ที่อนุมานนิพพานไม่ได้เพราะสักกายทิฎฐิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 25 กรกฎาคม 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    การที่หลายๆ คนยังไม่เข้าใจ และไม่อาจจะรู้ได้ว่า นิพพานเ็ป็นอย่างไรนั้นก็เพราะว่า สักกายทิฎฐิยังละไม่ขาด บางท่านก็ว่า นิพพานไม่มีตัวตน
    บางท่านก็ว่า นิพพานมีตัวตน
    ก็เป็นที่มาว่า ตกลง นิพพานเป็นอัตตา หรือ อนัตตา หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง มันอย่างไรกันแน่ มันคลุมเครือ

    ก่อนอื่นจะเข้าใจนิพพานได้ให้พิจารณา ตามไปดังนี้

    1 แขนเราขาเรา หัวเราตัวเรา ที่เป็นมนุษย์อยู่นี้ คือ กายถาวรของเราหรือไม่

    เมื่อไม่ใช่ แล้วอะไร เราก็ไล่มาดูที่นามธรรม

    2 สังขาร ของเรา ความรู้สึกของเราหรือที่เป็นเรา ความจำของเราหรือที่เป็นเรา
    สรุป
    เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นเราหรือ ให้พิจารณาดูว่า เมื่อเวทนาเกิด เดี๋ยวเกิดเดี๋ยวดับ ถ้าเป็นเราจริงต้องอยู่กับเราตลอด
    ความจำก็ไม่ใช่เีรา
    สังขารก็ไม่่ใช่เรา
    เพราะว่า มันเกิดขึ้นมาเมื่อเราให้มันเกิด แล้วมันต้องดับไป

    แล้วอะไรที่เป็นเราหละ ทีนี้ไล่ไปดูให้ครบก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร นิยามได้ถึงความเป็นตัวตนของเราสักอย่างเดียว

    ก็สรุปว่า ความไม่มีอะไรเลยสักอย่างนั่นแหละ ที่เป็นเรา แต่ว่าความไม่มีอะไรเลยนั้นมันเป็น จิตที่จะเข้าไปรับรู้ได้ในทุกๆอย่าง

    นั่นแหละคือ ความไม่มีอะไรเลย นั่นแหละนิพพานที่จิต จิตก็ไม่ใช่จิตที่แบ่งเป็นเฉพาะตน จิตนั้นแหละเป็นทั่วไปเป็นสากลไป พระศาสดาพระสงฆ์สาวกก็อยู่ที่นิพพานนั้น แต่เป็นทั้งเอกสิทธิ์และไม่แบ่งแยก พูดไปพูดมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

    ดังนั้น การที่เราจะเห็นนิพพานและเข้าใจได้ จะต้อง ละสักกายทิฎฐิจนแจ้งเสียก่อน จึงจะมองกลับทิศกับโลกมอง คือ ทุกๆอย่างที่ออกจากเรา เป็นเพียงอุปกรณ์ภายนอก ขันธ์ 5 นั้นก็เปรียบเหมือนอาภรณ์ เครื่องประดับ หรือ เครื่องมือ ที่เราหยิบใช้มัน

    ใครเข้าใจความหมายนี้แจ่มแจ้งถือว่า วิปัสสนาญาณยอดเยี่ยม พ้นจากอบายภูมิแน่
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์ ๕
    ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตนของเรา

    ผู้ใดแจ้งในขันธ์ ๕ ผู้นั้นหละเข้าใกล้พระนิพพาน

    ;aa24
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อนุโมทนาครับ ขอให้ญาณเกิด แก่ท่านและผู้อื่นรวมทั้งข้าพเจ้าเช่นกัน
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ละสักกายทิฎฐิ มีความสำคัญมาก......โมทนาสาธุธรรมครับ...
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สิ่งใดๆ ที่พระศาสดาพูด ท่านพูดตรงๆ แล้ว แต่ว่าเรามองไม่เห็นกันเอง
    และใครก็ตามที่เห็น จะเห็นตรงกันเหมือนกับ ที่พระศาสดาพูดทุกประการ แล้วจะซึ้งในคำพูดท่าน อย่างกับว่า เราฟังจากตัวท่านเองเลย

    ทีนี้ เมื่อซึ้่งในธรรมแล้ว อจลศรัทธาย่อมเกิด และอัศจรรย์ใจว่า พระอรหันต์ท่านรักษาพระไตรปิฎกมาอย่่างไร ตั้ง 2500 กว่าปีั โดยไม่ให้คลาดเคลื่อนได้เลย สักนิด

    เวลาผ่านไป 2500 ปี ก็ยังเหมือนเดิม นี่แหละ จึงว่าพระไตรปิฎกสำคัญมาก เราจะปลื้มใจในผลก็เพราะว่า มีพระสูตรรองรับ การกระทำของเราเป็นส่วนๆ รับสอดคล้องกันไปเสมอ

    ทีนี้ใครที่พูด ไม่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก นี่มันไม่รู้ มันโง่ แล้วอวดดีว่า พระไตรปิฎกไม่ตรงบ้าง หรือ บิดเบือนด้วยการตีความจากปัญญาตน นี่ เสียหายมาก

    ตราบใดที่เรายังไม่เห็นด้วย ตัวเองเป็นปัจจัตตัง ตามพระไตรปิฎกแล้ว ชื่อว่า เรายังห่างกับพระศาสดา เพราะพระศาสดาพูดเอาไว้ว่า

    1 พระธรรมและพระวินัยที่เรากล่าวไว้ จะเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราตถาคต
    2 ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต ( เห็นตามกันไปไม่ห่างกัน ดังเห็นพระศาสดามาสอนเอง ตามสมมติที่บุคคลนั้นจะมีวาสนาให้สอดคล้องกับธรรมของตน )
    3 ธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ดังนั้น ธรรมจะเกิดจากตนเองไม่ใช่ฟัง
    ฟังรับมา แล้วจำได้ ไม่ใช่ธรรม เป็นของปลอม แต่หากฟังแล้วรู้แล้วปฏิบัติ เกิดเองในใจเอง เรียกว่า ธรรมแท้ ไม่เลือน

    สามประการนี้แหละ จะเป็นตัวบอก ธรรมที่ถูกต้อง
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สำคัญ คือ ปลอกเปลือก ออกให้หมด ให้ได้ ให้เป็น

    1 ทำศีล ให้บริสุทธิ์

    2 ทำสมาธิ ให้จิตบริสุทธิ์

    3 ปลอก ขันธ์ 5 ออก เมื่อเจอกองขันธ์ ตัวใด ละทันที เช่นมหาสติไปจับได้ว่า นี่คือสัญญา ก็ละสัญญาทันที มหาสติไปจับสังขาร หรือ ผัสสะใดๆ ได้ให้ละทันที

    แล้วจะเห็น ว่าความไม่มีอะไรนั้นเป็นอย่างไร เมื่อเห็นว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตนนั้น เมื่อเกิด
    อาสวะ และ อวิชชา ตีขึ้นมาเมื่อไร มันจะทำให้เรามีอารมณ์ ให้ขุ่นมัว ให้เคลิ้มไป
    นี่แหละ ให้เอาธรรมที่ ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา แล้วตัณหาที่จะทะยานอยากจะดับไป ให้เอาจิตเอาใจ ถอนอาสวะทั้งหลาย ให้ได้

    มันจะเห็น แม้แต่จิต ที่เป็นเจตสิกแห่งสมมติต่างๆ ไม่ใช่เราเลย สรรพทุกข์จะย่นเหลือ เป็น ผัสสะ และ ผัสสะจะย่นเหลือเป็น นามรูป และ อวิชชา แล้วดับไปในที่สุด

    แล้วเมื่อเราเจอกิเลสภายนอก เราจะไม่กังวลเลย เพราะทราบดีว่า ทุกข์ที่เกิด ไม่ใช่เรา

    ขอเอาธรรมนี้บูชา พระศาสดา คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีบุญคุณทุกผุ้ทุกนาม แต่อดีตชาติ จนถึงพระนิพพาน
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    พระไตรปิฏกแน่นอน...ตรงตัว....ไม่ต้องแปลความอะไรมาก.....

    แต่ไม่เข้าใจหากจะแปลได้แน่นอนที่สุดก็อรรถกถา......

    เพราะอายุของอรรถกถา ไม่ต่ำกว่า 1000 ปี.....อย่างน้อยก็ใกล้มากกว่าเรา.....และครูบาอาจารย์ทั้งหลายต่างยกย่องอรรถกถาเช่นกัน.....

    ยกตัวอย่างอรรถกถา เช่น วิสุทธิมรรค ผู้เรียบเรียงคือพระพุทธโฆสาจารย์ อรรถกถาจารย์ ที่เป็นพระอรหันต์เจ้าปฏิสัมภิทา เป็นต้น...

    อย่างไรก็ดีควรยึดหลักไว้เป็นสำคัญ....ท่านกล่าวไว้ถูกแล้ว...
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สำคัญมาก คือ มหาสติ

    คำว่า มหาสติ นี้จะเกิดได้ต้องมีอินทรีย์มาก ต้องมีสมาธิดี

    ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า นั้นหมายความว่า มองดูว่าสิ่งใดเกิดกับเรา ในทุกๆ ด้าน ทั้ง
    ความคิดนึก ความรู้สึก อารมณ์ ให้ดำรงสติเอาไว้ตรงหน้า คอยมองดูสิ่งเหล่านี้ เกิด ดับ ไป

    แล้วศึกษาว่า แต่ละอย่างมันมีความแตกต่างกันอย่างไร เช่น อกุศลจิต กุศลจิตตัวใด มีลักษณะอย่างไร นี่เรียกว่าดำรงสติเอาไว้เฉพาะหน้า

    แยก กองจิต กองเวทนาออกให้หมด แล้วแยกมันออกจากกันให้หมด จะปรากฎ เห็น ปฏิจสมุบาท หรือ ปัจจยาการแห่งทุกข์ ชัดเจนเอง ว่า ทุกข์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงอวิชชาล้วนๆ ก็จะดับทุกข์ได้ เป็นนิโรธ

    แล้วจะเห็นทางเอง ว่าทางแบบใดที่ต้องเดินไปเพื่อ มรรคผล ที่ตรงทาง

    พิจารณากันให้มาก ปัญญาที่ผมบอกนี่มันผุดขึ้นมาไม่ค่อยจะบ่อย

    อย่าไปดูถูกธรรม เพราะขึ้นชื่อว่าธรรมนั้น มันครอบหมด มองให้มองธรรม ดังคนกินอาหารไม่เห็นหน้าพ่อครัว ก็รู้สึกอร่อยในอาหารนั้น

    นั่นแหละเช่นเดียวกัน อ่านธรรมของผม ให้ดังคนกินอาหารไม่เห็นหน้าพ่อครัว แล้วหยิบฉวยธรรมไปให้ได้

    ขอตัว
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    แล้วธรรมที่อาจารย์ขันธ์กล่าวเนี่ย

    เป็นธรรมะที่เป็นธรรมชาติ ที่ ลพ.องค์หนึ่งท่านกล่าว
    (แล้ว ลพ.สงบ ท่านแย้งว่า...)

    หรือว่าเป็นธรรมที่เหนือธรรมชาติ ???


    (smile)
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เป็นธรรมที่พ้นจากโลก และ กฎเกณฑ์แห่งสมมติทั่วไป
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มหาสติ ถ้าทำก็ไ่ม่ต้องกังวลใด ๆ ในสติฐาน ไม่ว่า ฐานใด ก็เกี่ยวเนื่องกันไปหมด กาย เวทนา จิต ธรรม ย่นมาจากกองทุกข์ทั้งสิ้น เช่น

    ดูกาย เน้นไปที่จักษุ เห็นการรับรู้ไปทางวิญญาณทางตา ก่อตัณหาก็ดำเนินไปที่จิต เริ่มกระส่าย สะเทือนไปถึงเวทนา หรือพิจารณาขันธ์รับรู้ทางตา เข้ามโน ก่อนตัณหา

    อันว่ามหาสติ มีสี่ ถ้าเป้าหมายดี มองลงไปที่ทุกข์ ก็ได้รวดเร็วสี่อย่าง ไม่มีแบ่งแยก ^-^
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ความเสถียรของจิตใจ และสติปัญญา จะเป็นตัวบอกว่า ผลที่เราได้นั้นเป็นอย่างไร ให้ได้ชุ่มเย็น

    ทีนี้ คนไม่รู้จักผลตามลำดับของตน ก็จะไม่มีที่ยืนที่นั่ง เวลาที่มันร้อน มันก็ต้องยอมอดทน
    จนกว่ามันจะดับไปเอง เปรียบเหมือน

    คนที่เป็นทาส เมื่อเจ้านายเขาจะตบหัว เขาจะถีบหน้าด่าแม่ ก็ต้องอยู่เฉยๆ ยอมทน
    นั่นแหละเรียกว่า โดนกิเลสข่มเอา ยังไม่รู้ตัว ไม่กล้าแม้จะเถียง หรือ จะต่อต้านด้วยความคิดนึกของตนเอง อยากจะหัวเราะในความเขลา ของทาส

    ทีนี้ คนมีกำลังมีอำนาจ ก็มีฌาณ มีสมาธิ เอาไว้หลบกำลังแห่ง มาร แห่งกิเลสมาร
    ดังที่พระศาสดากล่าวเอาไว้ในพระสูตร เพื่อให้ สาวกของพระองค์รู้ัจักที่จะหลบไปอยู่ใน ฌาณ ระหว่างเดินทางไป สู่พระนิพพาน

    แต่สาวกของเทวทัต ได้ตามมาเกิดในยุคนี้ บอกว่า สมาธิไม่จำเป็น อย่าไปเพียร

    จริงอยู่ว่าในเริ่มต้นนั้น เราอาจจะเริ่มด้วย ศีล หรือ สมาธิ หรือ ปัญญา ตามจริต แต่ว่า สามตัวนั้นต้องอบรมไปทั้งหมด ให้เกิดความสมดุล แห่งจิต ระหว่างเดินไปตามทางพระนิพพาน

    ขอยืนยัน นอนยัน ว่า การปฏิบัติธรรม ต้อง ทำให้ครบ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตามภูมิของตน เท่าที่จะทำได้ และ ต้องฝึก ต้องพัฒนา ทั้งสาม ให้สมบูรณ์

    ขอให้ทำจุดพักใจ หรือ ฌาณ ให้เป็น
    ซึ่งจะต้องคำนึงว่า สมาธิใดๆ ก็ตาม ขอให้เอาความเบิกบาน ให้เอากุศลเข้าสัมประยุต หรือ เข้าไปประกอบกับการเจริญสมาธินั้น ดังนั้น อนุสติ นี้สำคัญมาก คือ น้อมจิตให้เกิดกุศลก่อน ให้จิตอิ่มเอิบในกุศลนั้น แล้วจึงทำสมาธิในระดับฌาณ จิตที่มีเมตตาชุ่มเย็น
    จิตที่ระลึกถึงเทวดา ระลึกถึงคุณพระธรรมพระสงฆ์ จะชุ่มเย็น แล้วจึงเอาจิตที่ชุ่มเย็นนั้นเจริญ ฌาณ จึงจะ เป็นสัมมาสมาธิ ที่ทำให้เราเบิกบาน และมีจิตอยู่ในระดับ เทวดา และพรหม

    ปราศจากนิวรณ์ และ มีกำลัง มีฤทธิ์ มีอำนาจ ตบะอยู่ในนั้น
     
  13. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แต่จริงๆการจะอนุมานพระนิพพานไม่ได้นั้น ผมว่าไม่ใช่แค่สักกายทิฐิอย่างเดียวหรอกครับ แต่ตัวใหญ่ที่คอยกั้นก็คือตัวนี้แหละ แต่กิเลสทุกตัวมีความสามารถบิดเบือนความเป็นจริงได้หมด ทุกกรณีเลยครับ ซึ่งความปนเปื้อนใดที่เกิดขึ้นก็ย่อมมีผลทั้งหมดครับ ไม่ใช่ธรรมครับ เป็นเหตุผลของผมครับ
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ก็ทิ้งเหตุผลที่ไม่ใช่ธรรมออกไปบ้างสิ
     
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมมีภูมิไม่พอจะกล่าวธรรมหรอกครับเลยใช่เหตุผลแทนครับ
     
  16. ธัชกร

    ธัชกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,040
    กระทู้นี้ ลึกซึ้งกันจริงๆครับ อวิชชาเป็นต้นเหตุใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2009
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อะไรที่เป็นธรรม จะมีพระสูตรรองรับเสมอ
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เอาทัสนะให้เห็นอันดับแรก คือ กายนี้ไม่ใช่เรา เป็นเพียง ดิน น้ำ ลม ไฟ
    สิ่งเหล่านั้นมันรู้สึกไม่ได้

    ก็หันมาดูที่ใจ ใจนี้ รู้สึกนึกคิดได้ ก็ให้ พิจารณาว่า คิดหรือ ที่เป็นเรา เมื่อมันดับไป ก็ทำไมเรายังอยู่

    ปลอกไปเรื่อยๆ จะเห็นเองว่า วิมุตติอยู่ตรงไหน
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เมื่อ รู้ธรรมอะไรแล้ว ให้หมั่นเอาไป เผยแพร่กับคนรอบข้าง ด้วยการทำตนให้ดี ให้ปกติ ให้สุข จนคนรอบข้างเขาเห็น แล้วเขาจะวิ่งเข้ามาถามเอง เมื่อเขามาถามแล้วให้บอกธรรม อันเหมาะสม ต่อภูมิปัญญาเขา

    การกระทำดังนี้ได้ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า แล้วกุศลนั้นจะผลักดันให้ คนกระทำแบบนี้มี ปัญญา ที่ถูกต้อง จนถึงพระนิพพานในที่สุด จนทำให้ธรรมนั้นแผ่ออกไปรอบๆ ตัว กระจายไป จนทั้งโลก ก็จะทำให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ขันธ์๕เป็นภาระแล
    ก็บุคคลเป็นผู้นำภาระไป
    การถือเอาภาระเป็นทุกข์ในโลก
    การปลงภาระเสียเป็นสุข
    บุคคลทิ้งภาระอันหนักเสียแล้ว
    ไม่ฉวยเอาสิ่งอื่นเป็นภาระอีก
    ถอนตัณหาพร้อมทั้งรากได้แล้ว
    หมดความปรารถนาแล้ว ปรินิพพาน ดังนี้แล

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...