วิญญาณในพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 6 ธันวาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    วิญญาณ (ความรู้แจ้งทางอารมณ์)

    (๑) วิญญาณธาตุ เป็นธาตุสำหรับรู้สึกได้ วิญญาณธาตุทำงานของมันได้ ทางระบบประสาทนั่นเอง
    ดังนั้นประสาทของคนเรา จึงรู้แจ้งอารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
    และอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งพิเศษก็คือทางจิต

    (๑) ลำพัง ดิน น้ำ ลม ไฟ ตั้งอยู่บนธาตุว่าง เกาะกุมกันเข้าเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วได้เหตุปัจจัย
    ที่เหมาะสม ได้การปรุงแต่งที่เหมาะสม ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ประกอบกันเข้าเป็นระบบประสาท
    ระบบประสาทนี้ยังไม่ใช่จิต มีลักษณะฝ่ายกายหรือฝ่ายรูป มีคุณสมบัติพร้อมที่จะให้เป็นที่ทำงาน
    หรือทำหน้าที่ได้โดยจิต เราจึงมีระบบประสาท ที่ตาก็มีประสาทตา ที่หูก็มีประสาทหู ที่จมูกก็มี
    ประสาทจมูก ที่ลิ้นก็มีประสาทลิ้น ผิวหนังก็มีประสาทผิวหนัง เป็นระบบประสาทในฝ่ายรูปห้าอย่าง
    สำหรับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ส่วนระบบประสาทสำหรับใจนั้น ผิดแปลกออกไปไม่รวมอยู่ในกลุ่มนี้

    (๑) เมื่อมีอายตนะภายนอก มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ระบบประสาทนั้น ก็เป็นที่ตั้งของจิต
    หรือของวิญญาณธาตุ ที่จะทำงาน ดังนั้นเราจึงมีวิญญาณเกิดขึ้น คือมีจิตเกิดขึ้นทางตา ทางหู
    จมูก ลิ้น กาย อย่างนี้เรียกว่า “วิญญาณ” วิญญาณจะเกิดขึ้น เมื่อมีอารมณ์มากระทบอายตนะ

    (๑) ขอให้มองเห็นอย่างแม่นยำว่า เรามีประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทีนี้เมื่อมีอารมณ์มากระทบ
    ก็เกิดวิญญาณขึ้นมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่เป็นส่วนรูปธรรมนี้ส่วนหนึ่ง อีกคู่หนึ่งเป็นฝ่าย
    นามธรรม ก็มีระบบประสาท มีมโนสำหรับที่จะรับอารมณ์ คือความคิด แล้วก็เกิดมโนวิญญาณ
    ก็เรียกว่า “วิญญาณ” เหมือนกัน
    เมื่ออารมณ์ทั้งหก มากระทบระบบประสาทนี้ แล้วก็เกิดวิญญาณทั้งหกขึ้นมา เรียกว่า
    วิญญาณทางตา วิญญาณทางหู วิญญาณทางจมูก วิญญาณทางลิ้น วิญญาณทางกาย วิญญาณทางใจ

    (๑) เมื่อไรมีจักษุวิญญาณ? ก็เมื่อตามันได้อารมณ์ คือรูปมากระทบตา ก็เกิดจักษุวิญญาณ เมื่อหูมัน
    ได้เสียงเป็นอารมณ์ มากระทบหูมันก็เกิดโสตวิญญาณ เมื่อจมูกได้กลิ่นเป็นอารมณ์ มากระทบจมูก
    มันก็เกิดฆานวิญญาณ ทางลิ้น ทางกาย ทางจิตก็เหมือนกัน
    ให้เรารู้จัก ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุอากาศ และ ระบบประสาท ในกลุ่มแห่งสังขารร่างกายนี้
    ให้รู้จักวิญญาณที่จะเกิดขึ้น ทุกทีที่อารมณ์มากระทบที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง
    ให้เห็นอยู่ที่เนื้อที่ตัวของเรา

    (๑) อายตนะจับคู่กันเมื่อไร ก็เกิดสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ พอตากระทบรูป ก็เกิดจักษุวิญญาณ คือ
    การรู้แจ้งทางตา เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อทำหน้าที่ แล้วดับไปเมื่อหมดหน้าที่ โสตวิญญาณ การรู้แจ้งทางหู
    ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหูกระทบเสียง เป็นต้น นี้คือวิญญาณในพระพุทธศาสนา

    (๒) แม้คำว่า วิญญาณ ในปฏิจจสมุปบาท ท่านก็บัญญัติอาการไว้อย่างนี้ว่า ความรู้แจ้งทางตา หู
    จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่สิ่งลึกลับ ต้องรู้จักมันได้ ว่าวิญญาณเป็นสิ่งธรรมดาสามัญ ที่จะแสดงออกมา
    โดยวิญญาณธาตุ อาศัยการที่รูปกระทบตา
    เมื่อระบบประสาทมันทำงาน เกิดเป็นวิญญาณแสดงออกมา เช่น จักษุวิญญาณ เป็นต้น

    (๒) วิญญาณธาตุเดิมๆ นั้น มันก็เป็นธาตุตามธรรมชาติ มันได้อาศัยความเหมาะสม ทางอายตนะ
    แสดงตัวออกมา เป็นจักษุวิญญาณ โสตวิญญาณ เป็นต้น มันก็ยังคงสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
    ไม่ใช่ผีสาง ไม่ใช่อะไร นี่คือหลักของพระพุทธศาสนา ที่แสดงให้เห็นว่า วิญญาณเป็น
    ธาตุธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นตัวเป็นตน เหมือนกับที่กล่าวไว้ในลัทธิอื่นๆ

    (๒) วิญญาณนี้อาจเกิดได้หลายหน เช่นว่า ครั้งแรกเมื่อตากระทบรูป ก็เกิดวิญญาณทางตา
    เป็นผัสสะ เป็นเวทนา ครั้นเกิดเป็นเวทนาแล้ว ก็เป็นโอกาสให้มโนสัมผัสเวทนานั้น
    เป็นมโนวิญญาณอีกตอนหนึ่งก็ได้ เรียกว่าวิญญาณเกิดขึ้นได้หลายตอน จะเป็นเรื่องทางรูป
    ทางวัตถุก็ได้ เป็นเรื่องทางจิตใจล้วนๆก็ได้
    แต่วิญญาณไหนก็ตาม ไม่ใช่ตนไม่ใช่ของตน และ ขันธ์ทั้งห้าก็ มิใช่ตนมิใช่ของตน

    บรรณานุกรมวิญญาณ
    ๑. ธรรมโฆษณ์ ธรรมะในฐานะวิทยาศาสตร์ “ความลับของอายตนะเป็นสิ่งที่ต้องเปิดเผย” ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๒
    ๒. ธรรมโฆษณ์ ธรรมะในฐานะวิทยาศาสตร์ “เบญจขันธ์ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรู้จัก” ๒๕ สิงหา คม ๒๕๒๒

    http://www.bangkokconsumer.org/dhamma/
     

แชร์หน้านี้

Loading...