หลังความตายสร้างบุญต่อในภพหน้าได้หรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 30 พฤศจิกายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    [FONT=courier new,courier,monospace]ในระยะแรกที่ผมปฏิบัติธรรม พบเห็นนักปฏิบัติธรรมโต้เถียงกันบ่อยครั้ง ทั้งในสำนักเดียวกันและต่างสำนัก มีสาเหตุจากข้อธรรมในหนังสือแต่ละเล่มพูดเรื่องเดียวกัน แต่ให้ความรู้ไม่ตรงกัน พระอริยสงฆ์บางองค์จึงมีคำแนะนำไว้น่าฟัง ถ้าคิดจะปฏิบัติกัมมัฏฐาน ห้ามอ่านหนังสือธรรมะสำ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]หรับผมมักหลบเลี่ยงการถกเถียง เพราะเคยอ่านพบในหนังสือสายลม – แสงแดด ของ วิลาศ มณีวัต เขียนไว้ “อย่าถกเถียงปัญหาธรรมะกับใคร เถียงแล้วก็เกิดกิเลส เพราะอยากจะเป็นฝ่ายชนะ เรายึดหลักง่าย ๆ ว่า เมตตา ตัวเดียวก็พอแล้ว ใครจะว่าเราไม่แตกฉานเรื่องธรรมะ...ช่างเขา คนที่รู้แล้วไม่ปฏิบัติน่าสงสารมาก เราจงแผ่เมตตาให้เขากันเถิด”มี[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]อยู่ครั้งหนึ่ง ถกเถียงกันว่า เราจะสร้างบุญกุศลได้ก็ต่อเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ท่านั้น ถ้าตายไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือเป็นเทวดา ไม่สามารถสร้าง[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บุญกุศลต่อให้กับตัวเองได้ [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ผมฟังแล้วไม่เห็นด้วยแต่ก็เก็บงำไว้ เพราะต้องหาข้อมูลมายืนยัน ว่าข้อ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เท็จจริงที่ถูกต้องนั้น คืออะไร หลังจากผมมีข้อมูลพอสมควร จึงขอเรียบเรียงความคิดบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังดังนี้[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]รู้จักตัวตนของเราก่อน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ส่วนใหญ่เรารู้ทั่วกันแล้วว่าชีวิตประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ กาย กับ จิตถ้าขาด[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]อย่างหนึ่งอย่างใดไป เราก็อาจเรียกสิ่งนั้นว่า ซากศพ หรือ ศพ หรือ วิญญาณ หรือ ผี หรือที่ตนนึกเรียก[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ทุกตำรากล่าวว่า กาย หรือ รูป ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ธาตุลม ธาตุไฟ และกายจะดำรงอยู่ไม่ได้ถ้าธาตุทั้ง ๔ หยุดทำงาน ภาษา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ที่ใช้กันคือ หมดลมหายใจ อันเนื่องมาจากสมองซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ไม่ทำงาน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ส่วนจิตเป็นที่รู้กันว่ามีลักษณะนิรันดร ถือเป็น อสสาร ไม่กินที่ ไม่อยู่ในระบบ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ของอวกาศและเวลา ทั้งไม่สามารถรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ แต่มันมีอยู่[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]จริง เป็นจริงในตัวของมันเอง ไม่เปลี่ยนแปลง มีความสมบูรณ์ในตัวเอง คนที่[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]พบเห็นมักเรียกว่า ผี หรือ วิญญาณ [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]มีผู้รู้บางท่านกล่าวเปรียบไว้ รถยนต์เปรียบเช่นกายของเรา คนขับเปรียบ [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เช่น จิต รถวิ่งได้เพราะมีองค์ประกอบหลายส่วนช่วยกันทำงาน เช่น ไฟ น้ำมัน [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ล้อ แต่ถ้าไม่มีคนขับหรือจิตสั่งการให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ไปโน่น มานี่ เปรียบ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ไปก็เหมือน ซากรถ ที่ใช้การไม่ได้ เป็นสิ่งไร้ค่า[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]อาจสรุปสั้น ๆ ว่า จิตเป็นตัวการสำคัญของชีวิต ดังที่กล่าวว่า จิตเป็นนาย [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]กายเป็นบ่าว สัตว์เดรัจฉานก็ทำนองเดียวกัน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ส่วนอีกพวกหนึ่งคือตายแล้ว เกิดผุดขึ้นเป็นตัวเป็นตนเติบโตขึ้นทันที โดยไม่อาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรมอย่างเดียว มีกายโปร่งใส รู้จักกันในคำว่า [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]กายทิพย์ เช่น พวกสัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม ได้อาศัย[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]กายทิพย์ไปไหนมาไหนตามที่จิตต้องการ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บุญและบาปไปหลบอยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ผลของบุญและบาปที่เกิดขึ้นนั้น มันไปอยู่ที่ไหน เป็นคำถามที่น่าหาคำตอบ [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]และคำกล่าวที่ว่าบุญบาปเป็นนามธรรม เป็นเรื่องสมมุติ ไม่มีจริงในภพอื่นนั้น [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เชื่อถือได้เพียงใด[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]อาจารย์บุญมี เมธางกูร กล่าวไว้ในหนังสือความมหัศจรรย์ของจิต ความโดย[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]สรุปว่า บุญคือความดี บาปคือความชั่ว การทำบุญหรือให้ทาน ผลก็คือทำให้ผู้บริจาคได้รับความอิ่มเอิบ ปลาบปลื้มใจมีความสุข บาปก็โดยทำนองตรงกัน[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ข้าม คือได้รับความขุ่นมัวในใจ หรือความทุกข์ ทีนี้เมื่อรับผลแล้วก็ไปเก็บไว้[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ในจิตของบุคคลนั้น ในขณะเดียวกันจิตของบุคคลนั้นยังสามารถแสดงผลของการกระทำที่จิตเก็บเอาไว้ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยสนับสนุน มันก็แสดงออกมา [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ตัวอย่างเช่น บางเรื่องราวเราลืมมาหลายปีแล้ว เพิ่งมานึกคิดขึ้นได้ หรือวันนี้เราพบคน ๆ หนึ่งจำไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนเคยรู้จัก ครั้นกลับไปถึงบ้าน คิดทบทวนอย่างไรก็นึกไม่ออก ต่อมาอีกหลายวัน ตาของเราไปพบรูปถ่ายของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า ก็เลยโยงไปให้นึกถึงคนที่พบเมื่อวันนั้นขึ้นมา จึงรู้ว่าคือผู้ใด มีความสำคัญกับใครอย่างไร บุญหรือบาปนั้นก็เหมือนกัน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย เคยกล่าวไว้ว่า “กรรม[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ที่ตนกระทำไว้แล้ว ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว ผลของกรรมนั้นย่อมเกิดที่ใจของ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ตนเอง คนนั้นเองเป็นเจ้ากรรมนายเวร ไม่ใช่มีคนอื่นมาบังคับให้เขาทำ หรือคนอื่นมายกให้ จิตที่ตั้งเจตนาไว้แล้วว่าจะทำกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าดีหรือชั่ว นั่นแหละเป็นตัวกรรม ผลของกรรมดีและกรรมชั่วก็จิตของผู้นั้นเสวย คนอื่นจะเสวยแทนมิได้”[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บุญติดตามตัวทั้งโลกนี้และโลกหน้า[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]สมัยที่ผมเรียนวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ มีโคลงบทหนึ่งที่กระทบใจมาก และพยายามถามใจตนเองว่า เราจะเชื่อใครดี ระหว่างครูสอนกับความจริงที่เคย[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]พบเห็น[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เหตุเพราะโคลงบทนี้ไม่มีการแยกแยะให้เห็นว่าที่กล่าวนี้ เป็นเรื่องของจิต ไม่ได้เน้นที่กายตามที่ทุกคนเคยรู้เห็น คือคนเราตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ถูกเผามอดไหม้เหลือเพียงกระดูก ไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือคนรวย หรือคนดี หรือคนชั่ว[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]นี่คือผลของการมองในรูปธรรม ต่อมาผมเปลี่ยนความคิด มองในแบบนามธรรมบ้าง กับทั้งเคยรู้เห็นความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้นตามวัย สติและปัญญา ภายหลังจึงเกิดความเชื่อมั่นกับโคลงบาทที่ว่า “คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้” [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เมื่อความคิดเปลี่ยน ชีวิตผมก็เลยเปลี่ยนไป เข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น ไม่เป็นก[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บอยู่ในกะลาครอบที่เกี่ยวกับเรื่องกายและจิตอีก[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บุญช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นและยืนยาว[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]เรื่องเทวดาและสวรรค์ นั้นเกี่ยวพันกับคำว่า “บุญ” ส่วนนรกย่อมเกี่ยวพันกับ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]คำว่า “บาป” ในหนังสือพระไตรปิฎกกล่าวยืนยันชัดเจน ว่า บาป บุญ เทวดา [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]และสวรรค์มีจริง บางคนได้พูดทำนองเปรียบให้เห็นแบบชาวบ้านว่า สวรรค์อยู่[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ในอก นรกอยู่ในใจ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]เมื่อเป็นเช่นที่ผมกล่าว ก็มีคำถามว่าทำบุญแล้วจะมีโอกาสเกิดเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์หรือไม่ กรณีนี้ไม่อยากให้ใครหวังผลเลิศ เพราะยังมีปัจจัยประกอบหลายประการมาสนับสนุนขณะที่จิตของผู้ตายดับลง สำหรับบางคนที่ทำบุญตักบาตรแล้วอธิษฐานขอถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งนั้นเหลือวิสัยจะเป็นได้ เว้นแต่ว่าผู้นั้นเคยสร้างกรรมให้ทานมาแต่อดีตมากพอควรก็อาจมีส่วนบ้าง[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]บุคคลส่วนใหญ่จะรู้กันดีแล้วว่าสวรรค์มีหกชั้น จึงไม่ขอกล่าวเรื่องชื่อสวรรค์ เรามาสนใจเทวดาในแต่ละชั้นกันดีกว่า ตำราหลายเล่มบอกว่า อายุของเทวดา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]แต่ละชั้นนั้นยืนยาวกว่าอายุของมนุษย์มาก กรุณาอย่าเอาไปเปรียบเทียบกัน ผู้รู้ระบุว่าเทวดาบางองค์อายุยืนยาวนับเป็นร้อย ๆ ปี หรือพัน ๆ ปี หรือบางองค์นับเป็นกัป (พจนานุกรมให้ความหมาย ระยะเวลาอันนานเหลือเกิน โบราณถือว่า[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]โลกประลัยครั้งหนึ่งเป็นสิ้นกัปหนึ่ง, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ กัลป์ เช่น นานนับกัปกัลป์พุทธันดร)[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]บางตำรากล่าวว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครพูดว่า “เทวดามีอายุสั้นเหมือนชีวิตใน[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]โลกมนุษย์” นั่นก็เนื่องมาจากการกระทำของผู้นั้นว่า “ทำบุญ” มามากหรือน้อย[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ในกรณีเป็นเทวดามีอายุสั้น หมดบุญจะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีกนั้น ถ้าไม่อยากลงมาเกิดขอต่ออายุเป็นเทวดาสืบไปจะได้ไหม[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]พื้นฐานเบื้องต้นที่ควรรู้คือ เทวดานั้นมีสองประเภท หนึ่งสามัญเทพ คือ เทวดา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]ทั่วไป สอง อริยเทพ คือ เทวดามีบารมีเข้าสู่กระแสพระนิพพานแล้ว เช่นเป็นเทวดาที่บรรลุพระโสดาบัน เป็นต้น [/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]พร รัตนสุวรรณ แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ ตอบปัญหา โปรดพิจารณา[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]“หลักธรรมมีอยู่ว่า บุคคลที่เป็นพระอนาคามีไปจากโลกมนุษย์ เมื่อไปเกิดเป็นโอปปาติกะในพรหมชั้นสูงก็มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนว่า ต่อไปท่านจะ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในภพนั้น โดยไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีก และในคัมภีร์[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]พระธรรมบท มักจะมีข้อความในทำนองว่า ในที่สุดแห่งธรรมเทศนาได้มีมนุษย์และเทวดาบรรลุมรรคผลเป็นอันมาก ซึ่งแสดงว่าเทวดาก็สามารถบรรลุมรรคผลได้ แต่ก็เป็นเทวดาประเภท อริยเทพ เท่านั้น เทวดาทั่วไปไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ คือ ต่ออายุให้ยืนยาวไม่ได้ด้วยเหตุที่ว่า เทวดาทั่วไปมักจะหมกมุ่นมัวเมาหลงใหลอยู่ในความสุข จนกระทั่งไม่สนใจที่คิดจะสร้างความดี หรือพยายามที่จะทำจิตใจของตนเองให้สูงขึ้น กล่าวคือ ไม่สามารถจะมีความคิดอย่างใหม่ซึ่งผิดไปจากพื้นฐานเดิม จึงหลงกินบุญเก่าไปเรื่อย ๆ จนหมดทุน คือหมดอายุเทวดาในชั้นนั้น[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ส่วนเทวดาที่มีพื้นฐานทางจิตใจดีไปจากโลกมนุษย์ ปกติเป็นบุคคลที่ทำอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ และพร้อมที่จะเปลี่ยนความคิดเสมอในเมื่อรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดเห็นหรือขนบธรรมเนียมประเพณีจนเกินไป เทวดาที่มีพื้นจิตใจอย่างนี้ย่อมอยู่ในฐานะที่จะบรรลุมรรคผล ถ้าหากได้มีโอกาสฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าโดยตรง หรือจากพระอริยบุคคลที่รอบรู้เกี่ยวกับเรื่องโอปปาติกะเป็นอย่างดี” [/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]แนวคิดดังกล่าว บัญช์ บงกช กล่าวสนับสนุนไว้ในหนังสือ ตายเป็นอย่างนี้นี่เอง กล่าวโดยสรุปว่า เทวดาทั่ว ๆ ไปจะมีความทุกข์ก็ตอนกำลังจะหมดบุญ และรู้ตัวเมื่อมีบุรพนิมิตห้าประการเกิดขึ้นดังเช่น ท้าวสักกเทวราช หรือที่รู้จักในนาม พระอินทร์ เป็นเทวดาสามัญในสมัยพุทธกาล เคยสนับสนุนส่งเสริมพระสมณโคดมจนพระองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace][/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]อานิสงส์ดังกล่าวนี้ส่งผลให้ท้าวสักกะเมื่อถึงคราวจะหมดบุญได้รำลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าที่จะทรงอนุเคราะห์พระองค์ จึงพาเทพบริวารจำนวนมากเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในโลกมนุษย์ ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในถ้ำช้างน้าวหรือถ้ำอินทสาละ ใกล้ดงมะม่วงด้านทิศตะวันออกของกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ทูลถามปัญหาต่าง ๆ หลายข้อ พระพุทธองค์ทรงแก้ปัญหาไปตามลำดับ จนในที่สุดท้าวสักกะจึงทรงทราบธรรมอันเป็นตัวต้นเหตุ ของตนคือ “ตัณหา” เมื่อเห็นชัดแจ้งเช่นนั้นก็มีดวงตาเห็นธรรม ได้ละสักกายทิฏวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสในบัดดล ทรงบรรลุเป็นโสดาบัติเทพ พร้อมด้วยหมู่เทวดาอีกแปดหมื่นองค์เป็นอริยเทพ[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]อานิสงส์แห่งการเป็นอริยเทพในครั้งนั้น ส่งผลให้ได้ต่ออายุมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้ท่านเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่รู้จักและกราบไหว้มาจนทุกวันนี้[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]การสร้างบุญกุศลหรือการทำความดีให้กับตัวเองไว้จึงไม่สูญเปล่า ดังนั้นอย่าไปหลงเชื่อใครที่กล่าวว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” เพราะจะทำให้ท่านเสียโอกาสดี ๆ ในชีวิต.[/FONT]



    [FONT=courier new,courier,monospace]ชนะ เวชกุล[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ตีพิมพ์ใน แรงบุญแรงกรรม รายปักษ์ ปีที่ 5 เล่มที่ 99 ปักษ์หลัง [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]16- 31 สิงหาคม 2551[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา http://www.oknation.net/blog/sodaaban/2008/11/14/entry-1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  2. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    บทความนี้ท่านผู้เขียนท่านได้กรุณานำข้อมูล
    จากพระไตรปิฎกจากหลายๆพระสูตร(ตถาคตภาษิต)
    มาวิเคราะห์ร่วมกับหลายข้อคิดข้อเขียนของท่านผู้รู้และครูบาอาจารย์(สาวกภาษิต)
    สรุปว่าอ่านแล้วจะเข้าใจยากมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ทําดีได้ดี มันเเน่นอนยิ่งกว่าเเน่นอนครับ เพียงเเต่กรรมนั้นเป็นเรีื่องซับซ้อน วิธีเดียวที่สามารถทําให้เราเข้าใจในเรื่องบุญเเละกรรมคือ การอ่านธรรมะ เเละปฏิบัติสมาธิครับ เเผ่เมตตา กรวดนํ้าให้มากๆด้วย รับรองซักวันเห็นผลเเน่ชัดครับ จะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่ที่บุญกรรมของเเต่ละคนในเเต่ละภพชาติที่ผ่านมา เเต่ทําดีได้ดีนั้น เเน่นอนอย่างปราศจากข้อสงสัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...