พระพุทธเจ้าทรงค้นพบจิต ทำหน้าที่เหมือน COMPUTER

<center>พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ. . จิตทำหน้าที่เหมือน COMPUTER</center>
หลักสูตร “ออกกำลังจิต เพิ่มวัคซีนใจ” MODERN VIPASSANA ใช้ วิชาของพระพุทธเจ้าที่ทรงค้นพบ จิตทำหน้าที่เหมือนCOMPUTER ท่านอาจจะสงสัย หรือแปลกใจว่า COMPUTERเพิ่งถูกค้นพบไม่เกิน 100 ปี แต่พุทธศาสนาเกิดขึ้นมานานกว่า 2500 ปี

จากหลักฐานในพระอภิธรรมมัตถสังคหะ ได้กล่าวถึง จิตว่า ภวังคจิต คือ จิตที่ทำหน้าที่ 3 อย่าง คือ

1 รักษารูปกายให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น ทำให้หายใจเข้า-ออก
2. รักษาผลของกรรม ที่เกิดจากการกระทำ
3. รับและเก็บข้อมูลการกระทำ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ พระอภิธรรมฯยังกล่าวถึง ความเป็นไปของจิต ที่เกิดขึ้นตามลำดับก่อน-หลัง เรียกว่า วิถีจิต เป็นขั้นตอนบันทึกคล้าย COMPUTER เช่น เห็นคนปฏิบัติธรรม รู้สึกปิติ อิ่มใจ จะเกิดขั้นตอนบันทึก ดังนี้

1. อตีตภวังค์ เป็นภวังคจิตที่มีข้อมูลเก่า ก่อนเห็นคนปฏิบัติธรรม
2. ภวังคจลนะ เตรียมย้ายข้อมูลเก่า
3. ภวังคุปัจเฉทะ ย้ายข้อมูลเก่าออก
4. ปัญจทวาราวัชนะ เตรียมรับข้อมูลใหม่ คือ เตรียมรับการเห็นคนปฏิบัติธรรม
5. ปัญจวิญญาณ รับข้อมูล ที่เข้ามาทางทวาร5 มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย จากตัวอย่าง เข้าทางไหน ? (ตา)
6. สัมปฏิจฉันนะ นำข้อมูลที่ได้รับ ส่งต่อให้ขั้นต่อไป
7. สันตีรณะ ทำหน้าที่ ไต่สวนว่า ข้อมูลการกระทำนั้นดี หรือเลว จากตัวอย่าง ดีหรือเลว ? (ดี)
8. โวฏฐัพพนะ ตัดสินว่าข้อมูลนั้น เป็นกุศล หรืออกุศล จากตัวอย่าง เป็นกุศล หรืออกุศล ? (กุศล)
9. ชวนะ บันทึกข้อมูลลงในจิต และเอื้อให้ทำบุญ หรือบาปในอนาคต ตรงนี้สำคัญมาก จากตัวอย่าง จะเอื้อให้ทำบุญหรือบาปในอนาคต ? (บุญ)
10. ตทาลัมพนะ วกกลับสู่ภวังคจิต เพื่อเริ่มต้นบันทึกข้อมูลใหม่

ขั้นตอนบันทึกนี้ เกิดขึ้นและจบลง เรียกว่า จิตเกิด-ดับ ใช้ความเร็ว 17 ขณะ ถ้าดีดนิ้ว 1 ครั้ง จิตเกิด-ดับแสนโกฏิขณะ คือ ล้านล้านขณะ ถ้าเป็นสมัยก่อน ยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะยอมรับ แต่ยุคนี้ มีกล้องDIGITAL ถ่ายได้แค่ 2 มิติ ไม่เหมือนจริง100% ยังใข้ความละเอียด 10 ล้าน PIXEL ทำให้ง่ายที่จะเข้าใจ ง่ายที่จะยอมรับ

จิตเกิด-ดับสืบต่อเนื่องกัน ไม่ขาดสาย ก่อนที่จิตจะดับ ยังมีอำนาจในการสร้างจิตดวงใหม่ และส่งมอบกิจการงานให้จิตดวงใหม่ด้วย ถึงแม้ร่างกายจะสิ้นลมตายลง แต่จิตไม่ตายด้วย ยังคงรักษาผลของกรรมที่ได้ทำไว้ แม้กรรมนั้นจะเล็กน้อย หรือนานเพียงใด จะติดตามไปให้ได้รับผลกรรมนั้น

ในพระพุทธศาสนาจึงกล่าวว่า มนุษย์เป็นไปตามกรรม ไม่มีพระเจ้า หรือเทพเจ้าดลบันดาลให้เกิด ลองดูเรื่องจริงต่อไปนี้

มีแอร์โฮสเตรสแกล้งเพื่อน ให้ผ้าขี้ริ้วที่ใช้บนเครื่องบิน บอกว่าเป็น ผ้าศักดิ์สิทธิ์มาจากอียิป ต่อมาภายหลังแวะไปบ้านเพื่อน มีคนมาแน่นบ้าน บอกว่า มาบูชาผ้า “ขออะไรก็ได้ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” การที่ขออะไรแล้วได้ เป็นเพราะผ้าขี้ริ้ว หรือไม่? (ไม่)

<center>การที่ใครทำกรรมดี ไม่มีคนเห็น ยังคง. . ได้รับผลกรรมดี
ใครแอบทำกรรมชั่ว ไม่มีคนเห็น ยังคง. . ได้รับผลกรรมชั่ว</center>
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะ มนุษย์ที่มีร่างกายปรกติ จะมีกล้องวงจรปิด และCensor 6 ระบบ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ติดตามตัวไปทุกแห่ง คอยเก็บบันทึกการกระทำทุกอย่าง เพื่อนำไปคำนวณผลของกรรม

ส่วนใจ เพิ่มพิเศษ คือ บันทึกทั้งอดีต และอนาคตด้วย เช่น เห็นคนปฏิบัติธรรม เมื่อผ่านไป เป็นอดีต เมื่อนึกถึงอีก ยังคงรู้สึกปิติ อิ่มใจ จิตจะบันทึกเป็นกรรมดีอีก ในทางตรงข้าม ถ้านึกถึงกรรมชั่ว จิตจะบันทึกเป็นกรรมชั่วอีก ในพุทธศาสนาจึงให้คิดแต่เรื่องดี เป็น Positive thinking

สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ. . จิตทำหน้าที่เหมือน COMPUTER ไม่ใช่แค่ทันสมัย แต่ล้ำสมัย จริงๆๆ

นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังทรงค้นพบ. . สิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่างมากมายมหาศาลต่อมวลมนุษย์ นั่นคือ. .

วิธีทำลายกิเลส เป็น วิธีทำลายสาเหตุ ที่ทำให้เกิดความทุกข์กาย ทุกฃ์ใจ เครียด เศร้าใจ แค้นใจ ร่ำไห้ จะหลุดพ้นจากกิเลสได้ ต้องเกิดจากการปฏิบัติฯ แค่รับรู้ รับฟังไม่พอ.



www.bloggang.com/viewdiary.php?id=killsad&month=04-2009&date=03&group=7&gblog=1]Bloggang.com