~สามัคคีฉบับพระพุทธศาสนาประเสริฐกว่าสิ่งใดๆ~

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Navyaek, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Navyaek

    Navyaek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +190
    <iframe title="YouTube video player" class="youtube-player" type="text/html" src="http://www.youtube.com/embed/wFzHdfcaSgQ" allowfullscreen="" width="480" frameborder="0" height="390"></iframe>

    ข้าพเจ้าพิจารณาดังนี้ การปฏิบัติเป็นสิ่งดีครับ ทุกสายปฏิบัติดีหมดครับ แต่ถ้าการปฏิบัตินี้เพื่อให้กับตนเองอย่างเดียว คงจะได้แค่ ตนเอง ศาสนาพุทธจะรวมหนึ่งเดียวกันได้ ต้องมีความสามัคคีกัน ไม่ควรพิจารณาว่า แต่ละปฏิบัตินั้น ให้ตนเอง หลุดพ้นอย่างเดียว ต้องแบ่งบัน
    เคราพซึ่งกันและกัน เผยแพร่ ให้กันและกัน สามัคคีกัน มีความเมตตากรุณา มีศีลธรรมเป็นหลัก กัลยามิตรจะต้อง ช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนา ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน กัลยามิตร คือ เพื่อนแท้ หากเราสามัคคีกัน เมตตากรุณาต่อกัน ต่างคน ต่างความเชื่อก็จริงนะครับ แต่ทุกสายก็มี พระพุทธศาสนา ของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนกัน จุดประสงค์เดียวกัน สืบทอดพระพุทธศาสนาด้วยกัน ครับ

    ความศรัทธา คือ ก้าวแรก
    คุณธรรม คือ จิตวิญญาณ
    จริยะธรรม คือ การประพฤติ กาย วาจา ใจ
    ทาน คือ การให้ การเสียสละ
    บุญ คือ สุขและจิตใสสะอาด ปารศจากความเศร้าหมอง
    ศีลธรรม/สมาธิ คือ หัวใจพระพุทธศาสนา
    การพิจารณา คือ ดวงตาแห่งธรรม
    ปัญญา คือ แสงสว่าง
    ความเมตตา คือ จิตที่บริสุทธิ์ และ มิตรภาพ
    สัจธรรม คือ หลักความเป็นจริง
    สามัคคี คือ !!พลังที่ยิ่งใหญ่!!
    นิพพาน คือ ความ หลุดพ้น จาก วัฏสงสาร

    !!พระพุทธศาสนา คือ !! ศาสนาของจักรวาลที่ยืนยง !! ​

    ~ หากการพิจารณาของข้าพเจ้า ไปขัดแย้งกับท่านใด ข้าพเจ้าขอขมาด้วยนะครับ ข้าพเจ้าขอน้อบน้อม ด้วยจิตที่ศรัทธา และ เคราพในตัวทุกๆท่านและทุกๆสายการปฏิบัติครับ หากท่านใด ชี้แนะข้าพเจ้า จะขอน้อมรับทุกอย่างด้วยจิตที่ศรัทธา ~

    ถ้ากัลยามิตรจะไปนิพพาน จะต้องไปด้วยกัน ด้วยความสามัคคี
    ด้วยจิตที่ศรัทธา....ด้วยความเมตตากรุณา..
    ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน
    เพราะ กัลยามิตร คือ เพื่อนแท้
    เดินทางผ่านกลียุคด้วยกัน
    เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน
    เพราะเราคือ มนุษย์ที่ประเสริฐ
    มนุษย์จะประเสริฐได้ต้องมีศีลธรรม
    หากคนส่วนใหญ่ขาดศีลธรรมแล้ว
    ก็ไม่ต่างอะไรกับ ยุคปัจจุบันที่เราอยู่
    สังคมกำลังทำให้ มนุษย์ไม่ประเสริฐ
    ทำให้มนุษย์เราแข่งขันกัน
    เกิดความไม่เท่าเทียมกัน
    เกิดความไม่ยุติธรรมกัน
    เกิดการเบียดเบียนกัน
    แถมยังเบียดเบียนธรรมชาติด้วย
    ผลกระทบที่ตามมา น้ำท่วม
    ภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อย
    ถ้าจะปล่อยวางอย่างเดียว
    คงจะต้องพิจารณาใหม่แล้ว
    เพราะเราคือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
    เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน
    โลกนี้ไม่ใช่ของเราแต่เป็นของทุกๆคน
    มิตรภาพหายไปเพราะอะไรรู้ไหมครับ
    ลาภ ยศ เงิน ทอง
    สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิด โลภ โกรธ หลง
    เมื่อเหตุแก่โลภ ก็เกิดความหลง
    เมื่อหลงก็เกิดความอยาก
    เมื่่อเกิดความอยาก ก็ได้มา
    ได้มาแล้วก็เกิดการอวด
    พวกอวดแล้วคนอื่น อิจฉา
    พออิจฉาแล้ว คนอื่นอยากได้
    เกิดการเก่งแยงกัน ปล้นกัน
    เงินที่หลายคนคิดว่า ไ้ด้มาแล้ว
    จะสะดวกสบาย ก็จริงครับ
    แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดหรือไม่พอเพียง
    โทษของมันจะกลับมาที่ตัวเรา
    ทำให้เราขาด จิตสำนึกไม่รู้ตัว
    ถ้าเราใช้มันอย่างพอเพียง
    เหมือนที่ในหลวงท่านบอก
    มันจะไม่มีโทษกับเราเลย
    สิ่งต่างๆเกิดจากสังคมทำให้คนส่วใหญ่ยึดติด
    โดยที่เค้าไม่รู้ตัว แถวยังมี มิจฉาทิฐิ
    เราต้องยกจิตของเราออกจากสังคม
    ได้แล้วหรือยัง
    ข้าพเจ้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่
    กลียุค ขึ้นเรื่อยๆ และก็เชื่อว่ากัลยามิตรทุกท่านส่วนใหญ่ก็รู้แล้ว
    แต่เราจะต้องเดินทางด้วย ทางสายกลาง
    ใจเป็นกลาง รับฟัง ซึ่งกันและกัน เคราพซึ่งกันและกัน
    มีความเมตตา กรุณา สามัคคีกันครับ
    ข้อความข้าพเจ้าเขียนให้พิจารณากัน
    ข้าพเจ้าไม่ได้ให้กัลยามิตรมองโลกในแง่ร้าย
    แต่ข้าพเจ้าหวังดีต่อกัลยามิตรผู้เป็นเพื่อนแท้
    ให้กัลยามิตรมองโลกในแง่ความเป็นจริง
    มองในหลัก สัจธรรม
    เดินทางไปด้วย ศีลธรรม
    อยู่กับ ความสามัคคี
    มุ่งสู่โลกแห่ง มิตรภาพ ครับ


    สาธุ สาธุ สาธุ

    (นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา)

    นำสารโดย ผู้ชายธรรมดา.

     

แชร์หน้านี้

Loading...