ติดตามสถานะการณ์

May 19, 2020 บราซิลติดโควิด-19 แซงยูเคขึ้นแท่นอันดับ 4 ของโลก เวียดนาม ยอดตายในสหรัฐพุ่งผ่าน 91,000 คน เวียดนาม-เมียนมา ยอดติดเชื้อขยับวันที่ 4 ยอดติดโควิด-19 ทั่วโลกทะลุกว่า 4.8 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 4.8 million

เวลา 6.15 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 4,884,715 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 1,548,357 ราย รัสเซีย 290,678 ราย สเปน 278,188 ราย บราซิล 254,220 ราย สหราชอาณาจักร 246,406 ราย อิตาลี 225,886 ราย ฝรั่งเศส 179,927 ราย เยอรมนี 177,289 ราย ตุรกี 150,593 ราย และอิหร่าน 122,492 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 319,765 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 91,859 ราย สหราชอาณาจักร 34,796 ราย อิตาลี 32,007 ราย ฝรั่งเศส 28,239 ราย สเปน 27,709 ราย บราซิล 16,792 ราย เบลเยียม 9,080 ราย เยอรมนี 8,123 ราย อิหร่าน 7,057 ราย และเนเธอร์แลนด์ 5,694 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า สิงคโปร์ 28,343 ราย(22) อินโดนีเซีย 18,010 ราย(1,191) ฟิลิปปินส์ 12,718 ราย(831) มาเลเซีย 6,941 ราย(113) ไทย 3,031 ราย(56) เวียดนาม 324 ราย เมียนมา 188 ราย(6) บรูไน 141 ราย(1) กัมพูชา 122 ราย และลาว 19 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360

 

May 18, 2020 ปลดพนักงานอีกก๊อกในรอบ 2 สัปดาห์ ตกงานเพิ่มอีก 3,000 คน ปิด-ยุบ-รวมออฟฟิศทั่วโลก

อูเบอร์ เทคโนโลยี ยักษ์สตาร์ทอัพให้บริการร่วมเดินทางชื่อดังระดับโลกในสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานเพิ่มอีก 3,000 คน นับเป็นการปลดพนักงานอีกครั้งในช่วงไม่ถึง 2 สัปดาห์ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม อูเบอร์ ประกาศปลดพนักงาน 3,700 คนไปแล้ว หรือคิดเป็น 14% ของพนักงานทั้งหมด นอกจากนี้ อูเบอร์ ตัดสินใจปิด หรือยุบรวมสำนักงานอูเบอร์ 45 แห่งทั่วโลก และเตรียมขายทิ้งธุรกิจบางสายงานออกจากอูเบอร์อีกด้วย

สาเหตุจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้บริการรถยนต์ร่วมเดินทางสาธารณะ ซึ่งเป็นผลจากการปิดเมือง และรักษาระยะห่างของรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นทั่วโลก ทำให้รายได้อูเบอร์หดหายอย่างรุนแรง ท่ามกลางต้นทุนพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง

#อูเบอร์ #ปลดพนักงาน #ตกงาน #โควิด19 #misterban #uber #cutjobs #covid19

 

ผู้ใช้ธนบัตรใจชื้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของเยอรมนีออกมายืนยันแล้วว่า การหยิบจับธนบัตรนั้นไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และแทบไม่พบตัวเลขการติดเชื้อผ่านการใช้ธนบัตร แต่เพื่อเป็นการป้องกันควรล้างมือให้สะอาดหลังหยิบจับด้วยนะคะ ^^
.
#ธนบัตร #เงิน #แบงค์ #การแพร่กระจายเชื้อ #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

 

ทองคำกำลังมีราคาสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และวิกฤติโควิดทั่วโลก

ปัจจุบันราคาทองคำในตลาดโลก อยู่ที่ 1,755 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ทองคำราคาสูงขนาดนี้ ก็คือในเดือนตุลาคมปี 2012 หรือเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว

การพุ่งขี้นอย่างต่อเนื่องของทองคำ มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาติดตามกันครับ..


ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจว่า ไม่มีใครสามารถ "รู้" ราคาทองคำได้อย่างแน่นอน ว่าจะขึ้นจะลงตอนไหน!?

และก็ยังไม่มีตัวแปร หรือเครื่องมือใดๆ มาทำนายการขึ้นลงของราคาทองได้อย่างแม่นยำ 100%

(อ่ะ!! มาพูดกันตามตรง ถ้าผมหรือใครรู้เป๊ะๆ ก็คงไม่มานั่งเขียนบอกคนอื่นหรอก เอาข้อมูลไปซื้อขายเองรวยไปแล้ว)

แต่หากเราพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็อาจจะพออธิบายสาเหตุของราคาทองคำที่กำลังพุ่งขี้นมาในช่วงนี้ได้..


1. อนาคตที่ยังคงไม่สดใสของสหรัฐอเมริกา

ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ยังคงไปในทิศทางที่ดี นับตั้งแต่การตกลงอย่างหนักในช่วงเดือนมีนาคม

ซึ่งนั่นสวนทางกับสถานการณ์ และตัวเลขความเป็นจริงที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น..

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1.5 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้ว 90,000 คน

ตัวเลขคนว่างงาน ซึ่งล่าสุดแตะระดับ 37 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของแรงงานทั้งหมด

การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก ซึ่งติดลบถึง -4.8%

(ของไทยที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ไตรมาสแรกก็ติดลบไป -1.8%)

แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี แล้วตลาดหุ้นยังคงไปต่อได้ จึงเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าที่หุ้นวิ่งขึ้นไปนั้น เพราะแนวโน้มที่ดีในอนาคต หรือเป็นแค่ฟองสบู่กันแน่!?

การที่คนไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินไหลไปยังทองคำ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า


2. นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

นโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะเป็นคำอธิบายว่าทำไมตลาดหุ้นยังคงพุ่งขึ้นต่อไป

เงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 48 ล้านล้านบาท คือเงินมหาศาล ที่อัดฉีดเข้าไปเพื่อทั้งเสริมสภาพคล่องในตลาด และช่วยพยุงธุรกิจ

ธนาคารกลางยังยืนยันว่า พร้อมใช้ "มาตรการทางการเงินทุกรูปแบบ" เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว

ซึ่งถ้าถามว่าจะฟื้นตัวเมื่อไร.. คำตอบก็น่าจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้

นั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มอัดฉีดเงินมากขึ้นกว่านี้ได้อีก และน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์น้อยลงไป


3. การผลิตทองคำที่ลดลง

ว่ากันว่า.. ไม่มีอะไรมาหยุดอุตสาหกรรมการผลิตของมนุษย์ได้

แม้กระทั่งเกิดสงครามโลกที่มีคนตายมหาศาล มนุษย์ก็ยิ่งเร่งทรัพยากรต่างๆ ออกมาสู้กันอยู่ดี

แต่โรคระบาดที่กำลังเกิดและคร่าชีวิตคนทั่วโลก สามารถทำให้กิจกรรมการผลิตทั่วโลกหยุดชะงักลงได้ทันที

มีรายงานจากสภาทองคำโลก ระบุว่าการผลิตทองคำทั่วโลกในไตรมาสแรกนั้นตกลงไป 3% หากเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิดที่ยังไม่ดีขึ้น จึงคาดกันว่าไตรมาสที่สองนี้ อาจจะมียอดการผลิตที่ลดลงไปกว่าเดิม

เมื่อความต้องการยังเท่าเดิม (และอาจจะเพิ่มขึ้น) แต่กำลังการผลิตกลับลดน้อยลง ก็เป็นอีกปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยดันราคาทองคำให้สูงขึ้น


4. สุดท้าย "ทองคำ" คือสินทรัพย์ Safe Haven อยู่เสมอ

นอกเหนือจากความจำเป็นที่แท้จริงแล้ว การที่มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกให้ค่ากับอะไรสักอย่าง ก็ทำให้มันยังคงมีค่าอยู่เสมอ

เช่นเดียวกับคุณค่าของ "ทองคำ"

เมื่อสินทรัพย์อย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือการถือเงินสดนั้นดูมีความเสี่ยง

ผู้คนก็จะเลือกวิ่งเข้าหาทองคำ เปรียบเหมือนว่ามันคือ "หลุมหลบภัย" ที่ต่อให้เกิดอะไรขึ้น มันก็ยังเป็นของมีค่าอยู่เสมอ

และเมื่อใครต่อใครก็วิ่งเข้าหาทองคำ ยิ่งส่งผลให้ความต้องการของทองคำมีสูงขึ้น

ซึ่งแน่นอน.. ความต้องการเหล่านี้ จะยิ่งทำให้ราคาทองคำแพงขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้


สุดท้าย... เราต้องอย่าลืมว่า โลกการเงินนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ย้อนกลับในปี 2011 ทองคำเคยทำราคาขึ้นไปถึง 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

จากนั้นช่วงต้นปี 2012 ราคาทองคำลดลงมาเหลือ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ตอนนั้นหลายคนมองว่า ทองกำลังลง รีบช้อนซื้อสิ เพราะยังไงทองคำก็ต้องขึ้นอยู่แล้ว!?

ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ...

ราคาทองคำวิ่งขึ้นไปจริงๆ ในช่วงปลายปี 2012 แตะระดับ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แต่หลังจากนั้น มันก็ลงมาตลอด จนมาจมอยู่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ช่วงต้นปี 2016

คนที่ซื้อทองคำในช่วงปลายปี 2012 ก็ไม่สามารถขายมันได้ราคาที่ซื้อมาอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้


หรือมันกำลังสอนเราว่า Safe Haven อาจไม่มีอยู่จริง!?

อย่างทองคำที่ยังคงมีค่าในตัวของมันเอง แต่กว่ามันจะมีราคาพอ ให้คุณขายโดยไม่ขาดทุน ก็ต้องรอถึง 7 ปี

ซึ่งคุณค่าของเวลาทีเสียไป อาจจะมากกว่ากำไรที่คุณได้จากทองคำเสียอีก...


-----------------------------------------------------

ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

- เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

- อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

- ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

 

(ขนาดข่าวที่ออกมาจากนักข่าวญี่ปุ่น ยังเรียกองค์กรนี้ว่าโปรจีนเลย)

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยื่นคำขู่ในวันจันทร์ (18 พ.ค.) ว่าจะตัดเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) “อย่างถาวร” และจะพิจารณานำสหรัฐฯ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิก โดยยื่นคำขาดให้หน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ต้องปรับปรุงการทำงานให้ "เป็นอิสระจากจีน" ภายใน 30 วัน

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000052153
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ครูรายหนึ่งโพสต์ หวั่นผู้ปกครองกำลังตกเป็นเหยื่อในการซื้ออุปกรณ์โทรศัพท์มือถือใหม่เพื่อใช้การเรียนออนไลน์ ย้ำ เด็กจะได้ผลประโยชน์แอบแฝงจากสิ่งเหล่านี้ พร้อมอธิบายว่าการเรียนออนไลน์เป็นแค่การทดลองในเดือนมิถุนายนเท่านั้น

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000052176
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

รู้หรือไม่? เมื่อเปิดใช้งาน 1 ชั่วโมง อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชิ้น กินไฟเท่าไร

1. เครื่องดูดฝุ่น ขนาด 1,400-2,000 วัตต์ ค่าไฟ 6 - 8 บาท /ชม.
2. เตารีดไฟฟ้า 1,000-2,800 วัตต์ ค่าไฟ 3.5 - 10 บาท/ ชม.
3. เครื่องเป่าผม ขนาด 1,600 - 2,300 วัตต์ ค่าไฟ 6 - 9 บาท /ชม.
4. เครื่องทำน้ำอุ่น ขนาด 3,500 - 6,000 วัตต์ ค่าไฟ 13.5 -23.5 บาท /ชม.
5. เครื่องซักผ้า ฝาบน - ฝาหน้า ขนาด 10 kg ค่าไฟ 2 - 8 บาท /ชม.
6. เครื่องปรับอากาศติดผนัง แบบ Fixed speed ขนาด 9,000-22,000 บีทียู/ชม. ค่าไฟ 2.5 - 6 บาท /ชม.
7. พัดลมตั้งพื้น ขนาดใบพัด 12 - 18 นิ้ว ค่าไฟ 0.15 - 0.25 บาท /ชม.
8. โทรทัศน์ LED backlight TV ขนาด 43-65 นิ้ว ค่าไฟ 0.40 - 1 บาท /ชม.
9. เตาไมโครเวฟ ขนาด 20-30 ลิตร ค่าไฟ 3 - 4 บาท /ชม.
10. ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 5.5 - 12.2 คิวบิกฟุต ค่าไฟ 0.30 - 0.40 บาท /ชม.
11. หม้อหุงข้าว ขนาด 1.0-1.8 ลิตร ค่าไฟ 3 - 6 บาท /ชม.
12. เครื่องปิ้งขนมปัง ขนาด 760 - 900 วัตต์ ค่าไฟ 3 - 3.5 บาท /ชม.
13. เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 1 -2 หัวเตา ขนาด 2,000-3,500 วัตต์ ค่าไฟ 8 - 14 บาท /ชม.

ขอบคุณข้อมูลจาก : การไฟฟ้านครหลวง

 

#UPDATE ยอดผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ในไทย วันที่ 19 พ.ค.2563 (ไม่มีผู้เสียชีวิต)
.
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย
ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,033 ราย
รักษาหาย-กลับบ้านแล้วรวม 2,857 ราย (+0)
เสียชีวิตสะสม 56
.
1).ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวัง แบ่งผู้ติดเชื้อเป็น 3 กลุ่ม คือ
.
กลุ่ม 1 มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้
- 2 ราย
.
กลุ่ม 2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ
- ไม่มี
.
กลุ่ม 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
- ไม่มี
.
2). การค้นหาเชิงรุก (Active case finding) และผู้ติดเชื้อในชุมชน
- ไม่มี
.
3).ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine
- ไม่มี.

 

ไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 อีก 2 ราย จากนราธิวาส เป็นลูกเขย-ลูกสาวติดจากการเฝ้าไข้พ่อ แต่ไม่มีผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่น ยอดป่วยรวม 3,033 ราย กลับบ้านรวม 2,857 ราย ผลการตรวจเจอเชื้อ มาจากการขอไปตรวจที่ รพ.มากที่สุด หลังลดเกณฑ์อาการสอบสวนโรคให้คนเข้ารับการตรวจมากขึ้น เผยเกาหลีใต้เริ่มคุมเคสผับอิแทวอนได้แล้ว ฝรั่งเศสเจอเด็กป่วย 70 ราย หลังคลายล็อกเปิดเรียน

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052079
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

สหรัฐฯ ประณามองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยกล่าวหาว่าล้มเหลวในการเข้าถึงและส่งมอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ข้อมูลที่อาจช่วยสกัดโรคระบาดใหญ่และปกป้องหลายชีวิต

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000051964
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ทำถูกแล้ว 2 หมื่นคน ก็คนไทย

การที่ผมตัดสินใจให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูนั้น โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยต้องเข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งมันอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2 หมื่นคน ต้องถูกลอยแพ พวกเราทุกคนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นนะครับ

#mgronline #ประยุทธ์_จันทร์โอชา

 

โควิดไป-มลพิษมา!!
มลพิษในจีนพุ่งสูงเป็นครั้งแรกนับจากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลหน่วยงานรัฐของจีน ว่าค่าดัชนีมลพิษอากาศในจีนขยับสูงขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ชี้เหตุเพราะการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สงบลง

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/china/detail/9630000051865

#โควิด19 #จีน #PM25 #มลพิษทางอากาศ

 

#ไวรัลวันนี้ มาจากประเทศจีน
สาวจีนแก้เผ็ดแฟนเก่าก่อนมูฟออน
:
1- "จ้าว" (Zhao) หญิงสาวชาวจีนจากเมืองไซโบ้ มณฑลซานตง จับได้ว่า “หยาง" (นามสมมุติ) แฟนหนุ่มที่คบมาปีกว่าแอบนอกใจเธอไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ทั้งสองลงเอยด้วยการเลิกรากัน

2- จ้าวหัวใจสลาย เธอร้องไห้ไม่กินไม่นอนอยู่ 3 วัน แล้วยังมารู้จากเพื่อนอีกว่าหยางไม่มีอาการโศกเศร้าเลย เธอเชื่อว่าเขาคงดีใจที่เลิกกับเธอ จะได้คบหาคนใหม่อย่างเปิดเผย

3- วันที่ 16 พ.ค. 63 มีพนักงานขนส่งขับรถบรรทุกไปที่บ้านหยาง บอกว่ามีคนส่งของมาให้ มันคือหัวหอมแดงน้ำหนัก 1 ตัน (ประมาณ 1,000 กิโลกรัม)

4- ในขณะที่หยางยืนงงเพราะไม่ได้เป็นคนสั่ง พนักงานก็ขนหัวหอมทั้งหมดไปกองไว้หน้าบ้านหยาง

5- หยางหายงงเมื่อเห็นโน้ตที่ส่งมากับหัวหอม โน้ตนั้นเขียนไว้สั้น ๆ ว่า "ชั้นร้องไห้มา 3 วัน คราวนี้ตาเธอร้องบ้างล่ะ" ...ชัดเจนว่าใครส่งมา!!

6- คลิปคนขับรถบรรทุกไปส่งหัวหอม 1 ตันที่หน้าบ้านหยางกลายเป็นคลิปไวรัล สื่อเลยไปสัมภาษณ์จ้าว จ้าวยอมรับว่าเธอเป็นคนส่งไปเอง เธออยากให้แฟนเก่าได้ลิ้มรสชาติของน้ำตาบ้าง

7- สื่อไปถามหยางบ้าง เขาบอกยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหัวหอมจำนวนมหาศาลนี้ดี แต่เขาไม่ยอมรับว่านอกใจจ้าว หยางบอกว่าที่เลิกกันเพราะทนนิสัยและความเป็นดราม่าควีนของจ้าวไม่ไหว

8- ไม่มีรายงานว่าหยางร้องไห้หรือเปล่า แต่มีรายงานว่า ตอนนี้จ้าวมูฟออนได้แล้วหลังจากได้เอาคืนแฟนเก่าในครั้งนี้

 

เสี่ยง! เดิมพันนี้เสี่ยง มากด้วย! แต่ไม่อาจไม่กระทำ! เสมือนเจ้าพ่อสั่งบ่อน ยื้อชีวิต “ขาไพ่” ไม่ให้ล้ม!!! (หากปล่อยให้ล้มหายตายจากกันหมด แล้วใครล่ะจะมาเล่นเลี้ยงบ่อน)

คณะกรรมาธิการกำกับการธนาคารแห่งประเทศจีน เตรียมสั่งการแบงค์ “ยืดเวลา” ให้ลูกหนี้ได้หายใจหายคอต่ออีกสักหลายเฮือก (หลังจากที่ยืดมาแล้วหลายอึดใจ)

.

ไม่อยากให้มี “หนี้เสีย” … แล้วแก้ที่ลูกหนี้ไม่ได้ งั้นก็ไปเปลี่ยนที่เจ้าหนี้แทน! “บิดข้อมือ” เจ้าหนี้ ให้คลายที่กำลูกหนี้หน่อย --- จง “พักงาน” แผนกทวงหนี้ ว่างั้น (ส่งผลกระทบให้อัตราว่างงานในวงการ “กู๋ หว่า ไจ๋” สูงขึ้นอย่างน่าตื่นตระหนก!)

---

นิยาม “หนี้เสีย” (Non-Performing Loan - NPL) คือ ผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วัน

ซึ่งก็เห็นๆกันแต่แรกแล้ว พิษโควิด-19 ไม่น่าอนุญาตให้อาเสี่ยทั้งหลายจ่ายง่ายสบายคล่องแน่ ทางการจีนไม่ปรารถนาจะเห็นภาพอุจาด พากันโดน “หนี้เสีย” กันระเนนระนาด

ดังนั้นตั้งแต่เนิ่นๆจึงให้ “บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม” (SME) ยื่นเรื่องขอเข้ามา ถ้ามีหนี้ต้องจ่ายในช่วง 25 ม.ค. - 30 มิ.ย. ศกนี้ จะยกไปจ่ายสิ้นเดือน มิ.ย. ทั้งหมด --- เปลี่ยนเส้นตายไม่ให้ตาย!

(จำนวนเงินทั้งหมด 1.5 ล้านล้านหยวน – ตีคร่าวๆ 6.7 ล้านล้านบาท)

.

“เลี่ยงบาลี” อย่างลื่นไหลด้วยเคล็ดวิชาของ “อุ้ยเสี่ยวป้อ”ดื้อๆแบบนี้เลย

ไม่ถือว่า “ผิดนัดชำระหนี้” เพราะถูก “เลื่อนนัด” ไปแล้ว!?

ทว่าล่าสุด ดูทรงแล้ว ล่วงถึงเส้นตายใหม่ ที่ 30 มิ.ย. … บรรดาอาเสี่ยก็ไม่น่ามีปัญญาไปหามาจ่ายทัน

ว่าแล้วรัฐบาลพร้อม “เลื่อนนัด” ออกไปอีกรอบ

.

ก็จะทำให้ธุรกิจพวกนี้ ไม่ตกเข้านิยาม “หนี้เสีย” … ก็เท่ากับรัฐบาลยื่นมือ “แทรกแซง” เข้าไปช่วย เพราะถ้าเข้าข่าย “หนี้เสีย” จะยิ่งโดนดอกเบี้ยหฤโหดขึ้นไปอีกขั้น --- ห้ามแบงค์ซ้ำเติมลูกหนี้! ว่างั้น

แต่ แต่ แต่ ที่จริง ด้วย “สถานะ” ของมัน ก็คือ “หนี้เสีย” ดีๆน่ะแหละ

สิ่งที่รัฐบาลจีนทำตอนนี้ ถ้าสุดท้ายช่วยให้อาเสี่ยเหล่านี้มีโอกาสได้หาเงินมาใช้หนี้ได้ก็ประเสริฐยิ่งนักแล

แต่ถ้าไม่ … มันก็ไม่ต่างจาก “ซื้อเวลา” … ไม่สิ! เหมือน “ทดเวลาบาดเจ็บ” ซะมากกว่า (โปรดฟังเพลงชื่อนี้ของ “บอย พนมไพร” ประกอบการอ่าน เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างขึ้น)

โอกาสมีปาฏิหาริย์เกิดได้ยาก …

---

ตอนนี้ ตัวเลขอัตราส่วน “หนี้เสีย” ของแบงค์ดูดีทีเดียว … ณ สิ้นเดือน มี.ค. ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นแค่ 0.06% เขยิบนิดๆมาอยู่ที่ 2.04%

แต่ แต่ แต่ ถ้าทางการจีน “เลิก” เลื่อนนัดไปเรื่อยๆเช่นนี้ (ซึ่งต้องมีแน่ สักวันที่เลิกเลื่อน) ความจริงที่หมักหมมไว้จะโผล่ทะลักมาปรากฏตรงหน้า ตู้ม ตู้ม ตู้ม --- อาจจะอีก 3 เดือน 6 เดือน แล้วตัวเลข “หนี้เสีย” จะบานเบอะขนาดไหน ไม่อยากจินตนาการ

น่ากลัวจริงๆครับท่าน ...

เสี่ยงทีเดียว แต่ครั้นจะไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่งั้นก็เละกันหมดตอนนี้เลย ไม่ต้องรอตอนไหน!

รู้ว่าเสี่ยง แต่ยังคงต้องขอลอง!

ยื้อไปลุ้นต่อดาบหน้า!

https://www.bloomberg.com/news/arti...ears-on-211-billion-in-bad-debt?sref=mu7Gtsbe

https://www.bloomberg.com/news/arti...y-bad-loan-recognition-on-virus?sref=mu7Gtsbe

 

“ไชน่า ว่านเคอ” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่สุดอันดับ 3 ในแผ่นดินมังกร “แตกไลน์” ผ่าเหล่า แหวกธุรกิจ โดดไปจับ “ฟาร์มหมู”!?

ไม่ต้องแปลกใจ เรื่องกำรี้กำไร เถ้าแก่จีน ‘จมูกไว’ อยู่แล้ว สัญชาติญาณนักล่าเต็มพิกัด (สองปีก่อน ยักษ์อสังหาฯ อย่าง “เอเวอร์แกรนด์” ก็ฉีกไปเล่น “รถยนต์ไฟฟ้า” กะเอาให้พอฟัดพอเหวี่ยง “เทสลา” ของอเมริกาเลยทีเดียว)

อู๊ด อู๊ด ทำไมต้องหมู? ถ้าติดตามเพจเดือดฯ ของเราอย่างเหนียวแน่นจะตอบได้ทันที! ก็ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ที่ “โรคอหิวาห์แอฟริกา” (ไข้หวัดหมู) ระบาดหนัก คร่าชีวิตประชากรพันธุ์โป๊ยก่ายในจีนไปซะ 1 ใน 3

แล้วไง? ราคาเนื้อหมูก็กระฉูดแตกสิ แถมตอนนี้เจอพิษโควิด-19 โรงเชือดในอเมริกาปิดระนาว ยิ่งผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก ว่าแล้วก็ชักช้าอยู่ไย!

---

ขณะที่ ภาคอสังหาฯ ในจีน ที่เสียวๆกันเมื่อหลายปีก่อนว่าจะเกิด “ฟองสบู่แตก” เพราะสร้างกันจนเห่อ … สุดท้ายมันก็ไม่ได้แตกโพละแบบบีบหัวสิว แต่มันค่อยๆยุบค่อยๆยวบ

เอาแค่ยอดขายบ้านของ “ไชน่า ว่านเคอ” นี่แหละ มองจากปี 2017 ตอนนั้นโตตั้ง 45.3%

พอขยับมาปี 2018 เหลือโตแค่ 14.5% และปีที่แล้ว โตเพียง 4%

ตีบลงเรื่อยๆ … แล้วปีนี้ล่ะ? มูดี้ส์ มองอนาคตภาคอสังหาฯ จีน “เชิงลบ” และคาดการณ์ว่าปีนี้ยอดขายทั้งประเทศจะหด 5-10% --- ไม่ใช่โตน้อย แต่โตติดลบแล้ว!

ทิ้งบ้านไปขายหมูดีกว่ามั้ยเล่าเออ …

---

คำนี้ใช้กันเกร่อ “พลิกวิกฤติเป็นโอกาส” … ทว่ามิได้เกิดขึ้นเกร่อแน่นอน!

น้อยนักที่จะเกิดขึ้นจริง! มันต้องอาศัยสายตาที่เฉียบแหลม การตัดสินใจที่ฉับไว กล้าได้กล้าเสีย กล้าลองของใหม่ที่ไม่คุ้น และ … ทุนต้องหนา

ถึงหาญกล้าทำตัวเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน”

ซึ่งลงท้าย ธุรกิจใหม่จะเป็น “หมูในอวย” หรือไม่ … อีกไม่นานก็รู้เอง

https://www.scmp.com/business/china...-china-vanke-move-pig-farming-property-market

 

Tesla เอาชนะผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ! ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดโรงงานใหม่อีกครั้งแล้ว หลังจาก Elon Musk ขู่ว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากรัฐ !

Tesla ได้ประกาศให้พนักงานทุกคนทราบว่า ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตจากรัฐแคลิฟอร์เนียให้กลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งและจะเริ่มดำเนินการผลิตทันที

หลังจากที่เกิดดราม่าครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อทางรัฐยังไม่ยอมให้กลับมาเปิดโรงงานเพราะต้องการควบคุมการระบาดของไวรัส ในขณะที่โรงงานประกอบรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกเริ่มกลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้งแล้วหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง

ทุกๆวินาทีที่โรงงานโดนปิดนั้นเสมือนกับเงินที่กำลังไหลออกไปจากกระเป๋าของ Elon Musk เรื่องๆ ทำให้ทาง CEO ของ Tesla ไม่พอใจมาก ! ถึงขั้นขู่กับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่และโรงงานของ Tesla ออกจากเขตแคลิฟอร์เนีย และการย้ายหนักงานของ Tesla กว่า 11,000 คนออกจาก แคลิฟอร์เนียนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจของรัฐอย่างมาก เพราะว่า Tesla เป็นบริษัทรถยนต์สุดท้ายแล้วที่เหลืออยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ก่อนหน้านี้ทาง Elon Musk ยังได้ทวีตออกมาด้วยว่า “Tesla เตรียมเดินสายการผลิตอีกครั้งแม้ว่าจะฝ่าฝืนคำสั่งล็อกดาวน์ของรัฐก็ตาม และผมก็จะอยู่ในโรงงานเช่นเดียวกับทุกคน หากมีใครถูกจับ ผมจะร้องขอให้จับผมแต่เพียงผู้เดียว”

ทาง Elon Musk ไม่ได้แค่ขู่หรือรอให้โดนจับเพียงอย่างเดียว แต่ทาง Tesla ได้ยื่นฟ้องรัฐ California ไว้ด้วยว่าทางบริษัทได้ผ่านเงื่อนไขของรัฐและมีมาตรการควบคุมเรื่องไวรัส แต่เหตุใดจึงยังไม่ได้รับอนุมัติ

เรียกได้ว่าถึง CEO ของ Tesla จะอารมณ์ร้อนหน่อยๆ แต่เขาก็พยายามและสามารถรักษาผลประโยชน์ของบริษัทไว้ได้ทุกเม็ดจริงๆครับ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#OilTradingKP

 

ความสามัคคีของโลกกำลังเจอบททดสอบที่สำคัญ ระเบียบของโลกที่เราเคยวางไว้ (World Order) จะถูกทำลายลงเพราะไวรัสโควิด-19 ตัวนี้หรือไม่...

ตอนที่ไวรัสเริ่มระบาดอยู่ในช่วงแรกๆ จริงอยู่ว่ามันทำให้โลกของเราเริ่มสามัคคีกัน มีการออกมาช่วยเหลือกัน ป้องกันการระบาดไปด้วยกัน ทุกฝ่ายกล่าวว่าพวกเราจะสู้สงครามกับไวรัสนี้ไปด้วยกัน รัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกช่วยกันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกัน พวกเราทุกๆฝ่ายพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยโลกของเราใบนี้ไว้ด้วยกัน

แต่นั้นจะเป็นเพียงภาพในช่วงแรกๆหรือไม่ ...

หลังจากที่ไวรัสได้ระบาดไปเกือบทุกมุมของโลกมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมกำลังแผ่วงกว้างขึ้นมากกว่าที่หลายๆประเทศประเมินไว้ วัคซีนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาในเร็ววันนี้ แต่ละประเทศเริ่มเหนื่อยล้ากับสงครามไวรัสในแต่ละประเทศตัวเอง... จนหลายฝ่ายเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทั่วโลกจะยังรวมกันเป็นหนึ่งได้หรือไม่ หรือต่างคนจะเริ่มใช้นโยบาย "ประเทศเรามาก่อน" อย่างที่ทรัมป์คงพยายามจะใช้กับอเมริกาอย่างแน่นอน

การมาของไวรัสครั้งนี้กำลังเป็นบททดสอบต่อความสามัคคีของโลกอย่างชัดเจน...

ตอนนี้เราเริ่มเห็นความขัดแย้งของหลายๆประเทศทั่วโลกแล้ว..

1️⃣ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

การต่อสู้ร่วมกันนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ แม้ทางทรัมป์ได้ออกมากล่าวแต่เนิ่นๆว่าขอบคุณทางจีนที่ร่วมกันต่อสู้กับไวรัส แต่หลังทางจีนที่เริ่มหายจากโรคระบาดเป็นประเทศแรกๆ กลับกำลังโดนตั้งคำถามอย่างหนักจากทางสหรัฐว่า "จริงๆแล้วอยู่เบื้องหลังการปล่อยไวรัสครั้งนี้หรือไม่ ?" และผลกระทบของความตึงเครียดของ 2 ฝ่ายจะไม่ได้กระทบแค่กับ 2 ประเทศนี้แน่ๆ และสัญญาณของสงครามการค้ารอบ 2 ที่รุนแรงกว่าก่อนก็เริ่มคืบคลานเข้ามาแล้ว

2️⃣ หากวัคซีนเริ่มผลิตออกมาได้จริงๆใครจะได้รับเป็นประเทศแรก ?

โดยหากเราจะแบ่งอยากแฟร์ๆทุกประเทศคงจะได้รับสิทธิ์เท่ากัน แต่ความแฟร์นั้นอาจไม่มีในโลกนี้โดยเฉพาะยามที่ทุกคนกำลังลำบาก... ล่าสุดทางบริษัท Sanofi ของฝรั่งเศสที่กำลังเร่งผลิตวัคซีนอยู่ได้ออกมาประกาศว่า ทางสหรัฐได้ขอให้สหรัฐได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกเพราะว่าเป็นผู้ให้ทุนในการค้นคว้ามากที่สุด...

ประเด็นนี้คงจะต้องโดนหยิบยกมาถกเถียงกันแน่ๆ ว่าวัคซีนชุดแรกควรจะไปที่ใคร และวัคซีนที่ผลิตในประเทศฝรั่งเศส แต่โดยเงินทุนของสหรัฐนี้ ควรจะเป็นวัคซีนของประชาชนโลกทุกๆคนหรือไม่ ??

3️⃣ องค์กรระหว่างประเทศอย่าง WHO , UN , WTO, IMF กำลังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในเวลานี้

เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยว่าระบบองค์กรระหว่างประเทศที่สมควรโดนตั้งมาเพื่อความสามัคคีของโลกในยามฉุกเฉินนั้นกำลังโดนเรื่องการเมืองเข้ามากดดัน

องค์การอนามัยโลก (WHO) เรื่องนี้นั้นเรารู้กันอย่างชัดเจนแล้วว่าโดนทางสหรัฐกล่าวหาว่าเข้าข้างจีนจนสหรัฐได้ถึงขึ้นตัดงบประมาณออกในตอนแรก ส่วนทางสหประชาชาติ (UN) หรือ องค์การการค้าโลก (WTO) นั้นก็เกิดการถกเถียงในการประชุมหลายระดับ โดยไม่สามารถออกมาตรการต่างๆใดๆที่ทุกประเทศเห็นชอบได้มาซักพักแล้ว (เข้าใจว่าหัวหน้า WTO ถึงกับลาออก) ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นั้นมีประเทศมากกว่า 100 ประเทศเข้ามาขอกู้ยืมเงินฉุกเฉิน และที่แน่ๆทาง IMF ไม่สามารถเข้าช่วยได้ทุกประเทศ... แต่ใครจะเป็นประเทศที่ถูกเลือก ?

4️⃣ หากทุกฝ่ายสุขภาพดีคงช่วยกันได้ แต่ตอนนี้ทุกประเทศกำลังวิกฤต

ไวรัสระบาดครั้งนี้นั้นเชื่อว่าจะทำให้โลกเราเสียหายไปกว่า 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐโดยรวม จากการประเมินของ UN และจะมีคนทั่วโลกกว่า 130 ล้านคนที่จะต้องตกอยู่ในสถานะลำบากทางการเงินจากวิกฤตครั้งนี้ หลายๆประเทศจะต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากมากๆกว่าที่เคยเป็นอยู่

#คำถามที่สำคัญคือ... #แล้วโลกของเราจะสามารถสามัคคีกันต่อไปได้หรือไหม ? หลังจากเจอบททดสอบอันแสนโหดร้ายครั้งนี้

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้ทีมงานด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณครับ

#OilTradingKP

 

(19 พ.ค.) พอดีสอนอยู่ค่ะ เลยไม่ได้มาอัพของกิฟุขออภัย

วันนี้กิฟุไหวติด ๆ กันเลยทีเดียว ยังไงเตรียมถุงอพยพไว้ด้วยนะคะเผื่อไว้ เตรียมพร้อมดีกว่าตื่นตูมค่ะ

ในภาพเลข แมกนิจูด เช่น 4.5 ตามด้วยแรงสั่นสะเทือนตามมาตราญี่ปุ่นที่ 3,4

การอพยพในช่วงโควิด-19 อ่านที่โพสต์เก่าค่ะ


คำถาม

พอดีช่วงนี้แผ่นดินไหวเยอะแบบในภาพ แอดกำลังพิจารณาว่าควรโพสต์ตอนสั่น 4 ขึ้นไปดีหรือไม่ค่ะ เพราะ 4 ตึกญี่ปุ่นยังเอาอยู่ กลัวโพสต์บ่อยจนคนแพนิกเกิน

แต่ปรกติ 4 อาจขึ้นเป็น 5- ได้ ส่วนตัวแอดจะโพสต์ค่ะ แต่ไม่โพสต์ 3

ทุกท่านคิดว่าอย่างไรคะ?

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #แผ่นดินไหว

ภาพ : NHK

 

ไฟป่าในอาร์เจนตินา วันที่ 17 พฤษภาคม

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.0 ใน ประเทศจีน ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ ได้สังหารผู้คน 4 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน ในวันที่ 18 พฤษภาคม

A magnitude 5.0 earthquake in southwestern CHINA has killed 4 people and injured dozens, May 18.

https://t.co/nQ2zmPIHnf?amp=1