"เผชิญหน้าเทพเจ้า"ร่วมสร้างความรู้ใน.."ตู้อักษรซ่อนปัญญา"

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 19 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    "เผชิญหน้าเทพเจ้า" ร่วมสร้างความรู้ใน.. "ตู้อักษรซ่อนปัญญา"

    โดย ภาจิรา จรัสอุทัย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระคเณศ หรือพระพิฆเนศ เทพแห่งความรู้สติปัญญา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ท่ามกลางกระแสชีวิตที่ขับเคลื่อนไป ในบางคราวต้องเจอเส้นทางที่วกวน จนคนไม่กล้าก้าวเดิน หรือบางเวลาอาจเผชิญกับปัญหาที่เลวร้าย สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจอย่าง "เทพเจ้า" ดูจะเป็นหนทางที่ผู้คนใช้เป็นทางออก เพื่อหวังเป็นที่พึ่งให้พ้นจากความกลัวและความรู้สึกไม่แน่นอนนั้น

    ภาพของผู้คนที่สวดภาวนา อ้อนวอน หรือกราบไหว้บูชา เรื่อยไปจนขูดหาเลขเด็ด จึงเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตา

    "เทพ" ในความคิดของผู้คนจึงดูสูงส่งและไม่อาจเอื้อมถึง แต่ใครเลยจะรู้ถึงประวัติความเป็นมาของสิ่งที่กำลังกราบไหว้อย่างแท้จริง

    จึงเป็นที่มาของหนังสือที่ชื่อว่า "เผชิญหน้าเทพเจ้า" โดย สุรศักดิ์ ทอง หรือ "ทอง" ศิลปินใจกล้าที่ขอลองเผชิญหน้าทำความรู้จักกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายอย่างใกล้ชิด

    ผ่านการบรรจงตวัดฝีแปรง สร้างสรรค์เป็นงานจิตรกรรมภาพใบหน้าของเหล่าเทพขึ้นมาจากความเชื่อของหลากชาติ หลายศาสนา รวมแล้วกว่าร้อยภาพ พร้อมข้อมูลประกอบเกี่ยวกับเทพแต่ละองค์ บรรจุรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อคลี่เบื้องหน้าเบื้องหลังของเทพเหล่านั้นให้เราได้รู้จัก

    สุรศักดิ์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ว่า มาจากการที่ผู้คนเชื่อเรื่องเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างภูตผีมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะคนไทยที่มักเคารพพวกรูปเคารพหรือวัตถุ แต่กลับไม่รู้วิธีการ

    เรียกว่า เห็นอะไรก็ไหว้ไปหมด ใครว่าศักดิ์สิทธิ์ก็แห่ไปกราบไหว้ตามๆ กัน จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าจะกราบไหว้บูชาก็ควรจะให้รู้ถึงที่มาที่ไปอย่างแท้จริง

    ความเชื่อของมนุษย์นี้ จึงถูกนำมาเสนอในรูปแบบของงานจิตรกรรม พร้อมบรรยายเรื่องราวที่ได้ไปค้นคว้ามาจากคัมภีร์โบราณเกี่ยวกับข้อมูลและลักษณะเทพที่ถูกต้อง โดยมีคำบรรยายทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อหวังจะให้เป็นข้อมูลที่จะสร้างความเข้าใจต่อเรื่องเทพเจ้าต่างๆ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพผู้พิทักษ์รักษาโลก 2.เอ็มมา ราชาแห่งนรก 3.ไดโคคุ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ 4.พระศิวะ พระผู้ทำลายล้าง 5.อะเมเตระสึ เทพีแห่งดวงอาทิตย์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "การหลงเชื่ออย่างงมงาย โดยปราศจากความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นเหตุให้หลายคนโดนหลอกให้ไปเคารพสิ่งอะไรก็ไม่รู้ เสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุไปมาก จึงอยากจะให้มีหลักฐานที่จะพอเป็นข้อมูลอ้างอิงได้"

    สุรศักดิ์เล่าว่า โดยส่วนตัวสนใจเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าอยู่แล้ว ภาพต้นฉบับที่นำมาใช้เป็นแบบจึงไม่ต้องหาที่ไหนไกล แต่ได้มาจากตำราและหนังสือต่างประเทศที่ตัวเขาเก็บรวบรวมสะสมไว้นานปี และอีกหลายภาพที่มาจากการเห็นของจริง ที่ได้มีโอกาสไปเยือนถึงที่มาแล้ว จึงรับรองได้ว่าภาพที่เห็น ข้อมูลที่ได้รับรู้ จริงชัวร์ไม่มีมั่วนิ่ม

    แต่ใช่ว่าเห็นภาพแล้วจะลอกมาจนเหมือนกับต้นฉบับล้วนๆ เพราะต้นฉบับที่เห็นถูกนำมาวาดขึ้นในสไตล์ใหม่ ตามแบบฉบับของตัวเอง ส่วนเหตุผลที่ต้องเน้นวาดส่วนใบหน้าเป็นหลัก สุรศักดิ์อธิบายว่า เป็นเพราะต้องการขยายภาพของเทพเหล่านั้น ให้คนเห็นกันอย่างชัดๆ ทำให้ใบหน้าต่างๆ มีความโดดเด่น

    จุดสนใจของผู้ดูภาพจะได้อยู่ที่ใบหน้าของเทพเจ้าเท่านั้น เพื่อสื่อถึงอารมณ์และบุคลิกของเหล่าเทพแต่ละองค์ จนเหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเทพเจ้าเหล่านั้นโดยตรง

    ศิลปินหนุ่มอธิบายต่อว่า เทคนิคที่ใช้จะเน้นสีดำและสีแดงในการตัดเส้น ซึ่งนำมาจากวิธีการวาดแบบของไทย ยกเว้นก็แต่การปิดทอง ที่เปลี่ยนไปใช้สีทองอะคริลิคในสมัยนี้แทน แต่สีทองที่ใช้ก็ทำให้ระบายลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะต้องอาศัยแสงที่เพียงพอถึงจะเห็นน้ำหนักของสีที่ชัดเจน ทำให้ระบายสีได้แค่เวลาเดียว คือ เวลากลางคืน ซึ่งต้องจัดไฟให้ดีเพื่อให้แสงออกมาพอเหมาะ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สุรศักดิ์ ทอง ร่วมกับสำนักพิมพ์กรีนบุ๊คส์ ร่วมบริจาคหนังสือทั้งหมด 200 เล่ม ผ่านโครงการ "ตู้อักษรซ่อนปัญญา"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผลงานชิ้นเอกนี้ ใช้เวลาบ่มเพาะเป็นเวลากว่า 2 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งในบรรดาภาพทั้งหมด สุรศักดิ์ยกให้ภาพของ พระคเณศ เทพแห่งความรู้ สติปัญญา และศิลปศาสตร์ หนึ่งในเทพของฮินดูที่คนให้ความเคารพมาก เป็นภาพที่พิเศษที่สุด เพราะมีรายละเอียดมากและต้องใช้ความพิถีพิถัน จึงทำให้ใช้เวลาในการวาดนานกว่ารูปอื่นๆ

    "ไม่น่าเชื่อว่า เทพที่แต่ละชาตินับถือนั้น ความจริงแล้วมีกำเนิดมาจากที่เดียวกัน" สุรศักดิ์ว่า เช่นนั้น

    เพราะเทพเจ้าดั้งเดิมมีเพียงไม่กี่องค์ แต่แตกแยกออกไปเป็นร้อยเป็นพัน เปลี่ยนไปตามแต่ละท้องถิ่น ซึ่งแต่ละชาติจะไปเขียนเรื่องราวเพิ่มเติมตามสภาพแวดล้อม ความเชื่อ และจินตนาการของชาตินั้นๆ

    เขายกตัวอย่าง เช่น "พระอินทร์" ในศาสนาพราหมณ์ เป็นเทพที่มีวัชระหรือสายฟ้าเป็นอาวุธ ลักษณะดังกล่าวตรงกับ "เทพซุส" ในตำนานเทพเจ้าของกรีก และ "เทพโอดิน" ในตำนานเทพเจ้าของชาวสแกนดิเนเวีย หรือจะเป็น "เทพพญายม" ที่หลายคนรู้จักดี

    หรือเรียกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น จีน เรียกว่า "เงี่ยมล่ออ๋อง" (เหยียน หลัว หวัง) มีกายสีแดง ถือร่ม ส่วนญี่ปุ่น เรียก "โกโมกุ" มีสุนัข 2 ตัว ชื่อ สามะ (ดำ) และสวละ (ด่าง) ทางศาสนาอิสลามเรียก "อิสราอิล" ภาษามคธ เรียกว่า "ท้าวมัจจุราช" ส่วนของไทยเรามีหลายนามที่ใช้เรียกกัน ทั้ง ยมราช, ธรรมราช หรือ พระกาล

    แต่ไม่ว่าจะเป็นเทพจากชาติไหนหรือศาสนาใด สิ่งหนึ่งที่เป็นแกนหลักซึ่งมีเหมือนกัน คือ การสอนให้มนุษย์ทำความดี

    สุรศักดิ์ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งๆ ที่แกนหลัก คือ เรื่องการทำความดี แต่คนส่วนใหญ่กลับไปให้ความสนใจต่อสิ่งที่จะให้คุณหรือบทลงโทษมากกว่าจะดูเรื่องคำสอนที่ให้ผลเป็นนามธรรม และด้วยความที่อยากให้คนมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และมุ่งเน้นไปที่การทำดี จึงเป็นแรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นผลงานชิ้นนี้ขึ้น

    "เรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าเป็นเรื่องที่อ่านสนุก ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือเป็นนิยายผจญภัยมหัศจรรย์ที่ประกอบไปด้วยอิทธิฤทธิ์ เวทมนตร์ คาถา แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ ความเชื่อในเทพเจ้าเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เชื้อเชิญให้มนุษย์อยากทำความดี หรือชื่นชมยกย่อง ให้เกียรติต่อผู้ที่กระทำความดี มีคุณธรรม และเกรงกลัวต่อบาป จึงหวังว่าสิ่งที่ทำนี้ จะเป็นเครื่องเตือนใจให้มนุษย์หันกลับมาทำความดีกันบ้าง รวมไปถึงการดูแลธรรมชาติให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน" สุรศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย

    "การที่คนดูได้จดจ่อกับภาพที่อยู่ตรงหน้า...เปรียบได้กับการเข้าเฝ้า และมีบทสนทนาด้วยอย่างใกล้ชิด เทพเจ้าจึงไม่ใช่สิ่งที่ไกลโพ้น สูงเสียดฟ้าทะลุจักรวาล จนคนธรรมดาสามัญต้องหลบสายตา ก้มหลังโค้งๆ แล้วเดินเลี่ยงหนีไปด้วยความกลัว.."

    คำโปรยบนปกหลังของ "เผชิญหน้าเทพเจ้า" สื่อถึงความคิดและความมุ่งหมายของศิลปินผู้นี้ได้เป็นอย่างดี และความมุ่งหมายนี้คงไม่สูญเปล่า เพราะกำลังจะถูกส่งต่อไปยังผู้คนอีกมากมาย ผ่านโครงการ "ตู้อักษรซ่อนปัญญา" ที่สุรศักดิ์ ทอง ร่วมกับสำนักพิมพ์กรีนบุ๊คส์ร่วมบริจาคหนังสือนี้ทั้งหมด 200 เล่ม เป็นเงินกว่า 152,000 บาท ให้คนอีกมากมายได้ทำความรู้จักเทพเจ้า

    โครงการตู้อักษรซ่อนปัญญา ยังคงรอรับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2552 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ สุชาดา รุจิโชค หมายเลข 0-2589-0020 ต่อ 1406

    เป็นศรัทธาอย่างมีสติและเป็นจริง




    [​IMG]

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra03190252&sectionid=0131&day=2009-02-19
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...