ประสบการณ์ - มโนมยิทธิ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ชนินทร, 24 พฤศจิกายน 2007.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอเล่าประสบการณ์ที่ตัวเองเคยพบเจอมาให้ท่านอื่นๆ ฟังบ้าง เผื่อจะมีประโยชน์กับใครบ้างค่ะ

    จำได้ว่าตั้งแต่จำความได้คุณแม่จะสอนให้สวดมนต์กับท่านเป็นประจำ และเมื่อเห็นใครลำบากท่านจะรีบช่วยเหลือทันทีโดยไม่รอช้าเลย... ถ้ามีเงินทองที่พอจะช่วยได้บ้าง ก็จะรีบช่วยทันที แต่ถ้าเราเองก็ไม่มี ท่านก็จะแนะนำให้ไปหาคนที่น่าจะช่วยผู้ที่เดือดร้อนนั้นๆ แทน หรืออาจจะช่วยเป็นสิ่งของเท่าที่เราพอจะมีอยู่ ณ ขณะนั้นแทน หรืออาจจะเป็นแรงกาย ฯลฯ...

    นี่คงจะเป็นพื้นฐานสำหรับการมี ทาน ศีล ภาวนา ในปัจจุบันนี้

    จำได้อีกว่า ตั้งแต่เด็กมักจะมีคนชอบที่จะมาสอนให้นั่งสมาธิแบบนั้นบ้าง แบบนี้บ้าง แต่ผู้สอนแต่ละท่านก็สอนกันแค่คนละครั้ง สองครั้ง ครั้งละไม่กี่นาที แล้วก็จะให้ทำเองต่อไป... พอเลิกสอน เราก็เลิกทำ

    อีกความจำหนึ่งที่เด่นชัดมาตั้งแต่เด็กๆ คือ ความฝัน จะฝันซ้ำๆ กัน เกือบทุกคืนตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ จนเข้าสู่วัยรุ่น จนถึงประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้... ความฝันจะมีอยู่ ๒ ลักษณะ คือ

    1. ชอบฝันว่าเราต่อสู้กับผี ปีศาจ แล้วส่วนใหญ่ด้วยความที่เป็นเด็กเราก็มักจะแพ้ แล้วต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน... แต่ก็แปลกที่ทุกครั้งจะมี พระสงฆ์ชราบ้าง พระสงฆ์วัยกลางคนบ้าง แม่ชีบ้าง โผล่ขึ้นมาขวางกลาง ทำให้เรารอดปลอดภัยทุกครั้งไป

    2. ฝันว่าเราต่อสู้กับผี ปีศาจอีก แต่มักจะเหาะหนีได้เอง ถึงจะไม่สูงนักก็เถอะ... และทุกครั้งไม่รู้ทำไม ต้องสู้กันในสถานที่ที่เป็นเหมือนเขาวงกตก็ไม่รู้ กว่าจะหาทางออกได้เล่นเอาเหงือโทรมตัวเลย

    นอกจากความฝันนี้แล้วก็มักจะมีความคิดที่หลายๆ คน บอกว่า เด็กคนนี้มันบ๊องส์ๆ นั่นคือ

    - เราอยากแต่ที่จะบวชพระ ตั้งแต่เล็กๆ ก็มักจะน้อยใจถามคุณแม่จนนับครั้งไม่ถ้วน ว่าทำไมต้องให้เราเกิดเป็นผู้หญิง ทำไมไม่ให้เกิดเป็นผู้ชาย เราจะบวชพระ ไม่รู้ทำไมอยากแต่จะบวชพระอย่างเดียว พอใครถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราก็จะบอกแต่ว่าจะบวชพระ

    - หลายๆ หนที่อยู่ๆ เราจะเห็นบางอย่างเป็นภาพในหัวของเรา อย่างเช่น บางครั้งกำลังมองทะเลเพลินๆ ก็กลับเห็นวงจรชีวิตของแมลงตั้งแต่เป็นไข่ - เป็นตัวอ่อน - เป็นตัวเจริญพันธ์ - ออกลูกออกไข่ - เป็นตัวแก่ - ตาย - เป็นไข่ วนเวียนแบบนี้ และก็จะมีวงจรชีวิตของคนเราซ้อนทับขึ้นมา ทำให้รู้ว่าทุกชีวิตเกิดมา มีแต่ความเปลี่ยนแปลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด เป็นต้น

    - เรามักจะรู้สึกเสมอว่าทำไมคนรอบๆ ตัวเราต้องตะเกียกตะกาย ต้องอยากได้อะไรต่ออะไรกันสารพัด ทั้งๆ ที่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรที่มีสาระสักอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอาชีพต่างๆ การมีชีวิตครอบครัว การมียศ มีศักดิ์ มันเป็นความรู้สึกที่หลายๆ คนมักจะบอกว่า... มันไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่รักความก้าวหน้าในชีวิต เป็นคนขี้เกียจทำงาน เป็นคนหาสาระ หาค่าไม่ได้...

    - เรามักจะมีความรู้สึกอยู่เสมอๆ ว่า เรากำลัง "รอ" อะไรบางอย่างอยู่ ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าต้องรออะไร แต่ไม่ว่าจะรับไปรษณีย์ทุกวันอยู่สักกี่ปีต่อกี่ปีก็ตาม ความรู้สึกว่ายังรออยู่ ก็ยังไม่จางหายไปไหน

    จนกระทั่ง...

    วันหนึ่ง... ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๐... วันที่น้องชายของเราบวชพระ และสึกออกมา พร้อมๆ กับที่นำหนังสือเล่มหนึ่งกลับมาบ้านด้วย

    หนังสือเล่มนั้นนำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ที่เหมือนกับขาดหายไปจากชีวิตของเรากลับมาให้เราด้วย

    หนังสือเล่มนั้นชื่อประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท เขียนโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ...

    เมื่ออ่านตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย เราเห็นภาพตามที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังอย่างชัดเจน... แต่ที่สำคัญ คือ ตั้งแต่เริ่มอ่าน เรารู้สึกร้อมรุ่ม กระวนกระวาย จิตใจไม่เป็นสุขอยู่ถึง ๓ ปีเต็ม... เพราะเรารู้อยู่อย่างเดียวว่าเราต้องไปวัดท่าซุงให้ได้... ต้องไปฝึกมโนมยิทธิให้ได้... แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน... มีแต่ความร้อนรุ่มอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่รุนแรงมาก เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย... แต่ที่ต้องรอนานขนาดนั้น เพราะที่บ้านของเราค่อนข้างจะหัวเก่า ไม่ค่อยชอบให้ลูกๆ ไปเที่ยวไหนกันตามลำพัง โดยเฉพาะลูกสาว... ดังนั้นไม่ว่าเราจะไปไหนก็มักจะต้องมีผู้ใหญ่ หรือน้องชายไปเป็นเพื่อนเสมอๆ... นี่ต้องไปต่างจังหวัด ถึงวัดท่าซุง ที่ จ.อุทัยธานี แถมต้องค้างคืนด้วย... ชีวิตนี้คงหมดหวังแน่...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2007
  2. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    ขอให้ได้ไปสมปรารถณาค่ะ
     
  3. balloon

    balloon ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +450
    สู้ๆ ไม่มีอะไรที่เปนไปมะได้งาบ
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณค่ะทั้งคุณ siamgirl และคุณballoon... และก็จริงอย่างที่คุณBalloon บอกเลยค่ะว่า ... ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้...

    เพราะหลังจากที่รอคอยมาถึง ๓ ปี... อยู่ๆ เมื่อวันที่ ๑๔ มิ.ย.๔๓ ทางบ้านก็อนุญาตให้ไปฝึกมโนมยิทธิที่ วัดท่าซุง เป็นเวลา ๓ วัน ... ดีใจจนเนื้อเต้นเลยค่ะ...

    เมื่อไปถึงวันแรกที่เริ่มฝึกนั้นมีพระสงฆ์เป็นผู้ฝึกให้

    ท่านให้จับลมหายใจ... เมื่อสูดลมเข้าท้องก็ว่า "นะมะ" เมื่อหายใจออกให้จับลมที่ปลายจมูกแล้วว่า "พะทะ"... แต่ก่อนที่จะภาวนา ท่านให้พิจารณา "ทุกข์" และตัด "สักกายทิฐิ" ก่อน เพื่อเป็นวิปัสสนาญาณ เสร็จแล้วให้ภาวนา "นะมะ" "พะทะ" เป็นเวลาประมาณ ๑๐ นาที แล้วให้หยุดภาวนา โดยทรงอารมณ์สบายๆ พระท่านให้เลือกจับภาพพระพุทธรูปที่ชอบเป็นองค์แทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า... เราเลยจับภาพพระใส ปางนั่งสมาธิ ที่เคยจับอยู่แล้วเป็นปกติ ... พระท่านว่าต้องจับภาพพระให้แจ่มใส ให้เห็นได้ชัดเจน... เห็นภาพพระได้ชัดเจนมากแค่ไหน เราก็จะสามารถขึ้นไปเห็นภาพข้างบนได้ชัดเจนมากเท่านั้น...

    เสร็จแล้วพระท่านพาขึ้นไปดูพระนิพพาน โดยการอาราธนาพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ กันมาโดยมีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง เป็นที่สุด... ขอทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน พาไปชมแดนพระนิพพาน ไปไหว้สมเด็จองค์ปฐม ไปชม ไปเที่ยว ไปนอนที่วิมานของเราเองที่บนพระนิพพาน...

    วันนี้ทำวันแรก เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสมาก มีความปีติมาก จนพระอาจารย์ท่านชมว่า "แจ๋วมาก"... ยิ่งดีใจใหญ่เลย

    พอวันที่สองพระอาจารย์พาไปเที่ยวดู นรก สวรรค์ พรหม...

    ช่วงที่อยูในแดนของเปรต... เห็นเปรตเดินกันเป็นแถวยาวเหยียดเลย... พวกเขาอิดโรย หิวโหย ทรมาณมาก เห็นซี่โครงเป็นริ้วๆ ไปหมด แขนขาก็ยาวกวัดไกวไปมาด้วยความทรมาณ แถมที่ขาก็มีโซ่ตรวนล่ามอยู่ น่าสงสารจริงๆ ... พระอาจารย์ท่านบอกให้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขา... พออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาปั๊บ โซ่ตรวนที่ขาก็หลุดออกหมดเลย สภาพพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเลย กลับมามีสภาพเหมือนพวกเรา... พวกเขาพากันร่วมอนุโมทนา แล้วก็ไหว้ขอบคุณที่เราแผ่บุญให้พวกเขา... ดีใจจริงๆ เลยที่สามารถช่วยพวกเขาได้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องลำบากกันอีก...

    วันนี้พระอาจารย์ท่านสอนให้ใช้บุพเพนิวาสานุสสติญาณ และอตีตังสญาณด้วย... ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าคนธรรมดาๆ อย่างเราจะมีความสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วย

    วันที่สาม... วันนี้พระอาจารย์ท่านให้ดูสภาพศพคนตาย... ตั้งแต่ตายใหม่ๆ เอาลงฝังดิน พอผ่านไป ๓ วัน ศพเริ่มพองอืดแล้ว ผ่านไปอีกสักระยะศพก็เริ่มเน่าเฟะ แล้วค่อยๆ แห้ง จนแห้งกรังเป็นมัมมี่ จนแม้แต่กระดูกก็กลายเป็นฝุ่นไป

    แล้วท่านบอกให้หันมาดูตัวเองจนถึงตอนใกล้ตาย... ตอนที่กำลังดูอยู่นั้น อยู่ๆ ตัวนอก (กายหยาบ) ที่นั่งอยู่เกิดอาการกระตุก และหายใจไม่ออกตามไปด้วย... เป็นความรู้สึกของคนใกล้ตายจริงๆ... พระอาจารย์ท่านเห็นอาการท่านจึงบอก "เอ้า! หนีไปนิพพานเร็ว ได้ไหม?" ... วืดเดียวเรารู้สึกโล่งสบายเลย... เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว...

    เสร็จแล้วท่านให้ลองดูเวลากินอาหารว่าพอกินเข้าไปแล้ว อาหารทุกอย่างที่กินมันไปผสมกันอีเหละเขละขละอยู่ในกระเพาะอาหาร... น่าขยะแขยงมาก เหมือนอาเจียนไม่มีผิด... เสร็จแล้วอาหารมันจะถูกดันให้ลงไปอยู่ที่ลำไส้ เป็นระลอกๆ เป็นก้อนๆ จนออกมาจากร่างกาย...

    หลังจากฝึกเสร็จ (วันแรกลืมจด) สองวันหลังเราไปถวายสังฆทานพร้อมพระพุทธรูป... ในวันที่สามเมื่อเอ่ยให้คุณย่ามาร่วมอนุโมทนานั้น เห็นท่านกลายเป็นเทพธิดาที่ใส่ชุดสีทองแพรวพราวสวยงามมาก (เมื่อเห็นชัดๆ แบบนั้นก็ดีใจมากเลย)...

    เมื่อกลับมาถึงบ้านนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ (ก็ประมาณ ๗ ปีแล้ว) สิ่งที่เราทำ คือ เราก็พยายามพิจารณาความตายบ้าง พิจารณาทุกข์บ้าง พิจารณาซากศพบ้าง สลับกันไปมาในระหว่างวัน... เมื่อทำสมาธิเราค่อยขึ้นไปที่พระนิพพาน และพระจุฬามณี...

    ผลก็คือ...
    สิ่งที่เรากำลังจะจัดเป็นข้อๆ ดังข้างล่างนี้ หลายๆ ข้อเราอยากขอคำชี้แนะ คำแนะนำ คำสอน ในข้อที่เรายังไม่เข้าใจอยู่ ใครพอจะทราบบ้างขอช่วยสงเคราะห์อธิบายให้ฟังทีเถิด เราจะได้พัฒนาการปฏิบัติธรรมของเราให้ก้าวหน้าขึ้นได้...

    1. ส่วนใหญ่เราจะเห็นภาพนิมิตในระหว่างวันที่กำลังทำโน่นทำนี่อยู่บ่อยๆ แม้แต่ในขณะที่กำลังนั่งทำสมาธิก็ตามเราขอเห็นภาพได้...

    แต่... ถ้าเราถามแล้วขอคำตอบ เรามักจะรับได้บ้างไม่ได้บ้าง... ซึ่งส่วนใหญก็มักจะรับไม่ได้... ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้...

    เช่น ในระหว่างวันที่พิจารณาบ้างภาวนาบ้าง อยู่ๆ เกิดมองไปที่สุนัขตัวหนึ่ง (ซึ่งในตอนนั้นไม่รู้เพศ เพราะแค่นั่งรถผ่านไป) กลับเห็นเป็นหญิงวัยกลางคนที่ท่าทางซอมซ่อมากนั่งอยู่แทน แถมมีลูกๆ อยู่ด้วย ต่อมาอีกสักระยะถึงรู้ว่าสุนัขตัวนั้นเป็นเพศเมีย และเพิ่งจะคลอดลูกเล็กๆ ออกมา... สิ่งที่เห็นหมายถึงอดีตหรืออนาคตของสุนัขตัวนั้นและลูกๆ ตรงนี้คือสิ่งที่เราไม่เข้าใจ

    2. ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราขึ้นไปไหว้ "พระ" บนพระนิพพานเป็นประจำ เราไปเที่ยวนรก สวรรค์ พรหมได้...

    แต่ทำไมเมื่อใช้ญาณ ๘ (ในขณะที่ตั้งใจจะใช้ในช่วงที่กำลังทำสมาธิ) เรากลับใช้ไม่ค่อยได้... แต่ในระหว่างวัน บางทีอยู่ๆ เรากลับเห็นอดีตชาติบางชาติของเราเป็นภาพขึ้นมาให้เห็นได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันตั้งใจจะจับสมาธิเสียด้วยซ้ำ

    (ตอนนี้นึกปัญหาที่ค้างคาใจได้เท่านี้ก่อน ถ้านึกออกอีกเมื่อไหร่จะขอถามท่านอื่นๆ ต่อค่ะ)

    ตอนนี้ขอเล่าประสบการณ์ที่ได้จากการใช้มโนมยิทธิ ในช่วงที่ผ่านๆ มาให้ท่านอื่นลองฟังดูต่อนะคะ...

    บันทึกวันที่ ๒๐ มิ.ย. ๔๓

    วันนี้ขออาราธนาบารมี "พระ" ท่าน ขอดูตัวเองตั้งแต่เกิดจนตาย

    ท่านให้ดูภาพดังนี้
    - ไข่กับอสุจิวิ่งไล่วนกันไปมาจนผสมกัน
    - ไข่ฝังตัวในผนังมดลูก
    - ไข่ค่อยๆ ขยายเป็นตัว มีปุ่มเล็กๆ เกิดขึ้นมา ๕ ปุ่ม เหมือนเต่า... ตอนนี้เรานอนอบอุ่นสบายอยู่ในท้องแม่
    - ตัวค่อยๆ โตขึ้นๆ นอนคลุกอึ คลุกฉี่ คลุกน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำคร่ำในท้องแม่
    - ยิ่งโตๆ ก็ยิ่งอึดอัด จึงเริ่มทั้งเตะทั้งถีบท้องแม่... ภายนอก พ่อแม่กลับดีใจที่ลูกดิ้น... แต่ภายในแล้ว ลูกทรมาณ...มาก
    - ต่อมาใกล้คลอด ค่อยๆ กลับเอาหัวลง
    - น้ำคร่ำแตกออกมา ต้องค่อยๆ ไหลออกมา... พอพ้นตัวแม่ มันแสบเนื้อแสบตัวไปหมด... พอมองไปที่หน้าแม่ เห็นแม่เจ็บปวดทรมาณมาก
    - ตอนยังแบเบาะ เวลาอึ เวลาฉี่ถ้าไม่ร้องบอก ก็ต้องนอนคลุกอึคลุกฉี่อยู่อย่างนั้น... อยากกินอะไร หรือไม่อยากกินอะไรก็บอกไม่ได้
    - มีพัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงทางกายมาเรื่อยๆจนวัยกลางคน
    - วัยสูงอายุ... เริ่มแก่ตัว เริ่มผอมแห้งลง หนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก เดินเหินลำบาก หลังเริ่มค่อมลง ตาเริ่มฝ้าฟาง ผมหงอกมากขึ้น ฟันเริ่มโยกคลอน ตอนนี้ผอมแห้งลงมาก ผมหงอกทั้งหัว ฟันเริ่มหลุดล่วง ผอมจนหนังหุ้มกระดูก นอนหายใจรวยรินใกล้ตาย มีอาการกระตุก ๒ - ๓ ทีก็ตาย
    - เราขึ้นไปอยู่ที่วิมานบนพระนิพพาน มองลงมาดูร่างที่เป็นซากของตัวเอง
    - ๒ - ๓ วันเริ่มพองน้ำ ขึ้นอืด น้ำต่างๆ พยายามหาทางดันกันออกจากร่าง น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง ไหลกันเลอะเทอะสกปรก
    - เริ่มมีหนอนเล็กๆ ไต่ตามตัวยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ไชเข้าทางนั้น ชอนออกทางนี้ ค่อยๆ แทะเล็มซากศพนั้น แล้วหนอนก็เริ่มกลายเป็นแมลง แย่งกันกินเนื้อหนังมังสาต่างๆ ต่อไป
    - แมลงบางส่วนตายอยู่กับซากรุ่งริ่งที่เหลือ
    - ซากบางส่วนมีราเขียวคล้ำ
    - ซากตอนนี้กะพร่องกะแพร่ง ขาดวิ่น ซากแมลงตายอยู่บนซากศพ
    - ซากที่ยังพอมีเหลือ เริ่มแห้งเป็นหนังติดกระดูก
    - ศพแห้งลงอีกเหมือนมัมมี่
    - กระดูกเริ่มผุผัง แตกออกเป็นส่วนๆ เริ่มจากส่วนที่เป็นกระดูกซี่เล็กๆ ก่อน
    - ตอนนี้ กะโหลกแหว่งไปครึ่งหัวแล้ว จมูกแหว่ง ตาโบ๋
    - กระดูกค่อยๆ สลายตัว หล่นลงเป็นทรายเม็ดเล็กๆ
    - สลายตัวจนหมดไม่มีอะไรเหลือ

    โลกนี้ไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีอะไรเหลือเลย ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งชีวิต วัตถุ สิ่งก่อสร้าง ใหญ่โตแค่ไหน ก็ล้วนสูญสลายหายกันไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนว่างเปล่า... นี่คือความจริงของโลก
     
  5. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอโทษนะคะ คงมีเวลาเล่าเรื่องการฝึกมโนมยิทธิแค่นี้เอง... ตอนนี้อกุศลกรรมเข้าอีกแล้ว... เพิ่งจะดีมาได้แค่ไม่กี่วัน กลับมาเป็นทอร์นาโดอีกแล้ว...

    อีกอย่าง ได้เข้าไปอ่านเกี่ยวกับภัยพิบัติและการปฏิบัติธรรม และคำเตือนของหลายๆ ท่าน...

    คงต้องขอเอาเวลาไปเร่งรัดการปฏิบัติธรรมของตนเองบ้างนะคะ... แต่พูดจริงๆ ยังไม่รู้แน่เลยว่าจะทำให้จิตรวมเป็นองค์ฌานได้อย่างไร... เคยแต่เฉียดเข้าไปแล้วก็หลุด เฉียดแล้วก็หลุด...

    มีใครพอจะให้คำแนะนำได้บ้างไหมคะว่าควรทำอย่างไรดี... ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  6. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ผมก็อีกคนหนึ่งที่ตั้งใจและดั้นด้นไปวัดท่าซุงทั้งๆที่ตัวเองอยู่ จ.ขอนแก่น ไปมาสองครั้งแล้วครับครั้งแรกได้ฝึกครั้งเดียวก็กลับ ครั้งที่ สองฝึกสองสามวันทางบ้านก็โทรตามให้มารายงานตัวเข้าทำงาน ก็เลยไม่เต็มคอร์สซักที ปัจจุบันนี้ก็งูๆปลาๆอยู่ครับ
    ปัญหาของผมในปัจจุบันก็คือจับภาพนิมิตไม่ค่อยได้ครับไม่รู้เป็นอะไร ตอนเป็นเด็กผมอ่านหนังสือแล้วจำได้ทั้งหน้าเลย เวลานึกก็นึกเห็นหน้ากระดาษและอ่านเอาในใจนั้นเลย แต่โตขึ้นการนึกภาพกลับนึกไม่ค่อยออกครับ สงสัยการศึกษาคงสอนให้ผมนึกคิดแต่เหตุผลมากไปจนลืมนึกถึงภาพหรือการใช้มโนคติ ถ้าใครมีเคล็ดการนึกภาพให้จำง่ายๆก็แนะนำด้วยครับ เสริมปัญญาบารมี...










    เชิญบูชาวัตถุพลังแสงทิพย์
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105421
    เชิญร่วมสร้างองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105420
    อัตตนา โจทยัตตานัง
    จงกล่าวโทษโจษความผิดตนเองเสมอ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  7. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    เคยมีโอกาสฝึกมโนมยิทธิกับคนแถวบ้าน สองสามครั้ง แรก ๆ ก็ไม่เห็นอะไร มีคนที่รู้กล่าวนำและขอบารมีหลวงปู่ฤาษีลิงดำ หลวงพ่อปาน พระพุทธเจ้า ฯลฯ ก่อนเข้าู่สมาธิเค้าก็บอกวิธีการภาวนา นะมะพะธะ ครั้งแรกก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝึกครั้งที่ 3 เห็นจะได้ ด้วยความไม่ค่อยคาดหวังว่าจะเห็นอะไรสักเท่าไหร่และไม่รู้จะเห็นไปทำไม คนที่ฝึกร่วมกัน สัก 7 คนเห็นจะได้ มีคนเห็นนั่นนี่โน่น ได้ไปเที่ยวนั่นนี่อยู่สัก 3 คน ไม่รู้ว่าเราฟังมากไปรึป่าว วันที่ 3 พอเข้าสมาธิได้นิ่งพอก็เห็นภาพ เจดีย์หกเหลี่ยม หรือกี่เหลี่ยมก็ไม่รู้ออกสีขาว ๆ เหลือบ ๆ เหมือนมุกทั้งองค์ เห็นพระรูปเหมือนที่มีคนเอามาให้ชม ใส่ชฎาทรงสูง ๆ แต่งกายเป็นชุดสีขาวเหมือนว่าจะเป็นเพชร แต่ภาพที่เราเห็นนั้นขมุกขมัวไม่ใสชัด จึงไม่ได้รายละเอียด เห็นแค่นั้นก็ตกใจว่าจิตเราปรุงแต่งขึ้นเอง เพราะได้ยินได้ฟังมามากกระมัง สาระของการได้เห็นสิ่งเหล่านั้นคืออะไร ถ้าสำหรับคนไม่เชื่อเรื่องบุญกรรมก็น่าจะช่วยได้ แต่เราเชื่อในเรื่องบุญและกรรมที่เรากระทำย่อมส่งผลแน่ ๆ อีกครั้ง เห็นเป็นภาพหมู่สงฆ์ เดินเข้าไปในถ้ำใหญ่ ต่อมาอีกไม่นานก็เป็นภาพและเสียง มีเหตุไฟไหม้มีควันไฟ เสียงภิกษุสงฆ์ตะโกนกันใหญ่ว่า ออกมาเร็ว ๆ ตอนนั้นมีอาการเหมือนสำลักควันไฟ ตกใจออกจากสมาธิ มาเล่าให้กลุ่มที่ฝึกด้วยฟัง เค้าก็ว่าอาจเป็นภาพเราในชาิติที่แล้ว อาจเคยเป็นพระ อืมม...เหรอ เราไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรคือจริง อะไรคือไม่จริง ภาพที่เห็นเสียงที่ได้ยิน เกิดจากการปรุงแต่งของเราหรือไม่ เราไม่เคยฝึกอีกเลยแต่ไม่ได้ดูหมิ่นเรื่องการฝึกมโนมยิทธิ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะต้องเห็นอะไรอีก และอาจผิดหวังถ้าไม่เห็น และถ้าได้เห็นจะเกิดอาการติดว่าต้องเห็นเรื่อยไปหรือไม่ ไม่แน่ใจตัวเองว่าควรฝึกให้เห็น เพราะอยากเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ วิมานนั้นวิมานนี้ ไปชมสวรรค์ หรือนรกชั้นไหน แบบคนอื่นที่เค้าฝึกกันจนติดอกติดใจหรือไม่ ส่วนใหญ่กลุ่มที่ฝึก เค้าเป็นช่างปั้นช่างวาด พอเค้าได้ไปเห็นก็นำมาปรับใส่ในงานของตนได้ เค้าฝึกกันแล้วเป็นประโยชน์ ส่วนเรากลับมาสงสัยให้ปวดหัวเข้าไปอีก การฝึกสมาธิของเราเข้มข้นกว่าในสายวิปัสนา ไปฝึกที่วัดที่สอนและศูนย์ปฏิบัติเฉพาะทางวิปัสนา ไปฝึกที่นึง 7 วัน วันที่5- 6 ของการฝึกเรายังนั่งสมาธิเพียงแค่ 1 ชั่วโมง สักครึ่งชม.ผ่านไปของการนั่งจะเห็นเป็นแสงสีม่วงบ้าง เขียวบ้าง เทาบ้าง ชาบ้างเป็นสีพื้นของภาพซึ่งเราเห็นเป็นหลังคาบ้าน หลังคาวัด และต้นไม้เพียงในมุมสูงเท่านั้น ภาพจะวิ่งเหมือนเราดูทิวทัศน์ข้างทางแต่เราจะเห็นเพียงท่อนบนของภาพตลอดเวลา พอตอนบ่ายเปลี่ยนจุดนั่งสมาธิกลับจะเห็นเพิ่มเติม เป็นกำแพงวัด เป็นสถูปอะไรสักอย่าง มีต้นไม้ขึ้นครึ้ม ๆ ในภาพเห็นแต่สถูปเจดีย์และต้นไม้รก ๆ แถวแนวกำแพงวัด ก็ไม่ได้เล่าอีกนั่นแล่ะ เป็นอย่างนั้นอยู่ 2 วันก่อนกลับ สงสัยแล้วก็เลิกสงสัยไปแล้ว สงสัยว่าภาพที่เห็นคือที่ไหนกันหนอ และนั่นเป็นภาพที่เห็นอยู่อีกแม้ไม่ได้ฝึกมโนฯ แต่ภาวนารู้ตามอาการยุบหนอพองหนอเพียงอย่างเดียว พอได้ไปปฏิบัติวิปัสนาอีกครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง ขณะนั่งสมาธิช่วง 1-3 วันแรกจะมีอาการปวดเมื่อยมาก ๆ เดี๋ยวหลัง เดี๋ยวขา จนกระทั่งปวดคอ ปวดหัว พ้น 3 วันไปแล้ว ก็ไม่มีอาการปวดมาให้ตามรู้อีกหลังฝึกได้ 2 วันเห็นภาพแบบเดิมคือทิวทัศน์ตามแนวสูงของบ้านเรือนต้นไม้หลังคาวัดมีแสงสีม่วงเป็นพื้นหลัง แต่ก็เห็นอยู่แค่วันเดียว จากนั้นจะเห็นเป็นภาพเรื่องราวต่าง ๆ สลับกันคล้ายละคร หรือเรื่องที่เราเคยอยากดู อยากรู้ อยากเห็น ภาพข่าว ฯลฯ เข้ามาให้เราติดตาม ล่อหลอกให้เราตามไปดู ต้องมีสติ ภาวนาแค่ รู้หนอ เห็นหนอ มันก็จะหายไป และคอยเปลี่ยนฉากเข้ามาเรื่อย ๆ 7 วันผ่านไปเริ่มไม่เห็นภาพอะไรแล้ว คราวนี้เห็นเป็นแสงสว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์ ก็ภาวนาเห็นหนอ ๆ สักพักก็หายไป ภาพพื้นส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวนวล ๆ เห็นแสงจ้าสลับกันบ้างนาน ๆครั้ง เมื่อภาวนาเห็นหนอ บ่อยเข้า นั่งไปเรื่อย ๆ ต่อจากวันที่ 7 ไปแล้วเริ่มไม่เห็นอะไรอีก นอกจากภาพพื้นสีขาวนวล แต่กลับมีความคิดแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ มีเสียงในความคิด ก็ภาวนารู้หนอ คิดหนอ มันก็หายไป ช่วงวันที่8-9 เกิดอาการตัวโยก และมีการขัดขืนของร่างกายไม่้ทำตามสั่ง ทำให้นั่งสมาธิได้ลำบากมาก แทบจะนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ จะเดินจงกรมก็ขัดจังหวะตลอดเวลา รู้สึกเหมือนร่างกายไม่ใช่ของเราบังคับมันไม่ได้ ก็ให้สงสัยต่ออีกว่ามันคืออะไรที่บังคับกายอยู่ ต้องรอเวลาในบางครั้งก็รู้สึกเป็นอิสระได้ควบคุมร่างกายให้เดินหนอ ก้าวหนอได้อย่างถูกจังหวะ ส่วนอาการโคลงเคลงมันมากกว่าโยก รู้สึกจากภายในตัวเหมือนมีลมหมุนวน ร่างกายไม่โยกแต่รู้สึกว่าพื้นที่ยืนอยู่ยกขึ้นลงตลอดเวลา 2 วันสุดท้ายแย่เลย แทบนั่งสมาธิไม่ได้ แม้จะภาวนารู้หนอ ๆ ก็ไม่หาย ต้องหมั่นภาวนาอยากโยกหนอเหมือนมันจะเบาลง แต่ก็ไม่หาย พระอาจารย์บอกว่าเป็นอาการธาตุลมกำเริบ ซึ่งเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลับจากปฏิบัติแล้วก็ยังมีอาการเกือบสัปดาห์จึงหายไป
    ตั้งใจว่าจะต้องไปปฏิบัติวิปัสนาอีกอย่างน้อย ก็สัก 2 สัปดาห์ รู้สึกดี มีความสุขมาก ได้อยู่ในศีล 8 บริสุทธิ์ เว้นจากการมีอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนเกิดใหม่ยังไงยังงั้น รู้ว่ายังมีความยากลำบากในการปฏิบัติให้เราต้องพยายามต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ระงับความอยากนั้นแล้วจะเย็น
     
  9. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    การฝึกมโนมยิทธิ พระท่านแนะนำไว้ว่า อย่าไปห่วงกายหยาบ เพราะมันไม่ใช่เรา ต้องตัด
    ตัวกังวลทิ้งไปทีเดียว ทำใจให้โปร่งเบา ภาวนาตามที่ท่านแนะนำ อย่าไปอยากรู้อยากเห็น
    ตามใจกิเลส ก็จะทำไม่ได้
     
  10. chanthawat_k

    chanthawat_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +413
    ขึ้นอยู่ที่กำลังใจคับ..ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
    อนุโมทนาสาธุ
     
  11. หนุนนำ

    หนุนนำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +34
    อนุโทนาครับ
     
  12. bank8

    bank8 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +3,216
    อนุโมทนาสาธุครับ ขอให้คุณchdhorn เจริญในการปฏิบัติขึ้นๆไปนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
     
  13. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    มีประสบการณ์นิดๆหน่อยๆ

    ตั้งใจว่า จะขอเข้าฝึกเพียงครั้งเดียว เพื่อต้องการรู้
    ที่บ้านสายลม /ก็เห็นได้ชัดเจน แจ่มใส ติดตา ติดความรู้สึก
    และก็ไม่ได้ฝึกขั้นต่อๆไป

    คืนก่อนที่จะไปบ้านสายลม
    ฝันว่า เดินไปบนถนนสายหนึ่งที่เงียบสงัด ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่มีผู้คน ไม่รู้กาลเวลา
    ด้านข้างถนนมีบ้าน มีกันสาดยื่นออกมา
    เห็นเด็กผู้ชาย ใส่ชฎา บนศรีษะแหลม ใส่สร้อยสังวาลย์ งดงาม นั่งห้อยขาอยู่ที่กันสาด
    เห็นแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักมาก ก็พูดล้อแซวออกไปว่า ..." เทวดาเด็กขอหวยหน่อย "
    เทวดาเด็ก ลูกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ ตัวโตขึ้น ตัวโตขึ้น โตขึ้น กลายเป็นเทวดาผู้ชายเครื่องทรงอลังการ ยืนเท้าสะเอว
    พูดว่า " หวยไม่ให้ ให้แต่ นะ-มะ-พะ -ธะ " เทวดาหายไป รู้สึกตัวตื่น

    ฝันกำหนดไม่ได้ ก็รู้สึกแปลกว่าที่เรื่องที่กำลังจะทำ สัมพันธ์กับความฝัน
    ทั้งที่ก็ไม่เคยทราบก่อนว่า การฝึกมโนมยิทธิ จะภาวนาด้วยคำ นะมะพะธะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...