ทฤษฎี โพเพทัส : ประสบการณ์การรักษาโรค โดยไม่ใช้ยา !!!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chanawin88, 17 ตุลาคม 2011.

  1. chanawin88

    chanawin88 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +10
    ประสบการณ์หลวงพ่อกมล : โพเพทัสรักษาหายทุกโรค

    อาตมาโชคดีที่ได้พบโสดาบันบุคคล ผู้จุตติจากดาวโพเททัส อุบัติเป็นโพธิสัตว์โปรดชาวโลก หมอแกน กายสิทธิ์ เสาหลัก แดนเกิดความสำเร็จ หากท่านใดไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ จะลงสู่อเวจีมหานรกโดยใช่เหตุ

    หมอแกนเผยแพร่ทฤษฎีโพเพทัส อันเป็นวิชาที่ช่วยคนป่วยเจ็บ ช่วยรักษาทุกโรคด้วยน้ำดีท็อกซ์ ผักผลไม้ที่เรากินกันอยู่แล้ว มาทำให้กลายเป็นยารักษาได้ทุกโรค อาตมาโชคดี แม้จะได้เจอหมอแกนยามที่ชราภาพแล้ว โรคก็รุมเร้ามานาน แต่หายได้อย่างอัศจรรย์ อาตมาศึกษาและเข้าใจในแก่นแท้ของ Popatas เป็นเช่นนี้

    Popatas รู้ตื่น ตื่นจากความหลับ คือ อวิชชา ผู้บานแล้วเหมือนดอกบัวบานยามต้องแสงอรุณ

    Popatas รู้อิสระ เป็นสาระในตนเอง ปราศจากมานะ ทิฐิ เสรีชน ท่องเที่ยวไปทุกกาลสถานที่

    Popatas รู้ดับ ดับตัณหา คือ ความอยาก

    ร่างกายเป็นรังของโลก ถ้าไม่มีร่างกายก็ไม่มีที่เกิดโรค การไม่มีที่เกิดโรคเป็นสุขอย่างยิ่ง

    ร่างกายมีก้อนธาตุรู้อยู่สอง มโนธาตุหนึ่ง คือจิตใต้สำนึก เป็นความรู้สึกเรียก “นามกาย”

    มโนธาตุหนึ่งคือจิตสามัญสำนึก เป็นความคิดเรียก “นามจิต”

    Microchip ไมโครชิพที่หมอแกนกล่าวถึงนั้นควบคุม “นามกาย นามจิต” ควบคุมวิถีชีวิตให้เป็นไปตามที่มันเป็น ร่างกายของอาตมาสะสม อมโรคไว้มากอย่าง มีทั้งที่หายขาดและรอโอกาสจะเป็นอีก จะกล่าวแต่โรคที่สืบเนื่องมาจนถึงวาระของ Popatas

    อายุ 25 ปี เป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ เจ็บหัวใจ ปวดชาไปแขนซ้าย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิด Palpitation ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดัง นอนตะแคงซ้ายไม่ได้ กิน Propanolol ถึง 2,000 เม็ด เป็นเหตุให้กระดูกบาง

    อายุ 76 ปี เป็นโรคแก้วหูขวาอักเสบ ได้ยินเสียงไม่ชัด กำหนดทิศที่มาไม่ได้

    อายุ 77 ปี เป็นโรคงูสวัดที่หัวคิ้วขวา ตุ่มใสลามไปที่หนังศีรษะขวา เจ็บและคัน เป็นโรคริดสีดวงทวาร เลือดออกที่ซ่วงทวาร (Anus), โรคต่อมลูกหมากโต ทำให้ปัสสาวะไม่สะดวก, โรคไต มีอาการปวดเอว ปัสสาวะขุ่น, โรคตับอักเสบ ขาบวม เท้าบวม

    อายุ 78 ปี เป็นโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือด 140 – 300 แถมเป็น Cystitis กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, โรคความดันโลหิตสูง

    อายุ 83 ปี เป็นโรคตา มีสายตาสั้น สายตาเอียง ต้อกระจก จุดดำลอยไปมาในดวงตา ต้อกระจกยังไม่หาย แต่จะต้องหายในไม่ช้า

    อายุ 85 ปี เป็นโรค Stroke เส้นเลือดฝอยที่สมองซ้ายแตก ปวดชาขาขวา ตาพร่ามัว การทรงตัวไม่ดี เคยพูดเร็วก็พูดช้าและพูดติดอ่าง อายุ 85 ปี อธิษฐานขอเกิดใหม่ในร่างทรงที่ประณีต แต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่เป็นสัตยาธิษฐาน (อธิษฐานบารมี + สัจจบารมี) ทาน ศีล ภาวนา ยังหย่อนอยู่

    ต้นปี 2553 คุณณัฐสรวงธร อัตนโถ ผู้เป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเป็นโยมอุปฐากได้กรุณานำพาอาตมาพบคุณหมอแกน กายสิทธิ์ พระโพธิสัตว์ ท่านบอกอาตมาว่า “โรคเด็กๆ หายได้ทุกโรค” แนะนำการทำดีท็อกซ์ Detox Popatas No.1 และแนะการนั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ ทำเพียง 2 อย่างนี้เท่านั้น

    หมอแกนเป็นเจ้าของทฤษฎี Popatas รักษาโรคโดยใช้คลื่นความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าในจิตใต้สำนึก เมื่อฝึกถึงขั้นไม่มีร่างกายก็สามารถยืดหดเวลา ชีวภาพปัจจุบันสู่อนาคต อดีตกลับชราสู่ความหนุ่มสาว เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน การแพทย์ยังมีแพทย์แผนใหม่ การป้องกันและรักษาโรคก็มีด้วยประการฉะนี้

    คุณณัฐสรวงธร อัตนโถ ทำน้ำปั่น Detox Popatas เป็นน้ำปฏิชีวนะเพื่อล้างพิษที่สะสมอยู่ในกายให้ดื่มทุกๆ 2 ชั่วโมง วันละ 6 แก้ว วันเว้นวัน แนะนำการนั่งกระตุ้นเซลล์-microchip 15-30 นาที วันละ 5 ครั้ง ห่างกันทุก 3 ชั่วโมง และให้ฟังซีดีของคุณหมอแกนอยู่ 2 เดือน เดือนที่ 3 ดื่ม detox วันละ 3 แก้ว เช้า-กลางวัน-ก่อนนอน กินอาหารจานเดียวตอนเย็น ส่วนการนั่งกระตุ้นเซลล์เป็นไปตามเดิม ทำอย่างนี้เคร่งครัดเกือบ 3 เดือนแล้ว (เริ่มมกราคม) อาการคร่าวๆ ดังนี้

    5 กุมภาพันธ์ 2553 น้ำมูกใสไหลหยดจากจมูก ปวดทั่วตัว ปวดเอวมาก ปวดชาขาขวาถึงปลายเท้า ปวดศีรษะซ้ายแผ่ไปต้นคอซ้าย หนาวสั่นสะท้านทรวง

    9 กุมภาพันธ์ 2553 เลือดสีแดงสดสวย ออกจากช่องทวาร (Anus) ออกไม่มาก ปัสสาวะขุ่นสีน้ำล้างเนื้อ เหม็นคาวจัด มีฟองมาก ออกทุก 1.5 ชั่งโมง

    10 กุมภาพันธ์ 2553 เหม็นกลิ่นคาวเลือดในจมูก เลือดสีแดงสดไหลออกนิดหน่อย ออกจากเส้นเลือดฝอยในสมองซ้าย microchip ที่เพียรฝึกตามหมอแกนได้ขุดคุ้ยโคตรเหง้าเหล่ากอของโรคออกไป

    12 กุมภาพันธ์ 2553 เลือดสดหายแต่ยังมีน้ำมูกใสไหลหยดเวลาเคี้ยวอาหาร

    23 กุมภาพันธ์ 2553 เลือดสีแดงสดที่ช่องทวาร (Anus) ไม่มีแล้ว ริดสีดวงทวารหาย ส่วนต่อมลูกหมากโตหายก่อนใครหลายวันแล้ว

    25 กุมภาพันธ์ 2553 น้ำมูกใสไหลหยดหาย ปัสสาวะใสมีฟองน้อย ไม่บ่อยครั้ง

    26 กุมภาพันธ์ 2553 วันนี้เป็นวันที่อาตมาหายจากทุกโรคก็ว่าได้ เพราะเหลือเพียงต้อกระจกและอาการจุดดำลอยไปมาในดวงตาเท่านั้นเอง

    อายุ 87 ปี ได้เผด็จศึกโรคภัย เป็นชัยชนะท้าพิสูจน์ของทฤษฎี Popatas ซึ่งอาตมาขอชื่นชม

    อาตมาขอขอบคุณ คุณหมอแกน กายสิทธิ์ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ในความรู้สึกของอาตมา

    ขอขอบคุณ คุณณัฐสรวงธร อัตนโถ ผู้ทำบุญไม่เอาคุณ คือ ทำดีเพื่อความดีอย่างแท้จริงไว้ในที่นี้


    หลวงพ่อกมล อัตนโถ
    วัดคันธาพฤกษา หมู่บ้านแม่กำปอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
    26 กุมภาพันธ์ 2553

    [​IMG]

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.popatas.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  2. chanawin88

    chanawin88 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +10
    ปาฏิหาริย์โพเพทัส : ตอน...โพเพทัสชุบชีวิตผู้ป่วยโรคเอดส์ที่กำลังนอนรอความตายในอีก 3 วัน

    ดิฉันชื่อ นางทัศนีย์ วงศ์เสนาอารี เป็นตัวแทนของแม่ของนายบุญช่วย (นามสมมุติ ) อายุ 21 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคเอดส์ มีอาการ คือ ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ทานอาหารไม่ได้ มีไข้ตลอดสูงตลอดเวลา ไอ มีเสมหะเล็กน้อย เป็นวัณโรคที่ปอด รักษามาได้ 1 เดือนเศษ โดยการกินยา ISONIAZID, RIFAMPICIN, PYRAZINAMIDE , GPO VIR 30

    อาการ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะมารักษาที่โรงพยาบาล คือ รู้สึกเหนื่อยง่าย อยู่เฉยๆ ก็เหนื่อย เวลาลุกหรือนั่ง ก็จะมีอาการเวียนศีรษะ ทานอาหารได้น้อย ขับถ่ายลำบาก

    จากการตรวจร่างกาย พบว่า ผอมและซีดมาก ไม่มีตาเหลือง มีเชื้อราในปาก มีไข้สูง หัวใจเต้นเร็วมาก มีอาการหอบ

    แพทย์ให้การวินิจฉัยว่า

    1. ติดเชื้อเอดส์ เป็นวัณโรคปอด และสงสัยว่าติดเชื้อพยาธิในปอด PCP

    2. ภาวะช๊อก จากการขาดน้ำอย่างรุนแรง

    3. ภาวะซีดรุนแรง

    ได้ทำการรักษาโดยให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำ เพื่อแก้ภาวะช๊อก ให้เลือด ให้ยา 11 ตัว ได้แก่ BACTRIM, MIRACID, FBC, FOLIC ACID,VITAMIN B1-6-12, FLUCONAZOLE,GPO VIR 30,INH, RIFAMPICIN, ETHAMBUTOL, PYRAZINAMIDE รักษาเชื้อพยาธิที่ปอด โรคกระเพาะอาหาร ภาวะซีดจากพาหะธาลัสซีเมีย เชื้อรา โรคเอดส์ และวัณโรคในปอด

    เริ่มรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วันที่ 4 สิงหาคม 2553

    วันที่ 5/8/53 ยังรู้สึกตัวดี กินได้ เหนื่อยน้อยลง ไม่คลื่นไส้อาเจียน ความดันโลหิต 110/60 มม.ปรอท หัวใจเต้น70 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้งต่อนาที ตรวจร่างกายพบว่า ยังซีดอยู่ ความเข้มข้นของเลือดคือ hematocrit = 28% ปอด ไม่พบเสียงผิดปกติ ตรวจหน้าท้อง ปกติ แขนขาไม่บวม

    วันที่ 10/8/53 มีไข้กลางคืน ไม่มีถ่ายเหลว เหนื่อยเล็กน้อย ปวดท้อง หลังดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ตรวจร่างกายพบว่า ค่อนข้างซีด ผอมมาก ผลการวินิจฉัย เหมือนเดิม มีเพิ่มคือ มีกระเพาะอาหารอักเสบ และหลอดอาหารอักเสบ

    12/8/53 มีผื่นบริเวณเปลือกตา 2 ข้าง มีไข้ ไม่เหนื่อย ไม่มีถ่าย รักษาตามอาการ

    17/8/53 มีไข้ขึ้นสูง ไม่มีอาการเหนื่อย เริ่มทานอาหารได้เล็กน้อย การรักษาตามอาการเหมือนเดิม

    24/8/53 ไข้สูง ไม่มีถ่ายเหลว ทานอาหารได้มากขึ้น ยังรักษาด้วยยา 11 ตัวเดิม ร่วมกับยาลดไข้

    31/8/53 มีไข้สูง เหนื่อย ทานได้บ้าง ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะปกติ รักษาตามเดิม

    1/9/53 มีไข้สูง อ่อนเพลีย อาการคงเดิม

    3/9/53 ไข้สูง เหนื่อย น้ำหนักน้อยมาก ต้องช่วยหายใจ ใส่ท่อหายใจ ลิ้นแข็ง พูดไม่ได้ ขยับแขนขาไม่ได้ ได้แต่กระพริบตา หมอได้ปรึกษากับมารดาว่าผู้ป่วยอาการหนักมาก คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน ให้คุณแม่ทำใจไว้บ้าง

    ก่อนหน้านี้ 1 วัน แพทย์ได้โทรศัพท์ปรึกษากับมารดาซึ่งทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น ว่าน้องอาการหนัก คงจะไม่รอด คุณแม่จึงโทรศัพท์หาดิฉัน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเขา และฝากบอกว่า จะพยายามรีบกลับมาเมืองไทย แต่ถ้ามาไม่ทัน ขอดิฉันช่วยจัดการทำพิธีศพ ตามประเพณีให้ด้วย ซึ่งดิฉันก็รับปากคุณแม่ของน้อง

    ในที่สุด คุณแม่ของน้องมาถึงกรุงเทพ วันที่ 3 กันยายน 2553 ดิฉันได้พบน้อง พร้อมคุณแม่ของเขาที่โรงพยาบาล น้องนอนอยู่บนเตียง ผอมแห้งดำ ผิวเป็นลายดอกแล้ว แต่คุณแม่ของน้องบอกว่าผิวเป็นแบบใยแมงมุม หนังหุ้มกระดูก น้ำหนักราว 20 กิโลกรัม นอนกระพริบตาได้อยู่ แต่ขยับแขนขาไม่ได้ ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ นอนรอความตายอยู่

    ดิฉันได้คุยกับคุณแม่ของน้อง เกี่ยวกับการรักษาด้วยทฤษฎีโพเพทัสของคุณหมอแกน เนื่องจากดิฉันเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิด อากล้า จี (ซึ่งชนิดนี้ ไม่พบในประเทศไทย) ร่วมกับฮีโมโกลบิน อี และมีปัญหาเรื่องข้อไหล่หลุด กระดูกบาง ปวดหลัง ท้องผูก และอื่นๆ หลายโรค รักษามาสารพัดวิธี ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน สมุนไพร และอาหารเสริมทุกชนิด แต่ไม่ดีขึ้น แต่หลังจากรักษาตามทฤษฎีโพเพทัสของคุณหมอแกน แล้วมีอาการดีขึ้นตามลำดับทุกโรค และดิฉันมีความเชื่อตามที่คุณหมอแกนเคยบอกว่า รักษาได้ทุกโรค และโรคเอดส์ วัณโรคปอด เชื้อรา กระเพาะอาหาร หลอดอาหารอักเสบ ลิ้นแข็งจากกลืนน้ำยาล้างห้องน้ำ ก็น่าจะรักษาได้ด้วยเช่นกัน เมื่อได้อธิบายเรื่องทฤษฎีโพเพทัสให้กับคุณแม่ของน้องแล้ว คุณแม่ก็ตอบตกลง เพราะไม่มีวิธีอื่นๆแล้ว ดิฉันจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาคุณหมอแกน เล่าเรื่องให้ท่านฟัง และขออนุญาตให้คุณหมอช่วยกระตุ้นคลื่นเซลล์ให้น้อง แต่ท่านบอกว่า ดิฉันสามารถช่วยน้องได้เลย และคุณหมอยังแนะนำให้เอาท่อหายใจ เครื่องช่วยหายใจออกให้หมด และงดยาทุกชนิด

    ดิฉันได้รีบปั่นน้ำ Popatas Juice มาให้น้องที่โรงพยาบาล และป้อนให้น้องดื่มทีละน้อย หลังเอาเครื่องช่วยหายใจออกและท่อหายใจออกแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 4 ทุ่มได้รวม 6 แก้ว แก้วละ 200 ซีซี และตัวดิฉันเอง ก็ได้นั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ให้น้อง จนครบ 5 รอบ ในวันนั้น ความรู้สึกที่ว่า ตอนคุณหมอแกน บอกดิฉันว่า” ให้พี่ฟ้า ช่วยน้องได้เองเลย” ดิฉันมีความรู้สึกว่า คุณหมอแกนได้ส่งพลังให้ดิฉันแล้ว และดิฉันก็มีความมั่นใจเต็มร้อยว่า น้องจะต้องดีขึ้นตามลำดับ

    เช้าวันรุ่งขึ้น คุณแม่ของน้องซึ่งเฝ้าน้องอยู่ ได้ติดต่อดิฉันอย่างดีใจว่า น้องลุกนั่งได้แล้ว จากที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ในตอนแรก และเริ่มพูดได้ แต่ไม่ชัด เพราะลิ้นแข็ง จากการกลืนน้ำยาล้างห้องน้ำ

    ดิฉันได้ให้ความอนุเคราะห์ปั่นน้ำ Popatas Juice ให้น้องดื่มทุกวัน วันละ 6 แก้วเป็นเวลา 7 วัน น้องอาการดีขึ้น ตามลำดับ ขณะนั้นยังอยู่โรงพยาบาลอยู่ ดีวันดีคืน เวลาพยาบาลเอายามาให้ ก็จะซ่อนเม็ดยาไว้ในลิ้นชัก ไม่ได้กินยา ตามทฤษฎีโพเพทัส จนแพทย์ที่โรงพยาบาลอนุญาตให้กลับบ้านในวันที่ 17 กันยายน 2553 และสั่งยา 11 อย่างกลับบ้านด้วย และนัดให้ไปพบอีก 2 สัปดาห์ต่อมา คือวันที่ 1ตุลาคม 2553

    น้องได้ดื่มน้ำ Popatas Juice เป็นแบบวันเว้นวัน หลังจาก 7 วันแรกที่ดื่มแบบทุกวัน โดยดิฉันเป็นผู้ปั่นให้ และทางบ้านของน้องจะมารับเอาไป เนื่องจากความลำบากในการเดินทาง ดิฉันจึงประยุกต์การปั่นน้ำ โดยทำเตรียมไว้ 60 ถุง ให้ดื่มได้ 10 วัน โดยใส่ช่องแข็งไว้ และให้ละลายในอุณหภูมิห้องปกติ ทีละถุง แต่ละมื้อ ทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่มาทราบภายหลังจากคุณแม่ของน้องว่า เขาดื่มราว 18 ถุงต่อวัน เนื่องด้วยความหิวโหย เพราะน้ำหนักเขาเหลือแค่ 20 กิโลกรัมตอนออกจากโรงพยาบาล ทั้งผอม ทั้งดำ ทั้งตัวลายไปหมด ขาไม่มีเนื้อหนังเลย แทบหุ้มกระดูกเลยทีเดียว ส่วนวันที่ไม่ได้ดื่มน้ำ Popatas Juice เขาจะทานข้าวโอ๊ต ถุงละ 400 กรัม เขาจะทานได้แค่ วันกว่าก็หมด เพราะคงหิวจัด ร่วมกับกินกับข้าว เพราะตอนแรกผอมยี่งกว่าเด็กเอธิโอเปีย

    การเปลี่ยนแปลงที่พบคือ อาการของเขาดีวันดีคืน มีแรงจากนั่ง เป็นยืน เป็นเดินได้ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล มีแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และผิวที่ลาย ดำคล้ำ ก็ขาวใส และเนียนขึ้น อย่างประหลาดใจ คุณแม่ได้ถ่ายวีดีโอไว้ด้วยเป็นระยะๆ ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งมีกล้ามเนื้อและไขมันมากขึ้นเรื่อยๆ การพูดจากที่พูดไม่ชัด เพราะลิ้นแข็ง ก็พูดได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ

    ส่วนเรื่องการนั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ ดิฉันจะนั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ให้น้อง ร่วมกับนั่งให้คนอื่นๆ อีก เป็น 10 คนได้ในรอบเดียวกัน ให้ได้ครบ 5 รอบต่อวัน ซึ่งแต่ละรอบก็ต้องพูดยาวมาก เพราะนั่งให้หลายๆคนใน 1รอบ น้องยังไม่มีโอกาสได้นั่งเองเลย แต่ตอนหลังพอเขามีแรงขึ้นมา ก็ได้สอนเขานั่งเองด้วย แต่ดิฉันไม่ทราบว่าเขานั่งได้เองกี่รอบต่อวัน แต่ก็แนะนำไปว่าให้นั่ง 5 รอบต่อวันจึงจะได้ stem cell 1 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็ได้นั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ให้เขาเป็นหลักอยู่แล้ว

    จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2553 คุณแม่ก็พาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเดิม ปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นจาก 20 กิโลกรัม เป็น 36 กิโลกรัม ในเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น ขาก็มีกล้ามเนื้อขึ้นมา ผิวก็ขาวผ่องเนียน ไม่มีลาย ไม่ดำอีกต่อไป ทำให้แพทย์ที่ดูแลอยู่ตะลึง เพราะเมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา แพทย์ผู้นี้ได้ลงความเห็นว่าน้องจะต้องตายภายใน ไม่เกิน 3 วัน แต่กลับปาฏิหาริย์ด้วยทฤษฎีโพเพทัส รอดออกมาจากโรงพยาบาล และหายเป็นปกติ คุณแม่อยากขอคุณหมอตรวจเลือดซ้ำให้ แต่คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องตรวจแล้ว อย่างนี้ใม่มีเชื้อโรคแล้ว คุณหมอก็เพิ่งทราบว่าน้องไม่ได้ทานยาที่จัดไว้ให้เลยตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2553 ทั้งวัณโรค ทั้งเชื้อรา ทั้งกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร ปอดอักเสบจากเชื้อพยาธิ หายเป็นปกติ และแถมผิวพรรณขาวใสเป็นยองใยอีกด้วย

    ณ ปัจจุบัน ผ่านมา 3 เดือนแล้ว น้องน้ำหนักขึ้นมาเป็น 39 กิโลกรัม เดินได้เป็นปกติ แข็งแรงขึ้นมาก พูดได้ชัดขึ้น ผิวขาวใส ยิ่งกว่าเดิม และทานอาหารตามทฤษฎีโพเพทัส โดยทานได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ

    ทั้งหมดนี้ เป็นความภูมิใจของดิฉัน และคุณแม่ ที่ได้ช่วยชีวิตน้องให้รอดพ้นจากความตาย และมีชีวิตที่เป็นปกติขึ้น และเป็นการพิสูจน์ถึงความมหัศจรรย์ของทฤษฎีโพเพทัสของคุณหมอแกน โพเพทัส ว่าเป็นทฤษฎีที่วิเศษสุดยอดในโลกใบนี้ จากโรคที่ใครๆก็คิดว่ารักษาไม่หาย แต่ด้วยความมุ่งมั่น ศรัทธา ในทฤษฎีโพเพทัส ดิฉันจึงตั้งใจที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยทฤษฎีโพเพทัส

    ขอขอบพระคุณ คุณหมอแกน อย่างสูงสุด ที่ให้โอกาสดิฉันได้ใช้ทฤษฎีโพเพทัสในการรักษาน้องให้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติ



    ด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธา ในทฤษฎีโพเพทัสและคุณหมอแกน เจ้าของทฤษฎีโพเพทัส

    ทัศนีย์ วงศ์เสนาอารี (พี่ฟ้า)

    02-776829310

    02-8717400

    11 ธันวาคม 2553

    ป.ล.ถ้ามีโอกาส จะได้พาน้องไปตรวจเลือดอีกครั้ง และแจ้งผลให้ทราบค่ะ
     
  3. natee84

    natee84 ตถาคโต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2018
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    ถ้าหลวงพ่อกมล ยกย่องคุณหมอแกนซะขนาดนั้น ก็ควรสึกออกจากเพศบรรพชิต และฝากตัวขอเป็นศิษย์คุณหมอแกนซะ จะได้ไม่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียไปด้วย !

    หลวงพ่อกมล
    เป็นบรรพชิต นักบวชในพุทธศาสนา เป็นศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กลับยกย่องบุคลธรรมดาเป็นโพธิสัตว์ ศีล 5ครบหรือยังก็ไม่รู้ ! แต่หลวงพ่อผู้มีศีล227ข้อ(ถ้ารักษาไว้ครบบารมีย่อมมีเหนือบุคลธรรมดา)กลับยกย่องทฤษฎีโพเพทัส ราวกลับว่าทฤษฎีโพเพทัสเป็นหนทางแก่การดับทุกข์ ทั้งทีเนื้อหาของทฤษฎีก็อิงจากหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาทั้งกระบิ รู้ทั้งรู้ว่านอกจากหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีหลักธรรมใดๆหรือทฤษฎีใดๆ ที่จะนำทางให้ไปถึงทางดับทุกข์ได้

    ช่างเป็นเรื่องหน้าเศร้าที่เหล่าสาวกพยามบิดเบือนหลักธรรมของพุทธศาสนา เป็นเหตุให้เหล่าสาวกเดินไปผิดทางกันใหญ่
     

แชร์หน้านี้

Loading...