ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร(บทสวด/คำแปล)

ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ( प्रज्ञापारमिता )​

</O​

อายาวะโลกิติซัวรา โบดิสัตจัว กรรมบิรัม ปรัชญาปารมิตาจารัม จารา มะโน<O</O​

วียาวะโลกิติสมา ปัญจะ สกันดา อะสัตตัสจา ซัวปาวะสูญนิยะ ปาสัตติสมา อีฮา สารีบุทรา รูปังสูญญะ สูญนิยะตา อีวารูปา<O</O​

รูปานา เวทะสูญนิยะตา สูญญา นายะนา เวทะ ซารูปัง ยารูปัง สา สูญนิยะตะยา สูญนียะตา ซารูปัง<O</O​

อีวา วีดานา สังญาสัง สการา วียานัม<O</O​

อีฮา สารีบุทรา ซาวาดามา สูญนิยะตะ ลักษาณา<O</O​

อานุภานา อานิรูตา อะมะระ อะวิมะลา อานุนา อาปาริปุนา<O</O​

ทัสมาต สารีบุทรา สูญนิยะตายะ นารูปัง นาวิยานา นาสังญานา สังสการานา วียานัม<O</O​

นา จักษุ โสตรา กรรณนา ชิวหา กายา มะนา ซานะรูปัง สัพพะ กันดา รัสสัส สปัตตะ วียา ดามา นาจักษุ ดาตุ ยาวะนา มะโนวีนยะนัม ดาตุ<O</O​

นาวิดียา นาวิดียา เจียโย ยาวัดนา จาระมา ระนัม นะจาระมา ระนัม เจียโย นาตุขา สมุดา นิโรดา มาคา<O</O​

นายะนัม นาประติ นาอะบิส สะมะยัง ตัสมาตนะ ปรัตติถา โพธิสัตวะนัม ปรัชญา ปารมิตา อาสริดะ วิหะรัชชะ จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา นัสติตวะนะ ทรัสโส วิปาริยะซา อาติกันดา นิสทรา เนียวานัม<O</O​

ทรียาวะ เรียววะ สิทธะ สาวา บุดดา ปรัชญา ปารมิตา อาสวิชชะ อะนุตตะระ สัมยัก สัมโบดิม อะบิ สัมโบดา ทัสมาต เนียทาวียา ปรัชญา ปารมิตา มหามันทรา มหาวิทยะ มันทรา อะนุตตะระ มันตรา อสมา สมาธิ มันทรา<O</O​

สาวา ตุขา ปรัชสา มานา สังญา อามิ เจียจัว ปรัชญา ปารมิตา มุขา มันทรา ตะติติยะ<O</O​

"คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โบดิซัวฮา"<O</O​

<O</O___________________________________________​

ป รั ช ญ า ป า ร มิ ต า ห ฤ ทั ย สู ต ร<O</O​

(แปลโดย พระตรีปิฏกธรรมาจารย์ ถังซำจั๋ง)<O</O​

เมื่อถึงคราวนั้น พระสารีบุตร เกิดความสงสัย จึงทรงทูลถามพระพุทธองค์ <O</O​

ถึงลักษณะของความว่างอันแท้จริงว่าคืออะไร?<O</O​

พระพุทธองค์ทรงเมตตารับสั่งให้ มหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศาวร ทรงเป็นผู้อธิบาย<O</O​

จึงเกิดเป็น มหาปรัชญาปรมิตาหฤทัยสูตร<O</O​

พระอวโลกิเตศวร...........โพธิสัตว์ทรงปรัชญา<O</O​

ปรัชญาปารมิตา.............กอปร์ปัญญาอันลึกซึ้ง<O</O​

ทรงเล็งเห็นได้ว่า............ขันธ์ทั้งห้าล้วน ว่าง เปล่า ไม่ควรยึด<O</O​

เป็นเหตุให้ล่วงก้าวซึ่ง...........พ้นจากทุกขะสรรพทั้งปวง<O</O​

<O</O​

สารีบุตร!<O</O​

<O</O​

รูป นั้น ไม่ต่าง ว่าง.........ว่าง นั้นไม่ต่าง รูป ลวง<O</O​

รูป คือ ว่าง สรุปล่วง.......ว่าง คือ รูป มิผิดผัน<O</O​

เวทนา และ สัญญา........อีก สังขาร วิญญาณ นั้น<O</O​

ก็เป็นนัยอันเดียวกัน............คือความ ว่าง มิต่างเลย<O</O​

<O</O​

สารีบุตร!<O</O​

<O</O​

ธรรมะสรรพธรรม............ล้วนมีธรรมเป็น วางเฉย <O</O​

มิ เกิด มิสูญเลย...........มิ สะอาด มิ หมองมัว<O</O​

มิ เพิ่ม และ มิ ลด...........มิปรากฏปัจจัยชั่ว<O</O​

ความชรา มิหลงกลัว.............แม้ มรณา มิหลงงม<O</O​

<O</O​

ใน ว่าง จึงไร้ รูป.............ไร้ เวทนา ไร้ สัญญา นานาสนอง<O</O​

ไร้ สังขาร วิญญาณ สิ้นสมปอง...(สรุป ไร้ เบญจขันธ์)<O</O​

<O</O​

ไร้ ตา ดู ไร้ หู ฟัง............ไร้ จมูก ลิ้ม ไร้ ลิ้น ฉัน<O</O​

ไร้ กาย ไร้ จิต อัน..........(สรุป ไร้ อายตนะใน)<O</O​

<O</O​

ไร้ รูป และ ไร้ เสียง........ไร้ กลิ่น แม้น รส ก็ ไร้<O</O​

ไร้ สัมผัส อารมณ์ ไซร้.....(สรุป ไร้ อายตนะนอก)<O</O​

จึง ไร้ อวิชชา.................(ความ)ดับอวิชชา ก็ ไร้ หนอ<O</O​

มิ เพิ่ม มิ ลด พอ..........(ความ)ดับ แก่ ตาย ไร้ เช่นกัน<O</O​

<O</O​

<O</O​

ไร้ ทุกข์ ไร้ นิโรธ............ไร้ สมุทัย ไร้ มรรค นั้น<O</O​

ไร้ แจ้งประจักษ์ พลัน.......ไร้ บรรลุ จงคำนึง<O</O​

(เพราะล่วงถึงบรรลุแล้ว)<O</O​

<O</O​

<O</O​

<O</O​

<O</O​

<O</O​

แท้จริงล้วน ว่างไร้............ไม่มีอะไร ต้อง ลุ ถึง<O</O​

โพธิสัตว์พระผู้ซึ่ง.............ทรงปรัชญาปารมิตา<O</O​

มีจิต อิสสระ...................ปราศอุป-สรรค นานา<O</O​

เป็นจิต อิสสระ................ปราศอุป-สรรค นานา (ทรงย้ำ)<O</O​

มิกลัว ธ สิ่งใด................จึงก้าวพ้นข้าม มายามวล<O</O​

ทรงลุพระธรรมถ้วน.............โพธิล้วนผ่านสามโลก<O</O​

ทรงลุอนุตตระ โคตร...........ทรงลุกโชติพระสัมมา<O</O​

ทรงปรัชญาปารมิตา..........จึ่งรู้ว่า ปัญญา คือของสูง<O</O​

เป็นมนตรา มหาฤทธิ์.........เป็นมนตรา แห่งความรู้<O</O​

เป็นมนตรา หาไหนสู้.......มนตร์ไหน ฤา ควรคู่<O</O​

ตัดทุกข์ทั้งปวง-สู่.............สัจจะแจ้ง ไร้เท็จเฉ<O</O​

<O</O​

จงหมั่นคำนึง ลุถึงมนตร์......ปรัชญาปารมิตา(อย่าลังเล)<O</O​

<O</O​

(สรรเสริญว่า)<O</O​

<O</O​

“คเต คเต ปารคเต.............ปารสังคเต โพธิ สวาหา ฯ”<O</O​

(เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าหลังจากที่พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแสดงธรรมเสร็จ พระองค์ทรงสรรเสริญซึ่งแปลได้ว่า “ไป ไป ก้าวไปยังฟากฝั่งโน้น...ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิงสู่การ ตรัสรู้ เบิกบาน”)<O</O​

<O</O​

<O</O​

<O</O​

 

​

ใช้แบบภาษา สันสกฤต เหรอครับ.....ดีนะ....

พระสูตรนี้เป็นพระสูตรมหายานที่ผมชอบมากที่สุดนะ......ที่ผมใช้ก็เป็นภาษาสันกฤตแบบวัชรญาน (ธิเบต)..ครับ....

ผมชอบแบบเป็นเพลงสวดบทสวดนี้แบบธิเบตมาก.....ได้สมาธิดีครับ.....

 

​

...พระถังซำจั๋ง...
( เรื่องจริงไม่อิงไซอิ๋ว )
​

จริงๆบทสวดนี้เป็นหัวใจของวัชรสูตรครับ....พระถังซำจั๋ง ท่านตัดในข้อพระสูตรใส่....มีการตรวจสอบกันแล้วกันวัชรสูตร เป็นแกะตัวเดียวกันเลยครับ....

จริงๆผู้แสดงพระสูตรคือ สมเด็จพระศรีศากยมุณี ทรงตรัษกับ พระสารีบุตรครับ.....

ด้วยปัญญาแห่งท่านพระถังซำจั๋ง เพื่อให้ง่ายแก่การท่องจำ ท่านเลยตัดมาเป็น ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ซึ่งก็คือ หฤทัย หรือ หัวใจ ของวัชรสูตร นั่นเอง....

พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ จริงๆแล้วก็คือ บุคลาธิษฐาน ว่าด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันประมาณมิได้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเองครับ....จริงแล้วตัวท่านไม่มีตัวตน...เป็นปัญญาของพระเถระในสมัยโบราณเพื่อปรับให้ศาสนาพุทธที่เป็นสัจนิยมให้เข้ากับยุคสมัยที่ศาสนาพราหมณ์เรื่องอำนาจในสมัยนั้น(ยุคมหาวิทยาลัยนาลันทาที่โด่งดัง)...พระถังซำจั๋งท่านก็เป็นศิษย์เก่าในรั้วนาลันทาครับ......

 

...ท่านอาจารย์เย็นเต็ก...​

ฉบับแปล ยกมา ไม่พิศดาร ครับ.....

ต้องเอาฉบับแปลของ ท่าน พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนพิเนต วิเทศธรรมประสาท นวกิจพิลาศประยุกต์ ทำนุกจีนประชาวิสิฐ (เย็นเต็ก) เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย
ประธานคณะกรรมการสงฆ์จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แมนคุณาราม กรุงเทพมหานคร.

หนังสือที่มีอยู่ตามท้องตลาดผมว่าไม่ดีเท่าของท่านอาจารย์เย็นเต็กเลย..ท่านแปลได้เห็นธรรมที่แผงอยู่ในพระสูตรนี้อย่างดี....อย่างไรต้องยกความดีสูงสุดให้ท่านพระถังซำจั๋งอยู่ดีครับ........

น้อยคนนะที่จะศึกษาพระสูตรอันมีค่าประมาณมิได้นี้....

เข้าศึกษาฉบับแปลโดย ท่านอาจารย์ เย็นเต็ก ได้ที่นี่ครับ...

http://www.rosenini.com/manodham/orneetorhuk/index.htm

 

ขอบคุณสำหรับเนื้อธรรมเพิ่มเติม และความปรารถนาดีอันหาที่ประมาณมิได้ของสหายธรรมทุกท่านครับ เหตุผลที่เอามาลงก็คือต้องการเผยแผ่ เนื่องจากอยากให้ผู้มีบุญท่านอื่นได้สัมผัสรสธรรมอย่างที่ผมได้บังเอิญพบเจอ เพื่อเป็นการต่อยอดแห่งพุทธะสำหรับผู้มีบุญท่านอื่นๆ สืบไป ขอหฤทัยอันเป็นไปในโพธิญาณจงบังเกิดแก่ทุกท่านเพื่อความสวัสดีมงคลสูงสุดสืบไปครับ...