พระอธิการใจ ฐิตาจาโร เกจิผู้มีแต่ความเมตตา แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง

พระอธิการใจ ฐิตาจาโร พระเกจิผู้มีแต่ความเมตตา แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ใครมีวัตถุมงคล หรือ ประสบการณ์ของท่านเอามาแชร์กันครับ......

ประวัติพระอธิการใจ ฐิตาจาโร วัดพยาญาติ (วัดปากง่าม ) ฉบับที่ 1
พระอธิการใจ ฐิตาจาโร ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2490 ซึ่งตรงกับปีกุนในครอบครัว “ศิริขำ” บิดาชื่อ
นายเชื้อ ศิริขำ มารดาชื่อ นางพริ้ม ศิริขำ มีพี่น้องทั้งหมด 9 คนเป็นชาย 5 คน หญิง 4 คน หลวงพ่อท่านเป็นบุตรคนที่ 5 จบ
การศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ในวัยเยาว์ท่านเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัวไม่ยุ่ง สุงสิงกับใคร ไม่ทำให้โยมบิดา, มารดาของท่านต้องหนักใจ
ครอบครัวของหลวงพ่อท่านมีฐานะปานกลาง แต่หลวงพ่อท่านเป็นเด็กขยันมาก ช่วยโยมพ่อ, โยมแม่ทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น
งานบ้าน งานนอกบ้าน พอโตเป็นหนุ่มหลวงพ่อท่านก็เป็นคนเก็บตัวเงียบ ๆ เหมือนตอนเด็ก ๆ ทำแต่งานเงินที่ได้มาก็ให้โยมพ่อ,
โยมแม่หมด พูดตรงๆ ว่าหลวงพ่อท่านไม่เคยใช้เงินจะกินอะไรก็จะให้โยมแม่ทำให้กิน สอบถามคนเฒ่าคนแก่แถววัดดูได้ เพราะ
เงินที่โยมมารดาให้เก็บไว้ในตัวหลวงพ่อไม่เคยใช้ หลวงพ่อเก็บเหน็บจนเงินเปื่อยความมาแตกก็ตอนจะบวชนี่แหละ ไม่ว่าจะเรื่อง
ผู้หญิงยิงเรือที่มาชอบหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ไม่เคยสนใจทำแต่งาน พอเมื่อครบกำหนดบวชหลวงพ่อท่านเป็นคนที่กตัญญูต่อโยมบิดา,มารดาอยู่แล้วจึงได้กล่าวกับโยมบิดา, โยมมารดาว่าหลวงพ่ออยากอุปสมบทเพื่อจะได้ทดแทนบุญคุณของท่านทั้ง 2 พอโยมบิดา, มารดา ได้ฟังคำกล่าวของหลวงพ่อ ท่านทั้ง 2 รู้สึกปิติ ยินดีมากจึงรีบพาหลวงพ่อเข้าพบหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพื่อที่จะหาฤกษ์อุปสมบท พอหลวงพ่อเนื่องได้เห็นหลวงพ่อ หลวงพ่อเนื่องก็นั่งอมยิ้ม และท่านก็ให้ฤกษ์อุปสมบทมาซึ่งตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 2514
โดยมีพระครูโกวิท สมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี เป็นพระอุปฌายะ, พระครูสมุทรภัทรกิจ (หลวงพ่อทอง)วัดพระยาญาติ
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสมุทร ธีรคุณ (หลวงพ่อมหาพิน) วัดช่องลม เป็นพระอนุสาวณาจารย์ ณ.อุโบสถ วัดช่องลม ได้รับฉายาว่า “ฐิตาจาโร” พอหลังจากหลวงพ่อท่านได้รับการอุปสมบทแล้วท่านก็ภาวนาในใจว่า “ต่อจากนี้เราสิ้นการเป็นฆาราวาสแล้ว เราต้องเป็นภิกษุที่ดีเพราะนี่คือการตอบแทนคุณของโยมบิดา, มารดา ที่ดีที่สุดที่ลูกพึงจะทำให้ได้” หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ย้ายมาอยู่ที่วัดพระยาญาติกับหลวงพ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อทององค์นี้ท่านเก่งมากไม่ว่าจะด้านการรักษาผู้ที่ป่วยเป็นอัมพฤก อัมพาต และที่ดีที่สุดของหลวงพ่อทองคือ ท่านทำนายทายทัก ( ดูดวง) ได้แม่นยำมากคนจากทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะต้องมาให้ท่านทำนายทายทักทั้งสิ้น แต่หลวงพ่อกับไม่สนใจท่านมุ่งแต่ศึกษาพระธรรมวินัยของสงฆ์จนได้นักธรรมชั้นเอก และที่สำคัญที่สุดหลวงพ่อท่านไม่ได้จำวัดในกุฎิเหมือนพระองค์อื่น แต่หลวงพ่อกับนอนใต้ถุนพระอุโบสถของวัดพระยาญาติ หลวงพ่อท่านกล่าวให้ฟังว่า “ฉันมันเป็นพระอยู่อย่างไรก็อยู่ได้ไม่ต้องไปยึดติดเป็นพระต้องอยู่อย่างง่าย ๆ นอนง่าย ๆกินง่าย ๆ เรารับบาตรจากญาติโยมทุกวันมันก็เท่ากับเป็นหนี้เป็นสินกันอยู่แล้ว แล้วทำไมเราต้องทำตัวสบายด้วยเล่า” ต้องยอมรับว่าหลวงพ่อท่านสมเป็นพระที่แท้จริง หลวงพ่อเคร่งครัดวัดปฏิบัติเป็นอย่างดีตลอดมา พอหลังจากที่ท่านได้จบนักธรรมชั้นเอกแล้วท่านก็คิดในใจว่าสงสัยเราต้องสึกซะทีจะได้ไปช่วยโยมบิดา, มารดาทำมาหากิน แต่หลวงพ่อท่านก็ได้แต่คิด เพราะว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ พอหลวงพ่อท่านไปหาหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพื่อที่จะขอลาสิกขาบถทีไรกลับถูกหลวงพ่อเนื่องปฏิเสธมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะไปกี่ครั้งก็ตาม พวกญาติโยมที่รู้จักหลวงพ่อบอกกับหลวงพ่อว่าถ้าอยากจะสึก ก็สึกกับหลวงพ่อทองก็ได้ถ้าหลวงพ่อเนื่องไม่สึกให้ แต่หลวงพ่อท่านกับบอกญาติโยมว่า “ไม่ได้ ฉันเคยบอกโยมบิดา, มารดาไปแล้วว่าฉันบวชกับหลวงพ่อเนื่อง ถ้าฉันจะสึก ฉันก็จะสึกกับหลวงพ่อเนื่อง จะมาผิดคำพูดไม่ได้ ถ้าสึกกับองค์อื่นฉันก็จะยังไม่ขอสึก และฉันจะลองเข้าไปพบหลวงพ่อเนื่องอีกครั้ง”และในครั้งนี้เองก็ถึงจุดเปลี่ยนของหลวงพ่อในการลาสิกขาบท พอหลวงพ่อท่านเข้าไปพบหลวงพ่อเนื่องหลวงพ่อยังไม่ทันพูดอะไร หลวงพ่อเนื่องท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ใจ จะมาสึกกับเราเหรอ ใจ เจอหมาเน่าแล้วเหรอ” หลวงพ่อท่านก็ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “หมาเน่า” หลวงพ่อเลยถามไปว่า “มันคืออะไรครับ ไอ้หมาเน่าเนี่ย” หลวงพ่อเนื่องท่านก็นั่งอมยิ้มแล้วก็ตอบว่า “หมาเน่าก็คือ ผู้หญิง” ใจ เจอผู้หญิงเหรอถึงอยากจะสึก หลวงพ่อก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ครับ เรื่องผู้หญิงผมไม่มีครับที่ผมจะสึกก็เพราะจะออกไปทำงานหาเงินช่วยโยมบิดา, มารดา ท่านแก่มากแล้ว” หลวงพ่อเนื่องท่านจึงกล่าวกับหลวงพ่อว่า “ไม่ต้องสึกหรอก ใจ เพราะโยมบิดา, มารดาของ ใจ นั้นสบายอยู่แล้วเขาทั้ง 2 ไม่เดือดร้อนหรอก แต่ใจจะช่วยเรารับใช้พระพุทธศาสนาได้ไหม เพราะต่อไปในภายภาคหน้าถ้าสิ้นเราแล้วจะไม่มีใครคอยช่วยเหลือญาติโยมที่เขาเดือดร้อน” หลวงพ่อจึงบอกกับหลวงพ่อเนื่องว่า “ผมจะช่วย
อะไรเขาได้ครับ ผมมันก็แค่พระชาวบ้านธรรมดา ๆ เท่านั้น” พอหลวงพ่อเนื่องฟังคำหลวงพ่อเสร็จ หลวงพ่อเนื่องท่านก็นั่งหัวเราะแล้วบอกกับหลวงพ่อว่า “ใจ รับปากเราก่อนสิ ถ้าใจรับปากเรา เราจะได้หมดห่วงเพราะเราดูแล้วคนที่จะมาแทนที่เราก็คือใจนี่แหละ” พอหลวงพ่อสนทนากับหลวงพ่อเนื่องเสร็จ หลวงพ่อท่านก็เดินออกจากห้อง และพูดกับตัวเองว่า “ฉันจะอยู่เพื่อรับใช้พระพุทธศาสนากับหลวงพ่อเนื่องอันเปรียบเสมือนพ่อของฉัน” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาทุก ๆ วันในช่วงเวลาตี 2 – 6โมงเช้า หลวงพ่อเนื่องจะให้หลวงพ่อไปหาที่กฎิทุก ๆ วัน เพื่อที่หลวงพ่อเนื่องจะได้สอนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่ท่านมีไม่ว่าจะเป็นการลงตะกรุดมหาปราบ มหารูด มหาระงับ ตรีนิสิงเห ยันต์โสฬส ยันต์วิรุฬจำบัง ยันต์พัดโบก ทำน้ำมนต์ใบมะนาว การลงเจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร รวมถึงทำน้ำมนต์ เพื่อไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคล ฯลฯ

 

"เหรียญนาคปรก "เหรียญที่พระอธิการใจบอกว่า เป็นเหรียญที่สวยมากๆ เนื้อ อัลปาก้า สร้างถวาย พระอธิการใจ เพื่องานกฐิน ........จำนวน 2556 เหรียญ ตามปี พ.ศ 2556 ไม่มีชุดกรรมการใดๆทั้งสิ้น และ ตัวเหรียญนั้น ....จะไม่ทำการตอกตัวเลขรันนัมเบอร์ใดๆทั้งสิ้นไม่ว่ากรณีใดๆการตอกโค๊ตจะมีเพียงโค๊ตเดี่ยวข้างตัว " ธิ "เพียงที่เดี่ยวเท่านั้น โดยตำแหน่งนี้ พระอาจารย์ใจ ท่านดูแล้วเห็นว่าเหมาะสมที่สุด ท่านจึงให้ตอกโค๊ตที่ตำแหน่งนี้ เท่านั้น เหรียญนี้ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดมาแล้วครับ คือ ตอนนั้นมีเพือนผมใส่เหรียญนี้อยู่เพียงเหรียญเดี่ยวกำลังตอกตะปูติดกรอบรูปอยู่แต่ตะปูกระเด็งจากการตอกมาที่หัว นึกว่าเจาะแล้วครับ แต่พอมาดูอีกทีไม่มีล่องลอยเลยครับ สาธุ

 

" พระรอด " ของดีที่ควรเก็บ....พระอาจารย์ใจให้ลูกศิษย์ทำขึ้นเพื่อแจกให้กับลูกศิษย์ทั้งหลายที่มาวัดเพื่อให้คนที่ได้ไปบูชา ได้รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายและยังเสริมบารมีกับคนที่ได้ครอบครอง ด้วยผงพุทธคุณและมวลสารที่รวบรวมมา ซึ่งถ้าหากจะหาพระแต่ละองค์ให้ครบนั้นไม่รู้ว่าจะต้องมีเงินเท่าไรจึงจะได้มาครอบครอง.............. พระรอดนี้ประกอบด้วย ผงพุทธคุณ พระรอด ผงธูปบูชาพระรอดมหาวัน ลำพูน ดินใจกลางเมืองวัดมหาวัน ผงจิตลดา ผงสมเด็จวัดระฆังวัดเกศไชโย หลวงพ่อเงินบางคลานหลวงพ่อพิธหลวงพ่อเตียง หลวงปู่ศุขหลวงพ่อคง ผงพลายกุมารหลวงปู่ทิมหลวงพ่อสาครหลวงตาปุ่นผงะุทธคุณอาจารย์ใจ ชนวนทองคำหล่อเกศพระประธาน ฉนวนหล่อพระพุทธ ตะกรุดทองคำหลวงพ่อคูณ ตะกรุดเงินเศฐีศรีสมุทร ตะกรุดนาท อาจารยใจลงเป็นพิเศษ ผง111วัดปากน้ำ ผง108 วัดท่าฬ่อ ผง108 วัดใหม่กระทุ่มล้ม ผงหลวงพ่อพริ้ง และแผ่นทองคำปิดหลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อเขาตะเครา ด้วยผงพุทธคุณที่กล่าวมา ลูกศิษย์ที่มีพระรอดของ พระอาจารย์ใจ น่าเก็บไว้บูชาอย่างมากครับ สร้างเพียง 5,002 องค์เท่านั้น แจกลูกศิษย์ที่มาพบอาจารย์ที่วัดพระยาญาติ 2,500 องค์ และ อีก 2,502 องค์ พระอาจารย์ใจ ให้นำไปแจกจ่ายตามวัดต่างๆที่ขอท่านมา จนขณะนี้ที่วัดได้หมดนานแล้วครับ......เรื่องพุทธคุณไม่ต้องพูดถึงครับดีแน่นอนอะไรที่ท่านปลุกเสกและยิ่งท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ทำเพื่อแจกโปรดลูกศิษย์ด้วยแล้ว.... " ใครมีไว้เก็บให้ดีนะครับ " รุ่นนี้ชาวบ้านที่มีบอกใส่แล้วแคล้วคลาดปลอดภัยครับ เนื่องจากผู้ที่เจอเห็นการณ์เล่าให้ผมฟังว่าเคยมีสุนัขมากัดแต่กัดไม่เข้าครับในตัวเค้ามีเพียงพระรอดของอาจารย์ใจ องค์นี้องค์เดี่ยวครับ

 

ของขึ้นงานวันลอยกระทง ทุกปีที่วัดพยาญาติ...พระอาจารย์ใจ จะปิดโบสถ์ทำตะกรุดโดยการลงยันต์ที่ละแผ่นประมาณ 1,000 ดอก เพื่อแจกให้ลูกศิษย์ที่มารดน้ำมนต์ในคืนเดือนเพ็ญ โดยตะกรุดนี้เรียกว่า ตะกรุดจันท์เพ็ญ จะให้คนละ 1 ดอก เท่านั้น ก็เหมือนเช่นทุกปีแจกหลัง เที่ยงคืนเป็นต้นไป สำหรับวันลอยกระทงปีนี้มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งที่ได้อาบน้ำมนต์ของอาจารย์เพียงขันแรกของที่ลูกศิษย์ท่านนี้เคยลงไว้ก็ขึ้นทันทีครับ....( บางคนโดนของมาก็อาเจียนออกมาเลยครับ ) อาจารย์จะอาบน้ำมนต์ให้อย่างนี้ทุกคน คนล่ะ 3 ขันใหญ่ๆเลยครับ ท่านเมตตาลูกศิษย์ทุกคนมากๆครับ

 

ประวัติหลวงพ่อใจ ฉบับที่ 2
หลวงพ่อท่านได้สรรพวิชาจากหลวงพ่อเนื่องจนหมดไส้ หมดพุงเลยทีเดียว และท่านยังได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จากโยมพ่อใบ คำอึก ซึ่งเป็นศิษย์พี่ ศิษย์น้องกับหลวงพ่อเนื่อง โยมพ่อใบ คำอึกนี้มีวิชามากมายเหลือแค่จับเถาวัลย์เท่านั้น เถาวัลย์ยังเลื้อยขึ้นมือเองได้จัดว่าท่านเป็นผู้คงแก่เรียน แม้แต่หลวงพ่อเนื่องยังบอกว่า “โยมพ่อใบคนนี้เก่งมาก ๆ รอบรู้ในสรรพวิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อคงอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว” ไม่ว่าจะเป็นพระหรือพวกที่อยากเรียนวิชาเคยมาหาเพื่อให้โยมพ่อใบ คำอึกสอนแต่
ท่านกับไม่สอนใครเลย ท่านบอกว่า “ถ้าเราให้ไปเดี๋ยวเขานำไปใช้ในทางที่ผิด เรามันจะตกนรกซะ” แต่กลับแปลกโยมพ่อใบ คำอึกกับให้คนมาตามหลวงพ่อมาหา และได้สอนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้กับหลวงพ่อ เช่น การกวนสีผึ้ง เพือเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม, การจับปลายเถาวัลย์, การล้างอาถรรพ์, การแก้คุณไสย, การทำน้ำมนต์เดือด และบอกหลวงพ่อว่า “สิ่งที่ฉันให้หลวงพ่อไป หลวงพ่อเอาไว้ช่วยคนนะฉันจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาซักที” หลังจากที่หลวงพ่อได้เรียนกับโยมพ่อใบ คำอึกจนสำเร็จ หลวงพ่อเนื่องได้ให้หลวงพ่อไปหาหลวงพ่อหนูวัดภุมรินทร์ และหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง ท่านทั้ง 2 องค์นี้ก็เป็นศิษย์หลวงพ่อคงเหมือนกัน พอหลวงพ่อเข้าพบหลวงพ่อหนู วัดภุมรินทร์ คำแรกที่หลวงพ่อหนูพูดกับหลวงพ่อคือ “มาแล้วเหรอ เข้ามาใกล้ ๆ สิ เออ ฉันจะได้ตายตาหลับซักที” หลวงพ่อจึงถามหลวงพ่อหนูว่า “ทำไมเจอผมถึงต้องตายด้วยหละครับ” หลวงพ่อหนูจึงพูดกับหลวงพ่อว่า “ก็ฉันได้ศิษย์แล้วไง และได้ตัวแทนฉันแล้วด้วย” แล้วหลวงพ่อหนูก็นั่งอมยิ้มเท่าที่ทราบมาว่าหลวงพ่อหนูองค์นี้เป็นพระที่หวงวิชามากไม่ค่อยให้ใครง่าย ๆ แต่พอหลวงพ่อท่านเข้าพบ หลวงพ่อหนูท่านกลับเปลี่ยน และได้สอนสุดยอดวิชาของท่านให้กับหลวงพ่อคือวิชา ดำน้ำลงตะกรุด ซึ่งวิชานี้ปีหนึ่งจะทำได้แค่ครั้งเดียว คือวันเพ็ญเดือน 12 เท่านั้น ตะกรุดที่ดำน้ำทำในแต่ละปีจะได้ไม่กี่ดอกใครที่มีไว้ครอบครองถ้าอธิษฐานใช้แล้วก็จะสำฤทธิ์ผลได้ดั่งใจ พอหลวงพ่อท่านเรียนวิชาจากหลวงพ่อหนูจนเสร็จท่านก็ได้ไปกราบหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง เพื่อศึกษายันต์ครูจากหลวงพ่อปึก ซึ่งหลวงพ่อปึกองค์นี้สามารถตบยันต์ทะลุกระดาษทุกแผ่นได้เลยทีเดียวเหมือนหลวงพ่อปึกท่านจะรู้ท่านบอกกับหลวงพ่อว่า “ฉันจะสอนให้ 3 วัน ถ้าเอาได้ก็เอาไป”แต่มันก็ไม่เหลือบากกว่าแรงหลวงพ่อ เพราะเวลา 3 วันที่หลวงพ่อปึกให้หลวงพ่อนั้นมันน้อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับหลวงพ่อแล้วท่านทำได้ หลังจากที่ศึกษากับหลวงพ่อปึกเพียง 3 วันเสร็จ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ก็ให้คนไปตามหลวงพ่อเข้าไปพบและพูดกับหลวงพ่อว่า “ใจ ที่ฉันเรียกมาหานี้ก็เพราะฉันถูกชะตากับ ใจ และที่สำคัญไปกว่านั้น ใจมีชื่อเดียวกับอาจารย์ของฉัน ฉันอยากให้วิชาของอาจารย์ฉันได้อยู่กับคนชื่อใจ เหมือนกัน” ดังนั้นหลวงพ่อหยอดจึงได้สอนให้หลวงพ่อเรียนวิธีหุงสีผึ้ง, ทำตะกรุดลูกอม, ทำน้ำมนต์ตลิ่งพัง ตามตำราหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และยังได้สอนให้เรียนวิธีการทำพระปิดตาที่มีเมตตาสูงส่งตามตำราของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว หลังจากที่หลวงพ่อท่านได้เรียนสรรพวิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อหยอดเสร็จ หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำก็ได้ส่งตัวหลวงพ่อไปศึกษาการทำตะกรุดกับหลวงพ่อน้อย วัดปากคลองจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อท่านก็ไปตามคำสั่งของหลวงพ่อเก๋ พอไปถึงวัดปากคลองหลวงพ่อท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาสรรพวิชาต่าง ๆ จากวัดปากคลองจนเป็นที่พอใจของหลวงพ่อน้อยหลวงพ่อน้อยยังเอ่ยชมมาว่า “อาจารย์เก๋ เขาตาถึงเขาหาลูกศิษย์ได้ถูกต้องแล้ว และตะกรุดของจังหวัดเพชรบุรีก็คงไม่สูญเสียแล้ว” พอหลวงพ่อเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยจนเสร็จ หลวงพ่อท่านก็ได้กราบลาหลางพ่อน้อย หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำท่านก็เมตตาให้หลวงพ่อมาคอยรับใช้ และยังถ่ายทอดสรรพวิชาที่หลวงพ่อเก๋มีให้หลวงพ่อจนหมด ถ้าจะพูดถึงหลวงพ่อเก๋แล้วหละก็ต้องนึกถึงตะกรุดของท่าน เพราะตะกรุดของท่านแม้กระทั่งตำรวจยังมาขอร้องให้เลิกทำ เพราะลูกศิษย์ที่ได้ไปแล้วไปเป็นโจรพอถูกตำรวจยิงกะสุนกลับไม่ระคายผิว หลวงพ่ออยู่กับหลวงพ่อเก๋ได้ไม่นานหลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงส์ ท่านก็ขอตัวหลวงพ่อจากหลวงพ่อเก๋ให้มาอยู่กับท่าน หลวงพ่อง้อองค์นี้ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อคงรูปสุดท้าย และการที่มาอยู่กับหลวงพ่อง้อในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะทบทวนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่ได้ร่ำรียนมารวมถึงการฝึกจิต การปลุกเสกของ ให้เข็มขลังยิ่งขึ้นในที่สุดหลวงพ่อง้อท่านก็เมตตา หลวงพ่อสั่งสอนให้ รวมถึงวิชาบางวิชาที่ยังไม่ได้ท่านก็ช่วยสอนให้จนหลวงพ่อมีความชำนาญในสรรพวิชาต่าง ๆ อย่างช่ำชองพอเสร็จจากการร่ำเรียนจากหลวงพ่อง้อ หลวงพ่อท่านก็เดินทางกลับเข้าสู่วัดจุฬามณี เพื่ออยู่คอยดูแล และรับใช้หลวงพ่อเนื่อง “ดั่งลูกดูแลพ่อ” จนหลวงพ่อเนื่องมรณะภาพลงหลวงพ่อท่านก็กลับสู่วัดพระยาญาติ และในปี พ.ศ 2538 หลวงพ่อทองท่านก็ได้มรณะภาพลงอีก ตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงว่าง

 

สาธุ ผมเองเคยมีโอกาส ได้ไปกราบนมัสการท่าน ท่านใจดีมากเลยครับ แล้วท่านยังเคยเมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี(สุสานทุ่งมน) จังหวัดสุรินทร์ให้ฟังด้วยครับ

 

เคยเช่าเก็บไว้แค่2เหรียญคับ เห็นเลขสวยดีเลยเช่าเก็บไว้ เลข1กับ999

 

กราบ พระอธิการใจ " ประสปการณ์จากตะกรุดลูกอมดอกเล็กๆ....แต่พุทธคุณไม่เล็กตามตะกรุดครับ " ล่าสุดเดือนที่แล้วมีประสบการณ์กับลูกสาวผมครับรอดพ้นคมเขี้ยวสุนัขมาได้(สุนัขบ้านคนอื่นเจ้าของปิดประตูไม่สนิททั้งหมด2ตัว)มันวิ่งผ่านลูกผมไปแต่ไปไล่กัดเด็กคนอื่นส่วนลูกสาวผมแคล้วคลาดมาได้ทั้งหมดนี้ด้วยบารมีของหลวงพ่อใจที่ท่านได้เมตตราทำตะกรุดให้ผมและครอบครัวได้อาราธนาติดตัวไว้บูชาคับ ศิษย์ขอน้อมกราบนมัสการหลวงพ่อใจครับ สาธุๆๆๆ

 

รอติดตามครับผม

 

ประวัติหลวงพ่อใจ ฉบับที่ 3 ญาติโยม และชาวบ้านจึงกราบอารธนาหลวงพ่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนหลวงพ่อทอง ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539
พอหลวงพ่อท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ท่านก็ได้ช่วยพัฒนาวัดจนดีขี้นเป็นลำดับ นอกจากจะพัฒนาวัดแล้วท่านยังได้ช่วยสงเคราะห์ญาติโยม ไม่ว่าจะเป็นอะไรมาหลวงพ่อก็ช่วย ไอ้ที่ว่าหนักก็คลายไอ้ที่ว่าเบาก็หาย, วัยรุ่น, ตำรวจ, ทหาร, พ่อค้าแม่ค้า, นักธุรกิจ ต่างพากันมาหาหลวงพ่อบางคนก็มาขอตะกรุด เพื่อปกป้องคุ้มครองตัว ค้าขายให้มีกำไร บางคนก็มาขอใบมะนาว เพื่อรักษาโรคมะเร็ง และโรคที่รักษาไม่ได้, บางคนก็มาให้พ่นรักษาโรคสะเก็ดเงิน, สะเก็ดทอง, เริม, งูสวัส, ไฟรามทุ่ง ฯลฯ บางคนก็มาขอโชคลาภ เพราะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์
หลวงพ่อเนื่อง และที่สำคัญไปกว่านั้นประสบการณ์ตะกรุด และลูกสะกดของท่าน ที่ท่านทำแจกให้ไปต่างมีประสบการณ์กันมากมาก เช่น วัยรุ่นถูกคู่อริยิง แล้วยิงไม่เข้า, ขับรถหลับในชนศาลาริมทางคนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต แต่คนขับที่มีตะกรุดกลับไม่เป็นอะไรเลย ส่วนลูกสะกดของหลวงพ่อก็มีประสบการณ์เช่นกัน เพราะเคยมีโยมพาลูกมาหาหลวงพ่อแล้วให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้พอหลวงพ่อเห็นเด็ก หลวงพ่อก็หยิบลูกสะกดพร้อมด้ายเจ็ดสี และพูดขึ้นว่า “ใส่คอไว้นะ อย่าเอาออก” พอหลังจากเด็กกลับไปแล้วเกิดพลัดตกน้ำแต่กลับลอยขึ้นมาไม่จม, แม่ค้า พ่อค้า ที่ขายของไม่ดี, นักธุรกิจที่กิจการเริ่มแย่ลงพอได้มาอาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อท่าน และรับแจกตะกรุดกับหลวงพ่อพอกลับไป
กับพลิกชีวิตจากที่ขายไม่ได้กับขายดี จากที่ธุรกิจแย่ลงกับดีขึ้นทุกคืนวันจนทุกวันนี้พวกเขาทั้งหลายกลับมาฝากตัว เพื่อขอเป็นศิษย์หลวงพ่อ และในทุกวันเพ็ญเดือน 12 (ลอยกระทง) ของทุก ๆ ปี ลูกศิษย์ ลูกหาของหลวงพ่อที่รู้จะมาหาหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อทำน้ำมนต์จันเพ็ญให้อาบ และรอรับตะกรุดจันเพ็ญที่หลวงพ่อทำปีละครั้ง หลวงพ่อเป็นพระที่มีความเมตตาสูง เป็นผู้ให้จริง ๆ ใครขออะไรถ้าเป็นของหลวงพ่อก็จะให้โดยที่ไม่นึกเสียดายเลยแม้แต่นิดเดียว จตุปัจจัยต่าง ๆที่หลวงพ่อได้มาท่านก็จะแจกเด็ก ๆ ในวัดซึ่งแต่ละคนเป็นลูกคนยาก คนจน เป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่แต่พวกเด็ก แม้แต่คนยาก คนใจ ที่มาขอหลวงพ่อ ๆ ก็ให้ญาติโยมที่รู้บอกหลวงพ่อว่า “ถ้าเขามาหลอกจะทำยังไง” หลวงพ่อตอบพวกญาติโยมว่า “ก็ชั่งเขา เขาอยากจะจนก็ช่าง มันก็เท่ากับแช่งตัวเองในเมื่อเขามาบอกฉันว่าเดือดร้อน ฉันก็ให้มันก็เท่านั้นส่วนเด็ก ๆ
ที่ฉันแจกไปถ้าเขามีเขาคงไม่มาขอฉันหรอก เพราะการทำบุญทำทานมันไม่ไปไหนหรอก” เพราะสาเหตุนี้เองวัตถุมงคลของท่านที่ลูกศิษย์ ลูกหาได้ไปใช้กันจึงมีความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้ถือ หลวงพ่อเป็นพระจริง ๆ ไม่ใช้เป็นพระเพื่อการอื่น หลวงพ่อพร้อมที่จะช่วยเหลือตลอดเวลา,ให้
ตลอดเวลายามลูกศิษย์มีทุกข์ ท่านก็จะช่วยให้คลายทุกข์ ยามลูกศิษย์มีสุขท่านก็ไม่ว่าอะไร หลวงพ่อไม่เคยคิดอิจฉา ริษยาใครใครจะมีเท่าไหร่ท่านก็ไม่สนท่านยินดีด้วยกับทุกคน แต่ถ้าใครมีทุกข์มาหาหลวงพ่อก็จะช่วยโดยที่ท่านไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆทั้งสิ้น “ให้ก็ไม่รับ” หลวงพ่อบอกว่า “ของที่ฉันให้ถ้าคิดเป็นราคาค่างวดแล้วมันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์” เรื่องนี้ลูกศิษย์ ลูกหาทุกคนทราบดี ลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุก ๆ คนที่นับถือรวมถึงชาวบ้าน และญาติโยมในจังหวัดสมุทรสงครามต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ถ้าจะกราบพระให้สนิทใจซักองค์ต้องกราบหลวงพ่อใจ หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ดีมากไม่เคยว่าใครให้ร้ายใคร” ลูกศิษย์ ลูกหาทำผิดมาหลวงพ่อได้แต่กล่าวว่า “ฉันไม่มีอะไรจะสอนนะคนเรามันก็มีอยู่แค่ 2 ทาง ทางแรกคือ ความดี ทางที่สอง คือ ความชั่วให้เลือกกันเอาเองว่าจะเอาทางไหน” คนที่ผิดเขาก็จะกลับตัวกันเองไม่มีใครกล้าปิดหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อรู้หมดเพียงแต่หลวงพ่อจะพูด หรือไม่พูดถ้าจะให้เปรียบเปรยหลวงพ่อก็คงจะเปรียบเปรยได้ว่า “พระองค์นี้คือพ่อ พ่อผู้มีแต่ให้ พ่อผู้มีแต่ช่วย พ่อผู้ไม่ยึดติด พ่อผู้ไม่ยอมให้ลูกตกอับ พ่อผู้ช่วยให้ลูกถึงฝั่ง พ่อผู้สอนให้ลูกเป็นคนดี” คำกล่าวข้างต้นเหมาะมากสำหรับ“หลวงพ่อใจ” หรือ “พระอธิการใจ ฐิตาจาโร” พระผู้ควรเทิดทูนไว้เหนือหัวตลอดกาล

 

ตามอ่านด้วยครับ
เคยไปกราบท่าน ท่านใจดีมากครับ