รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 20 เมษายน 2014.

  1. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คืออะไร?
    อะไรคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ผู้ใดรู้ช่วยตอบ พร้อมยกตัวอย่างเถิด
    ขออนุโมทนา ล่วงหน้า
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  3. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ไม่เป็นการฉลาดเอาสะเลย ถ้าข้าพเจ้าอยากจะรู้จาก google
    ข้าพเจ้าจะมาถามที่นี้ทำไม?
     
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    รูป คือรูปลักษณ์ ร่างกายที่มองเห็น และจับต้องได้
    เวทนา คือความรู้สึกต่างๆ เจ็บปวด เย็น ร้อน ทรมาน มีสุข
    สัญญา คือความทรงจำ ที่จัดเก็บไว้ในสมอง
    สังขาร คือผลจากความรู้สึกนึกคิดประมวลผลจากสมอง โดยใช่ความทรงจำพื้นฐานต่างๆปรุงแต่งให้เกิดเป็นความคิด คาดเดา ซึ่งนำไปสู่การแสดงออกต่างๆ
    วิญญาณ คือสื่อกลางตัวรับรูั หรือก็คือความทรงสติ เป็นธาตุรับรู้ หากไม่มีวิญญาณ คือหมดสติ หรือดับสติรับรู้ จะไม่เกิดเวทนา ไม่รับรู้สิ่งต่างๆที่มาจากกานกระทบทางรูปสัมผัส(สัมผัสทางกาย)ต่างๆ ในบุคคลที่เข้าฌานก็ระงับวิญญาณไว้ชั่วคราว ในระหว่างทรงฌานระดับสูง จะไม่รับรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

    ทั้ง5อย่าง เรียกว่า ขันธ์5 คือความประกอบรวมเป็นเรานี่เอง หากรู้และเข้าใจ ก็จะมองเห็นระบบของมัน และจัดการต้นเหตุที่ทำให้ทุกข์ใจได้ พุทธองค์รู้และนำมาถ่ายทอดให้เราอีกที
     
  5. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    เมื่อรู้ว่าขันท์ห้าคืออะไรควรรู้ต่อไปว่า เมื่ิอเรากำหนดจิต รู้ทุกอริยาบท จิตจะค่อยรวมเป็นหนึ่ง ไม่มีการส่งส่ายไปมา มีแต่ผู้รู้ บางทีเรียกว่าธาตุรู้ ธาตุรู้เป็นผู้อยู่กลางๆไม่มีความรู้สึกดีชั่วอะไร และต้องอาศัยสัญญา สังขาร อุปทานเข้าไปรวมจึงจะเกิดอากรต่างๆขึ้นมาได้ เมื่อสังขารปรุงแต่งแล้ว ปัญญาจึงเข้าไปตรึกตรองในสิ่งนั้นๆ ขอให้เจริญในธรรม
     
  6. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อะไรคือรูป ดูที่ผัสสะประกอบทางอายะตะนะ ๖ ครับ หากสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย ส่วนนี้เป็นรูป หากสัมผัสทางใจทางความคิดก็จะเป็นนามได้แก่เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
    ร่างกายเป็นรูป มองเห็นด้วยประสาทตารวมทั้งสิ่งต่างๆที่มองเห็นได้, เสียงเป็นรูป สัมผัสได้โดยประสาททางหู, กลิ่นเป็นรูป สัมผัสได้โดยประสาททางจมูก, รสเป็นรูป สัมผัสได้ทางประสาทลิ้น, เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เป็นรูป สัมผัสได้โดยประสาททางกายมีทั่วผิวหนัง
    เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ที่เป็นนามนี้ นั้นล้วนตกอยู่ความรู้สึกนึกคิดทั้งสิ้น จะว่าง่ายๆ ทั้งสี่ตัวนี้อยู่ในความคิดนั้นเอง
    เวทนา ก็คือคิดสุข คิดทุกข์ คิดเฉยๆ ไปกับอารมณ์ต่าง เช่นว่าตาเห็นรูป เราก็อาจคิดทุกข์ คิดสุข คิดเฉยๆ ไปกับสิ่งที่เห็นนั้นได้ ในส่วนหู จมูก ลิ้น กาย ก็เช่นกัน หรือมาจากผัสสะทางใจเองก็ได้คือคิดไปหาอดีตหรืออนาคตแล้วก็เกิดทุกข์หรือสุขไปกับอารมณ์นั้นๆได้เช่นกัน
    สัญญา ก็คือความคิดที่จดจำให้สิ่งต่างๆได้ เช่นตาเห็นรูปนก สัญญาก็รู้ว่าเป็นนก หูได้ยินเสียงนก สัญญาก็รู้ว่าเป็นเสียงนก อื่นๆก็คล้ายกัน
    สังขาร คือความคิดปรุงแต่ง เช่นว่าตาเห็นรูปนก สัญญาก็รู้ว่าเป็นนก หูได้ยินเสียงนก สัญญาก็รู้ว่าเป็นเสียงนก ก็เกิดความคิดปรุงแต่งอยากได้นกนั้นมาเป็นของตัว เพื่อเป็นอาหารหรือเลี้ยงก็แล้วแต่...
    วิญญาณก็คือความคิดไปรู้อารมณ์ต่างๆ เช่นตาเห็นรูปก็รู้ว่าตาเห็นรูปนั้น เป็นสัญญาเช่นใดก็รู้เช่นนั้น เป็นสังขารเช่นใดก็รู้เช่นนั้น ตัววิญญาณนี้บางครั้งมี บางครั้งก็ไม่มีกับทุกอารมณ์ เพราะโดยสภาพเขาจะรับรู้เพียงอารมณ์เดียว หากมีอารมณ์หลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน วิญญาณจะรับรู้เพียงอารมณ์เดียวเท่านั้น เช่นว่ามีลมพัดเบาๆ พร้อมๆกับถูกคนด่าอย่างรุนแรงด้วยเสียงอันดัง วิญญาณขณะนั้นจะรับรู้อารมณ์ที่เด่นชัดกว่าคืออารมณ์ที่ถูกด่า
    สภาวะขันธ์ ๕ ในขณะจิตหนึ่งจะมีขันธ์ ๕ เกิดขึ้นโดยบริบูรณ์ แต่วิญญาณจะไปรับรู้ที่ส่วนใดซึ่งเป็นอธิบดีอารมณ์ เช่นว่าเคาะพื้น ๑ ครั้งก็เป็นขันธ์โดยบริบูรณ์ รูป-เสียงเคาะ, เวทนา-ยินดีหรือไม่ยินดีในเสียงเคาะ, สัญญา-จำได้เป็นเสียงเคาะ, สังขาร-ปรุงแต่งอยากหรือไม่อยากให้เคาะต่อ วิญญาณรู้ทุกสภาวะอารมณ์แต่รู้ต่างขณะกัน กรณีนี้อาจสงสัยว่าเหมือนกับรู้ทุกอารมณ์ในขณะเดียวกัน ซึ่งวิถีจิตเขาเร็วมาก ชั่วพริบตามเดียวเขาสามารถรู้อารมณ์ได้อย่างมากมาย หรือพูดอีกอย่างว่าจิตเกิด-ดับ รวดเร็วมากนั้นละครับ
    แค่นี้ผมคิดว่าน่าจะพอเข้าใจได้ครับ
    ธรรมมะของพระพุทธองค์จะโยงใยหากันได้ทั้งหมด จะโยงจากขันธ์๕ ไปยังมรรค๘ หรืออริยสัจจ์ หรืออื่นๆก็ได้ทั้งสิ้น
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2014
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เรียกรวมกันว่า ขันธ์ 5

    ขันธ์ 5 ย่อลงมาเหลือแค่ รูปกับนาม

    รูปไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    นามไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    "...สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์..."

    ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องความทุกข์ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก้เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก้เป็นทุกข์ ความประจวบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น เป็นทุกข์ กล่าวโดยย่อ ขันธิ์ห้าที่ประกอบด้วยอุปาทาน เป็นทุกข์..........................ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องแดนเกิดของความทุกข์ คือ ตัรหา อันเป็นเครื่องทำให้มีการเกิดอีก อันประกอบอยู่ด้วยกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน อันเป็นเครื่องให้เพลิดเพลินอย่างยิ่งในอารมณ์ นั้นนั้นได้แก่ตัณหา ในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น............................ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องความดับไม่เหลือ ของความทุกข์ คือ ความดับสนิท เพราะจางไปโดยไม่เหลือของ ตัณหา นั้นเอง คือ ความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อย ความทำไม่ให้มีที่อาศัย ซึ่ง ตัณหานั้น.............................ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องข้อปฎิบัติอันทำสัตว์ให้ถึง ความดับไม่เหลือของทุกข์ คือ ข้อปฎิบัติอันเป้นหนทางอันประเสริฐ อันประกอบด้วยองค์แปดประการนี้ ได้แก่ ความเห็นที่ถูกต้อง ความดำริที่ถูกต้อง การพูดจาที่ถูกต้อง การทำงานที่ถูกต้อง การอาชีพที่ถูกต้อง ความพากเพียรที่ถูกต้อง ความรำลึกที่ถูกต้อง ความตั้งใจมั่นที่ถูกต้อง--------มหา.วิ.4/18/14...:cool:
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ความจริงตัวผู้ตั้งกระทู้ก็รู้อยู่แล้วว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีความหมายว่าอย่างไร ไม่รู้จะถามทำไม แต่จะตอบว่า

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็คือ ความเป็นมนุษย์ ของคุณนั่นแหละ(ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์)
    คุณมีลักษณะและพฤติกรรมรวมไปถึง การกระทำ ทั้งทาง กาย วาจา ใจ อย่างไร นั่นแหละ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขอรับ
     
  10. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ถูกอุปโหลกขึ้นเป็นบัญญัติให้พิจารณามองเห็นว่า นั่นถูกครอบงำด้วยสิ่งต่างๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยสิ่งต่างๆ ถูกทำให้เกิดเป็นเรื่องราวและสิ่งต่างๆ ทั้งหลายมีสภาพความไม่สมบูรณ์ แต่ทุกคนก็ยอมรับตามอัธภาพ ว่านั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า ร่างกาย จิตใจ ตัวตน และนำสิ่งที่เรายอมรับดังนี้มาใช้อาศัยร่วมกันผูกเงื่อนของความอยากได้ความไม่อยากได้ ความทุกข์ ความสุขเข้าไปมันจึงเป็นเรื่องเป็นราว และเป็นไปอย่างนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
  11. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ร่วมสนุกในธรรมด้วยคน

    ....ขันธ์ห้า มีรูป มีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร มีวิญญาณ
    ....ส่วนวิญญาณ มีจิต หรือมโณวิญญาณรวมอยู่ในนั้น
    ....รวมเรียกว่าขันธ์ห้า

    ....ส่วนนิพพานธาตุไม่ได้รวมในขันธ์ห้า แยกออกมาต่างหาก เชื่อมกับขันธ์ห้าด้วยเชื่อกที่เรียกว่า กิเลสสังโยชน์

    ...ตัวผู้รู้มีอยู่สองตัว คือ จิต กับ ญาณ
    ...เช่น สติ คือ จิต(ประธาน).. ระลึกรู้(กริยา).. ผัสสะที่เคยเกิดขึ้น(กรรม)
    ...เช่น สัตว์โลก(ประธาน) .. เกิดสัมปชัญญะ หรือญาณ(กริยา)..หยั่งรู้การการเกิดดับของขันธ์ห้า (กรรม)

    ...เมื่่อมีสติ (จิต) แล้วตามด้วยสัมปชัญญะ(ตัวสัตว์โลกผู้รู้สึกตัว) ก็คือรู้สึกตัว เป็นการรับรู้อีกแบบหนึ่งไม่ใช้รู้ด้วยจิต
    ...เขาจะมีระดับของเขา เช่น ถ้าเป็นสัมปชัญญะก็ระดับฝึกสติธรรมดาที่ถูกวิธี ต่อมาก็ ญาณ ก็คือฝึกสติจนเกิดระดับฌาน

    ...เราจะเชื่อมตัวนิพพานธาตุเรากับ นิพพานธาตุของพระพุทธเจ้า และหล่าพระอรหันต์ ด้วย ตั้งสัมปชัญญะให้ดีแล้วกล่าว คำไตรสรณะคมอย่างแน่วแน่และรู้สึกตัว นี้ก็เป็นประดุจเชือก
    ....เราก็จะมีเชือกสองเส้น เส้นหนึ่งเชื่อมกับขันธ์ห้า อีกเส้นหนึ่งเชื่อมกับนิพพานธาตุพระอรหันต์ ถ้าขันธ์มันทำบาป ดึงเราลงนรกได้ แต่ถ้ามีเชื่อกที่เชื่อมพระอรหันต์ธาตุก็ยังพอธุเลา ดึงเราขึ้นมาได้
    ...ดูพระเทวทัต ก่อนใกล้ตายใด้เอาคางผงก กล่าวคำ ไตรสรณะคม แล้วตกนรก พระพุทธองค์ทำนายว่า หลังตกนรกก็จะได้เป็นพระพุทธปัจเจก

    ...ผมเข้าใจอย่างนี้ ฟันธง
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    คือสิ่งที่อยู่รอบๆจิต มีหน้าที่และอำนาจปรุงแต่งจิต

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ปล่อยวางเสีย อย่าให้จิตหลงไหล ไปกับมันครับ

    สาธุ
     
  13. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ผมเข้าใจว่าท่านเข้าใจว่าจิต เป็นเราหรือไม่ จิตมิได้เป็นสัตว์บุคคลเราเขา
    ....พระพุทธองค์ทรงให้เราละความเบื่อหน่ายในจิต ปล่อยวางจิต ทำวิปัสสนาให้เห็นว่าจิตเป็นอนัตตา ผมขอยกพุทธพจน์มาอ้างนะครับ (ห้ามว่าผมนะ ปราถนาดีครับ)
    ......"๒. อัสสุตวตาสูตรที่ ๒
    [๒๓๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
    ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรียก
    ภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อหน่ายบ้าง
    คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ข้อ
    นั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตาย
    ก็ดี ของร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ย่อมปรากฏ ฉะนั้น ปุถุชน
    ผู้มิได้สดับ จึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายนั้น แต่
    ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ
    บ้าง ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิต
    เป็นต้นนั้นได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่าจิตเป็นต้นนี้ อันปุถุชนผู้มิ
    ได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่น
    เป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาลช้านาน ฉะนั้น ปุถุชนผู้มิได้สดับ จึงจะเบื่อ
    หน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นไม่ได้เลย ฯ
     
  14. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    รูป สิ่งที่เห็นได้
    เวทนา เป็นอารมณ์ พอใจ ไม่พอใจ หรือเฉยๆ
    สัญญา ความจำ
    สังขาร อารมณ์คิดผูกโยง
    วิญญาณ รับรู้สัมผัส ร้อน หนาว
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =============

    จิตจะมีในเราในเขาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่

    เราเขาหรือใคร เป็นจิตปุถุชนอยู่หรือ ว่าหลุดพ้นแล้วถ้ายังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ยังมีความเป็นจิตเราเขาใคร
    หรือ
    สำหรับอรหันต์ ไม่มีความเป็นจิตเราเขาใครอีกแล้วครับ
     
  16. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เมื่อรู้จักขันธ์5 แล้วเจริญกาคตายสติด้วย
     
  17. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    รูปไม่เที่ยง มีอันเปลี่ยนแปลง รูปอยู่ในสภาพทนไม่ได้ รูปเป็นทุกข์ รูปเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน
    เวทนาไม่เที่ยง มีอันเปลี่ยนแปลง เวทนาอยู่ในสภาพทนไม่ได้ เวทนาเป็นทุกข์เพราะไม่เที่ยง เวทนาเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
    สัญญาไม่เที่ยง มีอันเปลี่ยนแปลง สัญญาอยู่ในสภาพทนไม่ได้ สัญญาเป็นทุกข์ เพราะไม่คงที่ สัญญาเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
    สังขารความปรุงไม่เที่ยง มีอันเปลี่ยนไปไม่คงที่ สังขารทนยากเป็นทุกข์ สังขารเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
    วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยงมีอันเปลี่ยนแปลง วิญญาณทนความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วิญญาณจึงเป็นทุกข์ และวิญญาณเป็นอนัตตา คือไม่ใช่ตัวตน ขันธ์5ของเราเป็นอนัตตา เป็นความไม่ใช่ตัวตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2014
  18. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เมื่อไม่ใช่ตัวตนก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น
     
  19. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    คือการจำแนกรูปและนาม ที่ทุกคนมีและช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ทั้งอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด
     
  20. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    เข้าใจผิดแล้วคับ ที่ว่าผมรู้นั้น แท้จริงแล้วผมไม่รู้มันคืออะไร ผมจะรู้ไปพร้อมๆ กับทุกคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...