ล้อเลียนพระพุทธเจ้า... ไม่หยุด ไม่เลิก!

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 27 พฤษภาคม 2012.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ล้อเลียนพระพุทธเจ้า... ไม่หยุด ไม่เลิก!
    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 25 พฤษภาคม 2555 20:49 น.

    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000064098-




    [​IMG]
    ธุรกิจล้อเลียนพระพุทธศาสนา นิยมไปทั่วโลก


    [​IMG]
    ลูกอม Sweet nik's Buddha lollipop สัญชาติอเมริกัน

    [​IMG]
    ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ล้อพระนามพระพุทธเจ้า

    [​IMG]
    ภาคต่อ Air Bud มีสุนัขชื่อ Buddha

    [​IMG]
    แมคโดนัลด์ปางพระพุทธรูป

    [​IMG]
    แปลงไปเป็นสินค้าต่างๆ



    “ไอ้ พวกฝรั่งโรคจิต” “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กับพระกับเจ้ายังเอามาเล่น” “ทำอย่างนี้ได้ต้องไม่ใช่ชาวพุทธแหงๆ จิตใจตกต่ำจริงๆ” “ขอให้กรรมตามสนองมัน” และอีกสารพันคำด่าสาดเสียเทเสียบนโลกออนไลน์เมื่อภาพ “แมคโดนัลด์ปางพระพุทธรูป” ถูกส่งต่อจนกลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อต้นเดือนแล้ว ในตอนที่ข่าวนี้ยังเป็นที่สนใจของสื่อทุกแห่ง ผู้เกี่ยวข้องต่างทำงานตัวเป็นเกลียว ติดตามเสาะหาคนผิดอยู่พักหนึ่ง แต่ท้ายสุดเรื่องก็เงียบไปตามระเบียบ...
    ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “ชาวพุทธ” และไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อการย่ำยีพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลกขณะนี้ได้ นั่นแสดงว่าวันที่ 24 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ คุณมีนัดเสียแล้ว!


    ดึงพระพุทธองค์ลงที่ต่ำ
    เก่าเกินไปแล้วที่จะมานั่งพูดถึงแค่ “แมคโดนัลด์ปางพระพุทธรูป” ซึ่งเคยเป็นประเด็นร้อน ชักชวนให้ผู้คนเข้ามาด่าทอ หาตัวคนปั้นกันให้ว่อนเน็ต เพราะเดี๋ยวนี้พฤติกรรมล้อเลียนพระพุทธศาสนามีให้เห็นตื่นตาตื่นใจกันยิ่ง กว่านั้นอีก เรียกได้ว่ายิ่งเสิร์ชยิ่งเจอ ยิ่งอยู่เมืองนอกยิ่งเห็น แถมยังทำกันเป็นธุรกิจ อัปเดตอยู่ตลอดจนตามความเคลื่อนไหวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพระพุทธรูปที่เรากราบไหว้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะ ถูกนำมาประดับลงบนของใช้ กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านไปเสียได้ ทั้งยังขายดิบขายดีในตลาดสากลจนน่าใจหายอีกด้วย


    เริ่มตั้งแต่ส่วนเศียรของพระพุทธรูปที่ได้รับความนิยมในธุรกิจแฟชั่นอย่าง มาก พระพักตร์ที่ชาวพุทธมองว่าน่าเคารพนับถือกลับกลายเป็นลายเส้นทรงเสน่ห์ ดึงดูดให้นักออกแบบเลือกมาใช้เป็นลายผ้า สกรีนลงบนเสื้อ กางเกง กระโปรง ย่าม หนักข้อไปจนถึงถุงเท้า รองเท้า เสื่อมถึงขนาดถูกนำไปใช้บนกางเกงในจีสตริง!


    “เราได้รับร้องเรียนเรื่องการนำเอาสัญลักษณ์พระพุทธเจ้าไปเป็นเครื่องหมาย สินค้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นระยะ ตั้งแต่ปี 2549 ฝรั่งเศสเอารูปเศียรพระไปประดับเครื่องนอน ปี 2550 สหรัฐอเมริกานำพระพุทธรูปไปประดับบาร์และเครื่องหมายสินค้าบนกางเกงในจีสตริ ง ต่อมาสวีเดนนำไปเป็นเครื่องหมายสินค้าสำหรับเด็ก สาธารณรัฐเช็กนำไปเป็นเครื่องหมายร้านนวดแผนไทย และถูกใช้เป็นเครื่องหมายประดับรองเท้าด้วย” อภิวัฒน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง รักษาการผู้อำนวยการกองประมวลและวิเคราะห์ข่าว กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้


    ด้วยข้อจำกัดเรื่องกฎหมายข้ามชาติจึงทำให้ประเทศไทยไม่สามารถจัดการกับมาร ศาสนาในต่างแดนได้อย่างที่ใจคิด สุดท้ายผู้กระทำผิดก็ยังคงลอยนวลรับทรัพย์จากการเหยียบย่ำความเชื่อของชาว พุทธกันต่อไป เมื่ออดทนต่อสภาพที่เป็นอยู่ไม่ไหว จึงเกิดการรวมพลังตั้งองค์กร “Knowing Buddha” ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ให้ความรู้ ป้องกัน และยับยั้งการกระทำย่ำยีพระศาสนาโดยเฉพาะ ล่าสุดได้สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมครั้งใหญ่จากการเปิดเผยข้อมูลที่คนไทยอาจ ไม่เคยรู้


    “เราไปเจอการค้าขายของต่างชาติที่หมิ่นศาสนาอย่างมากเลย มีทั้งลูกอมรูปเศียรพระพุทธเจ้า, บริษัท “The Dog Buddha” ที่จงใจเอาชื่อพระพุทธเจ้าไปล้อเลียน แถมยังใช้เป็นสัญลักษณ์ธุรกิจของเขา เอาหัวหมามาใส่ไว้ในตัวพระพุทธรูป, หนังเรื่อง “Hollywood Buddha” ที่ใช้รูปโปรโมตน่าตกใจมาก ให้คนขึ้นไปขี่บนเศียรพระพุทธเจ้า คิดดูสิ! มันใช่ที่นั่งแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าใช้อวัยวะส่วนไหนไปคิดออกมาได้ หรือแม้แต่หนังของ Disney เรื่อง “Snow Buddies” ที่ตั้งชื่อสุนัขว่า Buddha แถมยังฉายให้เด็กๆ ดูกันในวงกว้างด้วย”

    “อันนี้สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องใช้หมามาสอนเรื่องสมาธิด้วย หมาเป็นสัตว์เดียรัจฉานนะคะ ถ้าจะบอกว่ามันน่ารักดี น่าจะเข้ากับเด็กๆ ได้ ก็ต้องถามว่าเขาไม่มีตัวเลือกอย่างอื่นแล้วเหรอ มันเป็นความบันเทิง เน้นความสนุกสนานก็จริง คนทำน่ะสนุก แต่คุณรู้ไหมว่ากำลังย่ำยีหัวใจของคนนับถือพุทธศาสนาทั่วโลก หรืออย่างการเอาเศียรพระพุทธเจ้ามาทำเป็นลายเสื้อผ้า เราเองก็พยายามจะมองให้เป็นเรื่องของศิลปะ มองให้เห็นเป็นแค่ภาพวาด ภาพสกรีน ให้ตัดขาดจากการเอ่ยถึงพระพุทธเจ้า แต่มันไม่ได้จริงๆ แค่ตอนซักผ้าแล้วซักปนกันก็กลายเป็นของต่ำไปแล้ว” ดร.จุฬานี เกตุศร ผู้ดูแลสื่อต่างประเทศ องค์กร Knowing Buddha พูดอย่างตรงไปตรงมา


    ตัวเป็นพระ หัวเป็นหมา
    ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับสุนัขอย่าง Alanna Cha Sin หยิบเอาพระพุทธเจ้าและสุนัขมารวมกันได้ ทั้งๆ ที่ดูไม่เข้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง Snow Buddies ของดิสนีย์ที่ตั้งชื่อสุนัขตัวหนึ่งในเรื่องว่า Buddha ไม่ว่าจะพยายามมองมุมไหน ความหมายที่สื่อออกมาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ The Dog Buddha แปลตามตัวก็คือ “หมาพระพุทธเจ้า” หรือ “พระพุทธเจ้าเป็นหมา” นั่นเอง


    “เห็นชัดๆ เลยว่าเขามีเจตนาจะลบหลู่ อยู่ดีๆ เขาจะดึงเอาสัตว์มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทำไมถ้าไม่ได้มีเจตนาย่ำยีศาสนา ของเรา ยกตัวอย่างในทำนองเดียวกัน สมมติว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับศาสนาอิสลาม นำพระอัลเลาะห์มาล้อเลียนชื่อหมา เรียกว่า The Dog อัลเลาะห์ ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือตั้งชื่อหมาเป็นเยซู คิดว่าชาวคริสต์ทั้งหลายจะทำอย่างไรกับบริษัทนี้ แต่เผอิญเขาทำกับพระพุทธเจ้าได้เพราะว่าพวกเราชาวพุทธอ่อนแอไงคะ”


    “เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เราคงต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าพระพุทธองค์ไม่ใช่ของเล่นที่ใครจะมาย่ำยีได้ ไม่ใช่ว่าจะเอาหัวหมามาใส่ไว้ในตัวพระพุทธเจ้ายังไงก็ได้ตามใจ ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเป็นตัวคุณเองล่ะ ถ้ามีใครปั้นหุ่นเป็นรูปหน้าคุณแล้วเอาไปใส่ไว้ในตัวหมา คุณจะรู้สึกยังไง แล้วก็ตั้งชื่อคุณเป็นแบบเจ้าตัวนั้นเลย ยังจะรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่น่ารักน่าให้อภัยอยู่อีกไหม ไม่ว่าคุณจะมีเจตนาไปในทางไหน ดีหรือไม่ก็ตาม แต่ในเมื่อมีชาวพุทธออกมาป่าวประกาศ แสดงเจตนารมณ์ต่อต้านสิ่งที่คุณทำว่ามันไม่ดีนะ คุณก็ควรจะหันกลับมามองแล้วล่ะว่าตัวเองทำไม่ดีจริงหรือเปล่า” ดร.จุฬานี เลขาธิการมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ยังคงบอกเล่าด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างที่เป็นมาตลอดการสนทนา


    หากลองมองในแง่ดีแสนดีสักครั้ง ธุรกิจดังกล่าวอาจนำทางลูกค้าของพวกเขาให้มาสนใจในพระพุทธศาสนาก็เป็นได้ เริ่มจากความสงสัยในรูปลักษณ์แปลกๆ ของผลิตภัณฑ์ สืบค้นหาข้อมูลต่ออีกสักหน่อยก็จะรู้ว่ามีที่มาและอาจก่อเกิดเป็นความศรัทธา ขึ้นมาได้ แต่โอกาสที่พูดถึงคงมีสิทธิเกิดขึ้นได้แค่ 1 ในล้านหรือไม่เกิดขึ้นเลยมากกว่า

    “ส่วนมากพอซื้อไปแล้วก็สนใจแค่เรื่องราคากับสถานที่ซื้อแหละ แต่ถ้ามีคนอยากรู้จักพระพุทธศาสนาจากสินค้าพวกนี้ขึ้นมาจริงๆ โลกเราทุกวันนี้มันคงไม่เสื่อมเท่านี้หรอกค่ะ สิ่งที่พยายามทำอยู่ตอนนี้คือออกมาแสดงจุดยืนเพื่อปกป้องพระศาสดาของเรา ทำให้ชาวต่างชาติรู้ว่า เอ้อ! ไม่ได้แล้วนะ มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาปกป้องพระพุทธศาสนาแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระวังดีๆ ส่วนคนที่ทำผิดอยู่ก็น่าจะช่วยให้เขาหยุดแล้วก็ถอยออกมามองว่าจะทำยังไงต่อ ไปดี เราตั้งใจจะประกาศให้เขารู้ไปเลยว่าเราจะไม่หยุดจนกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงการ กระทำของคุณซะ!”


    ดื้อด้านไม่แก้ไข
    ก่อนที่จะตัดสินว่ากลุ่มธุรกิจที่ถูกอ้างถึง จงใจเหยียบย่ำพระพุทธศาสนาของเรา ทางองค์กรเคยวางจุดยืนให้เป็นคนคิดบวกเอาไว้ก่อนเสมอ คือพยายามคิดว่าส่วนใหญ่ทำผิดไปด้วยความไม่เข้าใจ เนื่องจากวัฒนธรรมและศาสนาแตกต่างกัน แต่หลังจากส่งจดหมายไปชี้แจงต่อผู้ต้องสงสัยทั้งหมด จึงเป็นอันคอนเฟิร์มว่าน่าจะเกิดจากพฤติกรรมของคนที่รู้แต่ยังทำมากกว่า


    “อย่างบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสุนัขบนหน้าเฟซบุ๊ก พอเราส่งข้อความไปเตือน เขาบล็อกเราทันทีเลย ตอนหลังก็บล็อกทุก user ที่มาจากประเทศไทยด้วย มีคนต่างชาติที่ได้มาอ่านเว็บไซต์ knowingbuddha.org ของเราแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เขาก็ช่วยกันส่งจดหมาย ส่งคอมเมนต์ไปถึงบริษัทนี้ ปรากฏว่าถูกบล็อกเหมือนกัน แสดงว่าเจ้าของบริษัทไม่สนใจคำชี้แจงของเราแล้วล่ะ"
    "ตอนหลัง อ.พิมพ์พิษา ติณพาฤทธิ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรลองโทร.ไปคุยกับเขา ตอนแรกคุยกันเรื่องงานปั้นก็คุยดี พอเข้าเรื่องพระเศียรพระพุทธเจ้า เธอวางหูใส่ทันทีเลย แสดงว่าเธอรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองทำอะไรอยู่แต่ไม่คิดจะแก้ไข ส่วนบริษัทที่ทำอมยิ้มรูปพระเศียร ตอนนี้เขาเอาภาพออกจากเว็บขายของแล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะยังผลิตอยู่ เพราะไม่มีการตอบรับอะไรกลับมาเลย”


    สาเหตุที่เจ้าของธุรกิจทุกรายใช้กลยุทธ์นิ่งไว้ก่อนและไม่แก้ไขอะไรเลย อาจเป็นเพราะกลัวว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ที่สร้างขึ้นจนติด ตลาดอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าลองตัดเรื่องผลประโยชน์ออกไปแล้วมองด้วยสายตาที่เป็นธรรมสักนิด จะรู้ว่าการค้าที่เหยียบย่ำอยู่บนความรู้สึกของผู้อื่น นอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว มีแต่จะสร้างศัตรูให้มีมากขึ้นด้วย และไม่ว่าจะถลำลึกไปไกลสักเพียงใดก็ตาม แต่ถ้ารู้จักยอมรับผิด ก็พร้อมมีคนให้อภัยเสมอ อย่างที่ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Hollywood Buddha ได้รับมาแล้ว


    “เขาเขียนจดหมายกลับมาขอโทษพวกเราเลย แต่จะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน ต้องคอยดูกันต่อไป ตอนนี้เราก็มีคนช่วยเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเยอะมาก มีคนต่างชาติหลายคนบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเศียรพระพุทธรูปที่วางประดับ อยู่ในร้านอาหาร ทางเท้า ห้องน้ำ หรือทำเป็นที่วางหมวก หลายสิ่งที่เขาเคยเห็นเป็นการย่ำยีหรือดูถูกพระพุทธเจ้า แต่หลังจากเข้าไปอ่านข้อมูลและรู้แล้ว เขาตกใจมากนะ หลังจากนั้นก็ช่วยกันออกมาปกป้อง บางคนเดินเข้าไปบอกร้านอาหารร้านนั้นเลย ช่วยเขียนจดหมายชี้แจง ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เราทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ก็หวังว่าจะมีคนแบบนี้อีกเยอะๆ ที่จะเข้ามาช่วยเรา”


    อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มมองว่าการออกมาต่อต้านแบบนี้เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะสุดท้ายแล้วแก่นของศาสนาจริงๆ ก็อยู่ที่หลักธรรมคำสอน เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรเดือดเนื้อร้อนใจไปกับพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นวัตถุ เป็นเพียงรูปธรรม มีความหมายแค่เปลือกเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ “ปล่อยวาง” เสียก็สิ้นเรื่อง แต่ตัวแทนองค์กรต่อต้านการย่ำยีพระพุทธศาสนายังคงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนัก แน่นว่า “อย่างนั้นคงไม่ได้หรอกค่ะ อย่าลืมสิว่าเขามาย่ำยีพระพุทธศาสนาของเรา”


    “อันนี้เป็นเรื่องจริงตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลย มีพราหมณ์องค์หนึ่งเดินไปเจอกับพระพุทธเจ้า ชี้หน้าด่าเลยว่า “คนถ่อย” ทั้งที่พระพุทธเจ้าก็สอนพวกเราว่าอย่ายึดมั่นถือมั่น ให้ปล่อยวาง แต่ทำไมพระพุทธองค์จึงย้อนกลับไปหาพราหมณ์คนนี้แล้วทรงอธิบายให้ฟังว่า อาตมาไม่ใช่คนถ่อยนะ คนถ่อยคือคนผิดศีลนะ แต่อาตมาไม่ใช่อย่างนั้น พราหมณ์คนนั้นตะลึงเลยแล้วก็ขอโทษขอโพย"
    "คิดดูว่าพระพุทธเจ้าท่านยังปกป้องตัวท่านเองในขณะที่มีชีวิตอยู่ แต่ว่าท่านปกป้องด้วยการให้ความรู้กับเขา ให้เขาได้คิด ใช้สติไตร่ตรองเหตุผลให้เข้าใจ พราหมณ์คนนั้นถึงได้เลิกคิดผิดๆ เพราะฉะนั้นถ้าหากพระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้แล้วมีคนมาเรียกท่าน ว่า The Dog Buddha หรือตั้งชื่อหมาว่า Buddha ท่านก็ต้องออกมาเทศนาตักเตือนเหมือนกัน”


    เรื่องนี้ถึงกรมศาสนาแน่!
    “ถ้าคุณเป็นชาวพุทธจริงๆ ลองไปเปิดหน้าเว็บแล้วเห็นการย่ำยีที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดทุกวันนี้แล้วคุณจะ รู้สึกเสียใจ” นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ดร.จุฬานีและผู้ร่วมอุดมการณ์ทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ต้องคอยเติมเชื้อไฟในเรื่องนี้ในคุกรุ่นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าแรงส่งในประเทศไทยเองจะใกล้มอด แทบหมดสิ้นความหวังเต็มทีแล้วก็ตาม


    “เห็นหนทางริบหรี่มากสำหรับคนไทยเอง ทั้งที่อยู่ในไทยและที่อยู่เมืองนอกเลย แต่เราก็ไม่ได้ถึงกับหมดหวังนะคะ ยังพยายามสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นและต้องเตรียมรับมือยัง ไงในฐานะชาวพุทธด้วยกัน ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่ชาวพุทธเทียมหรือเป็นชาวพุทธแค่ในกระดาษ แค่ประกาศเอาไว้ในประวัติทางราชการว่าพ่อแม่ฉันเป็นพุทธ ฉันก็เป็นพุทธ โดยอาจจะไม่เคยใส่ใจอะไรเลยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา คือถ้าอย่างน้อยๆ ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธตัวจริง ต้องให้เขารู้ว่าเขาก็มีหน้าที่ในการปกป้องศาสนาพุทธด้วยเหมือนกัน”


    อาจเป็นเพราะพุทธศาสนิกชนชาวไทยไม่เคยชินกับหน้าที่ปกป้องศาสนา ส่วนใหญ่โตมากับพิธีกรรม เข้าวัด ทำบุญ สะเดาะเคราะห์ โดยไม่เคยสนใจว่าหน้าที่ที่แท้จริงของชาวพุทธคืออะไร พอมีปัญหา ก็หันหน้าเข้าพึ่งศาสนา ขอให้ร่ำรวย ให้พ้นเคราะห์ ขอให้มีความสุข แต่พอศาสนาต้องการที่พึ่งบ้าง เรากลับเดินหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องของฉัน และอาจเป็นเพราะหลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินตัว แต่จริงๆ แล้วแค่เสียงเสียงเดียวจากทุกคนก็มีความหมาย ทุกคนช่วยกันได้เสมอถ้าคิดจะทำ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายในประเทศไทยเองที่ควรกระตุ้นจิตสำนึกในตัวให้ตื่นอยู่ ตลอดเวลา


    “เริ่มที่พ่อค้าแม่ค้าคนไทยในถนนข้าวสารก็ได้ เสื้อสกรีนลายพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปวางแบกะดินที่คุณเอามาขาย มันทำให้ชาวต่างชาติที่มาเดินดูเขาคิดว่าเราไม่ถือ สามารถเอาไปประดับตกแต่งได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ความรู้แก่คนทำธุรกิจตรงนี้ ให้เขาคิดได้ว่ามันไม่เหมาะสมนะ ถ้าเกิดมีฝรั่งมาขอให้สกรีนเสื้อลายเศียรพระพุทธเจ้าให้หน่อย อยากให้เขาปฏิเสธและอธิบายว่าทำไม่ได้นะ เพราะอะไร ถ้าทำได้อย่างนี้ก็แสดงว่าการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกเป็นผลสำเร็จแล้วล่ะ คือเลือกความถูกต้องเหมาะสมเป็นที่ตั้งก่อนเรื่องเงินเรื่องทอง”


    “พออธิบายให้ชาวต่างชาติฟัง ก็ต้องไม่ลืมที่จะอธิบายให้คนไทยด้วยกันเองฟังด้วย จริงๆ แล้วเริ่มจากคนไทยก่อนนี่แหละดี ถ้าเราสามารถพูดให้คนบ้านเราตื่นตัวขึ้นมาได้ มันจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมบางอย่างในสังคมขึ้นมาแน่นอน อย่างวลีที่ว่า “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ทำไมคนพูดกันได้เป็นหมื่นเป็นแสนคน เดือดร้อนแทนเด็กแทนครูอังคณากันทั้งประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน มีคนมาย่ำยีศาสนาของเรา ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนบอกต่อบ้างเลย บอกบ้างสิว่า “เรื่องนี้ถึงสำนักสงฆ์แน่” หรือ “เรื่องนี้ถึงกรมศาสนาแน่” แต่นี่ไม่มีเลย” ดร.จุฬานี ไม่ลืมยกตัวอย่างตามเทรนด์


    ตอนนี้ทางองค์กร Knowing Buddha ได้วางแผนให้เรื่องนี้ถึงสื่อต่างประเทศเอาไว้แล้ว มีทั้ง CNN หนังสือพิมพ์ Time และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอีกหลายหัว เพื่อประกาศจุดยืนในการปกป้องพระพุทธศาสนาอีกครั้งวันที่ 24 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยวิธีเดินขบวนธรรมยาตราจากราชประสงค์ถึงสยามสแควร์ แล้วนั่งบีทีเอสไปลงสวนจตุจักร สุดท้ายไปจบที่ถนนข้าวสาร แหล่งรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างแดนนั้น อาจเริ่มติดต่อทางลอสแองเจลิสซึ่งมีชาวอเมริกันที่นับถือศาสนาพุทธอยู่จำนวน มากก่อน ต่อด้วยแคนาดา ญี่ปุ่น แม็กซิโก สเปน ฯลฯ ถ้ายิ่งสามารถรวมเอากลุ่มคนที่นับถือศาสนาพุทธในประเทศต่างๆ ให้ออกมาต่อต้านการกระทำย่ำยีศาสนามากขึ้นเท่าไหร่ เชื่อว่าจุดยืนที่ต้องการจะสื่อสารออกไปจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

    “คงไม่ต้องถึงขั้นเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรอกค่ะ แค่รู้สึกรักและเคารพในศาสนาของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธก็พอ แค่ออกมาแสดงตัวให้ชัดเจนเรื่องการปกป้อง เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันก็คงไม่มีใครช่วยแล้ว จะมานั่งเฉยปล่อยให้คนอื่นย่ำยีศาสนาเรา ทนได้เหรอ ก็เหมือนเวลามีคนมาด่าพ่อแม่เรา ด่าในหลวงของเรา ถ้าเรานั่งทำตาปริบๆ ก็แสดงว่าเราไม่ได้รักท่านจริงแล้วล่ะ ก็ทำนองเดียวกันค่ะ ถ้าเรารักพระพุทธเจ้าจริงก็ต้องออกมา!”

    .

    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000064098-

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ล้อเลียนพระพุทธเจ้า... ไม่หยุด ไม่เลิก!
    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 25 พฤษภาคม 2555 20:49 น.

    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000064098-


    อย่าทำอย่างนี้!

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    ---ล้อมกรอบ---
    อย่าทำ!
    - ห้ามไม่ให้ประพฤติดูหมิ่นหรือกระทำไม่ดีใดๆ ต่อพระพุทธเจ้า
    - ไม่วางหรือนำพระรูปของพระพุทธเจ้าไปไว้ในที่ๆ ไม่สมควร เช่น ไปสกรีนไว้ในผ้าเช็ดหน้า,ผ้าเช็ดปาก,ผ้าขนหนู, พรมเช็ดเท้า, พรมต่างๆ, หรือในอุปกรณ์การทำความสะอาดทั้งหลาย รวมถึงของเล่น, เฟอร์นิเจอร์ และไม่นำพระรูปของพระพุทธเจ้าไปไว้ในส่วนล่างของร่างกาย เช่น กางเกง,กระโปรง, รองเท้า ฯลฯ เพราะชาวพุทธที่แท้จริงจะรู้สึกทุกข์ใจและไม่สบายใจอย่างยิ่ง หากเห็นผู้ใดกระทำย่ำยีต่อพระรูปของพระศาสดาเช่นนี้
    - ไม่วางพระพุทธรูป หรือรูปปั้นพระพุทธเจ้าเป็นดั่งเฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่ง เช่น ไม่เอาพระพุทธรูปหรือรูปปั้น ไปวางไว้ที่โต๊ะกลางของชุดเฟอร์นิเจอร์ ไม่วางไว้ในห้องน้ำ, ในบาร์ หรือร้านอาหาร ประดุจพระพุทธรูปเป็นเพียงของตกแต่ง
    - ไม่ปฏิบัติต่อพระพุทธรูปหรือรูปปั้นพระพุทธเจ้าเป็นดั่งสินค้า หากมีการซื้อขาย ให้เป็นไปเพื่อบูชาที่บ้านหรือในสถานที่อันควร
    - ไม่นำชื่อพระพุทธเจ้าไปใช้อย่างดูถูกดูหมิ่น เช่น การตั้งชื่อร้านไอศกรีมว่า Buddhi Belly
    - ไม่ล้อเลียนพระพุทธเจ้าด้วยเรื่องอื่นใด เช่น การทำภาพโปสเตอร์โดยมีผู้ชายนั่งอยู่บนไหล่ของพระพุทธรูป
    - ไม่นำรูปพระพุทธเจ้าหรืออื่นใดที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์ มาเป็นรอยสักตามร่างกาย

    ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
    ภาพจาก องค์กร Knowing Buddha (-knowingbuddha.org-)


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ล้อเลียนพระพุทธเจ้า... ไม่หยุด ไม่เลิก! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</td> <td class="date" align="left" valign="middle">25 พฤษภาคม 2555 20:49 น.</td> </tr></tbody></table>-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000064098-

    ความคิดเห็นที่ 16

    ความไม่เคลียร์ของพวกเรากันเองก็ด้วย....ลองไปเดินดูร้านขายของที่ระลึกสิ

    จะเห็นลายไทย หัวเศียรไทยจำลอง วางขายกันเกลื่อน แล้วฝรั่งมันจะไปรู้ได้อย่างไร ในเมื่อเราเป็นเสียเอง

    เสื้อเอ่ย อะไรต่อมีอะไรมีเยอะแยะไป ฝรั่งมันเห็นก็มองออกว่าต่อยอดได้ แต่ความรู้ไม่มี มีแต่หลักออกแบบ มันก็ทำเอาเสียเลยสิ

    ฝรั่ง ไม่ว่าประเทศไหนมันก็งงแหละครับ ระหว่างคำว่า ลายไทย ของสไตล์ไทย และศาสนา มันคลุมเครือในสายตาเค้า แต่มันเป็นองค์ความรู้รวมของเราที่ครอบคลุมหมดจนเป็นสัญญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ ของคนไทย....

    สำคัญคือ จะทำยังไงให้เค้ารู้ ไม่ใช่ถึงเวลาก็ด่าๆๆๆๆๆ พอเงียบหายไป ก้ไม่ทำอะไร พอมีใครทะลึ่งทำขึ้นมา ก็ด่าด่าด่า ด่า ด่า แล้วก็ด่า

    การด่าและการบ่นไม่ได้แก้ไขปัญหาได้หรอก เชื่อสิ

    หวังว่าใครนี้ มาร่วมกันต่อต้านอย่างถูกวิธีเสียทีเถอะ เลิกเอาแต่ด่า แล้วก็กลับไปนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที

    อย่างแมคโดเนล ก็เอาเลย ประท้วงรณรงค์คนไทย อย่าเข้าร้านมัน แล้วดูมันชักกระเด่วๆๆๆๆ ไม่มีลูกค้าเข้าร้านมันจะเป็นยังไง

    จะทำอะไร ก็ต้องชัดเจนที่ตัวเราเสียก่อน แล้วทุกอย่างแก้ได้ แล้วดีด้วย
    -century21@yahoo.com-

    .
     
  4. worrapod saensree

    worrapod saensree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +310
    ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงขันธ์อยู่ พระองค์จะทรงชี้แนวทางแก้ปัญหานี้อย่างไรน่ะ
     
  5. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    "สุภัททปริพาชก นั่งสรรเสริญ คุณของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ค่ำยันรุ่งเช้า ถกเถียงกับน้าของเธอ ที่นั่งบริภาษเราเสียทั้งคืนเช่นกัน เขาทั้งสองทำเช่นนี้แล้ว เธอคิดว่า ตถาคต จะเป็นไปอย่างเขาว่าหรือไม่? ก็เช่นนั้นล่ะ อันว่า นินทาแลสรรเสริญเป็นธรรมดาของบุคคลในโลก" [มาจากท่อนไหนจำไม่ได้ ใจความประมาณนี้]
    แต่เราในฐานะ ลูกที่ดี ใครมาดูหมิ่นเราพ่อแม่เราๆ ก็ตอบโต้ไปตามสมควรแก่เหตุครับ ทำได้สุดทางแค่ไหนก็แค่นั้นนะครับ มีที่เย็นๆ รอเขาอยู่แล้ว กรณีนี้
     
  6. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    นรกกินกบาลแน่ๆพวกนี้:boo:
     
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ห้ามเขาไม่ได้หรอกครับเขาไม่ได้นับถือขนาดพระเยซูศาสดาของเค้า เค้ายังล้อเลียนเลย แล้วฝรั่งถ้าเค้าไม่นับถือเค้าไม่สนใจหรอกพวกนี้มันไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ แต่ที่แน่ๆผลกรรมครับมีครับ
     
  8. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ตอนนี้ภัยธรรมชาติกำลังลงโทษพวกมันอยู่ ประเทศที่เจริญอย่างมัน กำลังฉิบหายอยู่ครับ พวกนี้ไม่ได้นับถืออะไรเป็นสรณะหรอกครับ ศาสดาของมันเองมันยังมาทำล้อเลียนเลย แต่คนดีก็มีมาก คนไทยเองก็ยังสักลายยันต์ไว้ประดับสวยๆเลย ผมเคยไปตลาดนัดเสื้อผ้ายังมีรุปเทพเป็นลายเลย ผมไม่กล้าซื้อใส่หรอก มันไม่เหมาะสม เป็นรูปยันต์หลวงพ่อนั้น หลวงพ่อนี้ก็เยอะ ผมก็หลีกเลี่ยงไม่ซื้อใส่ เวลาซักลงเครื่องซักผ้าเครื่องเดียวกันอีก ทำใจลำบากครับ
     
  9. Gemini Saga

    Gemini Saga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +216
    มันเป็นแผนการทำลายพระพุทธศาสนาของศาสนาอื่นครับ
    ซึ่งแผนการนี้มันมีมานานแล้ว แต่พวกเขาก็ทำอะไรพระพุทธศาสนาของเราไม่ได้
    แต่กลับทำให้ศาสนาของพวกเขานั้นแหละเสื่อมถอยลงทุกวัน
     
  10. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    ไม่มีใครมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำให้มีเรื่องแบบนี้เยอะขึ้นๆ บางคนก็มองเป็นศิลปะไป เหมือนว่ามองสิ่งไม่ดีให้ดี ด้วยคำว่าศิลปะ
    ถ้าหากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา หรือเพียงประเทศใดประเทศเดียวก็ตาม ยกให้เป็นปัญหาแห่งชาติ ส่งตัวแทนไปเจรจา ปัญหานี้คงลดลง ด้วยการเอาจริงเอาจังกับกฏหมาย

    การประโคมข่าวโดยไม่มีการลงโทษบริษัทผู้ผลิต ก็เหมือนจะเป็นการโฆษณาให้เขาไปอีกด้าน หากไม่ออกสื่อ คนเราๆอาจจะมองไม่เห็นว่า ศาสนาพุทธถูกปล่อยให้ถูกย่ำยีขนาดนี้ ผู้ดูแลเรื่องศาสนาพุทธประจำประเทศ ส่งตัวแทนและไปเอาผิดกับบริษัทผู้ผลิตเถอะครับ อย่านิ่งเฉยเลย การกระทำแบบนี้ ไม่ต่างกับปล่อยให้ต่างประเทศมาหมิ่นประมาทหรือดูถูกศาสนาเรา และประเทศของเรา ซึ่งหลายๆคนยึดเป็นศูนย์รวมจิตใจอันสูงยิ่ง
     
  11. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    พระพุทธเจ้าพระองค์ไม่โกรธ หรอกมีแต่ตัวพวกเรานี้หล่ะ ทรงตัดกิเลศไปหมดแล้วก็ปล่อยให้เขาทำไป สิ เรามีหน้าที่เชื่อถือคำสอนพระองค์ก็พอแล้ว พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย นิ่งเสียเสียดีกว่า ผมไม่ได้เข้าข้างคนที่ลบหลู่ หรอกแต่มองในแง่ ธรรมชาติมากๆ มีคนรักมีคนเกลียด มีคนหิวย่อมมีคนอิ่ม มีเกิดก็มีตาย เยอะแยะไปหมด เราอย่าลืม อย่าเอาเรื่องแค่นี้มาทำให้เราจิตใจหม่นหมองเลย เหอๆ เปรียบเหมือนเรื่อง ใบไม้หล่นพื้นแท้ๆ พวกท่านก็ได้แต่ยืนมองใบไม้มันหล่นลงมา แต่ไม่สามารถทำให้ใบไม้กลับขึ้นไปที่ต้นได้ ไงง่ายๆ
     
  12. เฉลิมพงษ์

    เฉลิมพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +45
    พวกนี้เขาไม่นับถือศาสนาพุทธอย่างเราก็ไม่หน้าทำแบบนี้นะครับ
    บาปกรรมจริง ๆ
     
  13. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    ด้วยความเคารพในความคิดเห็นนะครับ
    สำหรับผมแล้ว ยังไม่ถึงขั้น นิ่ง ได้ขนาดนั้นและก็พยายามแยกคำว่า นิ่ง กับคำว่า ไม่ช่วย ออกจากกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพียงแต่อยากปกป้องพระพุทธศาสนาไว้ให้ยาวนาน ให้รุ่นหลังๆที่เกิดมาได้เข้าใจความดีงามของศาสนานี้ ไม่ใช่เพียงแค่อ่านและคำบอกเล่า แต่ได้พบเห็นภาพพระพุทธองค์เป็นตราสัญลักษ์ของสินค้า การทำให้ของสูงลงมาต่ำ อนุชนรุ่นหลังๆเกิดมา จะเกิดความสับสน คัดค้านกับการกระทำที่ได้พบเห็น กระผมจึงเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่ขอปกป้องพระพุทธศาสนาไว้ ณ โอกาศนี้
    โดยความเห็นส่วนตัวครับ ด้วยความเคารพ
     
  14. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,851
    ทรงพรหมวิหาร ๔ ไว้ครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

    โมทนาสาธุ กับ กุศลกรรมของทุกท่านด้วยครับ
     
  15. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500
    อืมมมมม นะ (แล้วก็ถอนหายใจยาว ๆ )
     
  16. buschannarong

    buschannarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +541
    คนแบบนี้มีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้วนะครับ

    แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกนี้พอตายไปล่ะเสร็จ อเวจีมหานรก อาจจะโลกันตร์ด้วย
    แล้วก็ไล่มานรกทุกขุม เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน แล้วกว่าจะมาเป็นมนุษย์ โอ้ Infinity ครับ
     
  17. Thai Amulet

    Thai Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +203
    พวกใจบาป กรรมตามทันแน่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...