พระอรหันต์สิ้นชีพแล้วไปไหน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Prophecy, 24 ตุลาคม 2012.

  1. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    317 พระอรหันต์สิ้นชีพแล้วไปไหน

    ปัญหา พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสอาสวะแล้ว เมื่อสิ้นชีพดับขันธ์ ย่อมขาดสูญหมดสิ้นไป ไม่เกิดอีกใช่หรือไม่ ?

    พระสารีบุตรตอบ “.....ดูก่อนท่านยมกะ รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ?
    พระยมกะ “ไม่เที่ยง ท่านสารีบุตร”

    พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่า รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ ?
    พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

    พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลมีใน รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ หรือไม่ ?
    พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

    พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะท่านเห็นว่าสัตว์บุคคลนี้นั้นไม่มีมี รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ หรือ ?
    พระยมกะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านสารีบุตร”

    พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะ โดยที่จริง โดยที่แท้ ท่านจะค้นหาสัตว์ บุคคลในขันธ์ ๕ เหล่านี้ในปัจจุบันชาตินี้ก็ยังไม่ได้ ควรแลหรือที่ท่านจะยืนยันว่า.... พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมหายสูญ ย่อมหมดสิ้นไป ย่อมไม่เกิดอีก.... ดูก่อนท่านยมกะ ถ้าชนเหล่าพึงถามท่านว่า ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ขีณาสพ เมื่อตายไปแล้วเป็นอย่างไร ท่าน.... จะพึงกล่าวแก้ว่าอย่างไร ?”
    พระยมกะ “ข้าแต่ท่านสารีบุตร ผมฟังกล่าวแก้อย่างนี้ว่ารูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไปแล้ว ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้แล้ว”

    พระสารีบุตร “.....ดูก่อนท่านยมกะ พระอริยสาวกผู้ใดเรียนรู้แล้ว ฉลาดในอริยธรรม ย่อมไม่เห็น รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ว่าเป็นตน ย่อมไม่เห็นตนมีรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ย่อมไม่เห็นรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ในตน ย่อมไม่เห็นตนในรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณอันไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง อันเป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ อันเป็นอนัตตาว่าเป็นอนัตตา อันปัจจัยปรุงแต่งว่าปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่าว่าเป็นผู้ฆ่า เขาย่อมเข้าไปยึดมั่นถือมั่นซึ่ง รูป....เวทนา...สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ว่าเป็นตัวตนของเรา อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านั้นอันอริยสาวกไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน”


    ยมกสูตร ขันธ. สํ. (๑๙๙-๒๐๗)
    ตบ. ๑๗ : ๑๓๔-๑๔๐ ตท. ๑๗ : ๑๑๘-๑๒๓
    ตอ. K.S. ๓ : ๙๓-๙๙


    317
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
    จึงเข้าใจเองแบบหยาบๆว่า เมื่อพ้นทุกข์(ไม่กลับมาเกิด)แล้ว ก็สุข
    แต่การอยู่กับสุขนั้น อยู่อย่างไร อยู่ที่ไหน มีรูปหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้...แต่เพียงรู้ว่า"อยู่"
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นิพพานไม่มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นิพพานไม่มีการเกิด ไม่มีการเสื่อม
     
  4. joolawan

    joolawan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +11
    แล้ว พระอรหันต์เหล่านั้น ไปอยู่ที่ไหนเล่า นี่แหล่ะ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอคำตอบ
     
  5. j-adirek

    j-adirek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +204
    อนุโมทนา สาธุครับ พระพุทองค์ทรงตรัสว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งเป็นบรมสุข พระอรหันต์ที่ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็ไปอยู่แดนนิพพาน นะซิ เพราะพระอรหันต์ท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนทุกอย่างเครารพรักและบูชาพระพุทธเจ้ายิ่งกว่าชีวิต แม้แต่พระอานนท์สมัยท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านยังเอาตัวท่านเข้าขวางไม่ให้ช้างนาฬาคิรีทำร้ายพระพุทธเจ้าเลย ท่านคิดว่าตัวท่านเองมีชีวิตอยู่มีประโยชน์น้อยกว่าที่พระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ นี่ขนาดแค่พระโสดาบันนะครับ และถ้าเป็นพระอรหันต์ท่านไม่รักและเครารพพระพุทธเจ้ามากกว่านี้เหรอ เมื่อพระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า ตถาคตเองเมื่อดับขันธ์ ๕ จากโลกนี้แล้วท่านจักไปพระนิพพาน เมื่อพระอรหันต์ท่านมีความดีตรัสรู้ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ไปพระนิพพานตามพระพุทธเจ้านะซี ไม่เห็นว่าจะน่าสงสัยเลยว่าท่านเป็นพระอรหันต์เมื่อดับขันธ์ ๕ แล้วท่านจะไปไหน ศัทธาในความเชื่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหัวใจสำคัญและเป็นขั้นต่อไปที่ท่านทั้งหลายจะบรรลุมรรคบรรลุผล อนุโมทนา สาธุครับ
     
  6. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    นิพพานเป็นแดนหรือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  7. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    อยากรู้ก็ไม่ยากเลย ทำทิพจักขุญาณให้เกิดก็สิ้นเรื่อง
     
  8. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ต้องปฏิบัติเอง จึงจะรู้เองครับ เรื่องแบบนี้เขาเรียกรู้ได้ด้วยตนเอง ปัตจัตตัง
    โบรานเขาเปรียบเหมือนดั่ง ทัพพีในหม้อแกงครับ
     
  9. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    แค่สวรรค์ยังอธิบายกันลำบากเลยครับ อย่าว่าถึงพระนิพพาน
     
  10. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  11. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เสริมนิดว่า ทำทิพจักขุญาณให้เกิดและทำจิตให้เข้าถึงอย่างต่ำโคตรภูญาณครับ
    เห็นพระนิพพานแจ๋ว สบายจิตยิ่งนักแล
     
  12. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    พระนิพพาน เป็น สภาวะธรรม
     
  13. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ขอยกตัวอย่างนะคะ

    เห็นน้าหนูเล่าว่าปกติเวลานั่งจะเห็นท่านหลวงตามหาบัว แต่พอท่านไปแล้วไม่เห็นท่านเลย
     
  14. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +3,172


    อยากรู้ก็ต้องปฏิบัติจนบรรลุธรรมนั้นหละครับ.......หากมีใครบอกว่าอยู่ตรงโ้น้นตรงนี้...ล้วนไม่จริง นิพพานไม่ไม่รูป ไม่มีดินแดน หากมีรูป มีดินแดนสถานที่ ต้องมีการเกิด.เช่น สวรรค์..ทวยเทพต่างมีรูป....ต้องตายเกิดทั้งสิ้น.....จบลงตรงท่ทุกอย่างเป็นปัจจะตังรู้ได้ด้วยตัวเอง....ปฏิบัติกันต่อไปครับทุกท่าน สาธุ
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เมื่อไม่รู้จักสมมติจะรู้จักวิมุตติ(นิพพาน)อย่างไรได้
    เมื่อไม่รู้จักร้อนจะรู้จักเย็นได้อย่างไร
    เมื่อไม่รู้จักได้จะรู้จักเสียอย่างไรได้
    เมื่อไม่รู้จักถูกจะรู้จักผิดได้อย่างไร
    เมื่อไม่รู้จักบาปจะรู้จักบุญอย่างไรได้
    เมื่อไม่รู้จักข้อปฏิบัติจะปฏิบัติอย่างไรได้
    เมื่อไม่รู้จักข้อเว้นจะเว้นอย่างไรได้
    จะพรรณนาข้อนี้มากมายก็มีความหมายอันเดียวกัน

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
     
  16. นิราลัย

    นิราลัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +27
    ในปาฏลิคามิวัคคอุทาน ฯ กล่าวไว้ว่า “อตฺถิ ภิกฺขเว ตทายตนํ ฯลฯ”.

    ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ที่ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีเลย อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็มิใช่ โลกนี้ก็มิใช่ โลกอื่นก็มิใช่ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ทั้งสองก็มิใช่ อนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวเลยซึ่งอายตนะนั้นว่าเป็นการมา เป็นการไป เป็นการยืน เป็นการจุติ เป็นการเกิด อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นั่นแลที่สุดแห่งทุกข์

    พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีอยู่ ตรัสเรียกว่าอายตนะด้วย ซึ่งอายตนะในที่นี้หมายถึงที่สถิตอยู่
     
  17. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +3,172
    ด้วยควาเคารพ..ขอแชร์จากที่ครูอาารย์ที่ผมเคารพที่สุดท่านสอนไว้ว่า
    ..นิพพานเป้นอนัตตา...อนัตตาคือไม่มีรูป ไม่มีตัวตน..ไม่ต้องการที่อยู่....
    ...ลึกซึ้งครับ...ยากนักจะอธิบาย...ผมก้อมีบุญได้แค่ฟังธรรมแลปฏิบัติตามที่ท่านสอน....ใครอยากฟังธรรมก้อลองหาในเวปพลังจิตนะครับมีผู้นำมาลงไว้..ธรรมของหลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ ครัับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ถาม คำว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน เหล่านี้ มีอยู่โลกไหนกันแน่
    ปู่ตอบ มีอยู่ในท่ามกลางแห่งโลกมนุษย์ แต่มิใช่มนุษย์มิใช่สัตว์ มิใช่เปรต ผี เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม มิใช่ ต้นไม้ ภูเขา มิใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ มิใช่วัตถุแร่ธาตุต่าง ๆ ในโลกสมมุติ นิพพานมีอยู่ในวิมุตติสถาน แต่มิใช่มีอยู่ในชื่อที่ว่า นิพพาน

    นิพพาน และวิมุตติธรรมที่กล่าวถึงเหล่านี้ มีอยู่ตามหลักธรรมชาติของตน มิได้ขึ้นอยู่กับวัตถุ บุคคลใด สิ่งใดทั้งสิ้น สิ่งที่จะรับทราบธรรมเหล่านี้ได้ มิใช่ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมิใช่วิชาทางโลกทุก ๆ แขนง และเรียนวิชาธรรมจนจบพระไตรปิฎกแต่มิได้ปฏิบัติ ตลอดเครื่องพิสูจน์ใด ๆ ที่โลกใช้กัน มีใจเท่านั้นที่ปรับตัวด้วยหลักธรรม คือ ด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาดังพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายท่านปฏิบัติและรู้เห็น ประจักษ์พระทัยและใจมาแล้วมากต่อมากจนไม่อาจนับอ่านจำนวนท่านได้ ท่านเหล่านี้แม้พระองค์และองค์เดียวมิได้ถามกันและถามใครเลย ทรงปฏิบัติจิตภาวนาโดยหลักธรรมที่จะทำให้รู้ให้เห็น ก็ทรงรู้ทรงเห็น และรู้เห็นขึ้นกับตนเอง

    ฉะนั้น การที่จะแก้ความสงสัยให้หายในบาป บุญเป็นต้นนั้น ต้องพิสูจน์กันด้วยการปรับจิตใจโดยการปฏิบัติธรรม มีจิตภาวนาเป็นสำคัญ จนรู้เห็นประจักษ์ใจแล้ว ความสงสัยแม้จะเคยครองหัวใจมาตั้งกัปตั้งกัลป์หรือตั้งแต่วันเกิดก็ดับวูบลง ในทันที มิได้อ้างกาลเวลาที่เคยยึดครองหัวใจมาเลย เช่นเดียวกับความมืดแม้จะเคยมืดมาตั้งกัปตั้งกัลป์ก็ตาม เพียงเปิดไฟสว่างจ้าขึ้นเท่านั้น ความมืดก็หายไปเองโดยมิได้อ้างกาลเวลาที่เคยมืดมาฉะนั้น

    การรู้เห็นบาปบุญเป็นต้น ตลอดสัจธรรมทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ไม่จำต้องมีกาลสถานที่มาเกี่ยวข้องและกีดกัน ความจริงเท่านั้นจะเปิดความจริงขึ้นมาให้ผู้ปฏิบัติจริง ได้รู้เห็นความจริงที่มีอยู่ทั้งหลายได้ประจักษ์แจ้งโดยไม่อ้างกาลว่าสมัย โน้นสมัยนี้ เพราะกรรมเป็นปัจจุบันธรรมตลอดมาแต่กาลไหน ๆ แม้สวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ก็เป็นปัจจุบันธรรมสด ๆ ร้อน ๆ ควรแก่การนำมาพิสูจน์สิ่งลี้ลับทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นปัจจุบันธรรมเช่นเดียวกันได้อย่างไม่มีปัญหา

    ที่เป็นปัญหาอันใหญ่โตในหัวใจสัตว์ไม่ให้มองเห็นความจริงทั้งหลายได้ ก็มีกิเลสตัวทำให้มืดบอดอย่างเดียวเท่านั้น พาสร้างบาปและลงนรก ทั้งที่มันโกหกว่าบาปไม่มี นรกไม่มี แต่สัตว์โลกโดนไม่หยุดหย่อนผ่อนคลายบ้างเลย ส่วนบุญ สวรรค์ นิพพานไม่ต้องกล่าวถึงเพราะเป็นธรรมชาติที่มันไม่ต้องการให้สัตว์โลกคิดและ สนใจอยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะขาดผลรายได้และนโยบายของมัน

    ว่าไง ที่นี่ ปู่ได้อธิบายให้จนหมดพุงแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ธรรมก็มีเท่านี้ไม่สามารถจะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ ประการหนึ่งจงทำความเข้าใจไว้ว่า คำว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมีนั้น ธรรมชาติเหล่านี้มีอยู่ทำนองเดียวกันกับคำว่า ”ธรรมมีอยู่” แต่ไม่สามารถสัมผัสธรรมชาติเหล่านี้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กายได้ เพราะมิใช่วิสัยของกันและกัน มันเป็น อฐานะ คือเป็นไปไม่ได้ มีใจเท่านั้นสามารถสัมผัสได้แต่ผู้เดียว เมื่อปรับใจด้วยภาคปฏิบัติให้เหมาะสมกับธรรมชาตินั้นและธรรมขั้นนั้น ๆ แล้ว ความจริงก็มีเท่านี้

    คำถามคำตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ ๒
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล อุดรธานี
    จากหนังสือ
    อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว อนาลโย

     
  19. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ปฎิบัติตนตามรอยพระพุทธเจ้า ศึกษาพระไตรปิฎกให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และถูกต้อง ก็น่าจะพบนิพพานได้เอง ละมั้งคะ:VO
     
  20. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    ขอแก้จากตามรอยพระพุทธเจ้า เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแทนคะ:VO
     

แชร์หน้านี้

Loading...