สถานที่ปฏิบัติธรรมในจังหวัดลพบุรี

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 24 กันยายน 2009.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    วัดเขาสมโภชน์
    เลขที่ 11 หมู่ 5 ต.บัวชุม
    อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
    ตู้ ปณ. 10 ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
    โทรศัพท์ 08-1216-5168, 08-5216-5168


    พระครูภาวนาวิสุทธิ (ผิว วณฺณคุตฺโต) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
    มีฐานะเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคง จตฺตมโล


    หลวงพ่อคง จตฺตมโล อดีตประธานสงฆ์



    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วิธีการปฏิบัติ : นั่งสมาธิภาวนาแบบ “ธรรมะเปิดโลก”
    (หายใจแรง ๆ เข้า ออก-เข้า ออก)


    ขอแนะนำวัดเขาสมโภชน์ เพราะว่าวัดนี้เป็น การปฏิบัติกรรมฐานแบบเปิดโลก (การเปิดให้เห็นทั้ง 3 โลก แบบที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากการขึ้นไปโปรดพุทธมารดา) แต่ที่วัดนี้ คำว่า เปิดโลก ไม่ใช่ว่าสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้า แต่เป็นการให้นั่งดูกรรมตัวเอง ดูว่าที่เราปวดหัว ปวดเข่า เป็นอะไร เพราะว่าอะไร อย่างบางคนเห็นตัวเองเป็นทหารสมัยของพระเจ้าตากสิน พอมาที่วัดก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บคน พอนั่งดูแล้วก็จะเห็น พอเห็นแล้ว ถ้าเขาทำเราให้ตายก็อโหสิให้เรา จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันอีก แต่ว่าถ้าเราทำให้เขาตาย ก็ให้เราขออโหสิกับเขา

    วิธีปฏิบัตินำมาจากหลวงพ่อคง จตฺตมโล (ท่านอาราธณาพระพุทธเจ้าช่วย) แต่ตอนนี้ท่านปลงสังขารแล้ว แต่มีหลวงพ่อผิว ซึ่งเป็นผู้ติดตามของหลวงพ่อคง (จึงเรียกได้ว่าเป็นมือขวา) ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำญาติโยมฝึกต่อ

    วัดเขาสมโภชน์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมเห็นกรรมเวรอดีตชาติทำกรรมอะไรไว้บ้าง
    ชาตินี้ถึงส่งผลมาเป็นเช่นนี้ อยากรู้ไปค้นหา ปฏิบัติรู้ได้ด้วยตนเอง


    - เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านกฎแห่งกรรม
    - ไปไหว้พระอรหันต์ที่กลายเป็นหินบนยอดเขา
    - ไปกราบมนัสการหลวงปู่คง อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อย
    - ไปทำบุญให้กับฝูงลิงที่นับวันมากขึ้นทุกที อาหารการกินน้อยลง
    - ไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร มีถ้ำและธรรมชาติที่สวยงาม
    - ไปค้างจะมีบริการให้ครบหมดที่นอน หมอน มุ้ง กลด ผ้าห่ม
    - อาหารจะเป็นมังสะวิรัติหมด ไม่มีเนื้อสัตว์
    - เพียงแต่หอบสังขารและจิตคิดศรัทธาที่จะปฏิบัติเท่านั้น

    [​IMG]
    พระอุโบสถหลังใหม่ วัดเขาสมโภชน์
    ............................................................................


    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก

    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก คือ กาลครั้งหนึ่งสมัยที่สมเด็จพระบวรนาถสมณโคดมยังทรงพระชนม์อยู่ ในกาลนั้นได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในวันที่เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากคอยรับเสด็จอยู่ ในครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพแสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏแก่พสกนิกรผู้เป็นศานุศิษย์ของพระพุทธชินสีห์ ประชาชนที่มารับเสด็จในวันนั้น ต่างก็ได้รับทิพยจักขุญาณ เห็นเทวโลก มนุษยโลก และอบายโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาทั้งหลายก็เห็นมนุษย์และสัตว์ในอบาย มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นเทวดาและสัตว์ในอบาย สัตว์ในอบายทั้งหลายก็เห็นทั้งมนุษย์และเหล่าเทวดา เรียกว่าทั้งสามโลกมองเห็นกันทะลุปรุโปร่ง

    ในวันนี้พระพุทธคุณนั้นเป็นอานุภาพที่ไร้ขอบเขต ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในจักรวาล ในวันนั้นเทวดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างๆ ก็ได้พบพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย และบริวารเก่าๆ ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน เป็นทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง จึงเกิดเมตตาจิต อธิษฐานอโหสิกรรมผู้ที่ได้เคยกระทำชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาป กรรมเวรเหล่านั้น

    ในวันนั้นเอง มีผู้มีปัญญาเกิดความเบื่อหน่ายคลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก จากนั้นมาธรรมะเปิดโลกก็มิได้ปรากฏในพระประวัติพระพุทธศาสนาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อคง จตฺตมโล พุทธสาวกสมัยพุทธกาลนี้ ได้ถือเนกขัมมะวัตรเป็นบรรพชิตบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า วิรัติแล้วจากการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม ตั้งแต่อยู่ในฆราวาสวิสัย ดำริมั่นที่จะออกจากกาม ได้จาริกเพื่อเจริญวิมุติญาณเข้าสู่โลกกุตระสภาวะมาโดยลำดับ

    จนกระทั่งลุถึง ถ้ำอรหันต์ เขาสมโภชน์ ลพบุรี ท่านได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอุกฤษฏ์ จนบังเกิดความตึงเครียดในทุกส่วนของประสาท ก็ยังไม่สำเร็จผลดังหวัง ทำให้รู้สึกท้อแท้ ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อคงเคยเป็นหลวงพ่อร่วง ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้ เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังสติปัญญาเข้าพิจารณาภูมิอันเป็นอาสวะแห่งงวัฏฏะแล้ว เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตใจมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นเอง

    จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกเชษฐ์ได้ทรงประทานพุทธานุญาตให้หลวงพ่อคงโปรดแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และอริยสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ้งเรื่องกรรมและกลไกของกรรมโดยถ่องแท้

    กรรมฐานธรรมะเปิดโลก จึงได้รับการถ่ายทอดสาธิตจากหลวงพ่อคงนับตั้งแต่นั้นมา

    [​IMG]

    หลักการฝึกจิตแบบธรรมะเปิดโลก

    ธรรมเปิดโลกเป็นอานุภาพที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สมัยเสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยใช้พุทธานุภาพเปิดโลกทั้งสามให้มนุษย์ เทวดา และเปรต นรก เห็นกันได้หมด จากนั้นก็ไม่มีปรากฏการณ์ทำนองนี้อีกเลยในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

    จนกระทั่งหลวงพ่อคงท่านปฏิบัติมหาสติปัฏฐานอยู่ที่ถ้ำอรหันต์ ลพบุรี หวังหลุดพ้นแต่ยังไม่หลุดพ้นสักที ท่านจึงอธิษฐานว่าหากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริงขอให้โปรดท่านให้มีดวงตาเห็นธรรมะและหลุดพ้นด้วยเถิด

    และในที่สุดท่านก็ปฏิญาณว่าท่านได้พบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง และถึงฝั่งอรหันตภูมิแล้ว จึงประกาศธรรมะเปิดโลก แต่กำลังพระอรหันต์ไม่เท่าพระพุทธเจ้าที่จะสามารถทำให้เห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่ทำให้เห็นด้วยญาณ และปรากฏการณ์ทางกายและจิตใจได้

    ด้วยกายนี้เป็นที่ตั้งแห่งกรรมชรูป และจิตชรูป กรรมกิเลส ตัณหา และอวิชชามากมาย โดยมีจิตและเจตสิกเป็นผู้ทำงานร่วมพร้อมด้วยตลอดเวลา จึงให้ใช้กายเป็นฐานในการบำเพ็ญจิต เพื่อคลายอาสวะเหล่านั้นแห่งเจตสิกออกมา

    เมื่อมีการกระทบกันของกาย จิต เจตสิก ย่อมเกิดการเคลื่อนไหว และการคลายตัวตามธรรมชาติ คลายมลทินต่างๆ ที่ฝังแน่นในอัตตาออกมาในรูปของการสะท้อน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่อัดแน่นอยู่ในตัวตน และเพื่อให้ปลอดภัยและรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านให้ถวายกรรม ถวายเวรให้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน และให้อาราธนาพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพมาโปรดกำกับกระบวนการด้วย

    ก่อนอื่นผู้ประสงค์จะเจริญกรรมฐานธรรมะเปิดโลก จะต้องถวายกรรม ถวายเวรให้กับพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าก่อน เพื่อเป็นการอาราธนาอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ลงมาโปรด หากไม่อาราธนาแล้วท่านจะไม่มายุ่งด้วย เพราะถือว่าเจ้าของไม่อนุญาต แต่เมื่อาราธนาแล้ว น้อมธรรมะมาใส่ตัว อานุภาพของพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมเจ้าก็ดี พระสังฆเจ้าก็ดี จะลงมาโปรดเปิดโลกให้ได้รู้

    วิธีภาวนา

    เมื่อมอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ต่อไปก็น้อมรับอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาสถิตประสิทธิ์ประสาทในขันธสันดานของตน อำนาจวิสุทธิทิพย์จะเข้ามาเพื่อบุคคลน้อมเข้ามาใส่ตนเท่านั้น

    ผู้ปฏิบัติพึงเฝ้าดูอาการของลมหายใจที่ลิ้นปี่ (ก้นปอด) ยามขยายตัวพองออกก็รู้แจ้งชัดว่าขยายพองตัวพองออก บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “พองหนอ” เมื่อมันยุบแฟบลงก็รู้แจ้งชัดว่ายุบแฟบลง บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “ยุบหนอ” นี่คืออานาปานสติฐานเดียว

    เมื่อทราบวิธีการแล้วจึงลงมือปฏิบัติได้ โดยนั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับขาซ้าย หรือเท้าซ้ายทับขาขวา ก็ได้ตามถนัด เอามือขวาทับมือซ้าย หรือมือซ้ายทับมือขวา หรือประสานกันไว้วางบนหน้าตัก ตั้งกายให้ตรงดำรงสติให้มั่น

    มองไปที่พระพุทธรูป บอกกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันได้ถวาย ร่างกายและชีวิตนี้ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะปล่อยให้เป็นไปตามอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บัดนี้ฉันจะเจริญสมาธิ ให้นิ่งอยู่ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม ฉันจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ฉันจะไม่ยินดียินร้ายกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่อาจมากระทบ จะสนใจเพียงประการเดียวคือความรู้ตัวอันบริสุทธิ์เท่านั้น” จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง

    แล้วเริ่มสังเกตดูอาการของลมหายใจ เอาจิตจดจ่ออยู่ที่ลิ้นปี่ เฝ้าดูอาการของลมปราณอยู่อย่างปกติเฉย เมื่อมันพองออกก็บริกรรมว่า “พอง” เมื่อมันยุบก็บริกรรมว่า “ยุบ” ลมจะสั้นจะยาวจะช้าจะเร็ว อย่าเข้าไปบังคับมัน การเข้าไปบังคับลมหายใจจะทำให้ขาดความสมดุลในกระบวนการ อาจเกิดการอึดอัด เหนื่อยหอบ คอแห้ง เป็นต้น

    ด้วยอำนาจของสตินั้นจะทำให้จิตถอนตัวออกจากขันธ์และอาการของขันธ์ เมื่อเราถอนจิตออกจากขันธ์ ขันธ์จะผ่อนคลาย และสงบเย็น สิ่งผิดปกติในขันธ์จะถูกกำจัดออกไปปรากฎเป็นอาการต่างๆ ก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ตามและไม่ต้าน เสมือนขณะที่เรากวาดฝุ่นละอองออกจากบ้าน ฝุ่นกระจายฟุ้งไปเราก็ไม่คว้าฝุ่นนั้นไว้ หรือไล่ตามฝุ่นไปฉันใด ในยามที่เราชำระขันธ์ ความเครียดของกรรมเก่าคลายออกไป เราก็ไม่ต้องไปคว้ากรรมนั้นมาไว้อีก หรือไหลตามกรรมนั้นไปฉันเดียวกัน ปล่อยให้มันคลายออกไปตามกลไกธรรมชาติ เราพึงทรงสติรู้ดูเฉยอยู่ ขันธ์จะกระตุกเต้นก็ปล่อยไป แต่จิตจะไม่เข้าไปเต้นกระตุกด้วย ให้ทรงสติรู้อยู่ ด้วยวิธีนี้จิตจะถอนออกไป เมื่อกรรมนั้นคลายออกไปหมดก็เป็นอันสิ้นกรรมตัดเวรนั้นๆ ขาดไป แต่หากมีกรรมใหญ่ที่ไม่อาจคลายได้หมด หรือกรรมที่ตัดไม่ขาดเพราะยังมีเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญอยู่ ก็ให้เชิญเจ้ากรรมนายเวรมาแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล และทำพิธีอโหสิกรรม ตัดเวร เพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเสีย

    [​IMG]
    รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อคง จตฺตมโล
    ............................................................................


    ชำระขันธ์เพิ่มพลังอำนาจ

    การคลายกรรมและตัดกรรมออกไปด้วย จะทำให้ขันธ์ของท่านสะอาดโปร่งเบาขึ้น เมื่อใจสงบลง องค์ประกอบภายในอันได้แก่ กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะจัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น นำมาซึ่งความมั่นคง แข็งแรง และมีพลังอำนาจ

    ความตึงเครียดทั้งหลายทั้งที่เครียดเพราะติดดี และติดเลว สามารถเอาออกจากขันธ์ได้โดยการลดความเร่าร้อนของจิตใจลง เมื่อใจสงบลงแล้ว อุณหภูมิของกายก็จะค่อยๆ ลดลง ขันธ์ต่างๆ ก็จะสงบลงระบบต่างๆ จะค่อยๆ จัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบ ช่วงนี้อาการเครียดอันแปลกปลอมอยู่ในร่างกายก็ดี ใจก็ดี จะเริ่มคลายออก ซึ่งอาจจะออกทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง

    ทางร่างกาย เช่น ชาตามมือตามเท้า เกร็งทั้งตัว สั่น แน่นหน้าอก รู้สึกเสียวไปทั่วสารพางค์กาย ปวดศีรษะ ปวดเอว เมื่อยหลัง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ประพฤติผิดในกาม และดื่มน้ำเมา เสพสิ่งเสพติด

    ทางวาจา เช่น ร้องไห้ ร้องเพลง ส่งเสียงเอิ๊กอ๊าก ร้องด่าผู้อื่น โอดครวญคราง สารภาพผิด ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดล้อเลียน

    ทางใจ เช่น รู้สึกอึดอัด มือตื้อ รู้สึกวาบหวิวเหมือนตกจากที่สูง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมทางใจที่โลภ โกรธ และหลงใหล งมงาย ขาดปัญญา

    เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ อาการเหล่านี้จะเริ่มคลายออกมา หากมีอาการใดเกิดขึ้น นักปฏิบัติไม่ต้องตกใจ ปล่อยให้มันเกิด ไม่ตาม ไม่ต้าน ทรงสติมั่นรู้อยู่ เข้าใจอยู่ว่านั่นสักแต่ว่าเป็นผลกรรม ไม่เป็นตน เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เรารู้แล้วว่าทำชั่วได้ชั่วจริง ต่อไปนี้ชีวิตเราจะไม่ทำกรรมชั่วอีกแม้แต่น้อย ตั้งใจให้แน่วแน่เด็ดเดี่ยวแล้วอาการจะค่อยๆ หายไปเอง ที่สำคัญอย่าออกจากสมาธิในขณะที่มีอาการเพราะจะทำให้อาการนั้นค้างอยู่ในชีวิต ควรนั่งต่อไปจนอาการนั้นหายไปจึงค่อยออกจากสมาธิ

    [​IMG]

    สมาธิควบคู่กับการงาน

    การประกอบการงานเป็นกุศโลบายที่สำคัญมากที่จะประคองสมาธิไว้กับจิตใจให้ตั้งมั่นตลอดเวลา นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างราบรื่นมีความเจริญทั้งในทางโลก และทางธรรม การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานจึงเป็นตบะที่ทุกคนควรต้องฝึกหัดบำเพ็ญให้เป็นที่ยิ่ง

    การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานนั้นควรบำเพ็ญสลับระหว่างนั่งกรรมฐาน และการออกสู่การงาน โดยนำอำนาจจิตที่เจริญขึ้นในระหว่างการภาวนานั้น มาใช้ประกอบการงานสรรค์สร้างความผาสุกให้กับสังคม เริ่มด้วยการออกจากกรรมฐานอย่างสำรวมระวัง รักษาสติอยู่เสมอในทุกๆ อิริยาบถที่เคลื่อนไหวไป อำนาจสมาธิก็จะตั้งมั่นแนบแน่นอยู่ในจิตใจ ด้วยการฝึกกรรมฐานแล้วออกมาผประกอบการงานนั้น เสมือนหนึ่งการย้อมผ้า เมื่อเรานำผ้าไปจุ่มสีแล้วก็เอาขึ้นมาตากแดด เมื่อตากแดดแรกสีย่อมจางไปบ้าง จึงเอาไปจุ่มสีอีก ตากแดดที่สองก็จางลงอีกเล็กน้อย จึงเอาไปจุ่มสีอีก จุ่มอีกตากแล้ว ตากแล้วจุ่มอีกเช่นนี้ จนสีแนบแน่นติดเนื้อผ้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน ครานี้แม้จะนำผ้าไปตากแดดสักเท่าใดสีก็ไม่เสียไป

    การฝึกกรรมฐานแล้วออกมาประกอบการงานก็เช่นกัน เมื่อมากระทบกับปัญหาในการทำงานครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าจิตหวั่นไหวเสียสมาธิไปบ้าง ก็เข้ากรรมฐานอีก เข้ากรรมฐานแล้วออกมาทำงานอีกเช่นนี้ตลอดไปในที่สุด จิตใจก็จะมั่นคงในทุกขณะของชีวิต แม้ระหว่างประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น ที่สำคัญคือเมื่อออกจากกรรมฐานให้ประคองสติสัมปชัญญะไว้ด้วยความสำรวมระวัง และประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น

    การจะพัฒนาจิตใจให้ก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์ได้นั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า จะต้องบำเพ็ญเป็นที่สม่ำเสมอ ดังนั้นจะหายใจทิ้งไปทำไมเปล่าๆ เล่า ควรเจริญสติ สมาธิ ไปด้วยทุกลมหายใจดีกว่าจะได้คุณประโยชน์อันเป็นอเนกอนันต์

    ยามคิด คิดด้วยความสุขุม เปี่ยมด้วยเจตนาดีต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวงโดยส่วนรวม
    ยามพูด พูดด้วยใจอันอ่อนโยน การุณย์
    ยามกระทำ ก็ทำด้วยใจดี มีปัญญาใคร่ครวญในทุกกิจที่กระทำ

    เมื่อปฏิบัติด้วยดีแล้ว การงานทั้งหมดจะสำเร็จด้วยใจ มีใจเป็นใหญ่ขับเคลื่อนอำนาจสู่การกระทำ เพื่อสร้างสรรค์งานให้สำเร็จลุล่วงด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ นักปฏิบัติควรฝึกหัดกระทำดังนี้เสมอๆ ก็จะพบความมหัศจรรย์ของชีวิต พบคุณค่าแท้จริงของจิตใจ มีอำนาจภายในตั้งมั่นอยู่อย่างไม่เสื่อมสลาย

    [​IMG]

    ระเบียบการพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์

    ผู้ที่จะประสงค์จะพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์ โปรดศึกษาระเบียบปฏิบัตินี้ให้เข้าใจ ดีเสียก่อน เพื่อความกลมเกลียวกันในหมู่คณะ

    1. ทุกท่านมีสิทธิเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรม และพำนักในวัดเขาสมโภชน์ ได้เป็นเวลา 15 วัน หากท่านใดประสงค์จะอยู่เกิน 15 วัน โปรดขออนุญาตจากคณะสงค์ ก่อนโดยกรอกในสมัคร ที่แผนกทะเบียนแล้วนำไปยื่น ความจำนงต่อเจ้าอาวาส

    2. นักปฏิบัติธรรมพึงอาศัยเสนาสนะตามที่ทางวัดจัดให้หากต้องการเปลี่ยนแปลงโยกย้าย ให้ขออนุญาติเจ้าหน้าที่ก่อน เมื่อพำนักอาศัยแล้ว หากประสงค์ จะต่อเติมอาคารสถานที่ ต้องได้รับการสวดประกาศอนุมัติจากสงฆ์ก่อน ตามธรรมวินัย

    3. ผู้พำนักอยู่ในวัดทุกท่าน ต้องดูแลความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของที่อยู่อาศัยให้ดีอยู่เสมอ ทั้งในกุฏิ วิหาร ห้อง คูหา และตามต้นไม้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่สะอาด หรือไม่เรียบร้อย ครั้งแรกตักเตือน หากพบเป้นครั้งที่สอง บุคคลนั้นจะไม่มีสิทธิ์อยู่พำนักในวัดเขาสมโภชน์อีกต่อไป

    4. ผู้ที่ต้องการจำพรรษาที่วัดเขาสมโภชน์ ต้องแจ้งความจำนงต่อเจ้าอาวาสล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าจำพรรษาในวัดเขาสมโภชน์จะติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกันล่วงหน้าก่อนเข้าพรรษาอย่างน้อย 15 วัน

    5. ในระหว่างพำนักอยู่ การหยิบยืมของใช้ ของทางวัด ให้ยืมได้ที่เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ เมื่อจะกลับให้นำเครื่องใช้ ที่ยืมไปมาส่งด้วยตนเอง มิฉะนั้น จะไม่ได้รับหนังสือสุทธิหรือบัตรประชาชนคืน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านเป็นหนี้สงฆ์ เพราะการเป็นหนี้สงฆ์ จะทำให้ชีวิตขัดสนไม่ร่ำรวย

    6. ห้ามเข้าเขตหวงห้ามตามที่หลวงพ่อบอก หรือคณะสงฆ์ประกาศห้าม

    7. ต้องเข้าร่วมประชุมบำเพ็ญศาสนกิจ ตามที่กำหนดไว้ โดยพร้อมเพรียงกัน

    8. ห้ามเสพหรทอสะสม บุหรี่ หมาก สุรา ยานัตถ์ หรือสิ่งมึนเมาต่างๆ โดยเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะนิมนต์ออกนอกวัด

    9. การเทเศษอาหารหรือขยะมูลฝอยอื่นๆ ต้องเทในที่จัดไว้เท่านั้น

    กำหนดเวลาปฏิบัติกิจ

    03.00 น. ตื่นนอน ทำกิจส่วนตัว ประชุมพร้อมกันที่วิหารเอนกประสงค์
    04.00 น. ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา
    06.00 น. พระภิกษุ สามเณร โคจรบิณฑบาต
    เถร ชี อุบาสก อุบาสิกา ทำความสะอาด ที่อยู่อาศัยและลานวัด
    08.00 น. ฉันภัตตาหารบนหอฉันบูรพาจารย์
    10.00 น. ตามอัธยาศัย
    12.30 น. ประชุมภาวนาที่วิหารอเนกประสงฆ์ จตฺตมโล
    15.00 น. ทำงานส่วนร่วมตามที่สงฆ์ มอบหมายให้
    18.30 น. ทำวัตรพระเจริญภาวนาพร้อมกันบนวิหารเอกนกประสงค์ จตฺตมโล
    21.00 น. ทำวัตรเย็น
    22.00 น. ดับไฟ-เข้านอน

    ติดต่อสอบถามฝ่ายธุรการวัด โทร 08-1216-5168

    การเดินทาง

    การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นวงแวนรอบนอกไปลงสระบุรี แล้วขับรถตรงไปตลอดจนถึงแยก พุแค มันจะมีโค้งซ้ายกับโค้งขาว ให้เราโค้งซ้าย และขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกม่วงค่อมให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปอีกประมาณ 20 กม. ก็จะเห็นป้ายบอกวัดเขาสมโภชน์ ให้เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 10 กม. ก็จะเจอทางเข้าวัด (ให้สังเกตุโรงเรียนวัดเขาสมโภชน์) ให้เลี้ยวขวาเข้าก็จะถึงวัด แล้วอีกประมาณ 3 กม.

    การโดยสารรถตู้จากกรุงเทพฯ รถตู้กฤตบริการ
    วัดเขาสมโภชน์-กรุงเทพฯ (จอดในวัดเขาสมโภชน์)
    คันที่ 1 ออก 07.00 น. ถึง 10.30 น.
    คันที่ 2 ออก 07.45 น. ถึง 11.30 น.

    กรุงเทพฯ-วัดเขาสมโภชน์ (จอดหน้าโรงพยาบาลราชวิถี) หน้าอนุสาวรีชัยสมรภูมิ
    คันที่ 1 ออก 11.00 น. ถึง 14.30 น.
    คันที่ 2 ออก 14.00 น. ถึง 17.30 น.

    [​IMG]
    แผนที่วัดเขาสมโภชน์
    ............................................................................


    ผู้ให้ข้อมูล : ศิษย์หลวงพ่อคง จตฺตมโล
     
  2. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    ............................................................................


    ชีวประวัติของหลวงพ่อคง จตฺตมโล

    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู ณ หมู่บ้านโนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก มีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ ๒ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ๙ คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้องๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง ๖ คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา

    ในด้านการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอม และอักษรไทย ในระยะเวลา ๒ ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา

    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด ๒๐ ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอยู่เป็นเวลา ๓ พรรษา และได้ขออนุญาตจากโยมบิดามารดาเพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาตจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้

    ดังนั้น ท่านจึงลาสิกขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งงานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุตรธิดารวมทั้งหมด ๗ คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็กๆ ๑ คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง ๖ คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว

    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคงท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ. ๙ นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มา และได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกา และพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสกคงอยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจเข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อพระมหาธนิตอย่างเคร่งครัดอยู่เป็นเวลาถึง ๗ ปี

    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือนออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมาวัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณพระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้

    ต่อมาหลังจากออกพรรษาแล้ว ตกมาถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่เรื่อยมา จนลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกับจริยวัตรสำหรับนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ในถ้ำพระอรหันต์ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษาที่ ๖ และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้น ในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษาเรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกันได้ ๘๐ ปี ๙ เดือน ๓ วัน ๒๖ พรรษา

    สถานที่ปฏิบัติธรรมที่หลวงพ่อคงธุดงค์มาพบตามนิมิตนั้น มันเป็นสถานที่มีสมญานามตามที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้รู้จักกันแล้วในปัจจุบันว่า เขาสมโภชน์ ซึ่งเป็นธรรมสถานแห่งการปฏิบัติธรรมนามอุโฆษ สำหรับพุทธศาสนิกชนคนทั่วประเทศได้หลั่งไหลกันมาชุมนุมปฏิบัติธรรม ชื่นชมพุทธบารมีพระเจ้าเปิดโลกกับอย่างคับคั่งในปัจจุบันนี้

    [​IMG]
    พระครูภาวนาวิสุทธิ (ผิว วณฺณคุตฺโต)
    ............................................................................


    ชีวประวัติของพระครูภาวนาวิสุทธิ (ผิว วณฺณคุตฺโต)

    พระครูภาวนาวิสุทธิ (ผิว วณฺณคุตฺโต) มีฐานะเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านพระครูภาวนาวิสุทธิหรือพระอาจารย์ผิว วณฺณคุตฺโต ท่านทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดเขาสมโภชน์ เป็นรูปแรก และดำรงตำแหน่งนั้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จะกล่าวถึงภูมิหลังความเป็นมาของพระคุณเจ้าย่อๆ ดังนี้

    ท่านพระครูภาวนาวิสุทธิได้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ณ หมู่บ้านหนองไร่ ตำบลสาหร่าย อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา มีการศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีนามกรเดิมว่า ผิว นามสกุล อินนอก

    ต่อมาเมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ในวันที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ท่านได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดโพธิศรีบรรจง ตำบลตลาดไท อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ท่านได้รับฉายาจากพระอุปัชฌาย์เป็นภาบาลีว่า วณฺณคุตฺโต เมื่อได้รับการอุปสมบทแล้ว ท่านก็มีมีนามเป็นที่รู้จักกันทั่วในหมู่พระภิกษุสงฆ์สามเณรด้วยกันว่า พระภิกษุผิว วณฺณคุตฺโต

    จากนั้นท่านก็ได้จรลีติดสอยห้อยตามหลวงพ่อคง ตรงไปตามเถื่อนถ้ำเขตคูหาในเขตป่าเขาลำเนาไพรทุกแห่งหนต่อไป จนในที่สุดด้วยเมตตาอุปการะจากพระครูเจ้าหลวงพ่อคงเสมอมา หลังจากสำนักสงฆ์แห่งนั้นกลายเป็นวัดสมบูรณ์แล้ว ท่าน “วณฺณคุตฺโต ภิกฺขุ” จงได้รับบรรลุการเสียสละได้รับการยกฐานะจากหลวงพ่อคงให้ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส “วัดเขาสมโภชน์” ในธรรมสถานบันลือแห่งนี้ ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙

    แต่พอย่างเข้าวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้วยพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ท่านก็เข้าดำรงฐานะได้รับสมณศักดิ์เป็น “พระครูภาวนาวิสุทธิ” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากมลฑินไปได้ด้วยอำนาจแห่งการเจริญภาวนา” ต่อมาในเวลาเพียงหนึ่งพรรษา คือในวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ตำแหน่งการปกครองสงฆ์ก็ตกมา ท่านจึงได้ดำรงตำแหน่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าคณะตำบลเกาะรัง อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ด้วยประการะฉะนี้

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
    <!-- m -->http://www.sartsaksit.net/ganes/somp/index_2.htm<!-- m -->

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    วัดชีป่าสิตาราม
    ถ.นารายณ์มหาราช ต.ทะเลชุบศร
    อ.เมือง จ.ลพบุรี 15120
    โทรศัพท์ 036-471-137

    พระเมธีรัตโนดม
    เจ้าอาวาสวัดชีป่าสิตาราม และรองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วัดถ้ำศรีสวัสดิ์
    หมู่ 9 ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15140
    โทรศัพท์ 081-665-3588

    เจ้าอธิการสุรพงษ์ ปัญญาสาโร
    เจ้าอาวาสวัดถ้ำศรีสวัสดิ์ และเจ้าคณะตำบลห้วยขุนราม


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วัดใน จ.ลพบุรี ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นวัดที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามแนวนโยบายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
     
  4. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    1. วัดถ้ำญาณสังวร
    อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15140

    ตั้งอยู่ใกล้กับโรงปูนภูมิใจไทย สามารถไปได้สะดวกหลายทาง ไปทางพัฒนานิคมจะอ้อม ให้ไปทางแก่งคอย ไปสายถนนอดิเรกสาร ผ่านไปทางบ้านหาดสองแคว ขับไปเรื่อยจนถึงโรงปูนภูมิใจไทย แล้วเลยไปอีก 3 กม. แล้วเลี้ยวขวา วัดนี้เป็นวัดธรรมยุติ เป็นที่ที่สมเด็จพระสังฆราช เคยไปพักปักกลดภาวนาในถ้ำๆ ที่นี่สวยและวิเวกดี การปฏิบัติก็แบบพี่งตนเอง


    2. สำนักแม่ชีหลวงพ่อใหญ่
    ซอย 15 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15140

    เดินทางเข้าเส้นทางเพชรบูรณ์ เลี้ยวซ้ายทางเขาบ้านเขาสูง ขับรถไปตามเส้นทางประมาณ 12 กม. ก็จะถึง ที่นี่มีแต่แม่ชีนะครับ บนเขามีพระพุทธรูปองค์ใหญ ซึ่งแม่ชีสร้างไว้ เรียกว่าหลวงพ่อใหญ่ แนวการปฏิบัติวิปัสสนา อ.แนบ มหานีรานนท์ ที่สำนักเชิงเขามีถ้ำด้วยครับ สำหรับอุบาสิกาก็เหมาะดีครับ


    3. วัดถ้ำภูวง
    อ.โคกตูม จ.ลพบุรี

    เดินทางสายพหลโยธิน จนถึงโรงงานมินีแบร์ เลี้ยวขวาเข้าไปทางฝั่งถนนด้านข้างโรงงานนี้ ขับไปเป็นระยะทาง 10 กม. ก็จะถึงวัด และทางสายเพชรบูรณ์ ให้เลี้ยวเข้าทางโคกตูมแยก แล้วเลี้ยวขวาที่แยกโคกตูม ขับไปอีก 5 กม. ที่นี่สัปปายะดีมากครับ พร้อมทุกด้าน และพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ปฏิบัติกันอย่างเอาจริงเอาจังครับ ช่วงบ่าย 2 มีการลงมาที่ลานทราย ปฏิบัติฟังธรรม 2 ชั่วโมงครับ หลวงพ่อเจ้าอาวาสใจดีมากครับ


    4. วัดเวฬุวัน (วัดจีนแล)
    อ.โคกตูม จ.ลพบุรี

    วัดธรรมยุติครับ วัดเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ครับ วัดนี้อยู่ในหุบเขาจีนแล ผมชอบมากเลยครับ เพราะสงัดเป็นธรรมชาติ เดินขี้นเขาไปนมัสการหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งจากวัดถ้ำภูวง ก็จะมองเห็นวัดเวฬุวัน ครับ อยู่ใกล้กันคนละฝั่งถนน


    5. วัดเขาวงพระจันทร์
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี 15120

    ก่อนถึงโคกสำโรงประมาณ 10 กม. เลี้ยวซ้ายข้ามฝั่งขับเข้าไปอีก 4 กม. ผ่าน รร.สถาบันจุฬาภรณ์ ที่วัดนี้มีหลวงพ่อฟัก เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระเถระที่ปฏิบัติชอบ ด้วยการอธิษฐานตลอดชีวิตดังนี้

    1. ไม่ฉันอาหารเกิน 8 คำ ต่อมื้อ 2. ไม่อาบน้ำตลอดชีวิต 3. ไม่นอนตลอดชีวิต

    และท่านได้สร้างพิพิธภัณฑ์พระเครื่องไว้ 1 หลัง 3 ชั้น ไปชมดูศิลปะวัฒนะธรรมไทยได้ ส่วนที่คนจะไปพัก และปฏิบัตินั้นส่วนใหญ่จะไปขอพัก และปฎิบัติกันบนยอดเขา ซึ่งมีรอยพระพุทธบาทอยู่บนยอดเขา ซึ่งต้องเตรียมอาหาร เครื่องดื่มขึ้นไปด้วย เพราะด้านบนไม่มีให้ ต้องเดินขึ้นบันไดไปทั้งหมด 3970 ขั้น
     
  5. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    วัดสิงหาราม
    หมู่ 3 ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130
    โทรศัพท์ 08-7118-5185,
    08-5183-9943, 08-3646-0035

    พระครูสุนทรธรรมทิน ธมฺมทินฺโน เจ้าอาวาส
    และรองเจ้าคณะอำเภอชัยบาดาล

    วัดสิงหาราม มีการจัดปฏิบัติธรรม บวชเนกขัมมะ รักษาศีล 8 มีการฟังธรรม เดินจงกรม นำโดยพระอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมและความรู้ เป็นประจำและต่อเนื่อง สำหรับอาหารที่จัดเลี้ยงเป็นอาหารมังสวิรัติ เพื่องดเว้นการเบียดเบียนและลดวิบากกรรม และเพื่อความเบากายสบายจิต (สำหรับผู้มีเวลาน้อย จะมาบวชกี่วันก็ได้)

    สถานที่สัปปายะสะดวกสบาย วัดอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก มีอุทยานปลาเล็กๆ สงบไม่วุ่นวาย

    ส่วนการเดินทางไปวัดนั้นไม่ยาก เริ่มจากสี่แยกตลาดลำนารายณ์ (ชัยบาดาล) ไปตามทางหลวงหมายเลข 205 จากหน้าโรงเรียนอนุบาลลำนารายณ์ ประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบัวชุม เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร จะถึงวัดสิงหาราม ถ้าเดินทางด้วยรถโดยสาร ขึ้นรถที่บ.ข.ส.ลำนารายณ์ สายราชสีมา-ชัยภูมิ ไปประมาณ 10 กิโลเมตรลงสามแยกบัวชุม ต่อมอเตอร์ไซค์ อีก 2 กิโลเมตร (20 บาท)

    หากมีข้อสอบถามใดๆ สามารถติดต่อได้ที่
    พระครูสังฆรักษ์บุญสม ปัญญาวโร พระผู้ประสานงาน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก .. http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=9&t=18504
     

แชร์หน้านี้

Loading...