sakurajima, ประเทศญี่ปุ่น, 11 เมษายน, 2563 เวลา 03:18 JST
Eruption #Sakurajima Volcano, Japan April 11, 2020 03:18 JST

 

แบ่งปันจาก StockRadars

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ทำอินโฟกราฟฟิกเปรียบเทียบให้เห็นระหว่างวิกฤตต้มยำกุ้งกับวิกฤตโควิด-19 พร้อมวิเคราะห์ความแตกต่างกัน 3 ด้านหลัก ดังนี้
.
สถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวอย่างมาก ยอดขายธุรกิจหายไป เช่นเดียวกับรายได้ของประชาชนรายย่อย ดังนั้น จึงทำให้หลายฝ่ายนึกย้อนเปรียบเทียบกับวิกฤตการเงินต้มยำกุ้งในปี 2540 ที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยหดตัวถึง 10.5% ว่าเหตุการณ์ในปีนี้จะเหมือนหรือต่างจากปี 2540 อย่างไร ? โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ออกมาใน 3 ด้านหลัก ดังนี้
.
1. จุดเริ่มต้นของปัญหาในรอบนี้ไม่ได้มาจากการขาดความสมดุลทางเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันกับวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยปี 2540 ต้นตอของปัญหามาจากการที่เศรษฐกิจไทยขาดความสมดุลในหลายด้าน บนอัตราแลกเปลี่ยนที่ผูกติดกับเงินดอลลาร์ฯ จึงทำให้ภาคเอกชนไม่คำนึงความเสี่ยงและใช้จ่ายเกินตัว จนสะท้อนผ่านการเพิ่มขึ้นของการลงทุนและการบริโภคที่สูงกว่าเงินออมที่มี มีการก่อหนี้ต่างประเทศ และมีการเก็งกำไรสินทรัพย์อย่างกว้างขวาง ขณะที่ ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสมดุลในลักษณะเดียวกันกับปี 2540 แต่ปัญหาในครั้งนี้เกิดขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งระบาดไปทั่วโลก เป็นปัญหาภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ ดังนั้น การแก้ปัญหาในครั้งนี้จึงขึ้นกับการจัดการของสาธารณสุขทั่วโลก ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงตัวแปรสำคัญที่ได้แก่ การผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อยับยั้งการระบาดอย่างถาวร
.
2. รอบนี้ไทยมาจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่า โดยแม้เศรษฐกิจไทยจะมีพื้นฐานที่ขึ้นกว่าในปี 2540 แต่การเติบโตของเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตปี 2540 (ในปี 2558-2562 เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 3.4% ต่อปี เทียบกับเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2540 หรือในช่วงปี 2530-2538 ที่ขยายตัวเฉลี่ยราว 9.9%) เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ปัญหาขีดความสามารถของธุรกิจทั้งทักษะแรงงานและการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง (สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ต่อจีดีพี เมื่อเทียบกับในอดีตในปี 2540 ที่อยู่ที่ระดับประมาณ 49.2% ต่อจีดีพี) ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้จึงกระจายเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนรายย่อย ซึ่งต่างจากในปี 2540 ที่ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจะเป็นกลุ่มนายทุน หรือภาคธุรกิจเป็นหลัก
.
3. มาตรการต่างๆ ของภาครัฐและธนาคารกลางที่ออกมาในรอบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กลไกทางเศรษฐกิจหยุดทำงาน ในขณะที่มาตรการที่ใช้ในปี 2540 เป็นมาตรการเพื่อฟื้นฟูกลไกทางเศรษฐกิจให้กลับมาทำงานอีกรอบ ในปัจจุบันภาครัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกหลายมาตรการเพื่อมาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสฯ ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็ว รวมถึงมาตรการที่ออกมามุ่งแก้ปัญหากับกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยใช้เครื่องมือการเงินการคลังที่หลากหลายมากขึ้น ต่างจากในปี 2540 ที่ในระยะปีแรกๆ ยังปะปนไปด้วยมาตรการทางการคลังแบบรัดเข็มขัด (รัฐลดการใช้จ่าย) และนโยบายที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดถีบตัวสูงขึ้น จนกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ขนาดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบภาครัฐและธนาคารกลางทั่วโลกนำมาใช้ในปัจจุบันนั้น มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขนาดของมาตรการการคลังที่แต่ละประเทศนำมาใช้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ของ GDP ในขณะที่มาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0% และมีการทำ QE แบบไม่จำกัด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์โรคระบาดยังมีความไม่แน่นอน โดยหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น คาดว่าทางการคงพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
.
โดยสรุปแล้ว เหตุการณ์โรคระบาดของไวรัส Covid-19 ในครั้งนี้ถือเป็น Shock ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งแม้จะมีหลายความแตกต่างจากวิกฤตปี 2540 แต่หากทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจจนการระบาดของไวรัส Covid-19 สามารถควบคุมได้เร็ว หรือภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ก็จะทำให้มีโอกาสที่ตัวเลขจีดีพีของไทยจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในปีหน้า ซึ่งแตกต่างจากช่วงวิกฤตปี 2540 ที่ใช้เวลานาน 5-10 ปีว่าจะเริ่มเห็นเศรษฐกิจและภาคการเงินฟื้นตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
.
ทุกคนสามารถเป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยให้ปัญหาโรคระบาดของไวรัส Covid-19 ลดลงได้...เพียงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
.

หรืออ่านได้ที่: https://www.kasikornresearch.com/…/Pages/EconCrisis40-FB100…

#KBANK #StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย #StockRadarsNews
.
Website: https://www.stockradars.news
Application: https://www.stockradars.co/getradars
LINE: @StockRadars https://line.me/R/ti/p/@stockradars
Telegram: https://t.me/StockRadars