ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 29 ตุลาคม 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=5 bgColor=#cccccc align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellPadding=10 width=550 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top> เราคงยอมรับกันว่า ปัจจุบันนี้เป็นยุคเทคโนโลยีที่ทันสมัยทุกด้าน โดยเฉพาะการสื่อสารโทรคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในมุมโลกเราก็รู้ได้ด้วยสื่อวิทยุโทรทัศน์ และปัจจุบันสื่อใหม่ล่าสุดที่ทำให้โลกเราดูจะแคบลงไปนั่นคือ อินเตอร์เนต ที่เปลี่ยนโลกของเราเข้าสู่ยุคไร้พรมแดนจริง ๆ

    แต่เชื่อไหมว่า แม้โลกจะเจริญก้าวหน้าไปมากเพียงใด ปัญหาความทุกข์ยากก็ดูเหมือนจะพัฒนาเจริญตามเป็นเงาติดตามคุกคามชีวิตจิตใจมนุษย์เรามากขึ้น รุนแรงขึ้นไม่ว่าปัญหาโรคร้าย มหันตภัยเอดส์ ปัญหาอาชญากรรม ความเครียด ปัญหาความยากจน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งด้านการเมือง การศาสนา การฆ่าตัวตาย ไม่เว้นแต่ละวัน และล่าสุดที่กระทบต่อชะตากรรมของประเทศชาติอย่างมากที่สุดคือ ปัญหาการระบาดของยาบ้า ยาอี หรือยาเสพย์ติดทุกประเภททั้งที่สังคมมนุษย์มีความเจริญ ก้าวหน้าอยู่แล้ว ทำไมปัญหาจึงมากเหลือเกิน มากเสียจนคนยุคใหม่แทบจะหาความสงบสุขไม่ได้ ในปัจจุบันขาดความอิสระ ขาดความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปทุกที นี่คือประเด็นปัญหาที่น่าพิจารณาในที่นี่ว่า ทำอย่างไรจึงจะมีสุข ในยุคปัจจุบัน

    อันที่จริง ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดเกิดมาจากจิตใจของเรานี้เอง สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงค้นคว้าจนพบแล้วชี้ให้เราดู เปิดเผยให้เราเห็น บอกให้เราฟังตลอดมาตั้ง 2547 ปีว่า โลกนี้ก็คือ ปัญหาหรือความทุกข์ที่เราต้องแก้ไขกันเรื่อยไป ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ..ถึงตอนนี้แล้วเราจะหาความสุขไม่ได้เลยหรืออย่างไรข้อนี้พระพุทธองค์มีพุทธวิธีการสร้างสุขให้เราแล้ว และก็เป็นวิธีง่าย ๆ เชื่อว่าทุกท่านสามารถทำได้ไม่ยาก พุทธวิธีสร้างสุขดังกล่าวก็คือ

    ประการแรก การให้ การเสียสละ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปัน ซึ่งเป็นคำที่เราคุ้นเคย และไม่ว่าจะเป็นสิ่งของปัจจัยสี่ หรือแม้แต่การให้ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำ ให้กำลังใจ ให้น้ำใจ ให้เกียรติ ให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างสรรค์แก่เพื่อนร่วมทุกข์ในวัฎสงสารนี้ แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานอ่อนแอกว่าเรา พุทธวิธีข้อนี้ เรียกว่า " ทาน" คือ การให้นั้นเป็นการประสานมิตรภาพได้เป็นอย่างดี ผู้ให้ยอมเป็นที่รักของผู้รับ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ดังคำพระองค์ตรัสว่า "ทะทะมาโน ปิโย โหติ แปลว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก" และพร้อมกันนี้ก็มีคำโคลงโลกนิติสอนไว้น่าฟังว่า..

    <TABLE border=0 cellPadding=10 align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD>
    " ให้ท่านท่านจักให้
    ไหว้ท่านท่านจักปอง
    รักท่านท่านจักครอง
    สามสิ่งนี้เว้นไว้
    </TD><TD>ตอบสนอง
    นอบไหว้
    ความรัก เรานา
    แต่ผู้ทุรชน "
    </TD></TR></TBODY></TABLE> ประการที่สอง การรู้จักสำรวมระมัดระวังควบคุมกิริยาอาการที่ทำ คำที่พูดให้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ประโยชน์ ไม่เป็นการเบียดเบียนตัวเองและคนรอบข้าง ไม่กระทบกระเทือนความสงบสุขของครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และประชาคมโลก ทั้งหมดนี้ เรียกว่า "ศีล" ทางกายได้แก่การหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ทำความเดือดร้อนทั้งหลายไม่เบียดเบียนทำร้ายร่างกายทั้งตัวเอง และคนอื่นด้วยจิตใจโหดเหี้ยม ด้วยความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทที่เรียกว่า ปาณาติปาตา เวระมะณี ไม่หยิบฉวย ลักขโมย จี้ปล้น หลอกลวง ฉ้อฉล ด้วยกลโกงเอาสิ่งของผู้อื่น มาเป็นของตัวเอง เรียกว่า อะทินนาทานา เวระมะณี และไม่ล่วงละเมิด บุตร ธิดา ภริยา สามีของคนอื่น ในทางเพศ เชิงชู้สาว ชายหนุ่ม อันผิดศีลธรรมจรรยา และกฎหมายก่อให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัวตระกูลของเราเอง และคนอื่น ที่เรียกว่า กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี ทั้ง 3 ประการนี้เรียกว่า "กายสุจริต" ในส่วนคำพูดนั้น พยายามหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิก การพูดคำเท็จ คำหยาบ คอส่อเสียด ยุแหย่ให้คนเขาทะเลาะเข้าใจผิดต่อกัน ไม่พูดเรื่องไร้สาระเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อเกินจริง รวม 4 ประการนี้ เรียกว่า "วจีสุจริต" นอกจากนี้ การมีสติควบคุมตัวเองให้งดเว้น ละเลิกจากเสพ การส่งเสริม สนับสนุนค้าขายสิ่งเสพย์ติดมึนเมาที่ทำลายสุขภาพสติปัญญา เสียทรัพย์สิน เกียรติและศักดิ์ศรี วงศ์ตระกูลที่รู้จักกันว่า สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานาเวระมะณี ใครมีศีลถือว่ามีเครื่องประดับที่งดงาม สง่าอาจหาญในทุกสถานที่ ทุกเวลาทุกสมาคม ดังพระบาลีว่า "สีลัง อาภะระณัง เสฎฐัง ศีลเป็นเครื่องประดับที่ยอดเยี่ยม" นอกจากนี้ศีลยังเป็นเครื่องหอมประดับชีวิตเกียรติศักดิ์วงศ์ตระกูลหอมติดแน่นทนทานตลอดเวลา ยิ่งกว่าของหอมใดๆ ในโลก ดังมีคำโคลงโลกนิติให้ข้อคิดไว้ว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...