สัมมาปริพพาชนิยสูตร

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย wvichakorn, 13 สิงหาคม 2010.

  1. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,684
    ค่าพลัง:
    +9,239
    [​IMG]



    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส


    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ขอนอบน้อมแด่พระธรรม พระสงฆ์



    [​IMG]






    <CENTER> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ- สุตตนิบาต</CENTER>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ​

    สัมมาปริพพาชนิยสูตรที่ ๑๓

    พระพุทธนิมิตตรัสถามด้วยพระคาถาว่า


    </PRE>
    [๓๓๑] เราขอถามมุนีผู้มีปัญญามาก ผู้ข้ามถึงฝั่ง ปรินิพพานแล้วดำรงตนมั่น ภิกษุนั้นบรรเทากามทั้งหลายแล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลกอย่างไร ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    ภิกษุใด ถอนการถือความเกิด ความฝันและลักษณะว่าเป็นมงคลขึ้นได้แล้ว ภิกษุนั้นละมงคลอันเป็นโทษได้แล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุพึงนำเสียซึ่งความกำหนัดในกามทั้งหลาย ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ทั้งที่เป็นของทิพย์ ภิกษุนั้นตรัสรู้ธรรมแล้ว ก้าวล่วงภพได้แล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุกำจัดคำส่อเสียดแล้ว พึงละความโกรธ ความตระหนี่ ภิกษุนั้นละความยินดีและความยินร้ายได้แล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุละสัตว์และสังขารอันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รักแล้ว ไม่ถือมั่น อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้วในภพไหนๆ หลุดพ้นแล้วจากธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุนั้น กำจัดเสียแล้วซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความพอใจในความยึดถือทั้งหลาย ย่อมไม่เห็นความเป็นสาระในอุปธิทั้งหลาย ภิกษุนั้นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว อันใครๆ พึงนำไปไม่ได้ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุนั้นไม่ผิดพลาดด้วยวาจาใจและการงานแล้ว รู้แจ้งแล้วซึ่งธรรมโดยชอบ ปรารถนาบทคือนิพพานอยู่ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุใดประสบอยู่ ไม่พึงยึดถือว่าเราแม้ถูกด่าก็ไม่พึงผูกโกรธ ได้โภชนะที่ผู้อื่นให้แล้ว ไม่พึงประมาทมัวเมา ภิกษุนั้นพึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุละความโลภและภพแล้ว งดเว้นจากการตัดและการจองจำสัตว์อื่น ข้ามพ้นความสงสัย ไม่มีกิเลสดุจลูกศร พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุรู้แจ้งความปฏิบัติอันสมควรแก่ตน และรู้แจ้งธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ไม่พึงเบียดเบียนสัตว์ไรๆ ในโลก พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุใดไม่มีอนุสัย ถอนอกุศลมูลอะไรๆ ขึ้นได้แล้ว ภิกษุนั้นไม่มีความหวัง ไม่มีตัณหา พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุผู้สิ้นอาสวะ ละมานะได้แล้ว ก้าวล่วงธรรมชาติอันเป็นทางแห่งราคะได้หมด ฝึกฝนตน ดับกิเลสได้แล้ว มีจิตตั้งมั่น พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุผู้มีศรัทธาได้สดับแล้ว เห็นมรรค ไม่แล่นไปด้วยอำนาจทิฐิในสัตว์ทั้งหลายผู้ไปแล้วด้วยทิฐิ ภิกษุนั้นเป็นนักปราชญ์ กำจัดเสียซึ่งโลภะ โทสะ และปฏิฆะ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุนั้นชนะกิเลสด้วยอรหัตมรรคอันหมดจดดี มีกิเลสดุจหลังคาเปิดแล้ว มีความชำนาญในธรรมทั้งหลาย ถึงนิพพาน ไม่มีความหวั่นไหว ฉลาดในญาณ อันเป็นที่ดับสังขาร พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก
    ภิกษุล่วงความกำหนดว่าเราว่าของเรา ในปัญจขันธ์ทั้งที่เป็นอดีต ทั้งที่เป็นอนาคต มีปัญญาบริสุทธิ์ก้าวล่วงทั้ง ๓ กาล หลุดพ้นแล้วจากอายตนะทั้งปวง พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุผู้รู้บทแห่งสัจจะทั้งหลาย ตรัสรู้ธรรม เห็นการละอาสวะทั้งหลายเป็นวิวฏะ (นิพพาน) ไม่ข้องอยู่ในภพไหนๆ เพราะความหมดสิ้นไปแห่งอุปธิทั้งปวง พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ฯ

    พระพุทธนิมิตตรัสพระคาถาว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้นแน่แท้ทีเดียว ภิกษุใดมีปรกติอยู่อย่างนี้ ฝึกฝนตนแล้ว ล่วงธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ทั้งปวง ภิกษุนั้นพึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ฯ






    <CENTER>จบสัมมาปริพพาชนิยสูตรที่ ๑๓</CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๘๒๒๐ - ๘๒๗๔. หน้าที่ ๓๕๙ - ๓๖๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=8220&Z=8274&pagebreak=0


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1088551/[/MUSIC]​

    คำอธิษฐาน

    ด้วยผลานิสงส์ของบุญ.ทาน. การบำเพ็ญ ภาวนา
    ที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้อันดีแล้วด้วยจิตบริสุทธิ์


    ขอการปฏิบัตินี้บูชาคุณพระพุทธเจ้าทั้งปวง บูชาคุณพระธรรม บูชาคุณพระสงฆ์
    บูชาคุณพระกรรมฐานเจ้า บูชาคุณมารดาบิดา บูชาคุณครูอุปัชฌาอาจารย์

    ขอบุญกุศลนี้จงมีไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ทุกดวงจิตในทุกภพภูมิได้รับรสพระธรรมแล้ว
    มีจิตเบิกบาน เป็นบ่อที่เกิดแห่งคุณ
    คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ ความเพียรและขันติ
    หากกุศลธรรมเต็มเปี่ยมแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ได้ญาณเป็นเครื่องรู้เฉพาะตนอันสูงสุดเทอญ
    <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2010
  2. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    ขอบคุณที่เลือกอ่านมาให้ฟังขออนุโมทนา สาธุค่ะ

    (อ่านชัดเจน ไม่มีเสียงรบกวนค่ะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...