นักแสดง นักร้อง อาชีพตลก เป็นบุญหรือบาป ???

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย apichayo, 12 พฤษภาคม 2012.

  1. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ตาลปุตตสูตร

    ( พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
    สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)

    [๕๘๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
    กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า
    ตาลบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว
    นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
    ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ
    กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง
    ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป
    ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย ฯ

    [๕๙๐] แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่ ๓ พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตร
    ก็ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของ
    นักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คน
    หัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่าม
    กลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ
    เทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร ฯ

    [๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้ว
    ว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย แต่เรา
    จักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ
    อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้ง
    แห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์
    เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูก
    คือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลาง
    สถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อน
    สัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำ
    ย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่าม-
    *กลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมา
    ประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะ
    อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง
    ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ
    ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ
    ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่างคือ
    นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ

    [๕๙๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า
    ตาลบุตรร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราได้
    ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า อย่าเลย นายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด อย่าถามข้อนี้
    กะเราเลย ฯ
    คามณี. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มี-
    *พระภาคตรัสอย่างนี้กะข้าพระองค์หรอก แต่ว่าข้าพระองค์ถูกนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์
    และปาจารย์ก่อนๆ ล่อลวงให้หลงสิ้นกาลนานว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ
    รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถาน
    มหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชื่อปหาสะ
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระองค์
    ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศ
    ธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
    หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น

    ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์
    ว่าเป็นสรณะ ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบท ในสำนักของพระผู้มีพระภาคนาย
    นฏคามณีนามว่าตาลบุตรได้บรรพชา ได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคแล้ว
    ท่านพระตาลบุตรอุปสมบทไม่นาน หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความ
    เพียร มีใจแน่วแน่ ฯลฯ ก็แลท่านพระตาลบุตรเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ใน
    จำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
    .................................................................................
    ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=7768&Z=7822
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คือมนุษย์ปัจจุบัน ไปเอาวิชาการ เช่น นิเทศศาสตร์ ภาพยนต์ฯลฯมาใช้ทางธุระกิจมากมายแผ่ขยายไปทั่วโลก...ไปเอาจิตวิเคราะห์มาใช้ว่า เป็นเรื่องความบันเทิง เป็นเรื่องสมมุติ...
    ..แต่กฏแห่งกรรมนั้น ประกอบไปด้วยกิเลศ รัก โลภโกรธหลง...เมื่อนักแสดงทำไป...ล้วนเป็นการกระทำแบบ มุสาวาจาทั้งสิ้น...ทั้งร่างและจิต เป็นกิเลศ หลอกลวง...
    ...ผลกรรมนี้ อาจทำให้ผู้หลงไหล ฆ่าตัวตายไปก็มี เช่น รูดอลฟ์วาเลนติโน่..นักแสดงชาย....และก็มีเยาวชนหลายล้านคนเลียนแบบ ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่เลว...
    ..ดังนั้นการแสดงประเภทนี้ เป็น สมุทัย สาเหตุทำให้เกิดทุกข์แน่นอน....ที่ว่าทำให้สุขนั้นก็ไม่จริง เพราะเป็นกิเลศ รัก โลภ โกรธ หลงทั้งสิ้น....หัวเราะกับกิเลศ หลงว่ามันดี....
    ...ทำไม ไม่เกิด"ปิติ"ในธรรม ซึ่งเป็น มรรค พาไปสู่การพ้นทุกข์เล่า...ฌเดชฯ ฮา
     
  3. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    พวกนี้คือสื่อที่ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลต่อสังคมมากมาย เมื่อคนในสังคมเสพเข้าไปทุกวันก็ทำตามโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมต่างๆ โดยเฉพาะละคร มีแต่ฉากแรงๆอิจฉาไปมาตบตีกัน เด็กได้ดูทุกวันก็ทำตาม สังคมก็ทำตามโดยไม่รู้ตัว มันก็เป็นกงกรรมกงเกวียนกันอยู่อย่างนี้แหละดึงให้สังคมเสื่อมลงๆวนอยู่อย่างนี้ ที่สำคัญกิเลสทั้งนั้นที่นำมายัดเยียดให้สังคม มีแต่จะทำให้มนุษย์ยึดติดกับสิ่งเล้าต่างๆ ยากที่จะแงะกิเลสออกจากใจ วัยรุ่นทุกวันนี้เสื่อมลงแค่ไหนไม่เข้าวัดเข้าวาไม่ว่า แต่ตีกันเสพยา ชู้สาวเป็นว่าเล่นเพราะค่านิยมตัวอย่างความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลมาจากสื่อต่างๆนั่นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...