อยากมีสมาธิอ่านหนังสือ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 13 สิงหาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    [​IMG]

    อยากมีสมาธิอ่านหนังสือ

    กรณีเฉพาะตนของ – นายครอบ จักรวาล
    อาชีพ – นักศึกษา
    ลักษณะงานที่ทำ – เหมือนรับจ้างพ่อแม่ไปมหาวิทยาลัย ฝืนใจตื่น ฝืนใจเรียน แต่หัวไม่ค่อยแล่น ใจจดใจจ่อรอเวลาเล่นเกม หรือไม่ก็หาหญิงจีบ ฯลฯ

    คำถามแรก – จะฝึกสมาธิอย่างไรให้อ่านหนังสือได้รู้เรื่องขึ้นครับ? แต่ละครั้งที่จะเริ่มอ่านต้องฝืนมาก แม้แต่คืนก่อนสอบ แล้วก็ไม่เคยจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือได้นานๆ อ่านได้บรรทัดสองบรรทัดจะอยากเมินไปทำอย่างอื่นทุกที

    ถ้าไม่อยากทำอะไร ใจก็ไม่จดจ่อกับสิ่งนั้น และถ้าไม่จดจ่อกับอะไรได้นานๆ ก็ไม่มีทางที่สมาธิจะเกิดขึ้น นี่คือหลักการที่ต้องจำไว้แม่นๆ

    ถามว่าเรามีวิธีฝึกสมาธิกันอย่างไรบ้าง? คำตอบไม่ใช่แค่นั่งหลับตาบริกรรมคำว่าพุทโธ ดูลมหายใจเข้าออก หรืออาศัยอุบายอื่นใดเท่านั้น แค่หาอะไรที่ดึงดูดใจคุณให้ติดตามอย่างต่อเนื่องได้ก็พอแล้ว แม้แต่การอ่านหนังสือก็จัดเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่งน้อยคนจะพบเคล็ดลับในการอ่านให้สำเร็จ

    คุณคงนึกไม่ถึงว่าเราเอาหลักการเจริญสติมาเป็นเคล็ดลับในการอ่านหนังสือให้มีสมาธิได้ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตามหลักการเจริญสติ จะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดก็ตาม เราย่อมสามารถรู้ใจตัวเองได้ตามจริง เมื่อรู้ใจตัวเองแบบยอมรับตามจริงได้ ขณะนั้นสติย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้น แม้จะเป็นภาวะไม่ดี ไม่น่าชอบใจก็ตาม

    คุณรู้สึกเหมือนหน้าหนังสือเป็นไม้เบื่อไม้เมา ถ้ามองแบบส่งจิตออกนอก ก็คล้ายมีแรงผลักจากหน้าหนังสือให้คุณเบือนหน้าหนี แต่ถ้ามองแบบตั้งรู้อยู่ภายในจิต ก็จะเห็นว่าใจคุณนั่นเองที่มีแรงต้านหน้าหนังสือ อยากทิ้งหนังสือ ทั้งที่หนังสือไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แล้วก็ไม่ได้ส่งแรงผลักแต่อย่างใดเลย

    เมื่อเห็น ‘อาการต่อต้าน’ ที่เกิดขึ้นกับจิต คุณมีทางเลือกได้สองทาง
    ๑) ปล่อยใจเหม่อลอย หรือหันไปครุ่นคิดถึงสิ่งอื่นที่จับใจคุณได้จริงๆ เช่น เกมและผู้หญิง จากนั้นก็ฝันกลางวัน เว้นระยะพักสายตาจากหน้าหนังสือนานๆ พอเหม่อลอยนานก็กลับมาต่อให้ติดกับเนื้อความที่ค้างไว้ได้ยากขึ้นเป็นสองเท่า

    ๒) ยอมรับตามจริงว่าใจของคุณมีแรงต้าน การยอมรับตามจริงนั่นแหละคือสติรู้เข้ามาในปัจจุบัน คุณจะรู้สึกถึงความอึดอัด คล้ายมีก๊าซพิษอัดอยู่ในอก จากนั้นถามตัวเองว่าแรงต้านเป็นภาวะที่เที่ยงหรือไม่เที่ยง อันนี้อย่าตอบด้วยวิธีคิดเอา แต่ให้สังเกตดูแรงอัดในอกว่าจะคลี่คลายลงเองได้หรือไม่ เมื่อเกิดประสบการณ์ภายใน เห็นแรงต้านหนังสือลดลงได้เอง คุณจะรู้สึกว่าแรงต้านไม่ใช่ตัวคุณ มันเป็นแค่ภาวะกั้นขวาง เป็นกำแพงไร้ตัวตนที่ไม่ยอมให้จิตของคุณเชื่อมติดกับหนังสือเท่านั้น

    หากเลือกที่จะปฏิบัติตามข้อ ๒ บ่อยๆ คุณจะพบว่าแต่ละครั้งที่รู้สึกว่าความอึดอัดแน่นอกคลายตัว จิตใจจะพลอยสงบลงพอที่จะหันกลับไปหาหน้าหนังสือได้ กับทั้งพร้อมเปิดรับเนื้อความได้สักประโยคสองประโยค ซึ่งหากประโยคสองประโยคดังกล่าวเข้าไปสู่การรับรู้ของคุณ ก็จะเป็นชนวนฉุดความสนใจให้อยากรู้เนื้อความในประโยคต่อๆได้เช่นกัน

    ขอให้สังเกตวิธีใช้สายตาด้วย ถ้าคุณออกแรงเพ่งมากเกินไปจะรับข้อความได้เพียงคำหรือสองคำ พอต้องฝืนรับข้อความทีละนิดทีละหน่อยนานเข้า สมาธิก็จะหลุดง่าย ตัวเกร็งและเหนื่อยเร็ว แต่หากมองสบายๆเหมือนมองรูปกว้างๆ ก็จะรับข้อความได้เป็นกลุ่มคำพร้อมกัน พอรับข้อความได้มากสมาธิจะต่อเนื่อง เนื้อตัวผ่อนคลาย เกิดความเพลิน อ่านได้เรื่อยๆจนเกิดสมาธิในที่สุด

    นี่แหละวิธีสร้างแรงดึงดูดระหว่างจิตกับหน้าหนังสือให้เกิดขึ้น สังเกตดู ตอนแรกอาจจะเป็นแรงดึงดูดอ่อนๆ แต่เมื่อคุณเริ่มสนุก เข้าใจเนื้อหาในหนังสือมากขึ้น แรงดึงดูดก็จะทวีตัวขึ้นตามลำดับ กระทั่งรู้สึกเหมือนถูกดูดติดอยู่กับหนังสือไม่ต่างจากตอนเล่นเกมเลย แต่สิ่งที่ต่างกันคือสมาธิในการอ่านหนังสือ จะหนักแน่นกว่าสมาธิในการเล่นเกม

    ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร? เพราะตอนเล่นเกมคุณจะรู้สึกสบายใจ ได้สนุกตื่นเต้นเรื่อยเปื่อยโดยไม่ต้องรับผิดชอบจริงจัง มันก็แค่เรื่องเก็บแต้มเล่นๆ ได้ก็เหมือนไม่ได้ เสียก็เหมือนไม่เสีย ชนะก็เหมือนไม่ชนะ แพ้ก็เหมือนไม่แพ้ ไม่ทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการเล่นเกมสักเท่าใด

    แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือรู้เรื่อง ทำข้อสอบผ่าน ไม่น้อยหน้าเพื่อน คุณจะรู้สึกเป็นจริงเป็นจัง อย่างน้อยก็ได้รับผิดชอบตามหน้าที่ ‘รับจ้างพ่อแม่เรียน’ อย่างเต็มภาคภูมิ กับทั้งอุ่นใจว่าอนาคตคงเอาตัวรอดได้ด้วยวิชาความรู้ที่เริ่มมีติดตัว สรุปคือ อ่านหนังสือได้คือได้อะไรมาจริงๆ จึงทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการอ่านหนังสือรู้เรื่อง

    ยุคเราเต็มไปด้วยเครื่องหลอกให้เสียพลังงาน แม้เกมจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยจินตนาการ แต่เราก็เอาร่างกายและจิตใจของเราไปเล่นจริงๆ ผลของการเล่นเกมเก่งอาจทำให้ภูมิใจแบบไฟไหม้ฟาง หรือเหมือนไม้หลักปักขี้เลน เดี๋ยวเดียวก็ล้ม จุดหมายในชีวิตเลยไม่มีจริงๆ แต่ถ้าพยายามเล่นแล้วไม่เก่งหรือแพ้ร่ำไป ก็กลายเป็นความรู้สึกว่าเราคือไอ้ขี้แพ้ ทั้งที่ยังไม่ลงสนามชีวิต รู้แพ้รู้ชนะกันจริงๆเลย

    http://dungtrin.com/knowityourself/
     
  2. หมูสวย

    หมูสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +123
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆเหมือนสวรรค์มาโปรด กำลังจะสอบ วันที่20 ส.ค.นี้เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่า ฝืนใจมากในการอ่านหนังสือ เพราะไม่ชอบในสิ่งที่เรียนอยู่ ตอนแรกๆเข้ามาเรียนคณะนี้รู้สึกชอบค่ะ แต่ยิ่งเรียนไปก็ยิ่งเกลียด แต่ก็ต้องฝืนทนเรียนค่ะ ใกล้สอบก็กัดฟันอ่าน ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังค่ะ ยังไงก็ต้องจบให้ได้ คิดว่าไปเรียนก็ทำตามหน้าที่ค่ะ ตายไปขอไปนิพพานที่เดียว ถ้าเราไม่มีร่างกาย เราก็คงไม่ต้องทุกข์ขนาดนี้นะคะ ไปเรียนเพื่อให้ได้งานทำ หาเงินมาเลี้ยงปากท้อง ต้องเจอกับโลกธรรม8ค่ะ เราไม่น่าเกิดมาเลยนะคะ
     
  3. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ
    บางครั้งอ่านหนังสือที่ชอบแล้วจะมีสมาธิเป็นพิเศษ
    อย่าง นิยาย สำนวน วลี ของคนเขียนเขาดึงดูดใจให้สามารถ จิตนาการเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้ และฝังลึกในความทรงจำได้ในระยะยาว
    แต่บางครั้ง อ่านหนังสือจบไปหนึ่งหน้า กลับมารู้ตัวอีกทีเมื่อตัวอักษรสุดท้าย กลับไม่ได้อะไรเลยเพราะ
    ปล่อยให้ใจลอยขาดสติ
    บางครั้งฝืนอ่านหนังสือที่ไม่ชอบ ก็อ่านไปได้ตะกุก ตะกัก จำได้นิดๆหน่อยๆ พออ่านมาถึงข้างหลังกลับลืมข้างหน้า
    บางครั้งมีแรงกระตุ้นเร่งเร้ามาสามารถอ่านทำความเข้าใจและจดจำได้อย่างรวดเร็ว
    และหลายๆครั้งที่อ่านหนังสือที่ชอบ แต่กลับจำได้คร่าวๆรู้สึกได้แค่คุ้นๆแต่จำไม่ได้

    ที่กล่าวมาผมเป็นเองครับ

    อ้างอิงจาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1009433
    หวัดดีค่ะวันนี้เรามาแนะนำวิธีการอ่านหนังสือ ประเภทต้องใช้ความจำเยอะ ฉบับของเราเอง

    1.สิ่งที่แรกคือจดจ่ออยู่กับหนังสือ ไม่วอกแวก
    2.เริ่มอ่าน
    3.พยามสรุปให้ได้ว่าแต่ละย่อหน้านั้นที่อ่านมามีอะไรบ้าง ประมาณว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร(สูตรนี้เอามาจากอาจารย์)
    4.แต่ละหัวข้อนั้นๆอันไหนสำคัญใช้ปากกาเน้นขีดไว้ (ประมาณว่าเก็งข้อสอบ)
    5.พออ่านแล้วใช้ปากกาเน้นขีดเนื้อหาที่สำคัญของหัวข้อนั้นๆหมดทุกเรื่องที่จะสอบแล้ว ให้กลับมาอ่านข้อความที่เน้นไว้ทุกข้อความ
    6.ถ้าว่างจนไม่มีอะไรทำประมาณว่าหายใจทิ้งเฉยๆ ให้คิดทบทวนเนื้อหาที่อ่านมาใน ประมาณว่าหัวข้อนี้มีอะไรบ้างที่สำคัญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2008
  4. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    เทคนิคอ่านหนังสือ
    อ่านแล้วเข้าใจเข้าใจแล้วจดจดแล้วจำจำแล้วทำให้ได้
    อ่านต่อได้ที่ Link ครับ http://www.thaigoodview.com/node/5041








    ถ้าต้องการจำได้เร็วๆจะใช้วิธีผูกเรื่องให้แปลกๆหรือคล้องจองหรือใช้ภาพจิตนาการแปลกๆเข้าช่วย
    ก็ได้ครับ ปกติคนเราจะจดจำสิ่งที่ผิดปกติได้ง่ายกว่า สิ่งที่เป็นธรรมดาทั่วๆไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2008
  5. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    อนุโมทนาค่ะ
    อ่านหนังสือต้องเปิดเพลงหรือทีวีด้วยไม่รู้ทำไม
    ถึงจะมีสมาธิ
     
  6. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขอบคุณค่ะ คงต้องทำตามคำแนะนำ...
    เพราะจิตใจวอกแวก ไม่นิ่ง คงต้องลด ‘อาการต่อต้าน’ ที่เกิดขึ้นกับจิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...