ธรรมที่ไม่ให้เนิ่นช้า คืออะไร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 11 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    ข้าแต่พระนาคเสน สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีเครื่องไม่เนิ่นช้าเป็นที่มายินดี จงยินดีในเครื่องไม่เนิ่นช้า” ดังนี้ โยมขอถามว่า เครื่องไม่เนิ่นช้านั้นได้แก่อะไร ?”

    พระนาคเสนตอบว่า
    “ขอถวายพระพร เครื่องไม่เนิ่นช้าได้แก่ โสดาปัตติผล สกิทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตผล
    พระเจ้ามิลินท์ชักถามต่อไปว่า
    “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระโสดาปัตติผลตลอดถึงอรหัตผลเป็นเครื่องไม่เนิ่นช้าแล้ว เหตุใดภิกษุทั้งหลายจึงเล่าเรียนสอบถามซึ่งพระพุทธวจนมีองค์ ๙ คือ
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อติวุตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ (รวมเรียกพระไตรปิฏก) อยู่ และยังเกี่ยวข้องอยู่กับนวกรรม คือการก่อสร้าง และเกี่ยวข้องอยู่กับทาน การบูชา ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่ากระทำกรรมที่ทรงห้ามไม่ใช่หรือ ?”
    พระนาคเสนชี้แจงว่า
    “ขอถวายพระพร ภิกษุเหล่าใดยังเล่าเรียนสอบถามอยู่ ยังเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอยู่ ยังเกี่ยวข้องกับทานอยู่ เกี่ยวข้องกับการบูชาอยู่ ภิกษุเหล่านั้นทั้งสิ้น ชื่อว่า กระทำเพื่อถึงเครื่องไม่เนิ่นช้าทั้งนั้น
    ขอถวายพระพร ภิกษุเหล่าใดบริสุทธิ์ตามสภาพอยู่แล้ว มีวาสนาบารมีอันได้อบรมไว้ในปางก่อนมาแล้ว ภิกษุเหล่านั้นย่อมเป็นผู้ไม่มีเครื่องเนิ่นช้า ด้วยขณะแห่งจิตดวงเดียว (ได้บรรลุมรรคผลในชั่วขณะจิตเดียว)
    ส่วนภิกษุเหล่าใด ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ภิกษุเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ไม่มีเครื่องเนิ่นช้าด้วยประโยค คือยังต้องบำเพ็ญบารมีด้วยสิ่งเหล่านี้อยู่
    เนื้อความข้อนี้ควรทราบด้วยอุปมา คือสมมุติว่ามีบุรุษชาวนาผู้หนึ่ง หว่านพืชลงในนาแล้ว ก็เก็บผลแห่งพืชข้าว ได้ด้วยกำลังและความเพียรของตน โดยไม่ต้องล้อมรั่วก็มี บุรุษอีกคนหนึ่ง หว่านพืชลงในนาแล้ว ต้องเข้าป่าตัดเอากิ่งไม้ ใบไม้ และหลักรั่ว มาทำรั่ว จึงได้ผลแห่งพืชข้าว
    การแสวงหาเครื่องล้อมรั่วนั้น ก็เพื่อพืชข้าวฉันใด ภิกษุเหล่าใดบริสุทธิ์อยู่ตามสภาพแล้วได้อบรมวาสนาบารมีไว้ในปางก่อนแล้ว ภิกษุเหล่านั้นก็เป็นผู้ไม่มีเครื่องเนิ่นช้า ด้วยขณะจิตเดียว เปรียบเหมือนบุรุษที่ได้ข้าวด้วยไม่ต้องล้อมรั่วฉะนั้น
    ส่วนภิกษุเหล่าใดยังศึกษาอยู่ ภิกษุเหล่านั้นย่อมเป็นผู้ชื่อว่าไม่เนิ่นช้า ด้วยการบำเพ็ญบารมีสิ่งเหล่านี้ เหมือนกับบุรุษที่ล้อมรั่ว แล้วจึงได้ข้าวฉะนั้น
    อีกประการหนึ่ง ขั่วผลไม้ย่อมอยู่บนยอดต้นไม้ มีผู้มีฤทธิ์คนใดคนหนึ่ง มาถึงต้นไม้ใหญ่นั้น ก็นำเอาผลไม้นั้นไปได้ทีเดียว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ไม่มีฤทธิ์ เมื่อมาถึงต้นไม้นั้นแล้ว ต้องหาตัดไม้และเถาวัลย์มาผูกเป็นพะอง พาดขึ้นบนต้นไม้ใหญ่นั้น จึงเก็บเอาผลไปได้
    การที่บุรุษนั้นหาไม้มาทำพะอง ก็เพื่อต้องการผลไม้ฉันใด ภิกษุเหล่าใดบริสุทธิ์อยู่ตามสภาพแล้ว ได้อบรมวาสนาบารมีแล้วภิกษุเหล่านั้นก็เป็นผู้ไม่เนิ่นช้า คือสำเร็จได้ด้วยขณะจิตเดียวเท่านั้น เปรียบเหมือนผู้มีฤทธิ์นำผลไม้นั้นไปได้ฉะนั้น
    ส่วนพวกที่ยังศึกษาอยู่ ก็ย่อมสำเร็จมรรคผล ด้วยการบำเพ็ญบารมีสิ่งเหล่านี้เหมือนกับบุรุษนำผลไม้ไปได้ ด้วยอาศัยมีพระองค์พาดขึ้นไปฉะนั้น
    อีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับผู้จะทำประโยชน์ คนหนึ่งมีความเข้าใจดี ก็ทำให้สำเร็จได้โดยลำพังผู้ดียว อีกคนหนึ่งเป็นคนมีพรัพย์ แต่ไม่เข้าใจดี ต้องจ้างคนอื่นให้ช่วยทำจึงสำเร็จได้การที่บุรุษนั้นมีทัรพย์ จ้างคนอื่นก็เพื่อกิจธุระนั้นฉันใด
    พวกใดที่บริสุทธิ์ตามสภาพแล้วได้อบรมวาสนามีไว้ในปางก่อนแล้ว พวกนั้นก็ได้สำเร็จอภิญญา ๖ ด้วยขณะจิตเดียว เปรียบเหมือนบุรุษสำเร็จประโยชน์โดยลำพังผู้เดียวฉะนั้น
    ส่วนพวกใดยังศึกษาอยู่ พวกนั้นย่อมสำเร็จอริยสัจ ด้วยการบำเพ็ญบารมีสิ่งเหล่านี้เหมือนกับบุรุษผู้ให้สำเร็จประโยชน์โดยลำพังผู้เดียวฉะนั้น “ข้าแต่พระนาคเสน ปัญหาข้อนี้ พระผู้เป็นเจ้าแก้ถูกต้องดีแล้ว โยมขอรับทราบว่าถูกต้องดีแท้”
    ที่มา http://larnbuddhism.net/milintapanha/milin06_index.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...