ภายใต้“วัฏสงสาร”เดียวกัน

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 31 ตุลาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ภายใต้“วัฏสงสาร”เดียวกัน



    [​IMG]



    (1)

    พายุ กฤษณา ที่ว่าร้ายๆ ไล่ถล่มฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว และบางส่วนของประเทศไทยชนิด เดี้ยง กันไปเป็นแถบๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับฟาดงวง ฟาดงา แบบพิสดารพันลึก เท่ากับพายุ ป้าหม่า ที่เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่แล้ว แต่จนกระทั่งถึงช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังคงออกฤทธิ์ ออกเดช ม้วนไป ม้วนมา เดี๋ยวโผล่ขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ เดี๋ยวย้ายมาบุกเกาะไหหลำ เดี๋ยวก็หันหัวหันหางกลับมาถล่มเวียดนามซ้ำๆ เล่นเอาศูนย์อุตุนิยมวิทยาของแต่ละประเทศต่างมึนซ์ซ์ซ์ไปตามๆ กัน...

    (2)

    อาการชักเข้า ชักออก เดี๋ยวเคลื่อนไปซ้าย เดี๋ยวย้ายไปขวา อีกทั้งยังอึด ทนทาน เอามากๆ สามารถคงกำลังแรงลมบริเวณจุดศูนย์กลางเอาไว้ในระดับร้อยถึงร้อยกว่าๆ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงเวลายาวนานนับเป็นสัปดาห์ๆ ทำเอาพายุ ป้าหม่า กลายเป็นอสูรร้าย ที่ดูเหมือนกับจะมีชีวิต เลือดเนื้อ วิญญาณ ต่างไปจากพายุธรรมดาๆ หลายต่อหลายลูก แต่ถ้าหากมองผ่านแว่นตาของนักวิทยาศาสตร์แล้ว ปรากฏการณ์เหล่านี้...เป็นสิ่งที่พอจะหาคำอธิบายได้ไม่ยาก ดังเช่นที่ เกรก ฮอลแลนด์ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมแห่งชาติสหรัฐ เคยสรุปเอาไว้ในรายงานการวิจัยว่าด้วยอัตราถี่และอัตราความแรงของพายุในแต่ละลูก ที่เพิ่มขึ้นๆ ตลอดทั่วทั้งทะเลแคริบเบียน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 เป็นต้นมาว่า พายุเฮอริเคนที่เราเห็นนั้น...มีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศอย่างไม่ต้องสงสัย ความร้อนของพื้นผิวมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น ก็คือตัวเติมพลังงานให้กับความเร็ว และความแรงของลม ให้ทวีพลังยิ่งขึ้น และมีอัตราถี่ขึ้น สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อน หรือภาวะเรือนกระจก อย่างเห็นได้ชัดเจน...

    (3)

    ว่ากันว่า...เมื่อไหร่ก็ตามที่อุณหภูมิความร้อนบริเวณพื้นผิวมหาสมุทรสูงขึ้นในระดับ 25.6 องศาฯ โดยเฉลี่ย มันก็สามารถกลายเป็นโรงงานผลิตพายุระดับไต้ฝุ่น หรือเฮอริเคน ในแต่ละลูกได้เสมอๆ ด้วยเหตุนี้...จึงไม่น่าแปลกใจนักว่า เหตุใดที่หย่อมความกดอากาศต่ำซึ่งปรากฏตัวอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะปาเลา ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว หรือในวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา และนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ แทบไม่ได้ให้ความสนใจอย่างเอาจริงเอาจังมาก่อน แวบเดียวมันกลับกลายสภาพไปเป็นพายุ กฤษณา ที่ไล่ถล่มใครต่อใครให้ฉิบหาย วายวอดกันไปเป็นแถบๆ ยิ่งตามมาด้วยความแรง ความอึด ความทน ของพายุ ป้าหม่า ก็ยิ่งเท่ากับเป็นตัวอธิบายถึงระดับความร้อนในพื้นผิวมหาสมุทรที่กำลังเพิ่มขึ้นๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน และแม้นว่าพายุ ป้าหม่า ค่อยๆ คลี่คลายสลายตัวกลายเป็นความหย่อมความกดอากาศต่ำไปแล้วก็ตาม อุณหภูมิความร้อนที่ยังคงอยู่ก็กำลังเร่งเติมพลังงานให้กับพายุลูกใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า ฮาร์กัตนา ซึ่งเริ่มก่อตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก และทำท่าว่าจะหันหัวหันหางเข้าไปถล่มภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศฟิลิปปินส์กันอีกระลอก...

    (4)

    อย่างไรก็ตาม...การหาทางทำให้อุณหภูมิบนพื้นผิวโลกโดยเฉลี่ย ไม่ร้อนหนักขึ้นไปกว่านี้ หรือไม่ให้ร้อนเพิ่มขึ้นไปเกินกว่า 2 องศาเซลเชียส ตามแนวทางของพวกนักวิทยาศาสตร์ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือบรรดาองค์กรเอกชนทั้งหลาย ซึ่งพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ ในโลกนี้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ตามข้อตกลงที่เรียกๆ กันว่า สนธิสัญญาโคเปนเฮเกน ซึ่งเพิ่งจะผ่านการพูดคุย หารือ ที่กรุงเทพมหานครในบ้านเราเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา...ก็พอสรุปได้ว่า ประสบความล้มเหลวในแบบแทบจะสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเจรจากันรอบไหนต่อรอบไหน รอบแล้วรอบเล่า ผลสรุปมันก็มักจะออกมาในแนวเดิมๆ นั่นก็คือ บรรดาประเทศที่มีพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ อันเป็นประเทศที่มีส่วนสำคัญเอามากๆ ในการช่วยคลี่คลายสภาวะโลกร้อนให้ลดระดับลงมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ต่างก็ชักเข้าชักออก พร้อมใจที่จะเอามือซุกหิ่บ หรือเจรจากันในแบบ ไปไหนมาสามวาสองศอก ต่อไปเรื่อยๆ...

    (5)

    ทั้งๆ ที่ในอีกแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง...ข้อตกลงความร่วมมือขั้นต้นในการขจัดภาวะโลกร้อน ที่เรียกกันว่า พิธีสารเกียวโต จะหมดอายุบังคับใช้ภายในปี ค.ศ.2012 ความหวังที่จะเห็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้นมาอีกหน่อย ในการลดอุณหภูมิความร้อนของโลกด้วย สนธิสัญญาโคเปนเฮเกน ซึ่งจะอุบัติขึ้นมาแทนที่ภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ก็กลับทำท่าว่าจะกลายเป็น ความฝันกลางฤดูร้อน หรือกลายเป็นแค่ พิธีกรรม ไม่ใช่ กระบวนการ อันจะสามารถช่วยเหลือ ปกป้อง เยียวยาบรรเทาเบาบางภัยคุกคามจากธรรมชาติ ซึ่งกำลังจ้องจะ เอาคืน มวลมนุษยชาติอย่างหนักหน่วง รุนแรงยิ่งขึ้นทุกที...

    (6)

    ภายใต้สภาพเช่นนี้...ก็จึงทำให้บรรดาพวกนักวิทยาศาสตร์อดไม่ได้ที่จะออกมาป่าวประกาศ ร้องตะโกน กันแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล่าสุด...ได้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน ตรงไป-ตรงมา กันอีกรอบว่า ภายในช่วงระยะเวลาอีกไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ หรือในขณะที่เราๆ-ทั่นๆ ยังไม่ถึงกับแก่ตาย ยังไม่ได้ลา ละ สละโลกใบนี้ไปง่ายๆ อุณหภูมิความร้อนเท่าที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ จะทำให้พื้นที่บริเวณทวีปอาร์กติก อันเคยถูกปกคลุมด้วยทุ่งน้ำแข็งมาโดยตลอดชั่วนาตาปี จะต้องกลายสภาพไปเป็น ทะเลเปิด ในช่วงฤดูร้อน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้!!! แค่ลองหลับตาจินตนาการนึกถึงภาพแผ่นน้ำแข็งหนาๆ นับเป็นกิโลเมตร อีกทั้งกว้างขวางใหญ่โตในระดับเป็นทวีปๆ จะต้องละลายกลายเป็นน้ำในท้ายที่สุด ก็แทบไม่ต้องเสียเวลานั่งบ่น นั่งระบาย ในเรื่องจุกๆ จิกๆ อย่างเรื่องฝนตก รถติด และน้ำท่วม กทม. กันอีกต่อไปแล้ว เพราะโอกาสที่กรุงเทพฯ ทั้งกรุงเทพฯ จะจมหายไปในทะเลภายในช่วงระยะ 10 ปีข้างหน้า ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

    (7)

    ถึงช่วงนั้น...ไม่ว่าเหลือง ว่าแดง ไม่ว่าอำมาตยาธิปไตย หรือประชาธิปไตย ล้วนแล้วแต่มีสิทธิ์ตกน้ำป๋อมแป๋มไปด้วยกันทั้งสิ้น ดีไม่ดี...ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นไปทั่วทุกชายขอบทวีป อาจรุกล้ำเข้าไปกลืนปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ฯลฯ ชนิดไม่เหลือเศษซากใดๆ ให้ต้องเสียเวลาทวงคืนเอาเลยก็ไม่แน่??? ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนเขมร คนเวียดนาม คนฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ อาจจะต้องลอยคอเท้งเต้งอยู่กลางมหาสมุทร โดยไม่มีโอกาสที่จะแยกแยะเชื้อชาติ สัญชาติใดๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในสภาพแบบที่อภิมหานักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.เจมส์ อี. เลิฟล็อค ได้วาดภาพจินตนาการเอาไว้นั่นแหละว่า โลกจะก้าวสู่ยุคแห่งความร้อน (Heat Age) ที่จะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นๆ จนถึงขั้นที่โลกทั้งโลกปราศจากน้ำแข็งโดยสิ้นเชิง สิ่งที่จะตามมาอย่างไม่น่าเชื่อหรือในแบบที่คาดไม่ถึง ก็คือพายุร้ายที่จะทวีความรุนแรงสุดขีด และมีอัตราถี่ขึ้นๆ ปริมาณพื้นที่ป่าฝนอันเขียวขจี จะถูกแปรสภาพให้กลายเป็นพื้นท่วมโดยเฉียบพลัน สลับกับการเป็นพื้นที่แห้งผากแบบทะเลทรายใจกลางทวีปออสเตรเลีย และภายในศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างช้า ประชากรโลกนับพันๆ ล้านคน จะไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่ทำกิน ไร้อาหาร อย่างที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ ผู้คนจำนวนพันๆ ล้าน หรือประชากรไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในโลกนี้จะต้องดับสูญลงไป...ฯลฯ



    --------------
    [​IMG]

    ภายใต้วัฏสงสารเดียวกัน | ไทยโพสต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...