อำนาจพลังจิต ของ อ.พิศ เงาเกาะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 14 มีนาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    คำว่า "เพราะทุกข์จึงเห็นธรรม" ดูจะเป็นหนทางเริ่มต้นชีวิตใหม่ของชายคนหนึ่งที่มีชีวิตในอดีตจมอยู่กับกองทุกข์ และบาปเวร มองหาแสงสว่างนำทางไม่พบเพราะกรรมมาบังตาให้ให้มืดบอด ไม่เข้าใจศีล ทาน ภาวนา ไม่เคยเข้าวัด ทำบุญ ฟังเทศน์ นั่งสมาธิ มั่วสุมอยู่กับอบายมุข ดื่มเหล้า เข้าบาร์ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จนสุดท้ายเมื่อถึงทางตันต้องการหนทางดับทุกข์เพราะเวลานั้นเขาแทบจะประคองชีวิตให้ดำเนินไปไม่ไหวแล้วท่านผู้นี้จึงได้พบ "พระสุปฏิปันโน" รูปหนึ่งช่วยชี้นำทางสว่างให้จน "ดวงตาเริ่มเห็นธรรม"

    นี่คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิต อ.พิศ เงาเกาะ นักพลังจิตผู้มีชื่อในการใช้อำนาจพลังจิตของท่านบำบัดโรคร้าย อ.พิศ เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาการเกษตร จากประเทศฟิลิปปินส์ อดีตเคยรับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนเกษตรกรรม จ.นครราชสีมา เคยได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าวิชาสัตวบาล จิตใจจึงหมกมุ่นอยู่กับสัตว์ทุกลมหายใจ เวลานั้นสัตว์จะเกิด จะตาย หรือจะถูกฆ่าต้องผ่านความเห็นชอบของ อ.พิศ ก่อน ท่านจึงเปรียบตัวเองว่า เหมือนยมบาลสัตว์ตัวจริง อ.พิศ บอกกับเราว่า

    "ผมนี้บาปหนามาก ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาทุกรูปแบบ เมื่อถึงคราวทุกข์ จึงทุกข์ขนาดหนัก เงินจะซื้อนมให้ลูกกินยังไม่มีเลย รถก็ไม่มีใช้บ้านก็ไม่มีอยู่ ทุกข์มากเพราะเราทำบาปมาทุกรูปแบบ โดยไม่รู้เรื่อง"

    ความทุกข์ของ อ.พิศ เงาเกาะดังที่บอกว่า "เพราะทุกข์จึงเห็นธรรม" ช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ท่านตัดสินใจเข้าวัด หลังเกิดมรสุมชีวิตลูกใหญ่ ทั้งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หลายครั้งติดๆกัน ทั้งขาดทุนจากการลงทุนธุรกิจ เสียเงินทองและหมดกำลังใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง จึงหันหน้าเข้าวัดเพื่อเป็นที่พึ่งสุดท้ายเพราะไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เจ้าอาวาสวัดป่าสาละวัน จ.นครราชสีมา คือพระสุปฏิปันโนที่ช่วยชี้นำทาง สว่างให้ อ.พิศ หันเหชีวิตมาในทางธรรม โดยให้มุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม อาศัยหลักการภาวนาตามสายของ พระอาจารย์เสาร์ กันตะสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์สิงห์ ขันตยา ขโม เมื่อปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ผลของการปฏิบัติทำให้เกิดเป็น "พลังจิต" ในสมาธิ รู้และเห็นอะไรที่ "เหนือธรรมชาติ" มากมาย และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถนำ "พลังสมาธิ" มาใช้บำบัดทุกข์ผู้อื่นได้อีก

    อ.พิศ อธิบายให้ฟังว่า การปฏิบัติสมาธิภาวนา เมื่อจิตนิ่งสงบ จิตจะสว่างเกิดนิมิตหรือภาพในจิต ซึ่งภาพที่เกิดในจิตจะต่างกับภาพที่เห็นทาง "ตาเนื้อ" คือ สามารถที่จะมองเห็นได้รอบทิศทาง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังเรื่องราวที่เป็นประสบการณ์ทางจิตของ อ.พิศ ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือ "ธรรมมะ ในจิต" ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน หลายเรื่องราว ดังเช่นเรื่อง
    ราชรถมาเกย

    ผมได้พบในนิมิตสมาธิคำว่า "ราชรถมาเกย" เมื่อจิตมีความตั้งมั่นแห่งจิต กระแสจิตส่งออกนอกกาย ไปสัมผัสกับคลื่นกระแสจิตที่อยู่ในบรรยากาศ จิตจะสร้างภาพนิมิตเป็นท้องฟ้าสีครามสดใส สว่าง เห็นภาพวงล้อเริ่มหมุนจากระยะไกล หมุนเข้ามาใกล้ทุกขณะจิตเมื่อภาพปรากฏชัด เป็นราชรถทองคำ มีลายกนกสวยงาม มีธงสามเหลี่ยมสีแดง แต่ไม่มีคนนั่งมาด้วย และไม่มีม้าลากจูง ประเดี๋ยวเดียวเห็นภาพผมขึ้นไปนั่งบนรถคันนั้น แล้วราชรถก็เคลื่อนที่ลอยออกไป ผ่านไปในเมืองนรกบ้าง เมืองสวรรค์บ้าง เมืองยักษ์บ้าง เทวโลกบ้าง พอนานเข้าจิตก็พอทราบว่านี่แหละที่พูดกันว่า "ราชรถมาเกย" สำหรับราชรถนี้จะพบในนิมิตจำนวนมากมองเห็นเทพนั่งราชรถมากมาย เทพแต่ละองค์เขาไม่ได้สนใจหรือไต่ถามทุกข์ สุขอะไรกันเห็นแต่เขาเหาะผ่านไปมาอย่างนั้น น่าแปลกเมื่อนั่งบนราชรถแล้วเพียงแต่คิดว่าจะไปไหนราชรถก็ลอยไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว คือภาพในจิตที่เรียกว่า "มโนภาพ" นั่นเอง
    จากภาพในสมาธินิมิตก็มาถึงเรื่อง "การเกิดของมนุษย์" อ.พิศ เล่าว่า การที่เราจะมาเกิดเป็นลูกของใคร จิตวิญญาณนั้นต้องได้รับอฯยาตให้ลงมาเกิดจึงจะมาเกิดได้และมีการมีบุตรของมนุษย์ บางคนก็มีง่าย บางคนก็ยาก ซึ่งก็มีสามีภรรยาหลายคู่ที่แต่งงานแล้วไม่มีบุตร ทั้งทีแพทย์ตรวจร่างกายแล้ว ทั้งคู่แข็งแรง ปกติ ก็ได้ไปขอคำแนะนำจาก อ.พิศ บางคนท่านพิจารณาในสมาธิพบว่า ไม่มีดวงวิญญาณใดลงมาเกิดกับท้องนี้จึงไม่มีบุตร และเมื่ออธิฐานจิตถามว่า มีดวงวิญญาณใดจะขอลงมาเกิดบ้าง ถ้าหากมีก็จะเห็นในสมาธิว่า มีเด็กชายหรือเด็กหญิง ขอลงมาเกิดและก็จะมาเกิดภาพนิมิตนั้นจริงๆดังเรื่อง

    เทพธิดามาเกิดเป็นเด็กหญิง

    ผมได้พบเทพธิดาลงมาเกิดเป็นเด็กหญิงรายนี้เป็นรายแรก หญิงผู้เป็นแม่ถามผมว่าเหตุใดจึงไม่มีบุตร เมื่อพิจารณาในสมาธิพบว่ามีเทพธิดาองค์น้อยๆลงมานั่งข้างคุณแม่และบอกว่า จะขอมาเกิดเป็นบุตรสาว ของคุณแม่คนนี้ ผมถามว่าเหตุใดจึงไม่ขอเกิดเป็นชายเทพธิดาตอบว่า เพราะเทพบุตรไม่ว่าง เมื่อคลอดออกมาเป็นเด็กหญิงจึงเรียกว่ารู้ก่อนเกิด

    ตายแล้วกลับมาเกิดเป็นเด็กชาย

    เด็กชายคนนี้เป็นรายแรกที่ผมได้ติดตามและเขียนเรื่องการตายของเขาไว้ในหนังสือเรื่องกรรม คือ เด็กชายปกรณ์ ซึ่งตกน้ำตาย พ่อแม่ของเขาเศร้าโสกมาก เก็บศพไว้ก่อนตามประเพณี และได้ถามผมว่า ดวงวิญญาณของเด็กชายปกรณ์ไปอยู่ที่ใด ผมพบนิมิตสมาธิว่า ดวงวิญญาณนั้นได้ติดตามพระธุดงค์ไป จะกลับมาเกิดอีกครั้งเมื่อมดลูกของแม่ของเขาทำงานได้ตามปกติ (ก่อนหน้านี้มดลูกของแม่อักเสบ) ผมจึงขอให้คุณพ่อและคุณแม่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในทาน ศีล ภาวนา เสมอ เวลาผ่านไป 8 เดือน ดวงวิญญาณก็กลับมาเกิดกับแม่คนเดิมอีกพบในนิมิตสมาธิว่า ดวงวิญญาณมารอเกิดแล้ว และตั้งท้องในเดือนนั้นจริง พ่อฝันว่าได้นำพระพุทธรูปคืนมาจากวัด แม่ฝันว่าเด็กชายปกรณ์เดินเข้ามาหาในบ้าน ทั้งคู่ปฏิบัติธรรมโดยสม่ำเสมอ เมื่อท้องได้ 8 เดือน ได้ไปทำอัลตราซาวด์ พบว่าเป็นเด็กชาย เมื่อคลอดก็เป็นเด็กชายและมีติ่งที่ใบหูข้างเดียวกันกับเด็กชายปกรณ์ มาเกิดครั้งนี้ร่างเก่ายังอยู่ในที่เก็บศพของวัดใน จ.นครราชสีมา เมื่อเด็กชายปกรณ์เกิดใหม่ได้ขวบเศษแล้ว พ่อแม่ของเขาจึงจัดการฌาปนกิจร่างเดิม เช่นนี้จึงปรากฏชัดเจนว่ารู้ก่อนเกิด ตายแล้วเกิดแน่นอนซากศพจึงเปรียบได้เหมือน "บ้านของจิต" เท่านั้น
    เด็กชายปกรณ์ขณะเริ่มพูดพี่เลี้ยงบอกว่าจำความในอดีตของตนได้บางเรื่องเช่นขณะเล่นเพลิน ๆ อยู่ก็พูดว่า พี่ ๆ ไปบ่อน้ำด้วยกันไหม และเรียกชื่อเพื่อนนักเรียนที่เคยเรียนชั้นเดียวกัน เรียกชื่อโรงเรียนที่เคยเรียนก่อนตายได้ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยได้บอกเล่าสิ่งเหล่านั้นให้ฟังเลย จึงเป็นการยืนยันได้ตามธรรมะว่า คนตายแล้วต้องเกิด

    หมาจะเกิดชิงหมาเกิด

    จะได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดกันความเข้าใจตื้น ๆ จะเข้าใจว่าเป็นคำด่าที่หยาบคายที่แท้จริงคำพูดนี้หมายถึงธรรมะที่เกี่ยวกับการเกิดของคนและสัตว์ "หลวงปู่ขาว อนาลโย" วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานีได้เคยเทศนาธรรมะเกี่ยวกับจิตวิญญาณที่ลงมาเกิดไว้ว่า เราจะไปเกิดที่ไหนมันยากแล้ว บุญบ่อถึงเขาเราต้องทำเอา เกิดเป็นมนุษย์เป็นสัตว์อันสูงสุดก็เป็นบุญหนหลังติดตามตนให้มาเกิดเป็นผู้บริบูรณ์ สมบูรณ์

    "ผมได้พบนิมิตสมาธิเกี่ยวกับการมาเกิดของคนเช่นนี้ ครั้งหนึ่งขณะสมาธิภาวนาอยู่มีนิมิตว่าลานโดยรอบพระอุโบสถนั้น มีดวงวิญญาณคน และสัตว์นั่งอยู่เป็นแถว แต่วิญญาณของคนเห็นได้ชัดเจนมาก จิตนั้นเห็นดวงวิญญาณของเด็กคนหนึ่ง รีบลุกออกจากกลางแถวบอกว่าได้โอกาสมาเกิดเป็นคนแล้ว ส่วนดวงวิญญาณทุกดวงนั้น ยังคงนั่งรอการมาเกิดอยู่แต่ด้วยบุญกุศลที่สะสมอยู่ในจิตแต่ละดวงนั้นต่งกัน ดวงวิญญาณที่มีบุญมากกว่าจึงมีโอกาสมาเกิดได้ก่อน การมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมาก มนุษย์มีกายและจิตที่สามารถศึกษาธรรมะได้ มนุษย์จึงมีโอกาสที่จะไปนรก สวรรค์ เทวโลก พรหมโลก และพระนิพพานได้ การเกิดของสัตว์มาเป็นคนนั้น จะเกิดก็ยังเกิดไม่ได้ เพราะบุญหนหลังของคนมีมากกว่าสัตว์ คนจึงเกิดก่อนสัตว์ เหมือนกับ "หมาจะเกิดชิงหมาเกิด" ซึ่งหมายถึงบุญกรรมของสัตว์โลกนำให้มาเกิดนั่นเอง"


    http://www.yingthai-mag.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...