ท่านพระมหาโมคคัลลานะ อวดอุตตริมนุสสธรรม

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 4 สิงหาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๔๒๗/๗๕๔
    เรื่องอัฏฐิสังขลิกเปรต
    [๒๙๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็น
    สถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระ
    มหาโมคคัลลานะอยู่ ณ คิชฌกูฏบรรพต ครั้นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคคัลลานะครองอันตรวาสก
    แล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปหาท่านพระลักขณะจนถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้กะท่านพระลักขณะ
    ว่า อาวุโส ลักขณะมาเถิด เราจะเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ด้วยกัน ท่านพระลักขณะรับคำ
    ท่านมหาโมคคัลลานะว่า ได้ อาวุโส
    ขณะที่ท่านพระมหาโมคคัลลานะ กำลังลงจากคิชฌกูฏบรรพตนั้น ได้แย้มให้ปรากฏ ณ
    ประเทศแห่งหนึ่ง จึงท่านพระลักขณะได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า อาวุโส มหาโมคคัลลานะ
    อะไรหนอ เป็นเหตุ อะไรหนอ เป็นปัจจัยให้แย้ม?
    ม. อาวุโส ลักขณะ ยังไม่สมควรที่จะพยากรณ์ปัญหานี้ ท่านจงถามปัญหานี้กะผม
    ในสำนักพระผู้มีพระภาคเถิด
    ครั้นท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ กลับ
    จากบิณฑบาตในเวลาภายหลังภัตรแล้ว จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
    นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ท่านพระลักขณะได้กล่าวคำนี้กะท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่าน
    พระมหาโมคคัลลานะ เมื่อกำลังลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้ทำการแย้มให้
    ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง อาวุโส โมคคัลลานะ อะไรหนอ เป็นเหตุ อะไรหนอ เป็น
    ปัจจัยให้แย้ม
    ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร
    ราชคฤห์นี้ ได้เห็นอัฏฐิสังขลิกเปรตมีแต่ร่างกระดูก ลอยไปในเวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนก
    ตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งตามช่องซี่โครง สะบัดซึ่งเปรต
    นั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง อาวุโส ผมนั้นได้คิดเช่นนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ น่า
    ประหลาดจริงหนอ ที่สัตว์แม้เห็นปานนี้ ยักษ์แม้เห็นปานนี้ เปรตแม้เห็นปานนี้ การได้อัตภาพ
    แม้เห็นปานนี้ก็มีอยู่
    ภิกษุทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ท่านพระมหาโมคคัลลานะอวดอุตตริมนุสสธรรม
    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลาย
    ย่อมเป็นผู้มีจักษุอยู่ ย่อมเป็นผู้มีญาณอยู่ เพราะสาวกได้รู้ได้เห็น หรือได้ทำสัตว์เช่นนี้ให้เป็น
    พยานแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อกาลก่อนเราก็ได้เห็นสัตว์นั้น แต่เราไม่ได้พยากรณ์ ถ้าเรา
    พยากรณ์สัตว์นั้น และคนอื่นไม่เชื่อเรา ข้อนั้นก็จะพึงเป็นไปเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
    เพื่อทุกข์ แก่เขาเหล่านั้นสิ้นกาลนาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์นั้นเคยเป็นคนฆ่าโคอยู่ในพระนคร
    ราชคฤห์นี่เอง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เขาหมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลาย
    พันปี หลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น แหละที่ยังเป็นส่วน
    เหลืออยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.
     
  2. mongko

    mongko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +329
    ตรงไหนที่ทำให้คุณคิดว่าพระมหาโมคคัลลานะอวดอุตตริมนุสสธรรมครับ
     
  3. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218


    การเห็นเปรตด้วยทิพยจักษุของท่านพระมหาโมคคัลลานะ เป็น อุตตริมนุสสธรรม (ธรรมอันเหนือวิสัยของคนธรรมดา)


    ภิกษุที่เพ่งโทษโพนทะนา บ่งบอกถึงว่า ตนเองไม่มีทิพยจักษุ (ทิพพจักขุญาณ) และการเพ่งโทษติเตียนซึ่งพระอรหันต์นั้น ย่อมบ่งบอกว่า ภิกษุเหล่านั้นมิใช่พระอริยบุคคล เพราะพระอริยบุคคล จะไม่เพ่งโทษใคร มีแต่จะเพ่งโทษตัวเอง อบรมตัวเอง สั่งสอนตัวเอง ยกเว้น พระอริยบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ จึงต้องทำการอบรมสั่งสอนผู้ที่เกี่ยวข้อง


    แต่ก็เป็นธรรมดาที่ปุถุชน ไม่ว่าพระหรือฆราวาส จะชอบการเพ่งโทษและติเตียนผู้อื่น ไม่ชอบเพ่งโทษในตนเอง ไม่ชอบดูตนเอง แต่ชอบดูผู้อื่น แล้วหาโอกาสเหยียบย่ำซ้ำเติม นี้เป็นเรื่องที่เป็นปรกติธรรมดาที่สุดของปุถุชน


    พระวินัยบัญญัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมทรงไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยแห่งหมู่สงฆ์ และเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ใฝ่ธรรม (ไม่ใช่แก่ผู้ที่ใฝ่อธรรม) ผู้ที่ต้องการที่จะฝึกฝนตนเอง พัฒนาตนเอง


    พระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อจ้องจับผิดใคร แต่มีเอาไว้เพื่อควบคุมตนเอง เพื่อฝึกฝนตนเอง จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์ของตนเองด้วยตนเอง


    พระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงปรับอาบัติแก่ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เป็นการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านเป็นผู้ที่อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว และ ท่านก็รู้จริง เห็นจริง ไม่ได้กล่าวเท็จ ท่านจึงไม่ได้ทำการอวดอุตตริมนุสสธรรมอันไม่มีในตนแต่ประการใด และ ก็ไม่ได้ปกปิดความสามารถของตนเอง ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญแห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย


    พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ด้วยกันเท่านั้น จึงเล็งเห็นความสามารถที่แท้จริงของท่าน แต่ปุถุชนทั้งหลาย หาได้รู้ถึงความสามารถของท่านไม่ จึงจ้องแต่จะจับผิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหาได้เกิดประโยชน์อันใดไม่ ซ้ำยังก่อเวรก่อกรรมโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวอีกด้วย


    องค์หลวงปู่มั่นฯก็ตาม องค์หลวงพ่อฤาษีฯก็ตาม องค์หลวงปู่บ้านตาดก็ตาม ฯลฯ ย่อมแสดงธรรมโดยไม่หวาดหวั่น เรียกว่า บันลือสีหนาท


    โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่นำเอาวิชชามโนมยิทธิมาสอน ซึ่งมีผู้ที่ได้รับผลประจักษ์แก่ตนเองเป็นอันมาก ยืนยันได้ว่า นรก สวรรค์ พรหมโลก และ พระนิพพาน ย่อมมีอยู่จริง นี้ก็เป็นอุตตริมนุสสธรรมเช่นกัน เพราะย่อมไม่เกิดแก่คนทั่วไป


    องค์หลวงปู่มั่นฯเอง ก็ยืนยันว่า ได้พบกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เสด็จดับขันธ์ไปแล้วจำนวนมากมาย เสด็จมาเยี่ยมและแสดงสัมโมทนียกถา เมื่อคราวที่องค์หลวงปู่มั่นฯ ได้สำเร็จธรรมใหม่ๆ นี้ก็เป็นอุตตริมนุสสธรรมเช่นกัน ทั้งยังไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกด้วย


    องค์หลวงปู่บ้านตาด (หลวงตามหาบัว) ประกาศตนเองชัดเจนว่า จบกิจพรหมจรรย์แล้ว และออกมาช่วยชาติอย่างเต็มตัว นี้ก็เป็นอุตตริมนุสสธรรมเช่นกัน


    ผู้ที่อ่านแต่ตำรา ก็เหมือนกับดูแต่แผนที่ แต่ยังไม่ได้ออกเดินทางไปไหน


    แต่ผู้ที่เดินทางไปถึงสถานที่นั้นๆ แล้ว เช่น ไปต่างประเทศ ก็ย่อมรู้อะไรเห็นอะไรมากกว่าผู้ที่ยังไม่เคยได้ไป นี้เป็นเรื่องธรรมดา


    ฉะนั้น ขอให้เราทุกคนจงร่วมแรงร่วมใจกันศึกษาและปฏิบัติธรรม เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งพระบวรพุทธศาสนาเถิด เปิดใจให้กว้าง มองไปข้างหน้า เพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งมวล


    ให้พระธรรมของพระพุทธเจ้าอันประเสริฐ สาดส่องแสงธรรมนำทางแก่มวลมนุษยชาติสืบต่อไปตราบนานเท่านานเทอญ



    ขอเจริญพร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมตั้งกระทู้ มีข้อจำกัดเรื่องความยาวของหัวข้อกระทู้ครับ ศึกษาพระธรรมอย่าพิจารณาแต่ห้วข้อของกระทู้ครับ ต้องพิจารณาเนื้อหาของพระสูตรทั้งหมดครับ ผมตั้งชื่อกระทู้ ทำให้ท่าน mongko เข้าใจผิด ผมขอโทษด้วยนะครับ พระคุณเจ้าได้แสดงธรรม ตอบคำถามไว้แล้ว ดีแล้ว ชอบแล้ว อนุโมทนาบุญครับ
     
  5. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ผมก็เคยเจอ ตอนไปบวชอยู่ที่วัด
     

แชร์หน้านี้

Loading...